ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสออกเดินทางไปต่างประเทศ ตอนแรกตั้งใจว่า “จะไปพักผ่อน ขอไม่เอางานไปทำ” ...แต่สุดท้ายก็ต้องหอบงานไปทำเหมือนเดิมทุกที ข้อดีของเทคโนโลยีคืออำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิตเราในหลายด้าน แต่อีกมุมนึงมันก็อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและงานของเราด้วย ทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงการทำงานระหว่างประเทศทำให้ผมแทบจะต้องทำงานตลอด 24ชั่วโมงครับ
ตอนแรกกะว่าจะลงเรื่องทริปไป Scotland และญี่ปุ่น รวดเดียวในกระทู้นี้ แต่รูปไปญี่ปุ่นมันเยอะมาก เลยขอแยกลงครับ
กระทู้นี้จะเป็นรีวิวเรื่องทริปกับ Napira Travel Stylist ที่ผมและครอบครัวใช้ประจำครับ
ครั้งนี้ได้รับคำชวนกึ่งขายทัวร์จาก Agent เจ้าเดิมครับ แล้วเค้าบอกว่าเป็นทัวร์เน้นกิน ช่วงนั้นตารางของผมดูเหมือนว่างจึงตกปากรับคำไปครับ อีกอย่าง ROP เหลือเยอะครับ เลยแลกตั๋วเดินทางเอาครับ ตอนจัดกระเป๋าไปและชุดกล้อง คราวนี้ผมไม่เอาเจ้า NEX-6 ไปแล้วครับเพราะตอนไปอังกฤษ เจ้า NEX-6 มีอาการงอแง ครั้งนี้เลยกลับมา NEX-5 เหมือนเดิมดีกว่าครับ คราวนี้ไปคนเดียว กระเป๋าใบเล็กชิวๆ ครับ (บอกเลยครับ ทริปนี้น้ำหนักกระเป๋าแบบรวมเสื้อผ้าแค่ 15Kg เองครับ) คืนก่อนเดินทางผมไม่ได้นอนทั้งคืนครับ เพราะฉะนั้นตอนเย็นเลยไปสนามบินแบบค่อนข้างไร้สติครับ คือเหนื่อยมากครับกับการที่ต้อง Clear งานแบบสุดตัว ไปถึงที่สนามบินที่จุดนัดพบ ถึงได้ทราบว่ามีหม่อมหลวงภาสันต์นำทีมกินครับ แต่ไม่ใช่ประเด็นครับ เพราะตอนนั้นผมก็จะไม่ไหวแล้ว ง่วงมากครับ พอมานึกว่าต้องต่อคิวที่แสนยาวเหยียดตรงด่านตรวจคนออกจากเมืองผมก็อยากสลบล่วงหน้าเลยครับ แต่โชคดีครับ Agent ทัวร์เจ้าประจำของผม (Napira Travel Stylist) เค้าพาเข้าทาง First Class ครับ (เพราะคณะทัวร์ส่วนใหญ่จะบิน First Class) คือเดินลิ่วผ่านฉลุยครับ (บัตรโดยสารของผมที่แลกมาเป็นแบบ Economy ครับ อิอิ) จากนั้นมาทางเจ้าของทัวร์ก็พาเข้าห้องรับรองของ First Class เลยครับ Hi-So มากครับ พอขึ้นเครื่อง เครื่องยังไม่ทันออก สติของผมก็ตัดทันทีครับ
ผมหลับไปไม่นานก็ได้ยินเสียงแอร์การบินไทยปลุกให้ลุกขึ้นมาทานอาหารรองท้องก่อนนอนครับ …ย้ำครับ ก่อนนอน คือผมนอนหลับไปแล้วหนะครับ 55555 ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ก็ขอสั่งเครื่องดื่มประจำของผมเลยละกันครับ MekhongThai Sabai (ไทยสบาย) เครื่องดี่มตัวนี้เป็น Signature Cocktail ของ Mekhong ครับ นอกจากร้านอาหารหรูๆ แล้ว ก็มีเสิร์ฟบนเครื่องการบินไทยนี่แหละครับ เครื่องดื่ม Thai Sabai ไม่ค่อยมีคนไทยสั่งเพราะว่า ไม่ได้มีปรากฏบนรายการเครื่องดื่มเล่มหลักของการบินไทย แต่ถ้าเปิดหนังสือ Sawasdee (สวัสดี) ก็จะพบหน้าโฆษณาเครื่องดื่มตัวนี้ครับ เป็นเครื่องดื่มรสเปรี้ยวนำหวานตามมีกลิ่นหอมของสาระแหน่อ่อนๆ แล้วใส่ Mekhong ลงไป รสคล้ายโมจิโต้ แต่อร่อยกว่าครับ ถ้าใครเดินทางโดยการบินไทย ผมแนะนำเลยครับ ช่วย Refresh ร่างกายได้ดีเลยครับ แต่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์บนเครื่องบินมากๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีและไม่ใช่เรื่องที่ควรทำครับ เพราะแรงดันอากาศจะทำให้คออ่อนและปวดหัวมากกว่าปรกติครับ เพราะฉะนั้นดื่มแต่พอรื่นรมณ์ให้หลับสบายครับ (ถ้าจำไม่ผิดเครื่องดัวนี้จะมีบริการบนที่นั่งชั้น Business และ First Class แต่ผมใช้ลูกมั่วขอครับ)
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกินรองท้องก่อนนอน ผมก็หลับแบบขาดสติไปประมาณ 4ชั่วโมงกว่าๆ ทางสายการบินก็เปิดไฟแล้วประกาศว่าอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึง Hokkaido แล้วครับ เตรียมสัมผัสความหนาวของหิมะได้แล้วครับ อาหาร(เช้า)ของการบินไทย ที่ผมชอบมากที่สุดคือเนยของชั้นประหยัดนี่แหละครับ เคยนั่ง First / Business แล้วเค้าเปลี่ยนไปใช้เนยแบบ Home-made แล้วมันไม่อร่อยครับ ขอยืนยันว่าเนบชั้นประหยัดอร่อยกว่าชั้น Business/First ครับ
ข้ามมาตอนเครื่องลงเลยครับ ผมเพิ่งมาทราบว่า ผมหยิบกระเป๋าเงินมาผิด ผมเตรียมถุงผ้าใส่เงิน Yen เอาไว้ แต่ผมดันหยิบถุงผ้าเงิน Pound UK จากครั้งที่แล้วครับ ดีที่เงินจากครั้งก่อนยังเหลืออีกเยอะครับ แลกเงิน Yen ออกมาได้ประมาณ 160,000 Yen ครับ น่าจะรอดสำหรับทริปสายกินครับ
ออกมาจากสนามบินก็มีรถบัส 20ที่นั่งมารับ (ทั้งทริปมี 12คนรวมเจ้าของ Agent ทัวร์ครับ) ในรถนอกจากคนขับรถแล้วจะมีไกด์ชาวญี่ปุ่นที่พูดไทยคล่อง(มาก) ถามเค้าว่าทำไมพูดไทยคล่อง เค้าบอกว่า เคยไปอยู่ไทยแล้วได้แต่งงานกับคนไทย (แต่ไม่ได้ระบุว่า ชายหรือหญิง) เลยพูดได้คล่อง
อันนี้ตุ๊กตาหมี Napira ครับ เค้าแจกลูกทัวร์ไว้ใช้ประกอบรูปถ่าย ไหนๆ ก็แจกแล้ว ก็จัดให้ซะหน่อย ถ่ายคู่กับกระเป๋า Crumpler ใบโปรด Series นี้ไม่มีขายในไทย เพราะผมซื้อมาตอนไป Melbourne รุ่นนี้ดีมากครับ กันน้ำได้ดี เคยทำตกน้ำแล้วน้ำไม่ซึมเข้าครับ
เริ่มทริปในญี่ปุ่นกันเลยครับ
ตอนแรกผมนึกว่าจากสนามบินจะเข้าที่พักก่อน แต่ที่ไหนได้เริ่มทริปการกินเลยครับ ร้านแรก Obihiro Butadon ร้านนี้ หม่อมอิงค์ (ขอเรียกชื่อย่อนะครับ) บอกว่า ปรกติจะมีคนมาต่อคิวทานยาวมาก แต่วันนี้ ทางทัวร์เค้าจองคิวทั้งร้านไว้ให้ครับ ฟังดู HiSo มากครับ แต่พอดีร้านเค้ามีขนาดไม่ใหญ่ สามารถรองรับลูกค้าได้ไม่ถึง 20คน มาแล้วก็ต้องเริ่มจากอาหารที่เป็น Signature ของที่ร้านครับ คือข้าวหน้าหมูเนื้อนุ่มละมุนลิ้น ราดซ้อสลับที่ทำมาจากอะไรบ้างก็ไม่ทราบครับ อร่อยครับ ถ้ามาเหยียบดินแดน Hokkaido ก็ต้องมาร้านนี้เลยครับ "ถ้าไม่ได้มาร้านนี้ถือว่าไม่ได้มาร้านนี้ ให้มาใหม่รอบหน้า" ครับ คิดเงินออกมาเท่าไหรไม่ทราบครับ เพราะว่าตลอดทั้งทริปคือ ทาง Agent ทัวร์เค้าออกให้ เพราะเค้ารวมในค่าใช้จ่ายไปหมดแล้วครับ
อิ่มกันไปเรียบร้อยกับร้านแรก ทีนี่คงถึงที่พักซะที พอขึ้นรถหนังตาของผมก็เริ่มทำงาน แต่ที่ไหนได้ ทางทัวร์ได้เตรียมขนมอร่อยประจำเมืองไว้ให้ล้างปาก ระหว่างทางก็ชมวิวไปซักพักผมก็สิ้นสติ แต่สิ้นไปไม่นานครับ น้องบีเจ้าของ Agent ทัวร์ก็ประกาศปลุกว่าถึงที่แล้ว ผมก็ดีใจนึกว่าถึงที่พัก ที่ไหนได้ ถึงร้าน Rokkatei ร้านขนมหวานชื่อดังของ Hokkaido ร้านคนแน่นแต่ไม่ถึงกับเกิดการจราจลครับ ร้านนี้หม่อมอิงค์ออกตัวแรงแนะนำพัฟที่เป็นกรวยไส้ครีม แต่เสียใจด้วยครับหม่อม งานนี้ผมเล็ง คาสตาร์ดกับครีมบูเล่ครับ งานนี้ทานอะไร อยากทานอะไร ทัวร์ออกครับ ถือตั้งแต่ลงเครื่องมาผมยังไม่เสียเงินเลยครับ
ขนมที่หม่อมอิงค์แนะนำ
ขนมที่หม่อมอิงค์ไม่ได้แนะ แต่ผม want ครับ
อิ่มกับขนมแล้วขึ้นรถครับ แน่นอนครับว่าเส้นทางสู่โรงแรมยังอีกยาวไกล พอขึ้นรถมาไม่ต้องเดาเลยครับ ผมทายถูกตั้งแต่ก้าวแรกขึ้นรถว่า น้องบีเจ้าของทัวร์ต้องมีของกินมาให้แน่นอน หึหึหึ…ผมทายถูกครับ แต่มันเกินคาดตรงที่ อะไรที่เป็นของที่ขึ้นชื่อ น้องบีซื้อมาให้ บวกกับ อะไรที่เราเลือกทาน น้องบีเค้าซื้อมาให้ทานเพิ่มครับ ถือว่าเป็นการดูแลระดับสุดยอดครับ ทำใจไว้เลยครับ ทริปกินนี้สายแข็ง Zombie Die Hard แน่นอนครับ
นั่งรถต่อไปที่ Tokachi หรือที่เรียกกันว่าปราสาทไวน์ ไม่มีอะไรมากครับ มีไวน์และกระบวนการทำไวน์ แต่ที่ผมชอบคือชีสครับ ชีสรสไวน์ กับรสแปลกๆ อีกสารพัด ผมซื้อกับมา 5รสครับ เดินทางมาค่อนวัน ผมดีใจที่ได้ใช้เงินตัวเองก็ครั้งนี้แหละครับ แต่การซื้อชีสครั้งนี้นั้นหมายความว่าผมต้องใส่ถุงเก็บความเย็นและต้องแช่มันไว้ตลอดเส้นทาง คือต้องเลี้ยงดูเจ้า 5ก้อนนี้ตลอดทริปนั่นเองครับ ขึ้นรถเพื่อเดินทางไปสถานที่ต่อไป น้องบีครับ น้องบีคนเดิมก็มีขนมจากปราสาทไวน์ไว้ต้อนรับ คือน้องบีครับ ข้าวหน้าหมูจานแรกยังย่อยไม่หมดเลยครับ น้องมีของมาให้พี่ทานอีกแล้ว น่ารักจริงๆ
จากปราสาทไวน์ ก็มาพักจากการเดินทางที่ฟาร์มอะไรซักที่นี่แหละครับ มีนมและไอศกรีมพร้อมต้อนรับคณะเดินทางครับ เป็นนมที่หวานมันข้น คือก่อนดื่มต้องเขย่าก่อนครับเพื่อให้ไขมันด้านบนแตกตัวครับ มาที่ไอศกรีมที่ทำจากนมสดจากวัวในฟาร์มคือหอมหวานมันอร่อยมากครับ อยากซื้อกลับแต่รู้เลยว่าเลี้ยงไม่รอดถึงกรุงเทพฯ แน่ๆ ครับ พักให้หายเหนื่อย (คือตั้งแต่ที่ลงเครื่องมาผมยังไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยครับ อิ่มจนจุกอย่างเดียว) ก็ออกเดินทางต่อ (เอาจริงๆ นะครับ คือผมไม่ทราบจริงๆ ว่าทัวร์ครั้งนี้จะไปไหนบ้างครับ จำได้ว่าเป็นทัวร์หรูสายกินเท่านั้นครับ) พอขึ้นรถมาน้องบีก็เสิร์ฟขนมอีกแล้วครับ น่ารักจริงๆ ...และแล้วช่วงเวลาของผมมาถึงแล้วครับ จากฟาร์มนมวัวไปสถานที่ต่อไปใช้เวลาเกือบ 2ชั่วโมง ผมมีเวลางีบแล้วครับ
มาถึงร้านต่อไปครับ ปิ้งย่างญี่ปุ่น Robata Renka เป็นร้านปิ้งย่างอาหารทะเลที่กลางโต๊ะจะเป็นหลุมทรายแล้วมีถ่านอยู่ตรงกลาง ร้านนี้หม่อมอิงค์ออกตัวแรงเลยครับว่าการปิ้งย่างแบบนี้จะอร่อยกว่าปรกติแต่เอาเข้าจริงๆ นะครับ คือผมแยกไม่ออกว่ามันต่างกับย่างปรกติยังไง แต่คือมันอร่อยมากกกกกกกกกครับ เอารูปไปดูครับ (ในรูปเป็นแค่ 1/4 จากทั้งหมดครับ ที่เหลือผมถ่ายไม่ทันครับ มัวแต่เพลินกับการทาน)
ก็สมแล้วที่เป็นทริปกินสายแข็ง ถ้าใจไม่ถึงหรือยาช่วยย่อยไม่แรง อยู่ได้ไม่ถึงมื้อนี้ครับ มื้อนี้เป็นอีกมื้อที่ไม่ต้องจ่ายครับ สำหรับสายกินผมแนะนำ ProBAC10 Plus เลยครับผงจุลินทรีย์คล้าย Yakult แต่ให้ผลแรงกว่า (ราคาแรงตามผลครับ) …ผล ช่วยย้อยแต่ไม่ได้ดักไขมันหรือบล้อคแป้งนะครับ
เสร็จจากร้านนี้น้องบีประกาศว่า จุดหมายต่อไปคือ
ที่พักครับ ผมงี้น้ำตาไหลเลย ถึงเวลาพักกระเพาะของผมแล้วครับ …ผิดคาดครับ น้องบีแจกของล้างปากทิ้งทวน เป็นขนมขึ้นชื่อของที่ Hokkaido เมืองนี้ยอมรับเลยครับ ขนมขั้นชื่อเยอะมากครับ งานนี้ไม่อ้วนตัวแตกก็มีเปลี่ยนขนาดเสื้อผ้าครับ
คืนนี้เข้าพักที่โรงแรมแบบเรียวกังสุดหรู Akan Yuku No Sato Tsuruga (
www.tsuruga.com/en/) ห้องพักเป็นห้องที่เป็นโซนแยกออกจากห้องทั่วไป ห้องตกแต่งโทนน้ำตาลเข้ม ห้องน้ำสไตล์โรงแรมญี่ปุ่นครับ (
www.tsuruga.com/en/rooms/honkan/japanese.html) คือเป็น ห้องอาบน้ำแบบเป็น Unit มาติดตั้งครับ แต่มุมอื่นก็กว้าง OK เลยครับ มี Onsen ให้แต่ดึกไปบวกสภาพร่างกายของวันแรกที่เรียกร้องโหยหาที่นอนตลอดเวลาจึงขอแช่น้ำในห้องแทนครับ นับว่าเป็นการเปิดทริปมาด้วยห้องพักสุดหรูเลยครับ (รูปเดี๋ยวทยอยลงนะครับ ขอเวลาย่อรูปนิดนึงครับ)
[CR] Review ทริปสายกิน Hokkaido / Sapporo 6วัน 5คืน 85,000บาท
ตอนแรกกะว่าจะลงเรื่องทริปไป Scotland และญี่ปุ่น รวดเดียวในกระทู้นี้ แต่รูปไปญี่ปุ่นมันเยอะมาก เลยขอแยกลงครับ
กระทู้นี้จะเป็นรีวิวเรื่องทริปกับ Napira Travel Stylist ที่ผมและครอบครัวใช้ประจำครับ
ครั้งนี้ได้รับคำชวนกึ่งขายทัวร์จาก Agent เจ้าเดิมครับ แล้วเค้าบอกว่าเป็นทัวร์เน้นกิน ช่วงนั้นตารางของผมดูเหมือนว่างจึงตกปากรับคำไปครับ อีกอย่าง ROP เหลือเยอะครับ เลยแลกตั๋วเดินทางเอาครับ ตอนจัดกระเป๋าไปและชุดกล้อง คราวนี้ผมไม่เอาเจ้า NEX-6 ไปแล้วครับเพราะตอนไปอังกฤษ เจ้า NEX-6 มีอาการงอแง ครั้งนี้เลยกลับมา NEX-5 เหมือนเดิมดีกว่าครับ คราวนี้ไปคนเดียว กระเป๋าใบเล็กชิวๆ ครับ (บอกเลยครับ ทริปนี้น้ำหนักกระเป๋าแบบรวมเสื้อผ้าแค่ 15Kg เองครับ) คืนก่อนเดินทางผมไม่ได้นอนทั้งคืนครับ เพราะฉะนั้นตอนเย็นเลยไปสนามบินแบบค่อนข้างไร้สติครับ คือเหนื่อยมากครับกับการที่ต้อง Clear งานแบบสุดตัว ไปถึงที่สนามบินที่จุดนัดพบ ถึงได้ทราบว่ามีหม่อมหลวงภาสันต์นำทีมกินครับ แต่ไม่ใช่ประเด็นครับ เพราะตอนนั้นผมก็จะไม่ไหวแล้ว ง่วงมากครับ พอมานึกว่าต้องต่อคิวที่แสนยาวเหยียดตรงด่านตรวจคนออกจากเมืองผมก็อยากสลบล่วงหน้าเลยครับ แต่โชคดีครับ Agent ทัวร์เจ้าประจำของผม (Napira Travel Stylist) เค้าพาเข้าทาง First Class ครับ (เพราะคณะทัวร์ส่วนใหญ่จะบิน First Class) คือเดินลิ่วผ่านฉลุยครับ (บัตรโดยสารของผมที่แลกมาเป็นแบบ Economy ครับ อิอิ) จากนั้นมาทางเจ้าของทัวร์ก็พาเข้าห้องรับรองของ First Class เลยครับ Hi-So มากครับ พอขึ้นเครื่อง เครื่องยังไม่ทันออก สติของผมก็ตัดทันทีครับ
ผมหลับไปไม่นานก็ได้ยินเสียงแอร์การบินไทยปลุกให้ลุกขึ้นมาทานอาหารรองท้องก่อนนอนครับ …ย้ำครับ ก่อนนอน คือผมนอนหลับไปแล้วหนะครับ 55555 ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ก็ขอสั่งเครื่องดื่มประจำของผมเลยละกันครับ MekhongThai Sabai (ไทยสบาย) เครื่องดี่มตัวนี้เป็น Signature Cocktail ของ Mekhong ครับ นอกจากร้านอาหารหรูๆ แล้ว ก็มีเสิร์ฟบนเครื่องการบินไทยนี่แหละครับ เครื่องดื่ม Thai Sabai ไม่ค่อยมีคนไทยสั่งเพราะว่า ไม่ได้มีปรากฏบนรายการเครื่องดื่มเล่มหลักของการบินไทย แต่ถ้าเปิดหนังสือ Sawasdee (สวัสดี) ก็จะพบหน้าโฆษณาเครื่องดื่มตัวนี้ครับ เป็นเครื่องดื่มรสเปรี้ยวนำหวานตามมีกลิ่นหอมของสาระแหน่อ่อนๆ แล้วใส่ Mekhong ลงไป รสคล้ายโมจิโต้ แต่อร่อยกว่าครับ ถ้าใครเดินทางโดยการบินไทย ผมแนะนำเลยครับ ช่วย Refresh ร่างกายได้ดีเลยครับ แต่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์บนเครื่องบินมากๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีและไม่ใช่เรื่องที่ควรทำครับ เพราะแรงดันอากาศจะทำให้คออ่อนและปวดหัวมากกว่าปรกติครับ เพราะฉะนั้นดื่มแต่พอรื่นรมณ์ให้หลับสบายครับ (ถ้าจำไม่ผิดเครื่องดัวนี้จะมีบริการบนที่นั่งชั้น Business และ First Class แต่ผมใช้ลูกมั่วขอครับ)
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกินรองท้องก่อนนอน ผมก็หลับแบบขาดสติไปประมาณ 4ชั่วโมงกว่าๆ ทางสายการบินก็เปิดไฟแล้วประกาศว่าอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึง Hokkaido แล้วครับ เตรียมสัมผัสความหนาวของหิมะได้แล้วครับ อาหาร(เช้า)ของการบินไทย ที่ผมชอบมากที่สุดคือเนยของชั้นประหยัดนี่แหละครับ เคยนั่ง First / Business แล้วเค้าเปลี่ยนไปใช้เนยแบบ Home-made แล้วมันไม่อร่อยครับ ขอยืนยันว่าเนบชั้นประหยัดอร่อยกว่าชั้น Business/First ครับ
ข้ามมาตอนเครื่องลงเลยครับ ผมเพิ่งมาทราบว่า ผมหยิบกระเป๋าเงินมาผิด ผมเตรียมถุงผ้าใส่เงิน Yen เอาไว้ แต่ผมดันหยิบถุงผ้าเงิน Pound UK จากครั้งที่แล้วครับ ดีที่เงินจากครั้งก่อนยังเหลืออีกเยอะครับ แลกเงิน Yen ออกมาได้ประมาณ 160,000 Yen ครับ น่าจะรอดสำหรับทริปสายกินครับ
ออกมาจากสนามบินก็มีรถบัส 20ที่นั่งมารับ (ทั้งทริปมี 12คนรวมเจ้าของ Agent ทัวร์ครับ) ในรถนอกจากคนขับรถแล้วจะมีไกด์ชาวญี่ปุ่นที่พูดไทยคล่อง(มาก) ถามเค้าว่าทำไมพูดไทยคล่อง เค้าบอกว่า เคยไปอยู่ไทยแล้วได้แต่งงานกับคนไทย (แต่ไม่ได้ระบุว่า ชายหรือหญิง) เลยพูดได้คล่อง
อันนี้ตุ๊กตาหมี Napira ครับ เค้าแจกลูกทัวร์ไว้ใช้ประกอบรูปถ่าย ไหนๆ ก็แจกแล้ว ก็จัดให้ซะหน่อย ถ่ายคู่กับกระเป๋า Crumpler ใบโปรด Series นี้ไม่มีขายในไทย เพราะผมซื้อมาตอนไป Melbourne รุ่นนี้ดีมากครับ กันน้ำได้ดี เคยทำตกน้ำแล้วน้ำไม่ซึมเข้าครับ
เริ่มทริปในญี่ปุ่นกันเลยครับ
ตอนแรกผมนึกว่าจากสนามบินจะเข้าที่พักก่อน แต่ที่ไหนได้เริ่มทริปการกินเลยครับ ร้านแรก Obihiro Butadon ร้านนี้ หม่อมอิงค์ (ขอเรียกชื่อย่อนะครับ) บอกว่า ปรกติจะมีคนมาต่อคิวทานยาวมาก แต่วันนี้ ทางทัวร์เค้าจองคิวทั้งร้านไว้ให้ครับ ฟังดู HiSo มากครับ แต่พอดีร้านเค้ามีขนาดไม่ใหญ่ สามารถรองรับลูกค้าได้ไม่ถึง 20คน มาแล้วก็ต้องเริ่มจากอาหารที่เป็น Signature ของที่ร้านครับ คือข้าวหน้าหมูเนื้อนุ่มละมุนลิ้น ราดซ้อสลับที่ทำมาจากอะไรบ้างก็ไม่ทราบครับ อร่อยครับ ถ้ามาเหยียบดินแดน Hokkaido ก็ต้องมาร้านนี้เลยครับ "ถ้าไม่ได้มาร้านนี้ถือว่าไม่ได้มาร้านนี้ ให้มาใหม่รอบหน้า" ครับ คิดเงินออกมาเท่าไหรไม่ทราบครับ เพราะว่าตลอดทั้งทริปคือ ทาง Agent ทัวร์เค้าออกให้ เพราะเค้ารวมในค่าใช้จ่ายไปหมดแล้วครับ
อิ่มกันไปเรียบร้อยกับร้านแรก ทีนี่คงถึงที่พักซะที พอขึ้นรถหนังตาของผมก็เริ่มทำงาน แต่ที่ไหนได้ ทางทัวร์ได้เตรียมขนมอร่อยประจำเมืองไว้ให้ล้างปาก ระหว่างทางก็ชมวิวไปซักพักผมก็สิ้นสติ แต่สิ้นไปไม่นานครับ น้องบีเจ้าของ Agent ทัวร์ก็ประกาศปลุกว่าถึงที่แล้ว ผมก็ดีใจนึกว่าถึงที่พัก ที่ไหนได้ ถึงร้าน Rokkatei ร้านขนมหวานชื่อดังของ Hokkaido ร้านคนแน่นแต่ไม่ถึงกับเกิดการจราจลครับ ร้านนี้หม่อมอิงค์ออกตัวแรงแนะนำพัฟที่เป็นกรวยไส้ครีม แต่เสียใจด้วยครับหม่อม งานนี้ผมเล็ง คาสตาร์ดกับครีมบูเล่ครับ งานนี้ทานอะไร อยากทานอะไร ทัวร์ออกครับ ถือตั้งแต่ลงเครื่องมาผมยังไม่เสียเงินเลยครับ
ขนมที่หม่อมอิงค์แนะนำ
ขนมที่หม่อมอิงค์ไม่ได้แนะ แต่ผม want ครับ
อิ่มกับขนมแล้วขึ้นรถครับ แน่นอนครับว่าเส้นทางสู่โรงแรมยังอีกยาวไกล พอขึ้นรถมาไม่ต้องเดาเลยครับ ผมทายถูกตั้งแต่ก้าวแรกขึ้นรถว่า น้องบีเจ้าของทัวร์ต้องมีของกินมาให้แน่นอน หึหึหึ…ผมทายถูกครับ แต่มันเกินคาดตรงที่ อะไรที่เป็นของที่ขึ้นชื่อ น้องบีซื้อมาให้ บวกกับ อะไรที่เราเลือกทาน น้องบีเค้าซื้อมาให้ทานเพิ่มครับ ถือว่าเป็นการดูแลระดับสุดยอดครับ ทำใจไว้เลยครับ ทริปกินนี้สายแข็ง Zombie Die Hard แน่นอนครับ
นั่งรถต่อไปที่ Tokachi หรือที่เรียกกันว่าปราสาทไวน์ ไม่มีอะไรมากครับ มีไวน์และกระบวนการทำไวน์ แต่ที่ผมชอบคือชีสครับ ชีสรสไวน์ กับรสแปลกๆ อีกสารพัด ผมซื้อกับมา 5รสครับ เดินทางมาค่อนวัน ผมดีใจที่ได้ใช้เงินตัวเองก็ครั้งนี้แหละครับ แต่การซื้อชีสครั้งนี้นั้นหมายความว่าผมต้องใส่ถุงเก็บความเย็นและต้องแช่มันไว้ตลอดเส้นทาง คือต้องเลี้ยงดูเจ้า 5ก้อนนี้ตลอดทริปนั่นเองครับ ขึ้นรถเพื่อเดินทางไปสถานที่ต่อไป น้องบีครับ น้องบีคนเดิมก็มีขนมจากปราสาทไวน์ไว้ต้อนรับ คือน้องบีครับ ข้าวหน้าหมูจานแรกยังย่อยไม่หมดเลยครับ น้องมีของมาให้พี่ทานอีกแล้ว น่ารักจริงๆ
จากปราสาทไวน์ ก็มาพักจากการเดินทางที่ฟาร์มอะไรซักที่นี่แหละครับ มีนมและไอศกรีมพร้อมต้อนรับคณะเดินทางครับ เป็นนมที่หวานมันข้น คือก่อนดื่มต้องเขย่าก่อนครับเพื่อให้ไขมันด้านบนแตกตัวครับ มาที่ไอศกรีมที่ทำจากนมสดจากวัวในฟาร์มคือหอมหวานมันอร่อยมากครับ อยากซื้อกลับแต่รู้เลยว่าเลี้ยงไม่รอดถึงกรุงเทพฯ แน่ๆ ครับ พักให้หายเหนื่อย (คือตั้งแต่ที่ลงเครื่องมาผมยังไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยครับ อิ่มจนจุกอย่างเดียว) ก็ออกเดินทางต่อ (เอาจริงๆ นะครับ คือผมไม่ทราบจริงๆ ว่าทัวร์ครั้งนี้จะไปไหนบ้างครับ จำได้ว่าเป็นทัวร์หรูสายกินเท่านั้นครับ) พอขึ้นรถมาน้องบีก็เสิร์ฟขนมอีกแล้วครับ น่ารักจริงๆ ...และแล้วช่วงเวลาของผมมาถึงแล้วครับ จากฟาร์มนมวัวไปสถานที่ต่อไปใช้เวลาเกือบ 2ชั่วโมง ผมมีเวลางีบแล้วครับ
มาถึงร้านต่อไปครับ ปิ้งย่างญี่ปุ่น Robata Renka เป็นร้านปิ้งย่างอาหารทะเลที่กลางโต๊ะจะเป็นหลุมทรายแล้วมีถ่านอยู่ตรงกลาง ร้านนี้หม่อมอิงค์ออกตัวแรงเลยครับว่าการปิ้งย่างแบบนี้จะอร่อยกว่าปรกติแต่เอาเข้าจริงๆ นะครับ คือผมแยกไม่ออกว่ามันต่างกับย่างปรกติยังไง แต่คือมันอร่อยมากกกกกกกกกครับ เอารูปไปดูครับ (ในรูปเป็นแค่ 1/4 จากทั้งหมดครับ ที่เหลือผมถ่ายไม่ทันครับ มัวแต่เพลินกับการทาน)
ก็สมแล้วที่เป็นทริปกินสายแข็ง ถ้าใจไม่ถึงหรือยาช่วยย่อยไม่แรง อยู่ได้ไม่ถึงมื้อนี้ครับ มื้อนี้เป็นอีกมื้อที่ไม่ต้องจ่ายครับ สำหรับสายกินผมแนะนำ ProBAC10 Plus เลยครับผงจุลินทรีย์คล้าย Yakult แต่ให้ผลแรงกว่า (ราคาแรงตามผลครับ) …ผล ช่วยย้อยแต่ไม่ได้ดักไขมันหรือบล้อคแป้งนะครับ
เสร็จจากร้านนี้น้องบีประกาศว่า จุดหมายต่อไปคือที่พักครับ ผมงี้น้ำตาไหลเลย ถึงเวลาพักกระเพาะของผมแล้วครับ …ผิดคาดครับ น้องบีแจกของล้างปากทิ้งทวน เป็นขนมขึ้นชื่อของที่ Hokkaido เมืองนี้ยอมรับเลยครับ ขนมขั้นชื่อเยอะมากครับ งานนี้ไม่อ้วนตัวแตกก็มีเปลี่ยนขนาดเสื้อผ้าครับ
คืนนี้เข้าพักที่โรงแรมแบบเรียวกังสุดหรู Akan Yuku No Sato Tsuruga (www.tsuruga.com/en/) ห้องพักเป็นห้องที่เป็นโซนแยกออกจากห้องทั่วไป ห้องตกแต่งโทนน้ำตาลเข้ม ห้องน้ำสไตล์โรงแรมญี่ปุ่นครับ (www.tsuruga.com/en/rooms/honkan/japanese.html) คือเป็น ห้องอาบน้ำแบบเป็น Unit มาติดตั้งครับ แต่มุมอื่นก็กว้าง OK เลยครับ มี Onsen ให้แต่ดึกไปบวกสภาพร่างกายของวันแรกที่เรียกร้องโหยหาที่นอนตลอดเวลาจึงขอแช่น้ำในห้องแทนครับ นับว่าเป็นการเปิดทริปมาด้วยห้องพักสุดหรูเลยครับ (รูปเดี๋ยวทยอยลงนะครับ ขอเวลาย่อรูปนิดนึงครับ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น