{CR}part3- เมื่อสองเก้งใส่ชุดไทยตะลุยญี่ปุ่นOSAKA_TO_TOKYO แบบชิคๆ10วัน

วันที่4 ตุลาคม 2558 (Nara) นารา >>  ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชา (Kasuka Taisha Shrine) >> Nara Park >> Yakushi-ji Temple >> ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ (Higashimuki Shopping Street) >> โมชิโดโนะ ช้อปปิ้ง สตรีท (Mochiidono Shopping Street)

Part1 >> ปฐมบท http://ppantip.com/topic/34353394
Part2 >> Osaka  http://ppantip.com/topic/34358417




โอะฮาโย โกไซอิมัส ...เก้งสองนางค่อยๆคลานลงจากเตียงนอนอันนุ่มนิ่ม โอ้ยยยย สบายอยากคุลมโปงต่อ แต่เรามาเที่ยวค่ะ จะมานอนอยู่ไม่ได้ จัดการรีบอาบน้ำแต่งตัว.. รู้สึกอาบแบบฝักบัวไม่ค่อยถนัดเลย เดี๊ยนต้องการขันค่ะ ขันทองเหลือง ตักราดได้สะใจอิช้อย กว่าจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จปาไปเป็นชั่วโมง อย่าเรียกว่าชะโลมผิวให้เรียกว่าอาบจะดีกว่า หลังแต่งตัวกันมั่นหน้าแล้วก็ถึงเวลาออกไปโชว์ตัวเช็คเรตติ้งกันหน่อย วันนี้เก้งสองนางจะพาไปนารา เมืองนี้เค้าว่ามีเก้ง กวางเยอะ ก็ต้องไปให้เห็นกับตาว่าเยอะจริงไหมดูน้องกวางในรูปแล้วจินตนาการว่าตัวเองเป็นสโนไวท์อยู่ท่ามกลางสัตว์น้อยใหญ่ มีป่าเขาเป็นฉากหลัง (ช่วยห้ามนังนี้ที เพ้อเจ้อ) เห็นของจริงเลยพบสัจธรรม เดี๋ยวดูกันว่าทำไม.. เก้งนั่งรถไฟ JR นั่งสายอื่นเปลืองเงินค่ะ มีบัตรเบ่งก็หยิบออกมาเบ่ง ไม่ต้องซื้อตั๋วหยอดเหรียญให้เสียเวลา ใช้ช่องริมสุดผ่านได้เลยจ้า เก๋ๆ ใสๆเก้งชอบ นั่งรถไฟจากสถานี Shin-imamiya สาย Osaka loop line ไปลงสถานี Nara Station ประมาณ36นาทีก็ถึงแล้ว อ่อรถไฟที่ญี่ปุ่นนางเป๊ะเรื่องเวลานะคะคุณขา มาไม่ทันคือตกขบวนแต่ไม่ต้องเสียใจขบวนนางมาเร็วยิ่งกว่าจรวด หายใจเข้ายังไม่ทันหายใจออกขบวนต่อไปก็มาแล้ว หลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งเด่นก็ดีค่ะ เพราะนั่นหมายถึงแน่นเป็นปลากระป๋องแน่แท้ บรรยากาศสองข้างทางก็เป็นวิวชานเมืองท้องทุ่งนา เห้ย เราชอบอะแกร๊..อยากมีบ้านอยู่แถวนี้ เมื่อไหร่จะมีหนุ่มยุ่นมาจีบ เก้งน้อยอย่างชั้นจะได้เป็นคุณนายอยู่กับบ้าน ปลูกผัก สวยๆ (งานมโนมาอีก)







เม๊าเพลินรถไฟก็มาจอดเทียบชานชลา ณ สถานีนาราเป็นที่เรียบร้อย ท้องใส้ก็เริ่มร้อง หาไรกินก่อนแล้วกัน เติมพลัง ก็เดินหาร้านอาหารแถวๆนั้นคงมีเปิดบ้างแหละ ตอนเช้าจะญี่ปุ่นจะไม่กินอะไรกันเหรอ ร้านอาหารหรือที่ทำการส่วนใหญ่ แม้กระทั่งที่เที่ยวเปิด 10โมง ต้องวางแผนดีๆนะคะ เก้งพลาดมาเยอะเจ็บมาเยอะ ถ้าจะเปิดช้าขนาดนี้...แต่พระเจ้าก็ประทานร้านอาหารมาให้เราได้โซ้ยกัน เห็นเมนูหน้าร้านจัดเป็นเชตๆดูน่าสนใจ (โดนนังยุ่นหลอกด้วยป้ายโฆษณาเชื้อเชิญอีกแล้ว+55) เข้าไปในร้านก็ตามธรรมเนียม จะมีตู้ให้สั่งอาหาร เก้งฝึกมาดีค่ะจะมาโก๊ะกังตอนนี้ไม่ได้คนรอจะกดต่อ นังเก้งสองนางยังคงเล็งๆวิเคราะห์โปรตีน สารอาหารที่ได้รับในมื้อนี้ เป๊ะอ่ะ .. โชคดีร้านนี้มีให้เลือกภาษาไทย เก้งไม่รีรอกดปุ่มไทย มื้อนี้ไม่ต้องสุ่มเดาสินะ..เลือกเมนูที่จะทานได้แล้วก็จะได้บัตรเล็กๆมา เดินเข้าไปในร้านเลย หาที่นั่งแล้วก็นั่งลงรออาหารมาเสิร์ฟ พนักงานก็จัดแจงเสิร์ฟน้ำ ผ้าเช็ดมือ ที่ญี่ปุ่นเค้าจะจัดให้แบบนี้แหละ แลดูสะอาดดี.. ไม่นานอาหารก็มามีเครื่องเคียงเยอะแยะ บอกเลย อร่อยอีกแล้วทานจนหมดถ้วยอยากจะเติมต่อแต่เก้งเกรงใจ+555 อิ่มแล้วป่ะพร้อมเดินทางอยากเห็นน้องกวางแล้วววววววว







ก่อนอื่นเราต้องซื้อตั๋ว1Day สำหรับขึ้นรถประจำทางรอบเมืองนารา1วัน เพราะสถานที่ที่เราเที่ยวต้องนั่งรถหรือเดินเท่านั้น ไม่มีรถไฟผ่าน ตั๋ว1dayoางก็ทำกิ๊บเก๋ยูเรก้าเป็นป้ายไม้เล็กๆคล้องคอเป็นกิมมิกอีกแล้วค่ะ เริ่ดดดดด ได้ตั๋วแล้วก็ไปยืนรอรถบัส รอนานเหมือนกันกว่าจะมาคันนึงเห้อ เก้งไม่ชอบการรอคอย  นั่นไงรถมาแล้วโชว์ตั๋วอันแสนกิ๋บเก๋ให้คนขับรถ เชิญค่ะ หาที่นั่ง ตามแพลนสถานที่แรกที่เราไปก็ศาลเจ้าคาสุงะ ไทฉะ (KasugaTaisha Shrine) นั่งรถเมล์สาย 70 หรือ 97 โดยลงที่ป้าย KasugaTaisha Honden ใช้เวลาประมาณ 14 นาทีก็มาถึงศาลเจ้าคาสุงะ ไทฉะ ถึงแล้วลงป้าย KasugaTaisha Honden





ศาลเจ้าคาสุงะ ไทฉะ (KasugaTaisha Shrine) เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองนารา บรรยากาศเหมือนอยู่ในป่า ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็สามารถเห็นใบไม้เปลี่ยนสีได้ในศาลเจ้าคาสุงะ ไทฉะ
ภายในศาลเจ้าคาสุงะ ไทฉะ จะมีกวางเดินอยู่ตามทาง เก้งเห็นน้องกวางอยากจะกรี๊ดดดวิ่งเข้าไปกระโดดกอด มันน่ารักเน้อแก แต่ๆ เดี๋ยวก่อน บางตัวนี่ดำเมี่ยมเลยนางไปลุยโคลนมาจากไหนกันคะ พูด!! ก็ตามนั้นค่ะสวมบทเป็นสโนไวท์เริงร่าในป่าใหญ่อันเขียวขจี +555







หยอกล้อกับน้องกวาง ถ่ายรูปชื่นชมธรรมชาติอยู่สักพักก็ได้เวลาไปกันต่อที่ วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) จริงๆสามารถใช้บัตร1dayขึ้นรถไปลงป้ายหน้าวัดได้เลย แต่นังเก้งสองคนเลือกเดินชมนกชมไม้ดีกว่า (เรื่องของเรื่องขี้เกียจรอรถค่ะกว่าจะมา รมณ์เสียป่าวๆ) เดินไปเรื่อยระยะทางจากศาลถึงวัดโทไดจิก็ประมาณ1กิโล ชิวๆแกร๊ อยู่ทำงานชั้นเดินเป็นสิบกิโลแค่นี้จิ๊บๆ ระหว่างทางก็เดินผ่านสวนสาธารณะผ่านศาลเจ้าโน่นนี่นั่นเพราะที่เที่ยวจริงๆก็สามารถเดินเที่ยวได้ถ้าอึดและบึกบึนแบบเรา ไหนๆก็มาถึงเมืองแห่งกวางก็ต้องให้อาหารน้องกวางสิคะ สวมบทอีกแล้วค่ะประดุจแม่ป้อนนมลูก แต่ แต่ การกินของเหล่าเก้งกวางที่นี่ นางจะพุ่งมาหาคนที่ถือขนมอยู่ในมือค่ะ เก้ง กรี๊ดดดดดดดดดด ป้อนอาหารไปวิ่งไปนางก็วิ่งตามค่ะ หัวชนตูดเดี๊ยนจนระบมนี่ชั้นมาให้อาหารพวกแกนะโว้ยยยยยยยยยยย...ทำตัวให้น่ารักหน่อย สิ่งที่คิดที่จินตนาการมาหายไปในบัดดน รีบๆจับยัดใส่ปากให้หมดแล้วแยกทางใครทางมัน อย่ามายุ่งกับช้าน โอ้ยยย อกอีแป้นะแตก เป็นการป้อนอาหารสัตว์ที่ลำบากและเหนื่อยมาก ยิ่งกว่าวิ่งวิบาก...









เดินกันต่อไปถึงหน้าวัดจะเจอซุ่มประตูไม้ขนาดใหญ่ดูขลังมาก ซุ้มประตูทั้งสองด้านมียักษ์แกะสลักปกปักรักษาเอาไว้ วัดโทไดจิ (Todaiji) หรือที่คนไทยเรียกกันว่าวัดหลวงพ่อโต เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนารา สร้างขึ้นใน ค.ศ. 743 หรือพันกว่าปีมาแล้ว วัดนี้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกเมืองนารา เป็นสิ่งปลูกสร้างจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในวัดมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น หรือที่คนไทยเรียกว่าหลวงพ่อโต มีความสูงถึง 16 เมตรหนัก 500 ตัน
การเข้าชมในตัววัดจะเสียค่าเข้า 500 เยน และเด็ก 300 เยน ออกมาก็หิวอ่ะเลยจัดใส้กรอกที่อยู่หน้าวัด เก้งแถวนี้แซ่บมากพูดเลอ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ จงพุ่งมาหาช้านนน















สถานที่สุดท้ายที่เราจะไปเที่ยวในเมืองนาราคือวัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji) หรือวัดเจดีย์ 5 ชั้น เดินสิคะคุ๊ณ ออกกำลังกายไปในตัว วัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji) เป็นวัดที่เก่าแก่อีกวัดหนึ่งของเมืองนารา สร้างขึ้นใน ค.ศ.710 ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สัญลักษณ์ที่โดเด่นของวัดนี้ได้แก่เจดีย์รูปทรง 5 ชั้น ขนาดสูง 51 เมตร การเข้าชมภายในวัดเสียค่าเข้า 300 เยน แต่ถ้าเดินชมรอบๆ ไม่เสียค่าเข้า หิวก็เลยจัดไส้กรอกคนละไม้ยาวๆ

















เย้ๆๆๆๆ เสร็จสิ้นภารกิจเที่ยวเมืองนาราแล้ว อยากบอกว่าจริงๆไม่ต้องซื้อตั๋ว1dayก็ได้นะ เดินเอาได้ฟิลกว่าเยอะ รอรถเสียเวลาค่ะ เก้งเดินกลับสถานี Nara Station ระหว่างทางก็มีร้านขายของเยอะพอสมควร เราเข้าไปดูของฝาก ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ (Higashimuki Shopping Street) กับโมชิโดโนะ ช้อปปิ้ง สตรีท (Mochiidono Shopping Street)  มีร้านขายของฝากของที่ระลึกเมืองนารา













ที่ญี่ปุ่นเดินแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลยมันมีอะไรให้ ว้าววว!ตลอดเวลา การอ่อนน้อมของผู้คนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เก้งอย่างเราหลงรักที่นี่ได้อย่างไม่ยากนัก ถึงแม้การสื่อสารจะเข้าใจกันยาก แต่เค้าก็พยายามจะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด บางที่เดินไปหาข้อมูล เดินไปส่งก็มี นี่แหละที่เราหลงรักประเทศนี้ โอ้ยยยยน้ำตาจะไหล อะไรจะซึ้งปานนั้น..แต่มันคือเรื่องจริงที่พบเจอตลอดทริปนี้ เรากลับมายังสถานี Nara Station เพื่อจะนั่งรถไฟกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม ตอนเย็นก็ออกมาหาอะไรทานนิดหน่อย เก้งติดใจไก่ทาราเกะมากินสองวันติดเลย ตบท้ายคืนนี้ด้วยไอติมกับน้ำแข็งใส ชิคๆ ที่นี่มืดเร็วมาก4-5โมงก็มืดแล้ว คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ค๊อกฟรี๊...















แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่