ช่วยเราด้วย เลเซอร์สิวเสี้ยน แต่กลับได้...แผลเป็น T^T

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ชาวพันทิพทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเรา  เริ่มเรื่องเลยละกันนะคะ
คือเราอยากไปทำเลเซอร์ขนรักแร้ เพื่อนก็แนะนำมาว่าที่ the imเมจินี่ สาขา central world ดี เราก็เลยไปซื้อคอร์สบุฟเฟต์กำจัดขนโดยจะตัดราคาในแต่ละครั้งที่ทำน่ะค่ะ

เรื่องทำเลเซอร์ขนรักแร้ไม่ได้มีประเด็นอะไร ทำดีมากด้วย เห็นผลเร็ว เราชอบนะ ใช้เครื่อง YAG อะไรนี่แหละ แต่ที่มีประเด็นคือเราอยากสิวเสี้ยนที่จมูกหายเราเลยถามพี่ที่คลีนิคว่า มีวิธีไหนมั้ย?
เขาก็แนะนำมาว่า ให้ทำเหมือนที่ทำรักแร้ เพราะว่าสิวเสี้ยนที่จมูก ก็คือขนชนิดหนึ่งเหมือนกัน ทำไปเรื่อย ๆ รูขุมขนจะกระชับอีกด้วย แต่ก็ต้องมาทำหลายครั้งหน่อย เราก็ เออ ออ ด้วย ทำไปครั้งสองครั้งยังไม่เห็นผล เรายังเห็นว่า มันก็ยังเยอะอยู่ ก็เลยคิดว่าจะทำไปเรื่อย ๆ..

มีครั้งนึง เจ้าหน้าที่ที่ยิงเลเซอร์ที่จมูกให้เรา เขายิงพลาดมาโดนร่องจมูก เปรี้ยง!! เจ็บสุด เจ็บจนกระตุกเลยอ่ะ เราก็ร้องโอ้ย T^T บอกพี่เขาว่าครั้งนี้มันเจ็บ ตอนแรกเราก็คิดว่าเดี๋ยวก็คงหาย อาจจะเจ็บกว่าทุกครั้งเฉย ๆ ปรากฎว่ามัน burn ค่ะ เป็นแผลที่ร่องจมูก
ตื่นขึ้นมาอีกวันนึงเป็นหนอง น้ำเหลืองไหลมาถึงแก้มเชียว(เรานอนตะแคง) เราก็โทรไปหาพี่เขาบอกอาการว่ามันเป็นแผล เขาก็แนะนำเราว่า อย่าโดนน้ำนะ นู่นนี่ รูปที่ burn ตอนแรกเราไม่มีให้ดูเพราะเอาไปลง software ใหม่แล้วรูปมันหาย ขออภัยจีจี แต่พอแผลหายมันจะเป็นประมาณนี้ค่ะ (อันนี้เราถ่ายสิวให้เพื่อนดู แต่ดันติดร่องจมูกมาด้วยโชคดีจริงๆ)



มันจะเป็นเหมือนรอยเย็บน่ะค่ะ ถึงรอยมันจะไม่ใหญ่ แต่มันเห็นชัดค่ะ  คุณหมอทางคลินิคก็บอกให้ทำ finescan มาตั้งแต่ที่หายเป็นแผลสดในช่วงแรก ๆ แล้วนะคะ แต่เครื่อง finescan จะไม่ได้อยู่ที่คลินิคตลอด แล้วเราก็ทำงานไม่ได้สะดวกมาบ่อย ๆ ว่างไม่ตรงกับเครื่องสักทีน่ะค่ะ

สุดท้ายมาว่างตรงกันกับเครื่องวันที่ศุกร์ 24/07/15 วันนั้นตื่นเต้นม่ากกกกก ที่แบบแผลจะหายซักที อีกอย่างหมอเป็นคนยิงให้กับมือเองเลย>..< นี่คือเราก็กะจะถ่ายทุก ๆ วันดูพัฒนาการของแผลไรงี้อ่ะค่ะ ตอนนั้นกำลังแปะยาชารอยิงค่ะ

อ้อ ลืมบอกน่ะค่ะ คลินิคที่นี่ หมอในแต่ละวันจะไม่ซ้ำกันเลยนะคะ เรายิงกับหมอประจำวันศุกร์ค่ะ
ตอนทำเรารู้สึกว่าหมอเขายิงกว้างออกมาจากร่องจมูกเรามาก ๆ และมันก็ร้อนมากด้วย จนเราบอกหมอว่าเราไม่ไหว มันร้อนเกินไป หมอก็บอก ทนอีกนิด ๆ น๊า เดี๋ยวก็หายแล้ว เราก็ เอาวะ !!! ทนก็ทน จะได้หายสักที เราก็ทนจนหมอยิงเสร็จ เรายังคิดในใจ คนทำทั้งหน้าทำไหวได้ไง เราเกือบแย่ ร้อนสุด ๆ ทำทั้งหน้าไม่ไหวด้วยหรอก..
พอกลับมาถึงที่พัก ปรากฎว่าตรงที่ยิงมีน้ำใส ๆ ไหลออกมา เราก็คิดว่าไม่น่าจะปกติแล้วเพราะถามเพื่อน ๆ ที่เคยทำ finescan กันมา บอกกันว่าไม่มีน้ำเหลืองไหล เป็นผิวปกติ อีกสามวันเสก็ดแผลจะตกและค่อย ๆ หลุดเป็นการผลัดเซลผิวใหม่ เราก็รู้สึกแย่ละ ทำไมตูซวยตลอดเวลาเลยฟะเนี่ยยยย ย ย ฮือออ นี่คือรูปวันแรกหลังทำเสร็จและเพิ่มกลับมาถึงหอเลยค่ะ

เรารีบโทรหาคลินิคทันที มีการขอไลน์ แอดไลน์กันไป เขาก็ใส่ใจดีนะคะ ถามไถ่อาการ และให้รอดูไปก่อน

พอตื่นเช้ามาก็เป็นแบบนี้ค่ะ เลยส่งรูปให้เขาดู (ทนดูรูปหน้าสดเราหน่อยนะคะ อาจจะสยองนิดนึง)


เขาบอกว่าไม่น่าจะปกติเลยขอให้เราเข้าไปหาหมอหน่อยน่ะค่ะ เราก็เซ็ง ๆ เพิ่งไปมาเมื่อวานเอง =..= พอเราอาบน้ำเสร็จไอ้ก้อน ๆ น้ำเหลืองก็หลุดออกไปค่ะ เหมือนจะดูดีขึ้นนิดหน่อย


สรุปว่า BURNNNNN อีกรอบค่ะ ซึ่งเราถามทางคลินิคให้รบกวนถามหมอว่าใช้ความถี่เท่าไร่ เราจะเอาข้อมูลไปศึกษาค่ะ ทางคลินิคแจ้งว่าใช้ความถี่เดียวกันกับที่รักษารอยแผลหลุมทั่วไปค่ะ จริง ๆ ต้องยิงแรงกว่านี้ด้วย อื้อหืมมม ไม่นะ....แรงกว่านี้หน้าคงแหกไปเลย คุยไปคุยมา เขาขอให้ไปพบหมอในวันถัดไปค่ะ แฟนเรา พ่อแม่เพื่อนฝูง ทุกคนโมโหแทนเราสุด ๆ 555  แต่เราก็ไม่รู้จะทำยังไงน่ะค่ะ ทำอะไรไม่ด๊ายยย ยย ยย  นี่คือแผลหลังจากยิง finescan 1 วันนะคะ นี่อยู่ที่คลินิคแล้วค่ะ(ไฟเหลืองๆ)


เราต้องใส่ mask ตลอดเวลาที่ไปข้างนอก เป็นมนุษย์ mask ไปเป็นเดือน ๆ เลย สิวผดขึ้นแก้มตรึมช่วงนั้น ไม่ใส่ก็ไม่ได้เพราะแผลมันน่ากลัวมากเลยแล้วก็กลัวแผลสกปรกด้วย พอไปหาหมอวันเสาร์เสร็จ อาการแผลไม่ดีขึ้นเลยจากยาที่หมอให้มา มันแฉะมาก แผลเปื่อยตลอด เราก็ถ่ายส่งให้ ผจก. สาขานั้นดู เขาบอกให้ไปพบหมออีกรอบนึง

พอดีวันอาทิตย์กลับบ้านและจันทร์เราติดงาน เลยได้ไปวันอังคาร หมอวันอังคาร(เราจำชื่อไม่ได้แฮะ) ก้อบอกให้หยุดทายาตัวแรกไปก่อนเลย และให้เช็ดด้วยน้ำเกลือ พร้อมยาตัวใหม่ ทาก่อนนอน ให้ยามากิน และถ้าแผลแฉะมากให้ทาเบตาดีนเอาค่ะ


นี่คือรูปในวัดถัด ๆ ไปค่ะ ในช่วงแรก ๆ เราถ่ายถี่ ๆ เลยค่ะ เพราะอยากเห็นว่า จะดีขึ้นแค่ไหน เรากลัวว่าจะมั่วหมอไปเรื่อย ก็เลยคิดว่าจะไปทุกวันอังคารเอาค่ะ จะได้ต่อเนื่องดี เพราะหมอคนนี้โอเคที่สุดในบรรดา 3 คนที่เราเคยเจอ ช่วงแรกไปทุกอาทิตย์เลยค่ะ เปลืองค่ารถมากกก ไปเอายามาทามากินตามปกติ หมอบอกว่าต้องรอให้แผลแห้งก่อนนะ มันยุบแบบนี้ไม่รู้ว่าเนื้อจะขึ้นมาไหม
เรากลัวเป็นแผลเป็นมาก ๆๆๆๆๆ เราก็ถามหมอตรง ๆ ว่า แผลมันจะสามารถหายได้ภายในกี่เดือน เพราะเราก็ต้องมีไปพบลูกค้าบ้าง เราไม่อยากเป็นแบบนี้นาน ๆ หมอบอกเต็มที่ 3 เดือนน่าจะดีขึ้น แต่ไม่รับประกันว่าจะเหมือนเดิมไหม แต่ช่วงหลัง ๆ พอรักษาได้ประมาณเดือนนึงก็ไป 2 อาทิตย์ครั้งนึงค่ะ















เวลาเราออกไปข้างนอกเราเอา BB ปิด ยังไม่มิดเลย หรือเราอาจจะแต่งหน้าไม่เก่งเท่าไร่


เราเลยแต่งปกติ ไม่พยายามปิดมันละ เพราะมันก็เห็นชัดอยู่ดี 55

จนพอรักษาได้ซักเดือนกว่า ๆ เราเริ่มคันแผลมีคีรอยนูน ๆ ขึ้นมา เรากลัวเป็นแผลเป็นจริง ๆ ค่ะ เป็นคีรอยนี่มันขยายใหญ่เรื่อย ๆอ่ะ T^T อาทิตย์ที่เราไปหาหมอ เราบอกหมอว่าคีรอยขึ้น หมอบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องคีรอย ห่วงกลัวตรงที่ยุบ ๆ จะไม่ขึ้นมาซะมากกว่า เพราะคีรอยเขาฉีดให้มันยุบได้อยู่แล้ว


ผ่านไปอีกสองอาทิตย์ คีรอยใหญ่ขึ้นอีก แต่ในรูปอาจจะมองไม่เห็นนะคะ เห็นเป็นแดง ๆ อย่างเดียว

อยากให้มาลองจับจัง มันนูนอยู่ข้าง ๆ จมูกแข็ง ๆ เป็นไต ๆ เลยค่ะ เราก็บอกหมอว่ามันใหญ่ขึ้นแล้วก็คันมากด้วย

หมอจับแผลดูก็ตัดสินใจฉีดคีรอย หมอบอกว่าต้องผสมให้เจือจางสุดดดดด ๆ เพราะกลัวว่ามันจะยุบจนเว้าลงไป ใจเต้นตุ้มๆต่อม ๆ ตูจะโดนอีกละหรอฟะเนี่ย มันอะไรกันนัก แล้วจะรอดมั้ย จะซวยมั้ย เรากลัวไปเองต่าง ๆ นา ๆ เลยค่ะ เหมือนมันเป็นซ้ำซ้อน แล้วมันจิตตกน่ะค่ะ นี่คือรูปปัจจุบันล่าสุดค่ะ ยังเป็นคีรอยอยู่นิดหน่อยค่ะ พอจะเห็นรอยนูนแดงมั้ยคะ


เราอยากสอบถามเพื่อน ๆ หน่อยค่ะ ว่าถ้าผิวมันไม่กลับมาเป็นผิวปกติเหมือนเดิม พอจะมีที่ไหนที่เขาสามารถทำให้เหมือนผิวปกติได้บ้างมั้ยคะ? แนะนำเราหน่อยนะคะ

มีอีกเรื่องนึงค่ะ คือเราเดินทางไปคลินิคบ่อยมาก ๆ เลย เราเคยแจ้งไปทาง ผจก.ว่าอย่างน้อยช่วยรับผิดชอบเรื่องค่าเดินทางเราหน่อย เพราะเราก็มนุษย์เงินเดือนทั่วไป เราไปบ่อย เราก็เดือดร้อน ไม่ไปก็ไม่ได้อีกกลัวแผลไม่หาย ผจก.ก็ทำเรื่องแจ้งเข้าส่วนกลางมาเป็นเดือนแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เราควรทำยังไงดีคะ?

ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาฟังเราบ่น และมาแนะนำเรานะคะ <3
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่