สวัสดีครับทุกท่าน เจอกันอีกแล้วนะครับ สำหรับงวดนี้ผมพา Infinite Prime ไปขึ้นเนินที่เขาใหญ่แบบด่านชนด่าน
ผมเองเคยขึ้นเขาใหญ่และผ่านแบบด่านชนด่านมาล่ะ แต่ตอนนั้นใช้จักรยานคันอื่น ซึ่งการขึ้นเขาใหญ่ด่านชนด่านคือ เราจะขึ้นจากด่านเนินหอม จ. ปราจีนไปถึงที่ทำการอุทยาน แล้วจากนั้นก็จะลงจากที่ทำการไปยังด่านปากช่อง จ. นครราชสีมา เสร็จแล้วก็ปั่นขึ้นเนินกลับขึ้นมาที่ทำการใหม่ แล้วปั่นลงเขากลับไปด่านเนินหอมฝั่งปากจีนอีกครั้ง ระยะรวมก็จะประมาณ 90 กิโลเมตรได้
งวดนี้ผมได้ไปมาสองครั้งคือ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18) กับวันศุกร์ที่ (23) ซึ่งเป็นคนละกลุ่ม สไตล์การปั่นก็แตกต่างกันหน่อย แต่ก็สนุกทั้งคู่เลย
เริ่มต้นนักปั่นส่วนใหญ่มักจะมาจอดรถที่ร้านกาแฟที่ห่างจากด่านเนินหอม
ซึ่งเหมือนเซ็ตรถเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมปั่นเรียบร้อยแล้ว ควรที่จะวอร์มครับ ผมเองก็เช่นกัน ก็ปั่นวอร์มอยู่ที่ถนนหน้าด่านสัก 15-20 นาที ก่อนจะเข้าด่านเนินหอม ลุยเนินกันเลย
ถ้าคนเคยไปปั่นเขาใหญ่จะรู้ว่าเปิดฉากมาจะเจอเนินที่ชันน่าจะเกินจะสะพานปิ่นเกล้าและยาวกว่าสะพานตากสิน ระยะน่าจะราวๆ 3 กิโลเมตร เนินนี้ผมเรียกว่าเนินรับน้อง คนไม่เคยปั่นขึ้นเขาจะได้รู้ตัวเอง ได้คุยกับตัวเอง (แบบว่าจะมาปั่นทรมานทำไม) แต่ถ้าพยายามจนผ่านได้ก็จะมีทางลงนิดหน่อย แล้วค่อยไปเจอเนินที่เบากว่านิดๆ อีกหน่อย แล้วโคตรไปเจอจุดโหดประจำด่านปราจีนที่ออกมาเจอตั้งแต่กลางทางที่กิโลที่ 8 - 9 ตรงจุดนี้ความชันขึ้น 10+ มีลักษณะเป็นโค้งอีก หลายคนทนไม่ไหวมักจะเอาขาลงพื้นตรงนี้เพื่อพักหัวใจ
การเอาขาลงพื้นเพื่อพักหัวใจถือเป็นวิธีหนึ่งที่ดีในการปั่นขึ้นเขาครับ ดีกว่าการเข็นขึ้น เพราะหากเรารู้สึกไม่ไหว เราก็หาจุดที่สามารถลงรถเพื่อพัก แล้วพอหายเหนื่อยก็ไปต่อ มันจะสามารถปั่นไปต่อได้ครับ แต่ถ้าเข็นร่างกายจะยังทำงานหนักอยู่ เหนื่อยกว่าครับ
ตรงจุดนี้ไม่มีปัญหาสำหรับผม ปั่นมาหลายครั้งล่ะ ขาไม่แตะพื้น แล้วไหลลงผ่านน้ำตกเหวนรกไป (จุดนี้หลายคนสามารถพักเหนื่อยได้ครับ ผมมาครั้งแรกก็เคยพักที่เหวนรกก่อนจะปั่นขึ้นไปต่อ)
หลังจากผ่านเหวนรกก็จะเป็นเนินสไตล์โรลลิ่งขึ้นๆลงๆ ผ่านช่วงเหวนรกมาได้ตรงจุดนี้สบายกว่าครับ แถมจะมีเนินไหลลงมันๆ อย่างแอ่งกะทะ ก่อนที่จะถึงสามแยกป้อมเขาเขียวด้วย
เมื่อผ่านแอ่งกะทะเข้าสู่โลกความเร็วที่ไม่คุ้นเคย จากนั้นจะเจอสามแยกเขาเขียว สามารถปั่นขึ้นเขาเขียวไปเจอบอสใหญ่ภาคกลางได้ แต่ช่วงนี้เส้นทางขึ้นเขาเขียวปิด เราก็เลยตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้าย จากนั้นก็ตรงไปก็จะถึงที่ทำการอุทยานครับ ตรงนี้ก็จะหมดเส้นทางปั่นขึ้นทางฝั่งปราจีน
บางคนก็แวะทานข้าวที่นี่เลย เพราะมีศูนย์อาหารอยู่
ส่วนใหญ่ผมจะพักแค่เติมน้ำ เติมพลังงานสำรองนิดหน่อย แล้วก็ปั่นลงเพื่อไปด่านปากช่องต่อ ซึ่งทางลงด่านปากช่องถือว่าเป็นทางลงที่ค่อนข้างลงยากอยู่เหมือนกัน มือใหม่อาจจะไม่ชินกับความเร็วกับโค้งที่เจอหลายครั้ง รวมทั้งถนนในช่วงของปากช่องจะเป็นสองเลนบางทีจะมีรถวิ่งร่วมถนนทั้งทางขึ้นทางลง เวลาลงจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ไม่ควรทำความเร็วกันในตอนลงนี้
ลงมาถึงจะเจอศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ จะไปขอพรก็ได้นะครับ
ด้านหน้าด่านก็จะมีป้ายขนาดใหญ่ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็ดี
มาถ่ายรูปเสร็จ นักปั่นอย่างเราๆก็คงรู้ตัว เมื่อกี้เราลงเขามาเร็ว ๆ ตอนขึ้นก็ต้องชดเชยกรรมนั่นแหละ เพราะทางลงเร็วแบบนั้น ขาขึ้นมันต้องชันแน่นอน ซึ่งความชันของฝั่งปากช่องนี้ถึงระยะจะแค่เกือบๆ 14 กิโล แต่ความชันก็โหดกว่าฝั่งปราจีนอีกเท่าตัว
จุดโหดประจำฝั่งปากช่องนอกจากลูกสมุนความชันที่มากกว่าปราจีนแล้วก็คือ แบริเออร์เหลืองจุดที่สอง ตรงจุดนี้มันจะมีความชันค่อนข้างมาก ต่อเนื่องเป็นรูปตัวเอส เริ่มจากโค้งเพื่อเข้าทางแบริเออร์เหลืองก่อน จุดนี้ก็ชันแล้ว พอผ่านมาได้ แต่พอเงยหน้ามองแบริเออร์เหลืองปุ๊บ กำลังใจที่ขึ้นมาได้แทบหดหายไป เพราะมองแล้วชันเสียเหลือเกิน ผมเองมักกัดฟันยืนโยกยาว ๆ เพราะไม่มีกำลังจะนั่งกดนั่งปั่นล่ะ จากนั้นพอหมดช่วงแบริเออร์เหลืองก็แทนที่จะได้พัก มันยังมีโค้งตัวเอสเบา ๆ แต่ความชันไม่เบาซ้ำให้เอาขาลงอีกที (ผมแตะพื้นตรงจุดนี้ประจำ 555)
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรละ มีเนินบ้าง แต่ก็ไม่หนักเท่า แป๊บๆ ก็ถึงที่ทำการแล้ว
บางคนก็พักทานอาหารเติมแรง บางคนก็ปั่นลงปราจีนเลย ซึ่งหลังจากนี้เป็นทางลงปราจีน น่าจะเรียกว่าเป็นช่วงที่สนุกและสบายที่สุดล่ะ เพราะไม่ยากมาก ทางลงไลน์ไม่ค่อยมีอะไร (แต่ยังไงก็ต้องระมัดระวัง) แต่ว่าบางทีจุดนี้มักมีช้างโผล่มานะ พอเจอช้างให้หยุดครับ พยายามปั่นไปห่าง ๆ เท่าที่จะทำได้ แล้วรอจนกว่าช้างจะไปครับ
ลงมาถึงที่ด่านเนินหอมก็จบคอร์สด่านชนด่านครับ
พา Infinite Prime ไปขึ้นเนินเขาใหญ่ ด่านชนด่าน
ผมเองเคยขึ้นเขาใหญ่และผ่านแบบด่านชนด่านมาล่ะ แต่ตอนนั้นใช้จักรยานคันอื่น ซึ่งการขึ้นเขาใหญ่ด่านชนด่านคือ เราจะขึ้นจากด่านเนินหอม จ. ปราจีนไปถึงที่ทำการอุทยาน แล้วจากนั้นก็จะลงจากที่ทำการไปยังด่านปากช่อง จ. นครราชสีมา เสร็จแล้วก็ปั่นขึ้นเนินกลับขึ้นมาที่ทำการใหม่ แล้วปั่นลงเขากลับไปด่านเนินหอมฝั่งปากจีนอีกครั้ง ระยะรวมก็จะประมาณ 90 กิโลเมตรได้
งวดนี้ผมได้ไปมาสองครั้งคือ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18) กับวันศุกร์ที่ (23) ซึ่งเป็นคนละกลุ่ม สไตล์การปั่นก็แตกต่างกันหน่อย แต่ก็สนุกทั้งคู่เลย
เริ่มต้นนักปั่นส่วนใหญ่มักจะมาจอดรถที่ร้านกาแฟที่ห่างจากด่านเนินหอม
ซึ่งเหมือนเซ็ตรถเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมปั่นเรียบร้อยแล้ว ควรที่จะวอร์มครับ ผมเองก็เช่นกัน ก็ปั่นวอร์มอยู่ที่ถนนหน้าด่านสัก 15-20 นาที ก่อนจะเข้าด่านเนินหอม ลุยเนินกันเลย
ถ้าคนเคยไปปั่นเขาใหญ่จะรู้ว่าเปิดฉากมาจะเจอเนินที่ชันน่าจะเกินจะสะพานปิ่นเกล้าและยาวกว่าสะพานตากสิน ระยะน่าจะราวๆ 3 กิโลเมตร เนินนี้ผมเรียกว่าเนินรับน้อง คนไม่เคยปั่นขึ้นเขาจะได้รู้ตัวเอง ได้คุยกับตัวเอง (แบบว่าจะมาปั่นทรมานทำไม) แต่ถ้าพยายามจนผ่านได้ก็จะมีทางลงนิดหน่อย แล้วค่อยไปเจอเนินที่เบากว่านิดๆ อีกหน่อย แล้วโคตรไปเจอจุดโหดประจำด่านปราจีนที่ออกมาเจอตั้งแต่กลางทางที่กิโลที่ 8 - 9 ตรงจุดนี้ความชันขึ้น 10+ มีลักษณะเป็นโค้งอีก หลายคนทนไม่ไหวมักจะเอาขาลงพื้นตรงนี้เพื่อพักหัวใจ
การเอาขาลงพื้นเพื่อพักหัวใจถือเป็นวิธีหนึ่งที่ดีในการปั่นขึ้นเขาครับ ดีกว่าการเข็นขึ้น เพราะหากเรารู้สึกไม่ไหว เราก็หาจุดที่สามารถลงรถเพื่อพัก แล้วพอหายเหนื่อยก็ไปต่อ มันจะสามารถปั่นไปต่อได้ครับ แต่ถ้าเข็นร่างกายจะยังทำงานหนักอยู่ เหนื่อยกว่าครับ
ตรงจุดนี้ไม่มีปัญหาสำหรับผม ปั่นมาหลายครั้งล่ะ ขาไม่แตะพื้น แล้วไหลลงผ่านน้ำตกเหวนรกไป (จุดนี้หลายคนสามารถพักเหนื่อยได้ครับ ผมมาครั้งแรกก็เคยพักที่เหวนรกก่อนจะปั่นขึ้นไปต่อ)
หลังจากผ่านเหวนรกก็จะเป็นเนินสไตล์โรลลิ่งขึ้นๆลงๆ ผ่านช่วงเหวนรกมาได้ตรงจุดนี้สบายกว่าครับ แถมจะมีเนินไหลลงมันๆ อย่างแอ่งกะทะ ก่อนที่จะถึงสามแยกป้อมเขาเขียวด้วย
เมื่อผ่านแอ่งกะทะเข้าสู่โลกความเร็วที่ไม่คุ้นเคย จากนั้นจะเจอสามแยกเขาเขียว สามารถปั่นขึ้นเขาเขียวไปเจอบอสใหญ่ภาคกลางได้ แต่ช่วงนี้เส้นทางขึ้นเขาเขียวปิด เราก็เลยตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้าย จากนั้นก็ตรงไปก็จะถึงที่ทำการอุทยานครับ ตรงนี้ก็จะหมดเส้นทางปั่นขึ้นทางฝั่งปราจีน
บางคนก็แวะทานข้าวที่นี่เลย เพราะมีศูนย์อาหารอยู่
ส่วนใหญ่ผมจะพักแค่เติมน้ำ เติมพลังงานสำรองนิดหน่อย แล้วก็ปั่นลงเพื่อไปด่านปากช่องต่อ ซึ่งทางลงด่านปากช่องถือว่าเป็นทางลงที่ค่อนข้างลงยากอยู่เหมือนกัน มือใหม่อาจจะไม่ชินกับความเร็วกับโค้งที่เจอหลายครั้ง รวมทั้งถนนในช่วงของปากช่องจะเป็นสองเลนบางทีจะมีรถวิ่งร่วมถนนทั้งทางขึ้นทางลง เวลาลงจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ไม่ควรทำความเร็วกันในตอนลงนี้
ลงมาถึงจะเจอศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ จะไปขอพรก็ได้นะครับ
ด้านหน้าด่านก็จะมีป้ายขนาดใหญ่ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็ดี
มาถ่ายรูปเสร็จ นักปั่นอย่างเราๆก็คงรู้ตัว เมื่อกี้เราลงเขามาเร็ว ๆ ตอนขึ้นก็ต้องชดเชยกรรมนั่นแหละ เพราะทางลงเร็วแบบนั้น ขาขึ้นมันต้องชันแน่นอน ซึ่งความชันของฝั่งปากช่องนี้ถึงระยะจะแค่เกือบๆ 14 กิโล แต่ความชันก็โหดกว่าฝั่งปราจีนอีกเท่าตัว
จุดโหดประจำฝั่งปากช่องนอกจากลูกสมุนความชันที่มากกว่าปราจีนแล้วก็คือ แบริเออร์เหลืองจุดที่สอง ตรงจุดนี้มันจะมีความชันค่อนข้างมาก ต่อเนื่องเป็นรูปตัวเอส เริ่มจากโค้งเพื่อเข้าทางแบริเออร์เหลืองก่อน จุดนี้ก็ชันแล้ว พอผ่านมาได้ แต่พอเงยหน้ามองแบริเออร์เหลืองปุ๊บ กำลังใจที่ขึ้นมาได้แทบหดหายไป เพราะมองแล้วชันเสียเหลือเกิน ผมเองมักกัดฟันยืนโยกยาว ๆ เพราะไม่มีกำลังจะนั่งกดนั่งปั่นล่ะ จากนั้นพอหมดช่วงแบริเออร์เหลืองก็แทนที่จะได้พัก มันยังมีโค้งตัวเอสเบา ๆ แต่ความชันไม่เบาซ้ำให้เอาขาลงอีกที (ผมแตะพื้นตรงจุดนี้ประจำ 555)
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรละ มีเนินบ้าง แต่ก็ไม่หนักเท่า แป๊บๆ ก็ถึงที่ทำการแล้ว
บางคนก็พักทานอาหารเติมแรง บางคนก็ปั่นลงปราจีนเลย ซึ่งหลังจากนี้เป็นทางลงปราจีน น่าจะเรียกว่าเป็นช่วงที่สนุกและสบายที่สุดล่ะ เพราะไม่ยากมาก ทางลงไลน์ไม่ค่อยมีอะไร (แต่ยังไงก็ต้องระมัดระวัง) แต่ว่าบางทีจุดนี้มักมีช้างโผล่มานะ พอเจอช้างให้หยุดครับ พยายามปั่นไปห่าง ๆ เท่าที่จะทำได้ แล้วรอจนกว่าช้างจะไปครับ
ลงมาถึงที่ด่านเนินหอมก็จบคอร์สด่านชนด่านครับ