DANNY GREEN - Rise, Fall, Rise again

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นต้องขออภัย คุณ สมาชิกหมายเลข 869662 ในความล่าช้า ( หรือว่าอาจจะไม่ได้รอแล้วก็ได้ ฮา ) เนื่องจากผมได้เปลี่ยนที่ทำงานใหม่ ต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่พอสมควรจึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาตั้งกระทู้ ในวันนี้ที่มีนิมิตรหมายอันดี จึงกลับมาตั้งกระทู้ในสิ่งที่ผมคั่งค้างไว้ โดยกระทู้นี้ผมได้แปลมาจากหลายๆเว็บไซต์  ข้อมูลบางอันอาจผิดพลาดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอให้มีความสุขกับการอ่านกระทู้นะครับ



โดยกระทู้นี้ผมขอเปลี่ยนเป็นประวัติ+วิเคราะห์ นะครับเพราะเวลาในการวิเคราะห์ไม่ค่อยมี ( แต่จะทยอยทำเรื่อยๆ )

Daniel Richard "Danny" Green, Jr.  เดเนี่ยล ริชาร์ต “ แดนนี่ “  กรีน ( จูเนียร์ ) เกิดในวันที่ 22 มิถุนายน  1987 ปัจจุบันอายุ 28 ปี โดยอาศัยอยู่ในย้าน บาบิลอน นิวยอร์ค โดยมีน้องอีกสองคนคือ Rashad Green ( เคยเล่นให้กับ University of San Francisco ) และ Devonte Green  ( ปัจจุบันได้รับความสนใจจากมหาลัยใน อเมริกา ถึง 26 ที่ ( ที่เด่นๆ เช่น Texas A&M / Arizona เป็นต้น )  ชีวิตในวัยเด็กของ กรีน นั้นเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแกร่ง และ สูงเกินเด็กในวัยเดียวกัน โดยพ่อของเขาได้ทำงานเป็นผู้ฝึกสอนในโรงยิม บาสเก็ตบอล แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ค่อยราบรื่นมากนักเมื่อ กรีน อายุได้ราว 12 ปีนั้นแม่ของเขาได้ทิ้งครอบครัวไปทิ้งให้พ่อของเขาต้องเลี้ยงลูกอีกสามคน



Danny Green & Rashad Green / Danny Green Sr & Devonte Green & Danny Green Jr / Danny Green & Rashad Green

กรีน เข้าไฮสคูลที่ North Babylon High School  เขาเล่นให้ทีม บาสเก็ตบอล ในตำแหน่ง การ์ด และเล่นให้กับทีม อเมริกันฟุตบอล ในตำแหน่ง ควอร์เตอร์แบค โดยหลังจากนั้นเขาตัดสินใจย้ายไปเรียนที่ St. Mary's High School  เล่นให้กับทีมบาสเก็ตบอล ในปีแรกของการเล่นไฮสคูลเขาทำสถิติต่อเกมส์ 16.0 แต้ม , 9.0 รีบาวน์ , 4.0 แอสซิส , และ 5.0 บล็อก  และทำได้ดียิ่งขึ้นในปีที่สอง โดยทำสถิติต่อเกมส์ 20 แต้ม, 10.0 รีบาวน์ , 4.0 แอสซิส , and 4 บล็อก  และด้วยส่วนสูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้วยิ่งทำให้แมวมองหลายคนมองอนาคตที่สดใสในมหาลัยของเขา โดยได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 31 ในประเทศ และอันดับที่ 8 ในตำแหน่งการ์ด โดย Rival.com ได้จัดอันดับเป็นผู้เล่นในระดับ 4 ดาว



กรีน เลือกที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่ นอร์ทคาโรไลนาร์  ในปีแรกเขาได้รับมอบหมายให้เล่นในตำแหน่ง ซิกแมน โดยเขาทำสถิติได้ 7.5 แต้ม 3.7  รีบาวน์ 1.1 แอสซิส ต่อเกมส์ ในปีต่อมาเขาก็ต้องได้รับข่าวร้ายเนื่องจากพ่อของเขาโดนจับในโทษฐานพัวพันกับยาเสพติดโดยพ่อของเขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแต่ศาลได้ตัดสินให้พ่อของเขาต้องจำคุกเป็นเวลา 22 เดือน หรือต้องจ่ายค่าประกันตัวที่ราว 7.5 ล้านเหรียญซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหาได้ ทำให้เขาต้องประสบปัญหาทั้งในและนอกสนามโดยเขาทำได้เพียง 5.2 แต้ม 2.8  รีบาวน์ 1.1 แอสซิส ต่อเกมส์เป็นอันจบปีอันเลวร้ายของเขาอนาคตใน NBA ของเขาดูจะมืดมนลงไป

เริ่มขึ้นปีที่สาม กรีน ได้เล่นในตำแหน่งชู้ตติ้งการ์ด และ สมอลฟอร์เวิร์ด ( หรือ สวิงแมน ) โดยในปีนี้เขาเติบโตเต็มที่ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว และช่วงแขนยาว ในปีนี้เขาได้เปลี่ยนท่ายิงให้เหมาะกับการเล่นในตำแหน่ง สวิงแมน มากยิ่งขึ้น เขาทำสถิติได้ 11.5 แต้ม 4.9  รีบาวน์ 2.0 แอสซิส ต่อเกมส์ อนาคตใน NBA ของเขากลับมาสดใสแต่ลดบทบาทเป็นเพียงผู้เล่นระดับ 3  ดาวและได้รับการคาดการณ์เพียง โรลเพลย์เยอร์ ในปีนี้เขาได้ขอเข้าการดราฟด้วย แต่เนื่องจาก สถานการณ์ ของเขาได้รับการคาดว่าจะไม่ได้ดราฟเขาจึงหันหลังกลับไปที่มหาวิทยาลัย นอร์ทคาโรไลนาร์ อีกครั้ง ( เนื่องจากเขาไม่ได้ทำสัญญาการจ้างผู้จัดการส่วนตัวจึงไม่มีผู้ประสานงานติดต่อกับทีมให้จึงตัดสินใจกลับเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง )

ในปีที่ 4 ปีสุดท้ายของเขากับมหาวิทยาลัย 13.1 แต้ม 4.2  รีบาวน์ 2.7 แอสซิส เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดที่ได้แชมป์ NCAA ( ในทีมที่รวมไปด้วย Ty Lawson / Tyler Hanbrough / Wayne Ellington และ Ed Davis โดย กรีน เข้าร่วมการดราฟด้วยการคาดการณ์กันว่าจะเป็นผู้เล่นที่ได้รับการดราฟรอบสอง เนื่องมาจากการที่เขาพัฒนาข้อด้อยของเขาไม่ดีพอ แต่ในเรื่องความเด่นนั้นเขามีสถิติที่น่าพอใจโดยเขาทำสถิติยิงรวม .471และในระยะสามแต้มทำสถิติได้ .418 รวมไปถึงสถิติที่ดีจากการยิงฟรีโทรล .852

โดยสรุปแล้วเขาทำสถิติลงเล่น 145  นัดและชนะไปทั้งสิ้น 123 เกมส์ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมมหาวิทยาลัยนอร์ทคาโรไลน่า รวมไปถึงเขาเป็นเพียงผู้เล่นเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ใน  Atlantic Coast Conference (ACC) ที่ทำได้เกิน 1,000 แต้ม, 500 รีบาวน์, 250 แอสซิส, ยิงลูกสามแต้มลงเกิน 150 ครั้ง, 150 บล็อก และ 150 สตีล



แดนนี่ กรีน ได้รับการเลือกในการดราฟรอบที่สองในลำดับที่ 46 โดยเขาได้เข้ารับการคัดเลือกโดยทีมหลายทีมเช่น โกลเด้นสเตท วอร์ริเออร์ / ชาร์ล็อท บ๊อบแคท ( ฮอร์เน็ต ในปัจจุบัน ) และ คลีฟแลนท์ คาเวเรีย ภายหลังจากการดราฟเขาต้องเจอกับปัญหาอีกครั้ง เนื่องจากการไม่ได้รับโอกาสจากผู้จัดการทีม และไม่มีที่ว่างภายในทีมที่เหมือนจะอยู่ตัวแล้วของ คลีฟแลนท์ คาเวเรีย โดยตำแหน่งตัวจริงของทีมมีทั้ง Anthony Parker และ Delonte West ขวางทางเขาอยู่ ภายหลังจากเล่นปีแรกไปเพียง 20 เกมส์ รวมลงเฉลี่ยที่ 5.8 นาทีต่อเกมส์ ด้วยอัตราเฉลี่ย FG% ที่ลดลงและไม่มีที่ว่างภายในทีม ทำให้ในปีต่อมาเขาถูกยกเลิกสัญญาจากทีมในทันทีที่เริ่มฤดูกาลต่อมา และ ต้องกลายเป็นฟรีเอเจนท์ ในวันที่ 17 กันยายน 2010 เขาได้รับโอกาสอีกครั้งจาก ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส แต่ก็โดนยกเลิกสัญญาอีกครั้งหลังจากเล่นไปได้ 2 ครั้ง เขาได้รับโอกาสอีกครั้งโดยทีม Reno Bighorns ( ทีมในเครือของ ซาคราเมนโต้ คิงส์ ) ที่นี่เขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ของทีม โดยทำสถิติต่อเกมส์ไป 20 แต้ม 7.5  รีบาวน์ ภายหลังเล่นไปได้ 16 เกมส์เขาได้รับสัญญาจาก ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส อีกครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากไม่มีที่ว่างภายในทีมเขาจึงได้กลับไปเล่นใน D – League กับทีม Austin Toros ( ปัจจุบันคือ Austin Spurs ) โดยส่งเขาไปวันที่ 2 เมษายน และเรียกเขากลับวันที่ 3 เมษายน ภายหลังเล่นไปได้เพียงหนึ่งเกมส์



กรีน เซ็นสัญญาย้ายไปทีม KK Union Olimpija ใน สิงหาคม 2011 โดยระบุในสัญญาด้วยว่าหากมีสัญญาจากทีมใน NBA ยื่นสัญญามาเขาสามารถยกเลิกสัญญากับทีมได้ทันที ( อันเนื่องมาจาก ปัญหา Lockout ของ NBA นั่นเอง ) โดย กรีน กลับมา ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส อีกครั้งภายหลังจากฤดูกาลเริ่มขึ้นและลงเล่นไปหมดทุกเกมส์ที่เหลืออยู่ในซีซั่นนั้น โดยทำแต้มเฉลี่ยต่อเกมส์ 9.1 แต้ม 3.5 รีบาวน์ 1.3 แอสซิส เนื่องมาจากการลดบทบาทของสตาร์ประจำทีมตอนนั้นอย่าง มานู จิโนบิลี่ มาเป็นเพียง ซิกแมน ทำให้ทีมมีที่ว่างในตำแหน่ง ชู้ตติ้งการ์ด และเนื่องมาจากจุดโหว่ในเกมส์รับของทีม ทำให้ผู้เล่นสไตล์ 3 & D อย่าง กรีน ได้ตำแหน่งนั้นไป



11 กรกฎาคม 2012 กรีน ได้เซ็นต์สัญญาระยะเวลา 3 ปีมูลค่า 12 ล้านเหรียญ กับทีมปีนี้เขารับบทบาทสตาร์ทเตอร์ ทั้งฤดูกาลเป็นครั้งแรกด้วยการเล่นเกมส์รับที่แน่นหนา มีการยิงสามแต้มที่พึ่งพาได้ เขาจึงได้รับบทบาทที่คล้ายกับ บรูซ โบแวน ที่ทิ้งช่องโหว่เอาไว้ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส สามารถทะลุไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศได้ กรีน ทำลายสถิติยิงสามแต้มสูงสุดในรอบชิงชนะเลิศ แต่ทีมของเขากลับพ่ายแพ้แก่ ไมอามี่ ฮีท ไปอย่างคลาสสิก 7 เกมส์

ในปีต่อมาเขาก็สามารถคว้าแชมป์ NBA มาได้สำเร็จภายหลังจากที่ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส แก้แค้น ไมอามี่ ฮีท สำเร็จไปอย่างขาดลอยด้วยการชนะไป 4 – 1 เกมส์ และเข้าร่วมเป็นประวัติศาสตร์หลังจากเป็นผู้เล่นคนที่สามที่สามารถคว้าแชมป์ NCAA กับทีม นอร์ท คาโรไลน่า และคว้าแชมป์ NBA ได้เทียบเคียงรุ่นพี่ของเขาอย่าง Michael Jordan และ James Worthy



ในปีต่อมา สเปอร์ส พ่ายแพ้ให้กับ ลอสแองเจอลิส คลิปเปอร์ส ใน 7 เกมส์คลาสสิก แดนนี่ กรีน กลายเป็นผู้เล่นฟรีเอเจนท์ และได้ต่อสัญญากับทีม ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ไปอีก 4 ปีด้วยมูลค่า 45 ล้านเหรียญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่