ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "เนเธอร์แลนด์ วันที่1"

http://ppantip.com/topic/34338921  ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://ppantip.com/topic/34353426  ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://ppantip.com/topic/34355076  ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://ppantip.com/topic/34364373  ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://ppantip.com/topic/34385053  ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://ppantip.com/topic/34390037  ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"

เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu



" เอ้า!คิวผมแล้วเหรอวะ?!!! "

นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้พูดกับตัวเอง


มาถึงแล้วนะ ต้องไปรับกระเป๋าก่อนแล้วเดินไปด่าน ตม.





ตื่นเต้นจังแฮะ ทำตัวไม่ถูกเลย



เหตุการณ์ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

ผม  :  Hello! (สวัสดีครับ)

เจ้าหน้าที่ : Hello, can i borrow your passport? (สวัสดี ฉันขอดูพาสปอร์ตคุณหน่อย)

ผม  :  Ok, no problem. (ได้ครับผม)

หลังจากที่เจ้าหน้าที่เปิดไล่ดูข้อมูลบนพาสปอร์ตแล้วจึงเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยคำถามออกมา

เจ้าหน้าที่  :  Who do you come with?(คุณเดินทางมากับใครบ้างล่ะ)

ผม  :  Alone! (คนเดียวครับ)

บรรยากาศการสนทนาหยุดไปไม่นานในโลกความเป็นจริง   แต่ในโลกแห่งความรู้สึกผมรู้สึกว่ามันนานมาก   เจ้าหน้าที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
และดูเหมือนกำลังมองดูท่าทีผม   เมื่อมองผมพักนึงพร้อมกับพิจารณาอะไรซักอย่างแล้วเจ้าหน้าที่ก็พูดกับผมอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่  :  Wait a moment sir. (รอซักครู่นะ)

ผม  :  Ok.(ครับ)


บทสนทนาสุดท้ายที่พูดกับผมพร้อมยกหูโทรศัพท์คุยเป็นภาษาดัชกับใครซักคน   เมื่อวางสายเสร็จก็หันมาที่ผมและยิ้มให้เบาๆ  ผมก็งงสิครับ
ทั้งงงทั้งกลัวทั้งเครียด   ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่หญิงอีกคนเดินออกมาหาผมและเรียกผมเดินตามเข้าไปในห้องทำงานของเธอ   หลังจากนั้นเธอก็เริ่มถามคำถามมากมายกับผม   แต่ในที่นี้ผมขอเขียนถ่ายทอดเป็นภาษาไทยนะครับ 555

เจ้าหน้าที่หญิง  :  ฉันขอถามข้อมูลคุณหน่อยนะ

ผม  :  ได้ครับ

เจ้าหน้าที่หญิง  :  คุณมาเที่ยวกับใครบ้าง   และมีแผนจะไปที่ไหนบ้าง?

ผม  :  ผมมาเที่ยวคนเดียวครับ  มีแผนจะเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์   จากนั้นจะข้ามไปฝรั่งเศส  สวิสเซอร์แลนด์  และอิตาลีครับ

เจ้าหน้าที่หญิง  :  ฉันขอดูข้อมูลจองโรงแรมกับแผนเที่ยวของคุณหน่อย

ผม  :  ได้ครับ    พร้อมกับยื่นเอกสารทั้งหมดที่ใช้ขอวีซ่าให้เธอ

เจ้าหน้าที่หญิง  :  ทำไมถึงเปลี่ยนที่พักทุกวันเลยล่ะ?  ย้ายที่พักทุกเมืองเลยเหรอ?

ตอนนั้นผมไม่รู้จริงว่าจะตอบเธอว่ายังไง   เลยบอกคำตอบแบบอินดี้ๆกับเธอไป


ผม  :  ผมไม่รู้ผมจะตอบยังไง  แบบว่า..มันเป็นความรู้สึกอ่ะครับ
เธอออกอาการงงๆกับคำตอบ   ผมจึงพูดเสริมไปอีก


ผม  :  พอดีผมอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในแต่ละวันไปเรื่อยๆอ่ะครับ  เลยย้ายที่พักไปเรื่อยๆ
ดูเหมือนเธอจะพอใจในคำตอบของผมแล้วล่ะ


เจ้าหน้าที่หญิง  :  มาเที่ยวครั้งนี้มีงบมาเท่าไหร่เหรอ?

ผม  :  ประมาณ 1,000 ยูโร ครับ   และมีบัตรเครดิตอีก 2ใบ

เจ้าหน้าที่หญิง  :  แล้วที่ไทยทำงานอะไรเหรอ?

ผม   :  ทำงานเป็นวิศวกรบริษัทแห่งหนึ่งครับ


ดูเหมือนเธอจะพอใจในคำตอบนี้ของผม   เธอจึงยิ้มให้กับผมแล้วบอกว่า "โอเคค่ะ ไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมแล้วล่ะ"
พร้อมกับพาผมออกมาส่งที่ประตูทางออกของด่านตรวจและเปิดประตูให้ผม

เจ้าหน้าที่หญิง  :  Have a good trip sir.(มีความสุขกับทริปของคุณนะคะ)  พร้อมกับรอยยิ้มที่เธอส่งมาให้

ผม  :  Thank you very much.(ขอบคุณมากนะครับ)  พร้อมก้มขอบคุณให้กับเธอ  เธอก็ยิ้มตอบรับ


จากนี้มันคงเป็นทางของผมแล้วสินะ   ที่ผมจะมีอิสระในชีวิตมากกว่าทุกๆครั้ง   และมากที่สุดในชีวิตตั้งแต่ผมเกิดมา  
เพราะผมไม่ต้องรับสายใคร  ไม่ต้องบอกใครว่าผมจะไปไหน   ผมสามารถเดินทางได้ด้วยวีซ่านี้ได้ 29ประเทศ   แผนผม
จะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ผมพอใจ  

ผมเดินห่างออกมาจากด่านเรื่อยๆเพื่อไปยังสถานีรถไฟเพื่อจะต่อเข้าไปในเมืองอัมเตอร์ดัม( Amsterdam)
จากนี้ผมมีอีกเรื่องให้เริ่มคิดแล้วล่ะ   ผมจะซื้อตั๋วยังไง   ผมต้องทำยังไงก่อนจะขึ้นรถไฟ   นั่นเป็นคำถามที่ผมถามกับตัวเอง  
เพราะผมหาข้อมูลในการเดินทางในแต่ละประเทศน้อยมาก   อาจจะพูดได้ว่าแทบจะไม่ได้เตรียมตัวเลยก็ว่าได้  
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ผมยืนๆนั่งๆอยู่แถวๆเคาร์เตอร์ขายตั๋วเพื่อสังเกตุว่าเขาซื้อตั๋วกันยังไง   ผมต้องทำอย่างไรบ้างก่อนจะลงไปอีกชั้นเพื่อขึ้นรถ
ซึ่งที่นี่จะมี WiFi ให้เล่นครับ  เพียงแค่เราเข้าไปกดลงชื่อเล็กๆน้อยๆก็ใช้ใช้ครั้งละ  1ชั่วโมง  


เดินตามป้ายไปเรื่อยๆครับ  ไปสถานีรถไฟ อ้าวลุง อย่าตัดหน้ากล้องงงงง





ครั้งแรกที่เคยเห็นตารางรถไฟในยุโรป   ดูยังไง? ขอลอกวิธีดูมาจากตารางเที่ยวบินแล้วกันนะ ^^




ผมลงเครื่อง 14.50น. ตามเวลาท้องถิ่น  ผมนั่งสังเกตุไปเอื่อยๆกับชีวิตไปจนเวลาเลยมาถึง 18.00น. ซึ่งอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นๆ  แต่ที่นี่ยังไม่มืดครับ  
ยังสว่างเป็นตอนกลางวันอยู่เลยเพราะที่นี่ดวงอาทิย์ลับขอบฟ้า 20.00น. นั่นหมายความว่าผมมีเวลาเที่ยวมีเวลาทำอะไรต่อมิอะไรเยอะขึ้น  

หลังจากเข้าไปต่อคิวซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปยัง Amsterdam Centraal ก่อนจะลงไปขึ้นรถเราก็ทำการ Validate ตั๋วโดยการการเอาตั๋วไปแตะที่กรวยหรือโพล  ที่วางกระจายตัวอยู่ใกล้ทางขึ้น-ลง  เมื่อทำการแตะแล้วจะมีเสียง"ปี๊บ" 1ครั้ง     จากนั้นก็ลงไปรอรถได้เลย   เมื่อถึงปลายทางและขึ้นบันไดเลื่อนออกมาก็จะเห็นโพลเหล่านี้วางอยู่แถวๆทางขึ้น   เราก็ทำเช่นเดิม   แต่ถ้าไม่แตะก็ไม่เป็นไร  แต่สำหรับผมต้องทำให้ถูกไว้ก่อน   เพื่อที่จะไม่มีปัญหาในภายหลัง เนื่องจากวันนี้ผมก็โดนจนอ่วมมากพอแล้วล่ะ 5555

รถไฟใช้เวลาราวๆ 20นาทีจากสนามบินก็วิ่งเข้าสู่สถานี Amsterdam Centraal Station หลังจากเดินออกมาเรื่อยๆและจะออกสู่ประตูทางออก   ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง   "ผ่างงงงง" เหมือนมีอะไรซักอย่างหล่นทับความรู้สึกผมอย่างแรง  "มาถึงแล้วโว้ย ยุโรป!!!"


มาถึงแล้วโว้ยยยย ยุโรป





สะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆ  มีเสน่ห์เนาะ เอ๊ย!!ตึกเขาสวยดีเนอะ ฮ่าาา



นั่นคือภาพแรกของยุโรปที่ผมสัมผัสมันด้วยตาตัวเอง  แม่มโคตรตื้นตันใจเลยกับการเดินทางครั้งนี้  อุ๊ย!ขอโทษครับ  เผลอใช้คำไม่สุภาพในที่สาธารณะอีกแล้ว  ^^!

ผมหยิบมือถือและแผนที่ของผมขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดูทิศทางเพื่อไปยังที่พัก   ผมเตร่กับบรรยากาศอยู่นานจนตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว   ผมเดินตามแผนที่ไปเรื่อยและสุดท้ายก็ถึงที่พักครับ  เป็นHostel แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก   หลังจากติดต่อที่เคาร์เตอร์เรียบร้อยก็ได้เวลาเอากระเป๋าไปเก็บในล็อคเกอร์   คืนนี้ผมนอนรวมกับนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมาเป็นคู่หนุ่มสาว   กับฝรั่งวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งผมไม่มีโอกาสได้คุยกับเขา


ระหว่างเดินหาที่พัก อะไรก็ดูตื่นเต้นไปหมด 555





ผมกำลังอยู่ในเมืองแห่งจักรยานครับ





ไม่นั่งรถราง ไม่นั่งแท็กซี่ แต่ผมขอเดินแล้วกันนะ





เฮ้ยๆๆ มันคืออะไรอ่ะ สวยๆๆ





หูยยยย ฉันชอบที่นี่แล้วล่ะ




นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วผมจึงเริ่มออกผจญภัยโดยการสะพายกล้องขึ้นบ่าและเดินย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปยังสถานีรถไฟ   เดินแบบเอื่อยๆไปกับอากาศเย็นๆของที่นี่   ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ   ได้อยู่กับตัวเองเต็มที่   การถ่ายภาพก็งั้นๆแหละเพราะพึ่งเริ่มหัดเล่นกล้อง   ภาพที่ออกมาจึงมีคุณภาพค่อนไปทางแย่เลยก็ว่าได้ 555    บรรยากาศข้างนอกคนก็ยังเยอะครับ    อากาศเย็นใช้ได้เลยทีเดียว   คืนนี้ผมปล่อยตัวเองให้เอื่อยๆกับบรรยากาศของอัมสเตอร์ดัม   กับคูคลอง  


ป่ะ ไปเดินเล่นกัน





อากาศเย็นๆปะทะหน้าจังๆ ฟินนนน





สถานีรถไฟ Amsterdam Centraal Station





อยากอยู่ตรงนี้ให้นานๆแต่ไม่ได้   อากาศเย็นยะเยือกมาก


คืนนี้เดินเตร่จนเหนื่อยจนพอใจแล้วก็ได้เวลากลับเข้าที่พักแล้วแหละครับเพราะอากาศเย็นเหลือเกิน   ต้องรีบกลับเข้าไปหาอากาศอุ่นๆและเก็บแรงเอาไว้สำหรับพรุ่งนี้และวันอื่นๆของทริป   โดยที่ตอนนี้ยังไม่มีแผนเลยว่าพรุ่งนี้จะไปไหน   ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ  ผมจะพาตะลอนแบบไม่มีแผนในอัมสเตอร์ดัมกัน   เมื่อมันไม่มีแผนก็ต้องเดินไปตามความรู้สึกและสภาพการณ์สดๆเบื้องหน้านี่แหละครับ


ทางกลับที่พัก มืดก็มืด แต่เป็นชายอกสามศอก แค่นี้ต้องกลัวอะไร เดินๆๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่