http://ppantip.com/topic/34338921 ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://ppantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://ppantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://ppantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://ppantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://ppantip.com/topic/34390037 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
" เอ้า!คิวผมแล้วเหรอวะ?!!! "
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้พูดกับตัวเอง
มาถึงแล้วนะ ต้องไปรับกระเป๋าก่อนแล้วเดินไปด่าน ตม.
ตื่นเต้นจังแฮะ ทำตัวไม่ถูกเลย
เหตุการณ์ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
ผม : Hello! (สวัสดีครับ)
เจ้าหน้าที่ : Hello, can i borrow your passport? (สวัสดี ฉันขอดูพาสปอร์ตคุณหน่อย)
ผม : Ok, no problem. (ได้ครับผม)
หลังจากที่เจ้าหน้าที่เปิดไล่ดูข้อมูลบนพาสปอร์ตแล้วจึงเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยคำถามออกมา
เจ้าหน้าที่ : Who do you come with?(คุณเดินทางมากับใครบ้างล่ะ)
ผม : Alone! (คนเดียวครับ)
บรรยากาศการสนทนาหยุดไปไม่นานในโลกความเป็นจริง แต่ในโลกแห่งความรู้สึกผมรู้สึกว่ามันนานมาก เจ้าหน้าที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
และดูเหมือนกำลังมองดูท่าทีผม เมื่อมองผมพักนึงพร้อมกับพิจารณาอะไรซักอย่างแล้วเจ้าหน้าที่ก็พูดกับผมอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ : Wait a moment sir. (รอซักครู่นะ)
ผม : Ok.(ครับ)
บทสนทนาสุดท้ายที่พูดกับผมพร้อมยกหูโทรศัพท์คุยเป็นภาษาดัชกับใครซักคน เมื่อวางสายเสร็จก็หันมาที่ผมและยิ้มให้เบาๆ ผมก็งงสิครับ
ทั้งงงทั้งกลัวทั้งเครียด ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่หญิงอีกคนเดินออกมาหาผมและเรียกผมเดินตามเข้าไปในห้องทำงานของเธอ หลังจากนั้นเธอก็เริ่มถามคำถามมากมายกับผม แต่ในที่นี้ผมขอเขียนถ่ายทอดเป็นภาษาไทยนะครับ 555
เจ้าหน้าที่หญิง : ฉันขอถามข้อมูลคุณหน่อยนะ
ผม : ได้ครับ
เจ้าหน้าที่หญิง : คุณมาเที่ยวกับใครบ้าง และมีแผนจะไปที่ไหนบ้าง?
ผม : ผมมาเที่ยวคนเดียวครับ มีแผนจะเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์ จากนั้นจะข้ามไปฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ และอิตาลีครับ
เจ้าหน้าที่หญิง : ฉันขอดูข้อมูลจองโรงแรมกับแผนเที่ยวของคุณหน่อย
ผม : ได้ครับ พร้อมกับยื่นเอกสารทั้งหมดที่ใช้ขอวีซ่าให้เธอ
เจ้าหน้าที่หญิง : ทำไมถึงเปลี่ยนที่พักทุกวันเลยล่ะ? ย้ายที่พักทุกเมืองเลยเหรอ?
ตอนนั้นผมไม่รู้จริงว่าจะตอบเธอว่ายังไง เลยบอกคำตอบแบบอินดี้ๆกับเธอไป
ผม : ผมไม่รู้ผมจะตอบยังไง แบบว่า..มันเป็นความรู้สึกอ่ะครับ
เธอออกอาการงงๆกับคำตอบ ผมจึงพูดเสริมไปอีก
ผม : พอดีผมอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในแต่ละวันไปเรื่อยๆอ่ะครับ เลยย้ายที่พักไปเรื่อยๆ
ดูเหมือนเธอจะพอใจในคำตอบของผมแล้วล่ะ
เจ้าหน้าที่หญิง : มาเที่ยวครั้งนี้มีงบมาเท่าไหร่เหรอ?
ผม : ประมาณ 1,000 ยูโร ครับ และมีบัตรเครดิตอีก 2ใบ
เจ้าหน้าที่หญิง : แล้วที่ไทยทำงานอะไรเหรอ?
ผม : ทำงานเป็นวิศวกรบริษัทแห่งหนึ่งครับ
ดูเหมือนเธอจะพอใจในคำตอบนี้ของผม เธอจึงยิ้มให้กับผมแล้วบอกว่า
"โอเคค่ะ ไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมแล้วล่ะ"
พร้อมกับพาผมออกมาส่งที่ประตูทางออกของด่านตรวจและเปิดประตูให้ผม
เจ้าหน้าที่หญิง : Have a good trip sir.(มีความสุขกับทริปของคุณนะคะ) พร้อมกับรอยยิ้มที่เธอส่งมาให้
ผม : Thank you very much.(ขอบคุณมากนะครับ) พร้อมก้มขอบคุณให้กับเธอ เธอก็ยิ้มตอบรับ
จากนี้มันคงเป็นทางของผมแล้วสินะ ที่ผมจะมีอิสระในชีวิตมากกว่าทุกๆครั้ง และมากที่สุดในชีวิตตั้งแต่ผมเกิดมา
เพราะผมไม่ต้องรับสายใคร ไม่ต้องบอกใครว่าผมจะไปไหน ผมสามารถเดินทางได้ด้วยวีซ่านี้ได้ 29ประเทศ แผนผม
จะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ผมพอใจ
ผมเดินห่างออกมาจากด่านเรื่อยๆเพื่อไปยังสถานีรถไฟเพื่อจะต่อเข้าไปในเมืองอัมเตอร์ดัม( Amsterdam)
จากนี้ผมมีอีกเรื่องให้เริ่มคิดแล้วล่ะ ผมจะซื้อตั๋วยังไง ผมต้องทำยังไงก่อนจะขึ้นรถไฟ นั่นเป็นคำถามที่ผมถามกับตัวเอง
เพราะผมหาข้อมูลในการเดินทางในแต่ละประเทศน้อยมาก อาจจะพูดได้ว่าแทบจะไม่ได้เตรียมตัวเลยก็ว่าได้
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ผมยืนๆนั่งๆอยู่แถวๆเคาร์เตอร์ขายตั๋วเพื่อสังเกตุว่าเขาซื้อตั๋วกันยังไง ผมต้องทำอย่างไรบ้างก่อนจะลงไปอีกชั้นเพื่อขึ้นรถ
ซึ่งที่นี่จะมี WiFi ให้เล่นครับ เพียงแค่เราเข้าไปกดลงชื่อเล็กๆน้อยๆก็ใช้ใช้ครั้งละ 1ชั่วโมง
เดินตามป้ายไปเรื่อยๆครับ ไปสถานีรถไฟ อ้าวลุง อย่าตัดหน้ากล้องงงงง
ครั้งแรกที่เคยเห็นตารางรถไฟในยุโรป ดูยังไง? ขอลอกวิธีดูมาจากตารางเที่ยวบินแล้วกันนะ ^^
ผมลงเครื่อง 14.50น. ตามเวลาท้องถิ่น ผมนั่งสังเกตุไปเอื่อยๆกับชีวิตไปจนเวลาเลยมาถึง 18.00น. ซึ่งอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นๆ แต่ที่นี่ยังไม่มืดครับ
ยังสว่างเป็นตอนกลางวันอยู่เลยเพราะที่นี่ดวงอาทิย์ลับขอบฟ้า 20.00น. นั่นหมายความว่าผมมีเวลาเที่ยวมีเวลาทำอะไรต่อมิอะไรเยอะขึ้น
หลังจากเข้าไปต่อคิวซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปยัง Amsterdam Centraal ก่อนจะลงไปขึ้นรถเราก็ทำการ Validate ตั๋วโดยการการเอาตั๋วไปแตะที่กรวยหรือโพล ที่วางกระจายตัวอยู่ใกล้ทางขึ้น-ลง เมื่อทำการแตะแล้วจะมีเสียง
"ปี๊บ" 1ครั้ง จากนั้นก็ลงไปรอรถได้เลย เมื่อถึงปลายทางและขึ้นบันไดเลื่อนออกมาก็จะเห็นโพลเหล่านี้วางอยู่แถวๆทางขึ้น เราก็ทำเช่นเดิม แต่ถ้าไม่แตะก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับผมต้องทำให้ถูกไว้ก่อน เพื่อที่จะไม่มีปัญหาในภายหลัง เนื่องจากวันนี้ผมก็โดนจนอ่วมมากพอแล้วล่ะ 5555
รถไฟใช้เวลาราวๆ 20นาทีจากสนามบินก็วิ่งเข้าสู่สถานี Amsterdam Centraal Station หลังจากเดินออกมาเรื่อยๆและจะออกสู่ประตูทางออก ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
"ผ่างงงงง" เหมือนมีอะไรซักอย่างหล่นทับความรู้สึกผมอย่างแรง
"มาถึงแล้วโว้ย ยุโรป!!!"
มาถึงแล้วโว้ยยยย ยุโรป
สะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆ มีเสน่ห์เนาะ เอ๊ย!!ตึกเขาสวยดีเนอะ ฮ่าาา
นั่นคือภาพแรกของยุโรปที่ผมสัมผัสมันด้วยตาตัวเอง แม่มโคตรตื้นตันใจเลยกับการเดินทางครั้งนี้ อุ๊ย!ขอโทษครับ เผลอใช้คำไม่สุภาพในที่สาธารณะอีกแล้ว ^^!
ผมหยิบมือถือและแผนที่ของผมขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดูทิศทางเพื่อไปยังที่พัก ผมเตร่กับบรรยากาศอยู่นานจนตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ผมเดินตามแผนที่ไปเรื่อยและสุดท้ายก็ถึงที่พักครับ เป็นHostel แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก หลังจากติดต่อที่เคาร์เตอร์เรียบร้อยก็ได้เวลาเอากระเป๋าไปเก็บในล็อคเกอร์ คืนนี้ผมนอนรวมกับนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมาเป็นคู่หนุ่มสาว กับฝรั่งวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งผมไม่มีโอกาสได้คุยกับเขา
ระหว่างเดินหาที่พัก อะไรก็ดูตื่นเต้นไปหมด 555
ผมกำลังอยู่ในเมืองแห่งจักรยานครับ
ไม่นั่งรถราง ไม่นั่งแท็กซี่ แต่ผมขอเดินแล้วกันนะ
เฮ้ยๆๆ มันคืออะไรอ่ะ สวยๆๆ
หูยยยย ฉันชอบที่นี่แล้วล่ะ
นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วผมจึงเริ่มออกผจญภัยโดยการสะพายกล้องขึ้นบ่าและเดินย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปยังสถานีรถไฟ เดินแบบเอื่อยๆไปกับอากาศเย็นๆของที่นี่ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ได้อยู่กับตัวเองเต็มที่ การถ่ายภาพก็งั้นๆแหละเพราะพึ่งเริ่มหัดเล่นกล้อง ภาพที่ออกมาจึงมีคุณภาพค่อนไปทางแย่เลยก็ว่าได้ 555 บรรยากาศข้างนอกคนก็ยังเยอะครับ อากาศเย็นใช้ได้เลยทีเดียว คืนนี้ผมปล่อยตัวเองให้เอื่อยๆกับบรรยากาศของอัมสเตอร์ดัม กับคูคลอง
ป่ะ ไปเดินเล่นกัน
อากาศเย็นๆปะทะหน้าจังๆ ฟินนนน
สถานีรถไฟ Amsterdam Centraal Station
อยากอยู่ตรงนี้ให้นานๆแต่ไม่ได้ อากาศเย็นยะเยือกมาก
คืนนี้เดินเตร่จนเหนื่อยจนพอใจแล้วก็ได้เวลากลับเข้าที่พักแล้วแหละครับเพราะอากาศเย็นเหลือเกิน ต้องรีบกลับเข้าไปหาอากาศอุ่นๆและเก็บแรงเอาไว้สำหรับพรุ่งนี้และวันอื่นๆของทริป โดยที่ตอนนี้ยังไม่มีแผนเลยว่าพรุ่งนี้จะไปไหน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ ผมจะพาตะลอนแบบไม่มีแผนในอัมสเตอร์ดัมกัน เมื่อมันไม่มีแผนก็ต้องเดินไปตามความรู้สึกและสภาพการณ์สดๆเบื้องหน้านี่แหละครับ
ทางกลับที่พัก มืดก็มืด แต่เป็นชายอกสามศอก แค่นี้ต้องกลัวอะไร เดินๆๆ
ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "เนเธอร์แลนด์ วันที่1"
http://ppantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://ppantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://ppantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://ppantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://ppantip.com/topic/34390037 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
" เอ้า!คิวผมแล้วเหรอวะ?!!! "
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้พูดกับตัวเอง
มาถึงแล้วนะ ต้องไปรับกระเป๋าก่อนแล้วเดินไปด่าน ตม.
ตื่นเต้นจังแฮะ ทำตัวไม่ถูกเลย
เหตุการณ์ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
ผม : Hello! (สวัสดีครับ)
เจ้าหน้าที่ : Hello, can i borrow your passport? (สวัสดี ฉันขอดูพาสปอร์ตคุณหน่อย)
ผม : Ok, no problem. (ได้ครับผม)
หลังจากที่เจ้าหน้าที่เปิดไล่ดูข้อมูลบนพาสปอร์ตแล้วจึงเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยคำถามออกมา
เจ้าหน้าที่ : Who do you come with?(คุณเดินทางมากับใครบ้างล่ะ)
ผม : Alone! (คนเดียวครับ)
บรรยากาศการสนทนาหยุดไปไม่นานในโลกความเป็นจริง แต่ในโลกแห่งความรู้สึกผมรู้สึกว่ามันนานมาก เจ้าหน้าที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
และดูเหมือนกำลังมองดูท่าทีผม เมื่อมองผมพักนึงพร้อมกับพิจารณาอะไรซักอย่างแล้วเจ้าหน้าที่ก็พูดกับผมอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ : Wait a moment sir. (รอซักครู่นะ)
ผม : Ok.(ครับ)
บทสนทนาสุดท้ายที่พูดกับผมพร้อมยกหูโทรศัพท์คุยเป็นภาษาดัชกับใครซักคน เมื่อวางสายเสร็จก็หันมาที่ผมและยิ้มให้เบาๆ ผมก็งงสิครับ
ทั้งงงทั้งกลัวทั้งเครียด ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่หญิงอีกคนเดินออกมาหาผมและเรียกผมเดินตามเข้าไปในห้องทำงานของเธอ หลังจากนั้นเธอก็เริ่มถามคำถามมากมายกับผม แต่ในที่นี้ผมขอเขียนถ่ายทอดเป็นภาษาไทยนะครับ 555
เจ้าหน้าที่หญิง : ฉันขอถามข้อมูลคุณหน่อยนะ
ผม : ได้ครับ
เจ้าหน้าที่หญิง : คุณมาเที่ยวกับใครบ้าง และมีแผนจะไปที่ไหนบ้าง?
ผม : ผมมาเที่ยวคนเดียวครับ มีแผนจะเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์ จากนั้นจะข้ามไปฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ และอิตาลีครับ
เจ้าหน้าที่หญิง : ฉันขอดูข้อมูลจองโรงแรมกับแผนเที่ยวของคุณหน่อย
ผม : ได้ครับ พร้อมกับยื่นเอกสารทั้งหมดที่ใช้ขอวีซ่าให้เธอ
เจ้าหน้าที่หญิง : ทำไมถึงเปลี่ยนที่พักทุกวันเลยล่ะ? ย้ายที่พักทุกเมืองเลยเหรอ?
ตอนนั้นผมไม่รู้จริงว่าจะตอบเธอว่ายังไง เลยบอกคำตอบแบบอินดี้ๆกับเธอไป
ผม : ผมไม่รู้ผมจะตอบยังไง แบบว่า..มันเป็นความรู้สึกอ่ะครับ
เธอออกอาการงงๆกับคำตอบ ผมจึงพูดเสริมไปอีก
ผม : พอดีผมอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในแต่ละวันไปเรื่อยๆอ่ะครับ เลยย้ายที่พักไปเรื่อยๆ
ดูเหมือนเธอจะพอใจในคำตอบของผมแล้วล่ะ
เจ้าหน้าที่หญิง : มาเที่ยวครั้งนี้มีงบมาเท่าไหร่เหรอ?
ผม : ประมาณ 1,000 ยูโร ครับ และมีบัตรเครดิตอีก 2ใบ
เจ้าหน้าที่หญิง : แล้วที่ไทยทำงานอะไรเหรอ?
ผม : ทำงานเป็นวิศวกรบริษัทแห่งหนึ่งครับ
ดูเหมือนเธอจะพอใจในคำตอบนี้ของผม เธอจึงยิ้มให้กับผมแล้วบอกว่า "โอเคค่ะ ไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมแล้วล่ะ"
พร้อมกับพาผมออกมาส่งที่ประตูทางออกของด่านตรวจและเปิดประตูให้ผม
เจ้าหน้าที่หญิง : Have a good trip sir.(มีความสุขกับทริปของคุณนะคะ) พร้อมกับรอยยิ้มที่เธอส่งมาให้
ผม : Thank you very much.(ขอบคุณมากนะครับ) พร้อมก้มขอบคุณให้กับเธอ เธอก็ยิ้มตอบรับ
จากนี้มันคงเป็นทางของผมแล้วสินะ ที่ผมจะมีอิสระในชีวิตมากกว่าทุกๆครั้ง และมากที่สุดในชีวิตตั้งแต่ผมเกิดมา
เพราะผมไม่ต้องรับสายใคร ไม่ต้องบอกใครว่าผมจะไปไหน ผมสามารถเดินทางได้ด้วยวีซ่านี้ได้ 29ประเทศ แผนผม
จะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ผมพอใจ
ผมเดินห่างออกมาจากด่านเรื่อยๆเพื่อไปยังสถานีรถไฟเพื่อจะต่อเข้าไปในเมืองอัมเตอร์ดัม( Amsterdam)
จากนี้ผมมีอีกเรื่องให้เริ่มคิดแล้วล่ะ ผมจะซื้อตั๋วยังไง ผมต้องทำยังไงก่อนจะขึ้นรถไฟ นั่นเป็นคำถามที่ผมถามกับตัวเอง
เพราะผมหาข้อมูลในการเดินทางในแต่ละประเทศน้อยมาก อาจจะพูดได้ว่าแทบจะไม่ได้เตรียมตัวเลยก็ว่าได้
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ผมยืนๆนั่งๆอยู่แถวๆเคาร์เตอร์ขายตั๋วเพื่อสังเกตุว่าเขาซื้อตั๋วกันยังไง ผมต้องทำอย่างไรบ้างก่อนจะลงไปอีกชั้นเพื่อขึ้นรถ
ซึ่งที่นี่จะมี WiFi ให้เล่นครับ เพียงแค่เราเข้าไปกดลงชื่อเล็กๆน้อยๆก็ใช้ใช้ครั้งละ 1ชั่วโมง
เดินตามป้ายไปเรื่อยๆครับ ไปสถานีรถไฟ อ้าวลุง อย่าตัดหน้ากล้องงงงง
ครั้งแรกที่เคยเห็นตารางรถไฟในยุโรป ดูยังไง? ขอลอกวิธีดูมาจากตารางเที่ยวบินแล้วกันนะ ^^
ผมลงเครื่อง 14.50น. ตามเวลาท้องถิ่น ผมนั่งสังเกตุไปเอื่อยๆกับชีวิตไปจนเวลาเลยมาถึง 18.00น. ซึ่งอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นๆ แต่ที่นี่ยังไม่มืดครับ
ยังสว่างเป็นตอนกลางวันอยู่เลยเพราะที่นี่ดวงอาทิย์ลับขอบฟ้า 20.00น. นั่นหมายความว่าผมมีเวลาเที่ยวมีเวลาทำอะไรต่อมิอะไรเยอะขึ้น
หลังจากเข้าไปต่อคิวซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปยัง Amsterdam Centraal ก่อนจะลงไปขึ้นรถเราก็ทำการ Validate ตั๋วโดยการการเอาตั๋วไปแตะที่กรวยหรือโพล ที่วางกระจายตัวอยู่ใกล้ทางขึ้น-ลง เมื่อทำการแตะแล้วจะมีเสียง"ปี๊บ" 1ครั้ง จากนั้นก็ลงไปรอรถได้เลย เมื่อถึงปลายทางและขึ้นบันไดเลื่อนออกมาก็จะเห็นโพลเหล่านี้วางอยู่แถวๆทางขึ้น เราก็ทำเช่นเดิม แต่ถ้าไม่แตะก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับผมต้องทำให้ถูกไว้ก่อน เพื่อที่จะไม่มีปัญหาในภายหลัง เนื่องจากวันนี้ผมก็โดนจนอ่วมมากพอแล้วล่ะ 5555
รถไฟใช้เวลาราวๆ 20นาทีจากสนามบินก็วิ่งเข้าสู่สถานี Amsterdam Centraal Station หลังจากเดินออกมาเรื่อยๆและจะออกสู่ประตูทางออก ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง "ผ่างงงงง" เหมือนมีอะไรซักอย่างหล่นทับความรู้สึกผมอย่างแรง "มาถึงแล้วโว้ย ยุโรป!!!"
มาถึงแล้วโว้ยยยย ยุโรป
สะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆ มีเสน่ห์เนาะ เอ๊ย!!ตึกเขาสวยดีเนอะ ฮ่าาา
นั่นคือภาพแรกของยุโรปที่ผมสัมผัสมันด้วยตาตัวเอง แม่มโคตรตื้นตันใจเลยกับการเดินทางครั้งนี้ อุ๊ย!ขอโทษครับ เผลอใช้คำไม่สุภาพในที่สาธารณะอีกแล้ว ^^!
ผมหยิบมือถือและแผนที่ของผมขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดูทิศทางเพื่อไปยังที่พัก ผมเตร่กับบรรยากาศอยู่นานจนตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ผมเดินตามแผนที่ไปเรื่อยและสุดท้ายก็ถึงที่พักครับ เป็นHostel แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก หลังจากติดต่อที่เคาร์เตอร์เรียบร้อยก็ได้เวลาเอากระเป๋าไปเก็บในล็อคเกอร์ คืนนี้ผมนอนรวมกับนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมาเป็นคู่หนุ่มสาว กับฝรั่งวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งผมไม่มีโอกาสได้คุยกับเขา
ระหว่างเดินหาที่พัก อะไรก็ดูตื่นเต้นไปหมด 555
ผมกำลังอยู่ในเมืองแห่งจักรยานครับ
ไม่นั่งรถราง ไม่นั่งแท็กซี่ แต่ผมขอเดินแล้วกันนะ
เฮ้ยๆๆ มันคืออะไรอ่ะ สวยๆๆ
หูยยยย ฉันชอบที่นี่แล้วล่ะ
นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วผมจึงเริ่มออกผจญภัยโดยการสะพายกล้องขึ้นบ่าและเดินย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปยังสถานีรถไฟ เดินแบบเอื่อยๆไปกับอากาศเย็นๆของที่นี่ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ได้อยู่กับตัวเองเต็มที่ การถ่ายภาพก็งั้นๆแหละเพราะพึ่งเริ่มหัดเล่นกล้อง ภาพที่ออกมาจึงมีคุณภาพค่อนไปทางแย่เลยก็ว่าได้ 555 บรรยากาศข้างนอกคนก็ยังเยอะครับ อากาศเย็นใช้ได้เลยทีเดียว คืนนี้ผมปล่อยตัวเองให้เอื่อยๆกับบรรยากาศของอัมสเตอร์ดัม กับคูคลอง
ป่ะ ไปเดินเล่นกัน
อากาศเย็นๆปะทะหน้าจังๆ ฟินนนน
สถานีรถไฟ Amsterdam Centraal Station
อยากอยู่ตรงนี้ให้นานๆแต่ไม่ได้ อากาศเย็นยะเยือกมาก
คืนนี้เดินเตร่จนเหนื่อยจนพอใจแล้วก็ได้เวลากลับเข้าที่พักแล้วแหละครับเพราะอากาศเย็นเหลือเกิน ต้องรีบกลับเข้าไปหาอากาศอุ่นๆและเก็บแรงเอาไว้สำหรับพรุ่งนี้และวันอื่นๆของทริป โดยที่ตอนนี้ยังไม่มีแผนเลยว่าพรุ่งนี้จะไปไหน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ ผมจะพาตะลอนแบบไม่มีแผนในอัมสเตอร์ดัมกัน เมื่อมันไม่มีแผนก็ต้องเดินไปตามความรู้สึกและสภาพการณ์สดๆเบื้องหน้านี่แหละครับ
ทางกลับที่พัก มืดก็มืด แต่เป็นชายอกสามศอก แค่นี้ต้องกลัวอะไร เดินๆๆ