เกิดเป็นหญิงยากแท้แสนลำบากกันนะคะทุกท่าน ดังคำกล่าวที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” และยังมีคำอื่นๆที่เจ็บปวดได้อีกมากกว่านั้นว่า “เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ซึ่งไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยังมีคำต่อท้ายให้ด้วยที่ว่า “ถ้าไม่สวยก็หยุดเถอะคร่า” โอ้ววววววววววว!!! มันก็ดูเป็นการทำร้ายจิตใจกันมากเกินไปนะคะ จะยอมกันได้อย่างไร ไม่ได้ชะมะ ใช่สิ...อิอิ ไม่ได้หรอกค่ะ เปลี่ยนเป็น ฮันนะซังรวมพลังจัมโบ้ว่า “ถ้ายังไม่ตาย ฉันก็ไม่ยอมมมม..ที่จะหยุดสวยดีกว่า”
ใครจะไปยอมกันได้ละคะ เกิร์ลพาวเวอร์อย่างเรา แน่นอนว่า คนเราเกิดมามีไม่เท่ากัน อยู่แล้ว “ตูด นม เดือย (อั้ยยยยยยยย)” หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณพ่อคุณแม่ให้มามากน้อยไม่เท่ากัน คนเบื้องบนก็อาจจะให้มาตามมีตามเกิดกันไป บางคนก้นแฟ่บ(ตูดฟีบ) เอวกิ่ว สะโพกเล็ก ดั้งแหมบ หรือที่เจ็บที่สุดของฝ่ายหญิงอย่างเราก็คือ “หน้าอกเล็ก” เหอะๆๆๆ ซึ่งยอมไม่ได้ยิ่งกว่า “อกหัก” อีกนะคะ แฟนใหม่ไม่ตายก็หาไม่ได้ แต่ นมใหญ่ตายกี่ชาติก็ยังขาดๆเกินๆกันอยู่ หุหุ..
เพราะฉะนั้น ฉันจึงทระนง สวมวิญญาณบุญรอด กันไปเลยค่ะคุณขา มือขวาปาดน้ำตา และสองเท้าก้าวเดินไปหาคุณหมอดีๆ เพื่อทำ “ศัลยกรรมนำพาชีวิตที่ดีงามและเลอค่ากันดีกว่าค่ะ” ใครจะว่าสิ้นเปลือง ใครจะว่าหน้าปลอม หรือเห็นเราเป็นแค่ดอกไม้พลาสติก ไม่ต้องแคร์ลลลลลลล เดินหน้าเชิด สองขาพ้อยน์ ยิ้มอ่อนให้ และเบะปากใส่แรงๆไปหนึ่งที พร้อมกับยึดมั่นในคติอันดีและคิดบวกเข้าไว้ค่ะว่า “ทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้” ว่าแล้วก็อยากชวนทุกท่านมาชมประวัติของผู้เขียนกันสักนิด เพื่อเป็นการน้อมนำทำความรู้จักกันเล็กๆน้อยๆค่ะ
สวัสดีค่ะ ชื่อ จูน นะคะ หรือ จะเรียกว่า “ปลา” ก็ได้ มี 2 ชื่อค่ะ ขออธิบายกันสักนิดว่าทำไมต้องมีสองชื่อนะคะ ชื่อเล่นจริงๆก็คือ “จูน” ในวงการก็คือ “จูนนี่” นั่นเอง (วงการบิ๊กมาม่าไม่อ้วนเอาเท่าไหร่) แต่อีกชื่อ คือ “ปลา” นั้นมาจาก ความอวบอิ่มพริ้มเพราเขย่าโลกของตัวเอง แล้วเป็นคนความจำสั้นมากๆ ยิ่งกว่าปลาทอง เพื่อนสาวก็เลยเรียกว่าปลานะคะ (ทั้งเพื่อนสาวและเพื่อนเกือบสาวเลยก็ว่าได้ค่ะ) และเหตุผลอีกอย่างก็มาจาก ความยุ้ยอุ้ยอ้ายแก้มป่องหน้าพองยิ่งกว่าปลาทองนั่นเองค่ะ อายุอานามตอนนี้ 18 ค่ะ (ล้อเล่น) 555 บวกไปอีก 14 ปี ตอนนี้ 32 (งวดนี้ใครอยากถูกไม่ต้องไปขูดเอาจากเจ้าแม่จูนนี่ไปได้เลย)
ออกตัวไว้ก่อนค่ะว่าเป็นคนที่รูปร่างท้วมมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เคยมีอยู่ช่วงนึงสมัยวัยรุ่น 16-17 เริ่มเป็นสาวสะพรั่งขึ้นมาก็เริ่มอยากจะผอม อยากจะสวยกับเค้ามาบ้าง ก็เริ่มปฏิบัติการฮันนะซังเมคโอเวอร์ตัวเอง ให้ผอมลงโดยการออกกำลังกาย ตีแบดทุกวันหลังเลิกเรียนกับเพื่อนๆ และอดอาหาร ทานน้อยมากๆ ไอศกรีม เค้ก น้ำอัดลม แม้แต่ไก่ทอดฟาสต์ฟู้ดที่เคยชอบกิน ดิฉันเลิกเด็ดขาดค่ะ และอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ขาดไมได้เลย คือ เข้าคอร์สกับคุณหมอขอยาลดความอ้วนสิคะ และไม่พลาดที่จะไปรับยาและพบแพทย์ ที่ ร.พ.ลดน้ำหนักอันดับต้นๆของประเทศ ก็ยอมรับค่ะว่า จากอ้วนๆท้วมๆ มาตั้งแต่เด็กๆ ก็เริ่มผอมลงๆๆๆๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งมีครอบครัว ตายละสิคะ หลังจากมีปั๋ว ใช่ค่ะก็มีชีวิตน้อยๆของ เราก็ตามมา ได้หนุ่มน้อยเข้ามาเพิ่มเติมในชีวิต 1 คน แต่ผลที่ตามมาหลังจากนั้น คุณแม่ก็ยุ้ยขึ้นๆ บวมเอาๆจนน้ำหนักขึ้นพรวดไปถึง 107 กก. ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ (ขอให้ถูกสามตัวบนกันทุกท่านถ้วนหน้าถ้วนตา) ความที่ดิฉันเป็นแม่บ้าน ทำแต่งานและดูแลสามีและลูกอย่างเดียว อย่างว่านะคะ คุณแม่บ้านสมัยนี้ก็น่าจะเข้าใจ หลังจากคลอดหนูน้อย ก็ต้องเอาใจใส่ปรนนิบัติพัดวี สมาชิกในครอบครัวทั้งสองหน่อ ให้อยู่กันอย่างอิ่มหมีพลีมัน แล้วกรรมก็มาตกอยู่กับอิชั้นที่เป็นคุณแม่บ้าน อาหารสารพัดอร่อยทั้งนั้น มีประโยชน์ทั้งนั้น ของคาว ของหวาน ความสุขในบ้านคือการกินๆๆๆๆ ดังนั้น แม่หมูจึงปล่อยตัวเอง อ้วนลอยนวลตาม คุณพ่อหมู และคุณลูกหมูไปค่ะ ดิฉันไม่ได้สนใจตัวเองจนครั้งสุดท้ายที่ชั่งน้ำหนัก แทบจะเป็นลมพับคาตาชั่ง (แต่กลัวตาชั่งยุบไม่มีให้ชั่งต่อ) นางเลยไปหยุดอยู่ที่หนักที่สุดของชีวิต ซึ่งบางที จูน ก็คิดนะว่าเราผ่านจุดนั้นมาได้ยังไง จุดที่อีกนิดนึงก็เป็นเพื่อนกับแม่หมีหลินฮุ่ยได้แล้ว ดิฉันจึงคิดลดน้ำหนักและปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ออกกำลังกายมากขึ้น T25คูณสองกันไปเลยค่ะ ปัจจุบันน้ำหนักจึงมาหยุดอยู่ที่ 80 ก.ก. ภายใน 3 ปี เท่านั้น แต่ไม่ใข่แค่จะลดน้ำหนักแล้วต้องผอมและสวยขึ้นมาทันตาเห็น ท้องแฟ่บ ไชมันไม่มี ไม่คงเหลือสภาพปลากระป๋องปุ้มปุ้ยอีกแล้ว ผิดคาดค่ะถึงน้ำหนักก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีวิธีกำจัดส่วนเกินของชีวิตที่เราแบกไว้มานานอย่างไขมันได้ แต่จะเป็นวิธีไหนขอตัดภาพไปที่การทำศัลยกรรมก่อนนะคะ เดี๋ยวจะรีเทิร์นกลับมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
ส่วนเรื่องหน้าตาก็อย่างว่าค่ะ ไม่ได้เป็นคนหน้าตาสวยงามมาตั้งแต่แรกเกิด แต่ก็พอจะเห็นแววความน่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง และตาหวานหยาดเยิ้มจากดิฉันกันนะคะ เดี๋ยวจะสาธยายให้ฟังกันค่ะ ว่าจุดเริ่มต้นของการลากกระเป๋าเข้าบ้านมีดหมอของดิฉันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหน
อันนี้รูปสมัยตอนเด็กๆเลยคะ เห็นไหมคะ ว่าดำมาก
จุดเริ่มต้นของ ศัลยกรรมนำชีวิตของดิฉันเริ่มที่อายุ 18 ปีค่ะ ช่วงนั้น ไม่มีอะไรที่จะฮิตฮอตอะล็อตอะเลิร์ตไปกว่า การทำจมูกอีกแล้ว ใช่แล้วค่ะ ดิฉันเริ่มทำจมูกเป็นอย่างแรกของการเข้าสู่วงการ plastic surgery โดยไม่ต้องคิดอะไรมากเลยค่ะว่าทำไมถึงไปทำ เป็นความอัตคัดขัดสนของคนไม่มีดั้ง และ โดนพี่สาวคนสวยล้อค่ะ ในขณะที่นางก็ขัดสนดั้งไม่แพ้กัน สองคนพี่น้องจึงจูงมือกันเดินไป น้องตามพี่ชาย เอ้ยยยยย พี่สาวคนสวยไป สองคนพี่น้องจึงได้ ดั้งโด่งแม้จะไม่พุ่งเป็นสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แต่ก็ถือว่าเก็บน้ำมูกได้หลายลูกบาศก์อยู่ จากนั้น ดิฉันก็หายไปมีครอบครัว พร้อมกับดั้งวิเศษที่ชักนำพาให้ได้พบกับชายหนุ่มผู้มีหัวใจมุ่งมาดปรารถนาจะรักในสาวตัวแม่ของวงการดอกไม้พลาสติกช่อใหญ่อย่างดิฉัน ชายหนุ่มที่ประกอบอาชีพที่หนุ่มสาวค่อนโลกใฝ่ฝันอยากจะเป็นและอยากจะทำ ฮี เป็น เทวดาอยู่บนฟ้า เป็นเจ้าชายที่คอยบริการทุกท่านให้มีความสุขเมื่ออยู่ในที่สูง และคอยโบกมือส่งเมื่อถึงที่หมาย บางทีก็หาผ้ามาช่วยซับน้ำลายเมื่อคุณหลับ เอาเป็นว่าหลังจากมีครอบครัว มีลูก อีกหลายปีเลยค่ะที่ดิฉันไม่ได้สนใจตัวเอง ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ก็ไม่ได้ละเลยที่จะดูแลตัวเองนะคะ เพราะผู้หญิงเราควรจะรักสวยรักงามให้เป็นนิสัย ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ไม่ว่าอะไรที่ไหน ผลิตภัณฑ์แบบไหนใช้ดี อันนี้รักษาผิวหน้าให้ชุ่มชื่น ตัวแม่บิวตี้คนนี้ไม่พลาดที่จะหามาครอบครองค่ะ บางทีไปศัลยกรรมนำชีวิตเที่ยวต่างประเทศแม่ก็จะขนซื้อมาทั้งแทบพลิกแผ่นดิน ก็อย่างว่าค่ะ ตัวตายไม่ว่า ขอข้าสวยขาวหน้าใสไว้ก่อน ถึงแม้คุณจะอ้วนเป็นช้างพังขนาดไหน ตัดภาพมาที่ผ่านไป 10 ปี ด้วยความที่ลูกเริ่มโตแล้ว คุณแม่ก็มีเวลาว่างมากขึ้นนะคะ จึงหาอะไรทำเพิ่มเติมเสริมรายได้ เพื่อนำมาซื้อขนมและจุนเจือของเล่นให้ลูกหมูอีกทางเป็นการช่วยพ่อหมู จึงตัดสินใจ ทำธุรกิจเล็กๆเกี่ยวกับความสวยความงามทางออนไลน์ค่ะ หุ้นกับ พี่ชาย เอ้ยยยยยยย พี่สาวคนสวยคนเดิมนั่นเอง ทีนี้ สองตัวแม่จึงได้จับมือเข้าสู่วงการ plastic surgery กันอีกครั้ง เวลาเปลี่ยนแต่ความคิดคนไม่เคยเปลี่ยน ดิฉันยังฝังรากลึกกับการอยากสวยและมีใบหน้าที่เข้ารูปหน้ามองอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้อยากจะเป็นอั้ม พัชราภา หรือ ชมพู่ อารยา อะไร แค่น้องๆ พลอย เฌอมาลย์ ก็พอ ดิฉันคงไม่ได้ฝันมากไปนะคะ โฮะๆๆ คุณพี่สาวตัวดีเจ้าเดิม ก็เริ่มแนะนำให้กับน้องสาวได้รู้จักกับอีกนวัตกรรมหนึ่งที่จะทำให้เราสวยใส มีไรหน้าที่เรียวงาม อร่ามแท้ แลตะลึงและเข้ารูปโดยไม่ต้องไปเสียเวลา ลบกราม เหลาคาง นั่นคือ น้องโบนั่นเอง ดิฉันจึงได้ทำการโบท็อกซ์เพื่อให้หน้าเข้ารูป งดถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง แม่เบี้ยไปได้พักใหญ่ค่ะ เพราะนางเอกหน้าเรียวขึ้น แผ่ไม่ได้ไปนานหลายเดือนทีเดียว จากนั้นจึงอยากได้จมูกที่เข้ารูป โด่งสันเป็นคม เพื่อเอาจมูกไปชนกับจมูกสามีแล้วบาดกันได้ พี่สาวจึงแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ ตอนที่ฉีดแรกๆก็ดีค่ะ แต่พอทำไปทำมาชักได้กลิ่นอะไรตุๆแปลกๆ ใช่แล้วค่ะ เกิดเหตุการณ์จมูกเสียรูปขึ้นมาจึงต้องไปทำการแก้จมูกที่เป็นอยู่ นี่และหนากรรมของคนสวย อยากจะสวยแต่ไม่ลงทุน และไม่ได้เฉลียวใจ ไปเจอหมอกระเป๋าที่เราคิดว่าได้มาตรฐาน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ค่ะ เสียมากกว่าเดิมอีก แต่ชีวิตของบุญรอดอย่างจูนไม่ย่อท้อนะคะ จูนจะสู้จนถึงที่สุด หัวใจสั่งมาแล้วว่าถ้าไม่สวยจะไม่ยอม ได้เกิดมาทั้งทียังไงต้องลองดีเข้าสักวัน หลังจากสืบถาม เสาะหาข้อมูล ที่ได้แน่นอนแล้ว และมั่นใจแน่นอนแล้วว่า จมูกของฉันจะต้องกลับมาดีดังเดิม ดังนั้นจึงยกมือขึ้นปาดน้ำตา สะบัดผมอีกหนึ่งครั้ง และรีบยกหูพลันจองตั๋วเครื่องบิน และคุยกับโรงพยาบาลที่ทำศัลยกรรมที่เกาหลีอย่างแท้จริง ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ดังนั้น บุญรอด จึงขอสวมวิญญาณ ฮันนะซัง ขอสวยเจ๋งๆแบบเปล่งประกายสักครั้ง จึงตัดสินใจไปแก้จมูก อย่างถูกวิธี กับ คุณหมอศัลยกรรมเกาหลีค่ะ เอาล่ะสิ ชีวิตชองฮันนะซังได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อไปถึงที่เกาหลีแล้วจะเป็นยังไง เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังกันนะคะ
ลงรูปเพิ่มเติมอีกหน่อยนะคะ อิอิ
แม่หมู พาครอบครัวเที่ยว
รูปถ่ายกับสามี เจ้าชายของแม่หมุคะ
[CR] ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตที่เกาหลี จากสาวอ้วนที่ไม่ชอบถ่ายรูป ด้วยเงิน 5 ล้านบาท รูปเยอะหน่อยนะคะ
ใครจะไปยอมกันได้ละคะ เกิร์ลพาวเวอร์อย่างเรา แน่นอนว่า คนเราเกิดมามีไม่เท่ากัน อยู่แล้ว “ตูด นม เดือย (อั้ยยยยยยยย)” หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณพ่อคุณแม่ให้มามากน้อยไม่เท่ากัน คนเบื้องบนก็อาจจะให้มาตามมีตามเกิดกันไป บางคนก้นแฟ่บ(ตูดฟีบ) เอวกิ่ว สะโพกเล็ก ดั้งแหมบ หรือที่เจ็บที่สุดของฝ่ายหญิงอย่างเราก็คือ “หน้าอกเล็ก” เหอะๆๆๆ ซึ่งยอมไม่ได้ยิ่งกว่า “อกหัก” อีกนะคะ แฟนใหม่ไม่ตายก็หาไม่ได้ แต่ นมใหญ่ตายกี่ชาติก็ยังขาดๆเกินๆกันอยู่ หุหุ..
เพราะฉะนั้น ฉันจึงทระนง สวมวิญญาณบุญรอด กันไปเลยค่ะคุณขา มือขวาปาดน้ำตา และสองเท้าก้าวเดินไปหาคุณหมอดีๆ เพื่อทำ “ศัลยกรรมนำพาชีวิตที่ดีงามและเลอค่ากันดีกว่าค่ะ” ใครจะว่าสิ้นเปลือง ใครจะว่าหน้าปลอม หรือเห็นเราเป็นแค่ดอกไม้พลาสติก ไม่ต้องแคร์ลลลลลลล เดินหน้าเชิด สองขาพ้อยน์ ยิ้มอ่อนให้ และเบะปากใส่แรงๆไปหนึ่งที พร้อมกับยึดมั่นในคติอันดีและคิดบวกเข้าไว้ค่ะว่า “ทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้” ว่าแล้วก็อยากชวนทุกท่านมาชมประวัติของผู้เขียนกันสักนิด เพื่อเป็นการน้อมนำทำความรู้จักกันเล็กๆน้อยๆค่ะ
สวัสดีค่ะ ชื่อ จูน นะคะ หรือ จะเรียกว่า “ปลา” ก็ได้ มี 2 ชื่อค่ะ ขออธิบายกันสักนิดว่าทำไมต้องมีสองชื่อนะคะ ชื่อเล่นจริงๆก็คือ “จูน” ในวงการก็คือ “จูนนี่” นั่นเอง (วงการบิ๊กมาม่าไม่อ้วนเอาเท่าไหร่) แต่อีกชื่อ คือ “ปลา” นั้นมาจาก ความอวบอิ่มพริ้มเพราเขย่าโลกของตัวเอง แล้วเป็นคนความจำสั้นมากๆ ยิ่งกว่าปลาทอง เพื่อนสาวก็เลยเรียกว่าปลานะคะ (ทั้งเพื่อนสาวและเพื่อนเกือบสาวเลยก็ว่าได้ค่ะ) และเหตุผลอีกอย่างก็มาจาก ความยุ้ยอุ้ยอ้ายแก้มป่องหน้าพองยิ่งกว่าปลาทองนั่นเองค่ะ อายุอานามตอนนี้ 18 ค่ะ (ล้อเล่น) 555 บวกไปอีก 14 ปี ตอนนี้ 32 (งวดนี้ใครอยากถูกไม่ต้องไปขูดเอาจากเจ้าแม่จูนนี่ไปได้เลย)
ออกตัวไว้ก่อนค่ะว่าเป็นคนที่รูปร่างท้วมมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เคยมีอยู่ช่วงนึงสมัยวัยรุ่น 16-17 เริ่มเป็นสาวสะพรั่งขึ้นมาก็เริ่มอยากจะผอม อยากจะสวยกับเค้ามาบ้าง ก็เริ่มปฏิบัติการฮันนะซังเมคโอเวอร์ตัวเอง ให้ผอมลงโดยการออกกำลังกาย ตีแบดทุกวันหลังเลิกเรียนกับเพื่อนๆ และอดอาหาร ทานน้อยมากๆ ไอศกรีม เค้ก น้ำอัดลม แม้แต่ไก่ทอดฟาสต์ฟู้ดที่เคยชอบกิน ดิฉันเลิกเด็ดขาดค่ะ และอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ขาดไมได้เลย คือ เข้าคอร์สกับคุณหมอขอยาลดความอ้วนสิคะ และไม่พลาดที่จะไปรับยาและพบแพทย์ ที่ ร.พ.ลดน้ำหนักอันดับต้นๆของประเทศ ก็ยอมรับค่ะว่า จากอ้วนๆท้วมๆ มาตั้งแต่เด็กๆ ก็เริ่มผอมลงๆๆๆๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งมีครอบครัว ตายละสิคะ หลังจากมีปั๋ว ใช่ค่ะก็มีชีวิตน้อยๆของ เราก็ตามมา ได้หนุ่มน้อยเข้ามาเพิ่มเติมในชีวิต 1 คน แต่ผลที่ตามมาหลังจากนั้น คุณแม่ก็ยุ้ยขึ้นๆ บวมเอาๆจนน้ำหนักขึ้นพรวดไปถึง 107 กก. ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ (ขอให้ถูกสามตัวบนกันทุกท่านถ้วนหน้าถ้วนตา) ความที่ดิฉันเป็นแม่บ้าน ทำแต่งานและดูแลสามีและลูกอย่างเดียว อย่างว่านะคะ คุณแม่บ้านสมัยนี้ก็น่าจะเข้าใจ หลังจากคลอดหนูน้อย ก็ต้องเอาใจใส่ปรนนิบัติพัดวี สมาชิกในครอบครัวทั้งสองหน่อ ให้อยู่กันอย่างอิ่มหมีพลีมัน แล้วกรรมก็มาตกอยู่กับอิชั้นที่เป็นคุณแม่บ้าน อาหารสารพัดอร่อยทั้งนั้น มีประโยชน์ทั้งนั้น ของคาว ของหวาน ความสุขในบ้านคือการกินๆๆๆๆ ดังนั้น แม่หมูจึงปล่อยตัวเอง อ้วนลอยนวลตาม คุณพ่อหมู และคุณลูกหมูไปค่ะ ดิฉันไม่ได้สนใจตัวเองจนครั้งสุดท้ายที่ชั่งน้ำหนัก แทบจะเป็นลมพับคาตาชั่ง (แต่กลัวตาชั่งยุบไม่มีให้ชั่งต่อ) นางเลยไปหยุดอยู่ที่หนักที่สุดของชีวิต ซึ่งบางที จูน ก็คิดนะว่าเราผ่านจุดนั้นมาได้ยังไง จุดที่อีกนิดนึงก็เป็นเพื่อนกับแม่หมีหลินฮุ่ยได้แล้ว ดิฉันจึงคิดลดน้ำหนักและปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ออกกำลังกายมากขึ้น T25คูณสองกันไปเลยค่ะ ปัจจุบันน้ำหนักจึงมาหยุดอยู่ที่ 80 ก.ก. ภายใน 3 ปี เท่านั้น แต่ไม่ใข่แค่จะลดน้ำหนักแล้วต้องผอมและสวยขึ้นมาทันตาเห็น ท้องแฟ่บ ไชมันไม่มี ไม่คงเหลือสภาพปลากระป๋องปุ้มปุ้ยอีกแล้ว ผิดคาดค่ะถึงน้ำหนักก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีวิธีกำจัดส่วนเกินของชีวิตที่เราแบกไว้มานานอย่างไขมันได้ แต่จะเป็นวิธีไหนขอตัดภาพไปที่การทำศัลยกรรมก่อนนะคะ เดี๋ยวจะรีเทิร์นกลับมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
ส่วนเรื่องหน้าตาก็อย่างว่าค่ะ ไม่ได้เป็นคนหน้าตาสวยงามมาตั้งแต่แรกเกิด แต่ก็พอจะเห็นแววความน่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง และตาหวานหยาดเยิ้มจากดิฉันกันนะคะ เดี๋ยวจะสาธยายให้ฟังกันค่ะ ว่าจุดเริ่มต้นของการลากกระเป๋าเข้าบ้านมีดหมอของดิฉันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหน
อันนี้รูปสมัยตอนเด็กๆเลยคะ เห็นไหมคะ ว่าดำมาก
จุดเริ่มต้นของ ศัลยกรรมนำชีวิตของดิฉันเริ่มที่อายุ 18 ปีค่ะ ช่วงนั้น ไม่มีอะไรที่จะฮิตฮอตอะล็อตอะเลิร์ตไปกว่า การทำจมูกอีกแล้ว ใช่แล้วค่ะ ดิฉันเริ่มทำจมูกเป็นอย่างแรกของการเข้าสู่วงการ plastic surgery โดยไม่ต้องคิดอะไรมากเลยค่ะว่าทำไมถึงไปทำ เป็นความอัตคัดขัดสนของคนไม่มีดั้ง และ โดนพี่สาวคนสวยล้อค่ะ ในขณะที่นางก็ขัดสนดั้งไม่แพ้กัน สองคนพี่น้องจึงจูงมือกันเดินไป น้องตามพี่ชาย เอ้ยยยยย พี่สาวคนสวยไป สองคนพี่น้องจึงได้ ดั้งโด่งแม้จะไม่พุ่งเป็นสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แต่ก็ถือว่าเก็บน้ำมูกได้หลายลูกบาศก์อยู่ จากนั้น ดิฉันก็หายไปมีครอบครัว พร้อมกับดั้งวิเศษที่ชักนำพาให้ได้พบกับชายหนุ่มผู้มีหัวใจมุ่งมาดปรารถนาจะรักในสาวตัวแม่ของวงการดอกไม้พลาสติกช่อใหญ่อย่างดิฉัน ชายหนุ่มที่ประกอบอาชีพที่หนุ่มสาวค่อนโลกใฝ่ฝันอยากจะเป็นและอยากจะทำ ฮี เป็น เทวดาอยู่บนฟ้า เป็นเจ้าชายที่คอยบริการทุกท่านให้มีความสุขเมื่ออยู่ในที่สูง และคอยโบกมือส่งเมื่อถึงที่หมาย บางทีก็หาผ้ามาช่วยซับน้ำลายเมื่อคุณหลับ เอาเป็นว่าหลังจากมีครอบครัว มีลูก อีกหลายปีเลยค่ะที่ดิฉันไม่ได้สนใจตัวเอง ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ก็ไม่ได้ละเลยที่จะดูแลตัวเองนะคะ เพราะผู้หญิงเราควรจะรักสวยรักงามให้เป็นนิสัย ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ไม่ว่าอะไรที่ไหน ผลิตภัณฑ์แบบไหนใช้ดี อันนี้รักษาผิวหน้าให้ชุ่มชื่น ตัวแม่บิวตี้คนนี้ไม่พลาดที่จะหามาครอบครองค่ะ บางทีไปศัลยกรรมนำชีวิตเที่ยวต่างประเทศแม่ก็จะขนซื้อมาทั้งแทบพลิกแผ่นดิน ก็อย่างว่าค่ะ ตัวตายไม่ว่า ขอข้าสวยขาวหน้าใสไว้ก่อน ถึงแม้คุณจะอ้วนเป็นช้างพังขนาดไหน ตัดภาพมาที่ผ่านไป 10 ปี ด้วยความที่ลูกเริ่มโตแล้ว คุณแม่ก็มีเวลาว่างมากขึ้นนะคะ จึงหาอะไรทำเพิ่มเติมเสริมรายได้ เพื่อนำมาซื้อขนมและจุนเจือของเล่นให้ลูกหมูอีกทางเป็นการช่วยพ่อหมู จึงตัดสินใจ ทำธุรกิจเล็กๆเกี่ยวกับความสวยความงามทางออนไลน์ค่ะ หุ้นกับ พี่ชาย เอ้ยยยยยยย พี่สาวคนสวยคนเดิมนั่นเอง ทีนี้ สองตัวแม่จึงได้จับมือเข้าสู่วงการ plastic surgery กันอีกครั้ง เวลาเปลี่ยนแต่ความคิดคนไม่เคยเปลี่ยน ดิฉันยังฝังรากลึกกับการอยากสวยและมีใบหน้าที่เข้ารูปหน้ามองอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้อยากจะเป็นอั้ม พัชราภา หรือ ชมพู่ อารยา อะไร แค่น้องๆ พลอย เฌอมาลย์ ก็พอ ดิฉันคงไม่ได้ฝันมากไปนะคะ โฮะๆๆ คุณพี่สาวตัวดีเจ้าเดิม ก็เริ่มแนะนำให้กับน้องสาวได้รู้จักกับอีกนวัตกรรมหนึ่งที่จะทำให้เราสวยใส มีไรหน้าที่เรียวงาม อร่ามแท้ แลตะลึงและเข้ารูปโดยไม่ต้องไปเสียเวลา ลบกราม เหลาคาง นั่นคือ น้องโบนั่นเอง ดิฉันจึงได้ทำการโบท็อกซ์เพื่อให้หน้าเข้ารูป งดถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง แม่เบี้ยไปได้พักใหญ่ค่ะ เพราะนางเอกหน้าเรียวขึ้น แผ่ไม่ได้ไปนานหลายเดือนทีเดียว จากนั้นจึงอยากได้จมูกที่เข้ารูป โด่งสันเป็นคม เพื่อเอาจมูกไปชนกับจมูกสามีแล้วบาดกันได้ พี่สาวจึงแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ ตอนที่ฉีดแรกๆก็ดีค่ะ แต่พอทำไปทำมาชักได้กลิ่นอะไรตุๆแปลกๆ ใช่แล้วค่ะ เกิดเหตุการณ์จมูกเสียรูปขึ้นมาจึงต้องไปทำการแก้จมูกที่เป็นอยู่ นี่และหนากรรมของคนสวย อยากจะสวยแต่ไม่ลงทุน และไม่ได้เฉลียวใจ ไปเจอหมอกระเป๋าที่เราคิดว่าได้มาตรฐาน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ค่ะ เสียมากกว่าเดิมอีก แต่ชีวิตของบุญรอดอย่างจูนไม่ย่อท้อนะคะ จูนจะสู้จนถึงที่สุด หัวใจสั่งมาแล้วว่าถ้าไม่สวยจะไม่ยอม ได้เกิดมาทั้งทียังไงต้องลองดีเข้าสักวัน หลังจากสืบถาม เสาะหาข้อมูล ที่ได้แน่นอนแล้ว และมั่นใจแน่นอนแล้วว่า จมูกของฉันจะต้องกลับมาดีดังเดิม ดังนั้นจึงยกมือขึ้นปาดน้ำตา สะบัดผมอีกหนึ่งครั้ง และรีบยกหูพลันจองตั๋วเครื่องบิน และคุยกับโรงพยาบาลที่ทำศัลยกรรมที่เกาหลีอย่างแท้จริง ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ดังนั้น บุญรอด จึงขอสวมวิญญาณ ฮันนะซัง ขอสวยเจ๋งๆแบบเปล่งประกายสักครั้ง จึงตัดสินใจไปแก้จมูก อย่างถูกวิธี กับ คุณหมอศัลยกรรมเกาหลีค่ะ เอาล่ะสิ ชีวิตชองฮันนะซังได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อไปถึงที่เกาหลีแล้วจะเป็นยังไง เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังกันนะคะ
ลงรูปเพิ่มเติมอีกหน่อยนะคะ อิอิ
แม่หมู พาครอบครัวเที่ยว
รูปถ่ายกับสามี เจ้าชายของแม่หมุคะ