สวัสดีครับ....ผมมีเรื่องสอบถามผู้รู้เกี่ยวกับทางออกคดียักยอกทรัพย์ของแฟนหน่อยครับ
ขออนุญาติเล่าย้อนไปตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเลยนะครับ
เมื่อประมาณสองปีที่แล้วแฟนผมได้งานเป็นผู้จัดการร้านขายเครื่องประดับ มีหน้าร้านอยู่ที่ห้างใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งร้านนี้มีบริษัทแห่งนึง
(ขอเรียกว่าบริษัทเอ) เป็นเจ้าของและมีออฟฟิตหลักอยู่ในกรุงเทพ
แฟนผมทำงานที่นั่นได้เกือบหนึ่งปี ช่วงนั้นผมเองมีปัญหาเรื่องเงินอย่างหนัก จนแฟนต้องเอาเงินบริษัทมาช่วยเหลือ ทำให้สุดท้ายแฟนก็ต้องออกจากงานเนื่องจากหาเงินคืนบริษัทไม่ทัน (โดยที่บริษัทเอให้ตัวแทนคือนางบี ไปแจ้งความไว้ว่าแฟนยักยอกทรัพย์ของบริษัท ที่ สภ.ในพื้นที่ โดยมีพนักงานสอบสวนซีเป็นเจ้าของคดี)
หลังจากผมและแฟนหนีกลับไปอยู่ที่บ้านอีกจังหวัดนึงหลายเดือน(มาทราบภายหลังว่ามีการออกหมายจับแฟนด้วย) จนเมื่อปลายปี 57 แฟนผมได้งานใหม่และต้องกลับมาทำงานที่ภูเก็ต ผมและแฟนคิดว่าคงต้องสะสางเรื่องเก่าให้เสร็จสิ้น จะได้ไม่มีปัญหากับที่ทำงานใหม่
ระหว่างที่แฟนเริ่มงานกับที่ทำงานใหม่นั้น แฟนก็พยายามติดต่อกลับไปยังบริษัทเอ เพื่อจะเคลียร์เรื่องคดียักยอกทรัพย์ คุยกันอยู่หลายครั้งจนได้ข้อสรุปว่า แฟนผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัทเอ ตามที่แจ้งความเอาไว้ และทางบริษัทเอจะต้องส่งตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจมาถอนแจ้งความให้ โดยนัดกันชำระเงินกันที่ สภ.ที่แจ้งความไว้
เมื่อถึงวันนัดแฟนและตัวแทนบริษัทเอ จึงได้ไปเจอกันที่โรงพัก โดยมีพนักงานสอบสวนดีเป็นผู้รับช่วงดูแลคดี(พนักงานสอบสวนซีย้ายไปแล้ว) ในวันนั้นมีการจ่ายเงินคืนให้กับบริษัทเอ แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนดีบอกว่าไม่ทราบเลขคดี จึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ผมเองก็ได้ทำสำเนาใบลงบันทึกประจำวัน ถ่ายรูปแฟนและตัวแทนบริษัทเอ ขณะส่งมอบเงินและโชว์ใบลงบันทึก แล้วก็แยกย้าย
สองอาทิตย์ต่อมา บริษัทเอได้ส่งใบเสร็จรับเงินมาให้ ผมกับแฟนก็ดีใจคิดว่าคงเสร็จเรื่องแล้ว
ที่ไหนได้พอผ่านไปได้เกือบเดือน กลับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถือหมายจับไปตามจับแฟนผมที่สำนักงานใหญ่ของบริษัแฟนที่กรุงเทพ งง..ซิครับรอบนี้
แฟนผมเลยรีบติดต่อพนักงานสอบสวนดีทันที เพื่อสอบถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมยังมีตำรวจไปตามจับ พนักงานสอบสวนจึงบอกว่าตอนมายอมความกันนั้น ตัวพนักงานสอบสวนไม่ทราบหมายเลขคดี จึงทำแค่ลงบันทึกประจำวันให้ และเมื่อไม่ทราบหมายเลขคดี ทำให้ยังไม่ได้ถอนหมายจับออกจากระบบ
แฟนจึงถามว่าแลัวจะแก้ไขอย่างไร พนักงานสอบสวนก็บอกว่าคงต้องให้บริษัทเอมอบอำนาจให้ตัวแทนมาทำเรื่องถอนคำร้องทุกข์อีกครั้ง หรือจะทำที่ สภ.ไหนก็ได้แล้วส่งสำเนาเอกสารถอนคำร้องทุกข์มาเรื่องถึงจะจบ
พอได้ยินแบบนี้ แฟนผมก็เลยติดต่อไปทางบริษัทเอ แล้วอธิบายไปตามที่พนักงานสอบสวนบอกมา. แต่คราวนี้บริษัทเอ ยึกยักละครับ(แน่ละ..ได้เงินไปละ) ไม่ค่อยจะรับสายบ้าง ถามว่าทำไมต้องทำใหม่ ถ้าจะให้ทำก็ให้พนักงานสอบสวนชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร. ถึงจะทำให้หัวหน้าเค้าเซ็นมอบอำนาจใหม่ได้
แฟนผมก็ไม่รอช้า. รีบไปอ้อนวอนพนักงานสอบสวนจนได้หนังสือชี้แจงมา ก็รีบส่งไปให้บริษัทเอทันที
สองเดือนผ่านไป ทุกครั้งที่โทรตามเรื่องที่บริษัทเอ. ก็โดนบ่ายเบี่ยงตลอด บางครั้งติดต่อได้ก็บอกว่าทำให้ บางครั้งก็บอกว่าต้องใช้เวลาค้นเอกสารเก่า
จนเมื่อต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ก็มีตำรวจถือหมายจับมาจับแฟนผม คราวนี้มีสองทีมเลยครับ ทีมนึงไปออฟฟิตใหญ่ที่ กทม. อีกทีมมาหาแฟนที่หน้าร้านในภูเก็ต เรียบร้อยครับแฟนโดนหิ้วไปโรงพัก แต่ก็เอาเอกสารทุกอย่างที่มีไปด้วย ชุดจับกุมเห็นเอกสาร ทั้งหมด ก็ให้ความเห็นว่าเป็นความผิดพลาดที่พนักงานสอบสวน โดนกักตัวอยู่ที่โรงพักครึ่งวัน สุดท้ายชุดจับกุมและพนักงานสอบสวนร่วมกันหาทางออกว่า. จะถอนหมายจับให้ก่อนจะได้ไม่ต้องมีตำรวจไปตามจับ แต่หากจะให้จบเรื่องจริงๆยังไงก็ต้องใช้เอกสารการถอนคำร้องทุกข์จากบริษัทเอเท่านั้น เรื่องถึงจะจบบริบูรณ์
ตอนนี้แฟนตกงานตามระเบียบครับ จะหางานใหม่ถ้าทำให้เรื่องนี้จบไม่ได้ หางานใหม่ได้ก็มีปัญหาอยู่ดี
จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้...ผมมีคำถามดังนี้ครับ
1.จะทำอย่างไรให้คดีนี้จบได้จริงๆครับ หรือไม่ว่ายังไงก็ต้องให้บริษัทเอ. ไปถอนคำร้องทุกข์อีกครั้ง. ไม่มีทางเลือกอื่น
2.ไม่สามารถใช้เอกสารอื่นประกอบ. หรือใช้แทนใบถอนคำร้องทุกข์ได้เลยเหรอครับ เช่น ใบเสร็จรับเงิน, ใบลงบันทึกประจำวัน, ใบรับรองผลคดี
(ล่าสุดที่พนักงานสอบสวนออกให้ตอนแฟนผมโดนชุดจับกุมหิ้วไปโรงพัก)
3.ถ้าบริษัทเจ้าทุกข์ ไม่สนใจที่จะถอนคำร้องทุกข์ให้ใหม่อีกครั้ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ผมจะมีหนทางอื่นที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้อีกไหม
รบกวนหน่อยท่านใดที่เป็นทนาย หรือผู้รู้หน่อยนะครับ หากต้องการข้อมูลส่วนไหนเพิ่มเติม. หรือต้องการดูเอกสารที่ทางผมมีบอกได้ครับ
ขอคำปรึกษาคดียักยอกทรัพย์หน่อยครับ ชดใช้เงินแล้ว เจ้าทุกข์ไม่ถอนแจ้งความให้
ขออนุญาติเล่าย้อนไปตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเลยนะครับ
เมื่อประมาณสองปีที่แล้วแฟนผมได้งานเป็นผู้จัดการร้านขายเครื่องประดับ มีหน้าร้านอยู่ที่ห้างใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งร้านนี้มีบริษัทแห่งนึง
(ขอเรียกว่าบริษัทเอ) เป็นเจ้าของและมีออฟฟิตหลักอยู่ในกรุงเทพ
แฟนผมทำงานที่นั่นได้เกือบหนึ่งปี ช่วงนั้นผมเองมีปัญหาเรื่องเงินอย่างหนัก จนแฟนต้องเอาเงินบริษัทมาช่วยเหลือ ทำให้สุดท้ายแฟนก็ต้องออกจากงานเนื่องจากหาเงินคืนบริษัทไม่ทัน (โดยที่บริษัทเอให้ตัวแทนคือนางบี ไปแจ้งความไว้ว่าแฟนยักยอกทรัพย์ของบริษัท ที่ สภ.ในพื้นที่ โดยมีพนักงานสอบสวนซีเป็นเจ้าของคดี)
หลังจากผมและแฟนหนีกลับไปอยู่ที่บ้านอีกจังหวัดนึงหลายเดือน(มาทราบภายหลังว่ามีการออกหมายจับแฟนด้วย) จนเมื่อปลายปี 57 แฟนผมได้งานใหม่และต้องกลับมาทำงานที่ภูเก็ต ผมและแฟนคิดว่าคงต้องสะสางเรื่องเก่าให้เสร็จสิ้น จะได้ไม่มีปัญหากับที่ทำงานใหม่
ระหว่างที่แฟนเริ่มงานกับที่ทำงานใหม่นั้น แฟนก็พยายามติดต่อกลับไปยังบริษัทเอ เพื่อจะเคลียร์เรื่องคดียักยอกทรัพย์ คุยกันอยู่หลายครั้งจนได้ข้อสรุปว่า แฟนผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัทเอ ตามที่แจ้งความเอาไว้ และทางบริษัทเอจะต้องส่งตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจมาถอนแจ้งความให้ โดยนัดกันชำระเงินกันที่ สภ.ที่แจ้งความไว้
เมื่อถึงวันนัดแฟนและตัวแทนบริษัทเอ จึงได้ไปเจอกันที่โรงพัก โดยมีพนักงานสอบสวนดีเป็นผู้รับช่วงดูแลคดี(พนักงานสอบสวนซีย้ายไปแล้ว) ในวันนั้นมีการจ่ายเงินคืนให้กับบริษัทเอ แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนดีบอกว่าไม่ทราบเลขคดี จึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ผมเองก็ได้ทำสำเนาใบลงบันทึกประจำวัน ถ่ายรูปแฟนและตัวแทนบริษัทเอ ขณะส่งมอบเงินและโชว์ใบลงบันทึก แล้วก็แยกย้าย
สองอาทิตย์ต่อมา บริษัทเอได้ส่งใบเสร็จรับเงินมาให้ ผมกับแฟนก็ดีใจคิดว่าคงเสร็จเรื่องแล้ว
ที่ไหนได้พอผ่านไปได้เกือบเดือน กลับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถือหมายจับไปตามจับแฟนผมที่สำนักงานใหญ่ของบริษัแฟนที่กรุงเทพ งง..ซิครับรอบนี้
แฟนผมเลยรีบติดต่อพนักงานสอบสวนดีทันที เพื่อสอบถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมยังมีตำรวจไปตามจับ พนักงานสอบสวนจึงบอกว่าตอนมายอมความกันนั้น ตัวพนักงานสอบสวนไม่ทราบหมายเลขคดี จึงทำแค่ลงบันทึกประจำวันให้ และเมื่อไม่ทราบหมายเลขคดี ทำให้ยังไม่ได้ถอนหมายจับออกจากระบบ
แฟนจึงถามว่าแลัวจะแก้ไขอย่างไร พนักงานสอบสวนก็บอกว่าคงต้องให้บริษัทเอมอบอำนาจให้ตัวแทนมาทำเรื่องถอนคำร้องทุกข์อีกครั้ง หรือจะทำที่ สภ.ไหนก็ได้แล้วส่งสำเนาเอกสารถอนคำร้องทุกข์มาเรื่องถึงจะจบ
พอได้ยินแบบนี้ แฟนผมก็เลยติดต่อไปทางบริษัทเอ แล้วอธิบายไปตามที่พนักงานสอบสวนบอกมา. แต่คราวนี้บริษัทเอ ยึกยักละครับ(แน่ละ..ได้เงินไปละ) ไม่ค่อยจะรับสายบ้าง ถามว่าทำไมต้องทำใหม่ ถ้าจะให้ทำก็ให้พนักงานสอบสวนชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร. ถึงจะทำให้หัวหน้าเค้าเซ็นมอบอำนาจใหม่ได้
แฟนผมก็ไม่รอช้า. รีบไปอ้อนวอนพนักงานสอบสวนจนได้หนังสือชี้แจงมา ก็รีบส่งไปให้บริษัทเอทันที
สองเดือนผ่านไป ทุกครั้งที่โทรตามเรื่องที่บริษัทเอ. ก็โดนบ่ายเบี่ยงตลอด บางครั้งติดต่อได้ก็บอกว่าทำให้ บางครั้งก็บอกว่าต้องใช้เวลาค้นเอกสารเก่า
จนเมื่อต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ก็มีตำรวจถือหมายจับมาจับแฟนผม คราวนี้มีสองทีมเลยครับ ทีมนึงไปออฟฟิตใหญ่ที่ กทม. อีกทีมมาหาแฟนที่หน้าร้านในภูเก็ต เรียบร้อยครับแฟนโดนหิ้วไปโรงพัก แต่ก็เอาเอกสารทุกอย่างที่มีไปด้วย ชุดจับกุมเห็นเอกสาร ทั้งหมด ก็ให้ความเห็นว่าเป็นความผิดพลาดที่พนักงานสอบสวน โดนกักตัวอยู่ที่โรงพักครึ่งวัน สุดท้ายชุดจับกุมและพนักงานสอบสวนร่วมกันหาทางออกว่า. จะถอนหมายจับให้ก่อนจะได้ไม่ต้องมีตำรวจไปตามจับ แต่หากจะให้จบเรื่องจริงๆยังไงก็ต้องใช้เอกสารการถอนคำร้องทุกข์จากบริษัทเอเท่านั้น เรื่องถึงจะจบบริบูรณ์
ตอนนี้แฟนตกงานตามระเบียบครับ จะหางานใหม่ถ้าทำให้เรื่องนี้จบไม่ได้ หางานใหม่ได้ก็มีปัญหาอยู่ดี
จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้...ผมมีคำถามดังนี้ครับ
1.จะทำอย่างไรให้คดีนี้จบได้จริงๆครับ หรือไม่ว่ายังไงก็ต้องให้บริษัทเอ. ไปถอนคำร้องทุกข์อีกครั้ง. ไม่มีทางเลือกอื่น
2.ไม่สามารถใช้เอกสารอื่นประกอบ. หรือใช้แทนใบถอนคำร้องทุกข์ได้เลยเหรอครับ เช่น ใบเสร็จรับเงิน, ใบลงบันทึกประจำวัน, ใบรับรองผลคดี
(ล่าสุดที่พนักงานสอบสวนออกให้ตอนแฟนผมโดนชุดจับกุมหิ้วไปโรงพัก)
3.ถ้าบริษัทเจ้าทุกข์ ไม่สนใจที่จะถอนคำร้องทุกข์ให้ใหม่อีกครั้ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ผมจะมีหนทางอื่นที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้อีกไหม
รบกวนหน่อยท่านใดที่เป็นทนาย หรือผู้รู้หน่อยนะครับ หากต้องการข้อมูลส่วนไหนเพิ่มเติม. หรือต้องการดูเอกสารที่ทางผมมีบอกได้ครับ