ต้องขออภัย หากเรียบเรียงคำพูดไม่ดีนัก เพราะเป็นกระทู้แรกที่ตั้ง
มีเรื่องเล่า เรื่องเตือนภัยมาฝาก เกี่ยวกับการรับคนแปลกหน้าขึ้นรถ
เมื่อวานนี้ เรากับแฟนขับรถไปเที่ยว หัวหิน-สวนสน ระหว่างทางที่จะเข้าแยกหัวหิน ก็มีคุณยายอายุประมาณ 70 ปียืนโบกรถอยู่ริมถนน
เนื่องด้วยเป็นเวลากลางวัน และเห็นเป็นคุณยายก็เลยจอดรถถาม ยายขอติดรถไปแถวตลาดหัวหิน ระยะทางไม่น่าเกิน 10 ก.ม.
(พวกเราเห็นว่าเป็นทางผ่าน เพราะจะเข้าตลาดหาอะไรกินกันก่อนเดินทางต่ออยู่แล้ว ก็เลยให้ยายติดรถไปด้วย)
แกก็ดีใจอวยพรต่างๆนานา พอรถเคลื่อนตัว เราก็ถามทำไมมายืนโบกรถคนเดียว ลูกหลานไปไหน
(ดราม่าเริ่มบังเกิดจ้า ยายก็เกริ่น ยายอยู่แถวๆหัวหินนี่แหละ อยู่คนเดียว สามีเสียไปนานแล้ว ลูกหลานก็ไม่มี
เมื่อวานยายล้ม เจ็บตัว เจ็บหน้าอก เจ็บลิ้นปี่ ว่าจะไปหาหมอที่คลินิกในตลาด มีเงินติดตัวอยู่ 40 บาท
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้นะ ยายจะขอเงินไปหาหมอ เอาไปจ่ายค่ายาหมอ
เราก็ถามอีก ทำไมยายไม่ไปโรงพยาบาลล่ะ ไม่มีเงินไปคลินิกทำไม มันแพงกว่าตั้งเยอะ ยายไม่ใช้บัตรทองล่ะ
ยายก็ตอบบัตรทองสิทธิ์อยู่ชะอำ (แต่เมื่อกี้บอกเราอยู่แถวหัวหิน) หมอที่โรงพยาบาลหัวหินไม่ให้ใช้สิทธิ์
ค่ายาแพง นั่งรอก็นาน ยายไม่ค่อยรู้เรื่องการใช้สิทธิ์หรอก พูดวกไปวนมาและจบที่ขอเงิน...(อีกแล้ว)...
เราก็เลยบอกไปว่า ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวพวกหนูพายายไปที่โรงพยาบาลหัวหินนะ
ยายเป็นหลายอย่างขนาดนี้ควรไปตรวจที่ รพ ฉุกเฉินเค้าให้ใช้สิทธิ์อยู่แล้ว
แต่ยายยืนกรานไม่ไป บอกแต่ว่าพวกหนูไม่ต้องลำบาก เดี๋ยวไปคลินิกเอง หมอเค้ากันเอง รักษาอยู่ประจำ (ในใจคิดว่าคงเจอมิจฉาชีพละ)
แล้วก็ถามพวกหนูจะไปไหนหรอ เราก็โกหกตอบไปเลยจ้ะ จะมาหาพี่ชายที่เป็นตำรวจในหัวหินนี่แหละค่ะ นัดกันไว้
เดี๋ยวยังไงจะพายายไปตรวจที่ รพ. นะคะ เดี๋ยวให้พี่ชายแจ้งหมอนัดคิวให้ ได้ตรวจเร็วหน่อย (สตรอ...ไว้ก่อน)
เนื่องจากเราชาร์จมือถือแฟนไว้อยู่ เราก็เอามือถือแฟนโทรเข้ามือถือตัวเอง แล้วมโนเอาว่าพี่ชายที่เป็นตำรวจโทรมา
เราก็ถามชื่อยาย ยายบอกชื่อบุญสม ระหว่างที่เราทำทีท่าคุยโทรศัพท์ ยายก็แทรกตลอดว่า หนูไม่ต้องให้พี่ชายเดือดร้อนเพราะยายหรอก
ให้เค้าอยู่ของเค้าล่ะ เราก็บอกไม่เป็นไรค่ะ ไม่เดือดร้อนอะไรเลย เดี๋ยวพวกหนูช่วยยายนะ
(คือใจนึงเราก็คิดในแง่ลบนะว่ายายเป็นมิจฉาชีพแน่ๆ แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะช่วยให้ถึงที่สุด
พอถึงทางแยกเราเลือกที่จะพายายไป รพ หัวหิน (ระหว่างทางก่อนถึง รพ ประมาณ 2 กม. ยายก็จะให้พาไปที่ตลาดอย่างเดียว แต่เราไม่ยอม)
พอถึง รพ เราก็ลงรถไปกับยายให้แฟนหาที่จอดรถ พอไปถึงเค้าท์เตอร์ เราก็ขอบัตร ปชช ยาย เพื่อจะไปยื่นตรวจสอบสิทธิ์
ยายก็ยึกยักๆ บอกบัตรอยู่ชะอำ สิทธิ์อยู่ชะอำ จะไม่ให้บัตร แล้วก็บอกว่า รพ ไม่รักษาหรอก ยุ่งยาก
เราเลยถามยายไม่มีบัตรไม่กลัวตำรวจจับเพราะคิดว่าเป็นคนต่างด้าวหรอ ไม่พกเอกสารอะไรเลยหรอ
มาถึง รพ แล้ว คนก็ไม่เยอะ (คนไข้น้อยมาก) ตรวจเสร็จจะได้รู้ว่าเป็นอะไรได้ไม่ต้องไปคลินิกมันแพง
ยายก็ยอมให้บัตร (ลืมดูชื่อ) แต่เห็นผ่านๆตาว่าเป็นชื่อพยางค์เดียว ไม่ได้ชื่อตามที่บอกเรา แต่ที่อยู่ตามบัตรอยู่แถวชะอำ
ก็ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิทธิ์ (เราก็บอกเจ้าหน้าที่ไปตรงๆนะ รับยายมาจากข้างทาง ยายบอกไม่สบายเจ็บหน้าอก
เจ็บลิ้นปี่ ใช้สิทธิ์อะไรได้บ้าง ยายบอกไม่เคยมา รพ ไม่รู้เรื่องการตรวจรักษา และพูดเบาๆ ว่าไม่แน่ใจว่าเป็นมิจฉาชีพไหม)
จากการตรวจสอบสิทธิ์ สิทธิ์บัตรทองยายอยู่ที่ชะอำจริง แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ายายมีประวัติการรักษาที่นี่หลายครั้ง
ยายรู้เรื่องสิทธิ์รู้เรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างดีอยู่แล้ว (โป๊ะแตกสิคะ) ยายก็ดึงบัตรคืนค่ะ บอกไม่รักษาแล้ว ยุ่งยาก
เราก็เริ่มเหวี่ยง คนอื่นเริ่มมองละ เลยถามยายว่าสรุปยังไงคะ ไหนบอกไม่เคยมา ไม่รู้เรื่อง แต่มีประวัติรักษา พามาหาหมอก็ไม่ตรวจ
แต่จะพยายามขอเงินเพื่อไปคลินิกที่ตลาด ทั้งที่แพงกว่า สรุปมิจฉาชีพใช่ไหมคะ เจ้าหน้าที่ใจดีตอบให้เลยไม่มั่นใจเช่นกันค่ะ
เราก็เดินออกไปขึ้นรถ ปล่อยให้ยายอยู่ รพ. (จริงๆ ยายเดินตามพวกเรามาที่รถนะ แต่พวกเราเดินไว ก็เลยรีบสตาร์ทรถและขับออกมา)
เราถือว่าเราช่วยเต็มที่แล้ว เพราะถ้าหากยายตรวจจริงเราก็จะช่วยออกค่ารักษา เพราะ รพ รัฐค่าตรวจ ค่ายาไม่น่าเกิน 500 บาท
(แต่ยายเป็นมิจฉาชีพ จะเอาแต่เงินอย่างเดียว ซึ่งข้อนี้เรารับไม่ได้)
เพราะความสงสาร เห็นว่าเป็นคนแก่ ให้ไปส่งในที่ชุมชนช่วงกลางวัน คงไม่มีพิษมีภัยเคราะห์ดีที่เจอแบบเบาๆ
หลังจากนี้คงไม่ใจดีรับใครขึ้นมา เพราะความใจดีคงปกป้องให้เราปลอดภัยจากมิจฉาชีพไม่ได้
เพราะมิจฉาชีพ มีทุกเพศทุกวัยจริงๆ ใครมีประสบการณ์แวะมาแบ่งปันกันบ้างนะคะ
หากใครไปเจอยายอายุประมาณ 70 ผมสีเทาหงอก ตัวเล็ก ผิวดำแดง พูดสำเนียงเพชรบุรี เส้นทางชะอำ-หัวหิน
อย่าจอดรับนะคะ ด้วยความปรารถนาดี
เตือนภัย จอดรถรับคุณยายที่แยกหัวหิน
มีเรื่องเล่า เรื่องเตือนภัยมาฝาก เกี่ยวกับการรับคนแปลกหน้าขึ้นรถ
เมื่อวานนี้ เรากับแฟนขับรถไปเที่ยว หัวหิน-สวนสน ระหว่างทางที่จะเข้าแยกหัวหิน ก็มีคุณยายอายุประมาณ 70 ปียืนโบกรถอยู่ริมถนน
เนื่องด้วยเป็นเวลากลางวัน และเห็นเป็นคุณยายก็เลยจอดรถถาม ยายขอติดรถไปแถวตลาดหัวหิน ระยะทางไม่น่าเกิน 10 ก.ม.
(พวกเราเห็นว่าเป็นทางผ่าน เพราะจะเข้าตลาดหาอะไรกินกันก่อนเดินทางต่ออยู่แล้ว ก็เลยให้ยายติดรถไปด้วย)
แกก็ดีใจอวยพรต่างๆนานา พอรถเคลื่อนตัว เราก็ถามทำไมมายืนโบกรถคนเดียว ลูกหลานไปไหน
(ดราม่าเริ่มบังเกิดจ้า ยายก็เกริ่น ยายอยู่แถวๆหัวหินนี่แหละ อยู่คนเดียว สามีเสียไปนานแล้ว ลูกหลานก็ไม่มี
เมื่อวานยายล้ม เจ็บตัว เจ็บหน้าอก เจ็บลิ้นปี่ ว่าจะไปหาหมอที่คลินิกในตลาด มีเงินติดตัวอยู่ 40 บาท
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้นะ ยายจะขอเงินไปหาหมอ เอาไปจ่ายค่ายาหมอ
เราก็ถามอีก ทำไมยายไม่ไปโรงพยาบาลล่ะ ไม่มีเงินไปคลินิกทำไม มันแพงกว่าตั้งเยอะ ยายไม่ใช้บัตรทองล่ะ
ยายก็ตอบบัตรทองสิทธิ์อยู่ชะอำ (แต่เมื่อกี้บอกเราอยู่แถวหัวหิน) หมอที่โรงพยาบาลหัวหินไม่ให้ใช้สิทธิ์
ค่ายาแพง นั่งรอก็นาน ยายไม่ค่อยรู้เรื่องการใช้สิทธิ์หรอก พูดวกไปวนมาและจบที่ขอเงิน...(อีกแล้ว)...
เราก็เลยบอกไปว่า ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวพวกหนูพายายไปที่โรงพยาบาลหัวหินนะ
ยายเป็นหลายอย่างขนาดนี้ควรไปตรวจที่ รพ ฉุกเฉินเค้าให้ใช้สิทธิ์อยู่แล้ว
แต่ยายยืนกรานไม่ไป บอกแต่ว่าพวกหนูไม่ต้องลำบาก เดี๋ยวไปคลินิกเอง หมอเค้ากันเอง รักษาอยู่ประจำ (ในใจคิดว่าคงเจอมิจฉาชีพละ)
แล้วก็ถามพวกหนูจะไปไหนหรอ เราก็โกหกตอบไปเลยจ้ะ จะมาหาพี่ชายที่เป็นตำรวจในหัวหินนี่แหละค่ะ นัดกันไว้
เดี๋ยวยังไงจะพายายไปตรวจที่ รพ. นะคะ เดี๋ยวให้พี่ชายแจ้งหมอนัดคิวให้ ได้ตรวจเร็วหน่อย (สตรอ...ไว้ก่อน)
เนื่องจากเราชาร์จมือถือแฟนไว้อยู่ เราก็เอามือถือแฟนโทรเข้ามือถือตัวเอง แล้วมโนเอาว่าพี่ชายที่เป็นตำรวจโทรมา
เราก็ถามชื่อยาย ยายบอกชื่อบุญสม ระหว่างที่เราทำทีท่าคุยโทรศัพท์ ยายก็แทรกตลอดว่า หนูไม่ต้องให้พี่ชายเดือดร้อนเพราะยายหรอก
ให้เค้าอยู่ของเค้าล่ะ เราก็บอกไม่เป็นไรค่ะ ไม่เดือดร้อนอะไรเลย เดี๋ยวพวกหนูช่วยยายนะ
(คือใจนึงเราก็คิดในแง่ลบนะว่ายายเป็นมิจฉาชีพแน่ๆ แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะช่วยให้ถึงที่สุด
พอถึงทางแยกเราเลือกที่จะพายายไป รพ หัวหิน (ระหว่างทางก่อนถึง รพ ประมาณ 2 กม. ยายก็จะให้พาไปที่ตลาดอย่างเดียว แต่เราไม่ยอม)
พอถึง รพ เราก็ลงรถไปกับยายให้แฟนหาที่จอดรถ พอไปถึงเค้าท์เตอร์ เราก็ขอบัตร ปชช ยาย เพื่อจะไปยื่นตรวจสอบสิทธิ์
ยายก็ยึกยักๆ บอกบัตรอยู่ชะอำ สิทธิ์อยู่ชะอำ จะไม่ให้บัตร แล้วก็บอกว่า รพ ไม่รักษาหรอก ยุ่งยาก
เราเลยถามยายไม่มีบัตรไม่กลัวตำรวจจับเพราะคิดว่าเป็นคนต่างด้าวหรอ ไม่พกเอกสารอะไรเลยหรอ
มาถึง รพ แล้ว คนก็ไม่เยอะ (คนไข้น้อยมาก) ตรวจเสร็จจะได้รู้ว่าเป็นอะไรได้ไม่ต้องไปคลินิกมันแพง
ยายก็ยอมให้บัตร (ลืมดูชื่อ) แต่เห็นผ่านๆตาว่าเป็นชื่อพยางค์เดียว ไม่ได้ชื่อตามที่บอกเรา แต่ที่อยู่ตามบัตรอยู่แถวชะอำ
ก็ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิทธิ์ (เราก็บอกเจ้าหน้าที่ไปตรงๆนะ รับยายมาจากข้างทาง ยายบอกไม่สบายเจ็บหน้าอก
เจ็บลิ้นปี่ ใช้สิทธิ์อะไรได้บ้าง ยายบอกไม่เคยมา รพ ไม่รู้เรื่องการตรวจรักษา และพูดเบาๆ ว่าไม่แน่ใจว่าเป็นมิจฉาชีพไหม)
จากการตรวจสอบสิทธิ์ สิทธิ์บัตรทองยายอยู่ที่ชะอำจริง แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ายายมีประวัติการรักษาที่นี่หลายครั้ง
ยายรู้เรื่องสิทธิ์รู้เรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างดีอยู่แล้ว (โป๊ะแตกสิคะ) ยายก็ดึงบัตรคืนค่ะ บอกไม่รักษาแล้ว ยุ่งยาก
เราก็เริ่มเหวี่ยง คนอื่นเริ่มมองละ เลยถามยายว่าสรุปยังไงคะ ไหนบอกไม่เคยมา ไม่รู้เรื่อง แต่มีประวัติรักษา พามาหาหมอก็ไม่ตรวจ
แต่จะพยายามขอเงินเพื่อไปคลินิกที่ตลาด ทั้งที่แพงกว่า สรุปมิจฉาชีพใช่ไหมคะ เจ้าหน้าที่ใจดีตอบให้เลยไม่มั่นใจเช่นกันค่ะ
เราก็เดินออกไปขึ้นรถ ปล่อยให้ยายอยู่ รพ. (จริงๆ ยายเดินตามพวกเรามาที่รถนะ แต่พวกเราเดินไว ก็เลยรีบสตาร์ทรถและขับออกมา)
เราถือว่าเราช่วยเต็มที่แล้ว เพราะถ้าหากยายตรวจจริงเราก็จะช่วยออกค่ารักษา เพราะ รพ รัฐค่าตรวจ ค่ายาไม่น่าเกิน 500 บาท
(แต่ยายเป็นมิจฉาชีพ จะเอาแต่เงินอย่างเดียว ซึ่งข้อนี้เรารับไม่ได้)
เพราะความสงสาร เห็นว่าเป็นคนแก่ ให้ไปส่งในที่ชุมชนช่วงกลางวัน คงไม่มีพิษมีภัยเคราะห์ดีที่เจอแบบเบาๆ
หลังจากนี้คงไม่ใจดีรับใครขึ้นมา เพราะความใจดีคงปกป้องให้เราปลอดภัยจากมิจฉาชีพไม่ได้
เพราะมิจฉาชีพ มีทุกเพศทุกวัยจริงๆ ใครมีประสบการณ์แวะมาแบ่งปันกันบ้างนะคะ
หากใครไปเจอยายอายุประมาณ 70 ผมสีเทาหงอก ตัวเล็ก ผิวดำแดง พูดสำเนียงเพชรบุรี เส้นทางชะอำ-หัวหิน
อย่าจอดรับนะคะ ด้วยความปรารถนาดี