รับหน้าที่ โปรเจคท์ ลีดเดอร์ ในขณะที่ไม่มีลูกน้องค่ะ มีแต่การขอความร่วมมือจากหัวหน้าแต่ละแผนกในการดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้
แผนงานเราเป็นคนวาง กำหนดเป้าหมาย กำหนดกรอบเวลา ผู้บริหารอนุมัติ แต่เหมือนทุกอย่างนิ่งๆ คือทุกคนมีหน้าที่ๆ ต้องผลิตงานให้ลูกค้าเป็นหลักอยู่แล้ว เราจะติดตามอะไร เราคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย และการอัพเดทให้ผู้บริหารทราบ เรารายงานประกอบเหตุผลว่า งานไปถึงไหน ทำไม อย่างไร โดยสรุป และทราบแนวปฏิบัติจากผู้บริหารว่า ไม่เป็นไร ไว้ก่อน งานเค้าเยอะ
อยู่มาวันหนึ่ง หัวหน้าประกาศว่า เราต้องได้...ภายใน...ซึ่งคือ 1 ในแผนงานที่เราวางไว้ โดยที่ๆ ผ่านมา ไม่มีการอัพเดทใดๆ จากหัวหน้าฝ่ายที่จะต้องรับผิดชอบผลักดันให้งานส่วนนั้นสำเร็จ คือ เป็นงานเชิงเทคนิคเฉพาะทางค่ะ เรารับหน้าที่วางแผน ให้แนวคิด กระตุ้น ติดตาม ให้เป็นไปได้จริง เท่านั้น
อยู่มาวันหนึ่ง ได้คุยกับหัวหน้างานคนนั้น ก็คุยกันหลายเรื่อง และเค้ายกตัวอย่างเรือ่งที่หัวหน้าประกาศว่าตั้งกรอบเวลาไว้แล้ว อย่างนี้เค้ารับทราบและจะดำเินนการ เรานี่แหละคิดเลย ว่า...อ่า....แล้วที่พี่ตั้งแผนงานไปตั้งแต่กลางปี หัวหน้าอนุมัติมาให้พวกคุณรับไปทำต่อ แล้วไม่มีฟีดแบคใดๆ จากพวกคุณมาอัพเดท พี่ ที่รับหน้าที่ลีด โปรเจคท์ คืออะไร เป็นกันทุกแผนกแหละค่ะ บางคนบอกให้พี่ปล่อยวางไว้จ้า...งานเราเยอะ...พี่ปล่อยไปก่อนนะ
ที่เราคิดคือ ทำไม แผนงานที่เราวางไว้ ไม่มีใครใส่ใจนำไปปฏิบัติให้เกิดความคืบหน้า ทั้งที่เราตั้งกรอบเวลาไว้ชัดเจน และบอกแนวปฏิบัติไปแล้ว ยกตัวอย่างประกอบด้วย เช่น มี 3 เวทีให้เลือก เธอไปดูนะว่างานเค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง และสิ่งที่เราทำได้จะสู้กับใครได้ และกำหนดมาว่าเราจะทำสิ่งนั้น จนกระทั่งประสบความสำเร็จ แล้วมาอัพเดทกันพร้อมเหตุผลประกอบ เพื่อที่พี่จะรายงานต่อผู้บริหารให้ตัดสินใจว่ามีความคิดอย่างไรกับสิ่งที่พวกเราเสนอ
ทำไมผู้บริหารพูดคำเดียว เค้าจำ และ คิดต่อว่าต้องทำ และยกตัวอย่างกลับมาให้เราฟังว่าเพราะมีกรอบเวลาที่ชัดเจน เราคิดว่าหรือเราต้องเลือกและสั่ง ซึ่งมันไม่ใช่ มันกลายเป็นเราต้องรู้เทรนด์ รู้ความสามารถ รู้ทุกสิ่งอย่างของแผนกเค้า เพื่อจะกำหนดแล้วออกคำสั่งเหรอ งานส่วนที่เราทำเพื่อหวังให้สร้างชื่อก็มีเช่นกัน ซึ่งเราเคยคุยกันว่าเราขอมุ่งเน้นศึกษาจริงจังในสิ่งที่เรารับผิดชอบโดยตรง ส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องเราวางบทบาทไว้เป็นผู้ให้แนวคิด วางแผน และผลักดัน แต่ผลออกมาเป็นแบบนี้
เราคิดว่า นี่ หัวหน้างานคนนั้นกำลังคิดว่าเราวางงานให้เค้าไม่ชัดเจน จนเค้าไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ หรือไม่ เค้าพูดประมาณนั้นนะ คือเปรียบเทียบว่าผู้บริหารสั่งบอกกำหนดเวลา เค้าจึงรู้ว่าเค้าจะต้องทำอะไร
และ อีกประการ คือ อย่างนี้ ผู้บริหารจะคิดว่าการทำงานในบทบาท โปรเจคท์ ลีดเดอร์ของเราไม่มีประสิทธิภาพไหม ทั้งที่เราอัพเดทให้ทราบและเค้าพูดมาเองว่าไว้ก่อน คือนิสัยผู้บริหารเป็นแบบ เอาตัวเองเป็น โรล โมเดล เช่น ทำไมพี่พูดไปทุกคนทำได้ และบางครั้งถึงขั้นพูดว่าเธอพุดกับพวกเค้ายังไงล่ะ
เราคิด และ พยายามปรับปรุงทุกอย่าง แต่ก็คิดว่า ทำไมไม่ถูกทางหนอ งานประจำก็มากจนทำงานทุกวันทีเดียว จึงต้องพยายามลดงานที่ไม่สำคัญไว้ทีหลัง ประมาณนั้นนะคะ ก็คิดและจะออกแผนงานให้ผู้บริหารทราบอยู่เหมือนกัน ที่เราคิดจะแก้ปัยหา คือแบบนี้ แต่ก็นี่แหละ ถึงแม้ผู้บริหารลงนามอนุมัติแล้ว คนปฏิบัติไม่ต่อเรื่อง ก็จะกลับไปเป็นปัญหาเหมือนย่อหน้าบนที่ว่ามาค่ะ
ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ
แก้ปัญหา การออกแผนงานแล้วไม่มีใครใส่ใจอย่างไรดีคะ
แผนงานเราเป็นคนวาง กำหนดเป้าหมาย กำหนดกรอบเวลา ผู้บริหารอนุมัติ แต่เหมือนทุกอย่างนิ่งๆ คือทุกคนมีหน้าที่ๆ ต้องผลิตงานให้ลูกค้าเป็นหลักอยู่แล้ว เราจะติดตามอะไร เราคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย และการอัพเดทให้ผู้บริหารทราบ เรารายงานประกอบเหตุผลว่า งานไปถึงไหน ทำไม อย่างไร โดยสรุป และทราบแนวปฏิบัติจากผู้บริหารว่า ไม่เป็นไร ไว้ก่อน งานเค้าเยอะ
อยู่มาวันหนึ่ง หัวหน้าประกาศว่า เราต้องได้...ภายใน...ซึ่งคือ 1 ในแผนงานที่เราวางไว้ โดยที่ๆ ผ่านมา ไม่มีการอัพเดทใดๆ จากหัวหน้าฝ่ายที่จะต้องรับผิดชอบผลักดันให้งานส่วนนั้นสำเร็จ คือ เป็นงานเชิงเทคนิคเฉพาะทางค่ะ เรารับหน้าที่วางแผน ให้แนวคิด กระตุ้น ติดตาม ให้เป็นไปได้จริง เท่านั้น
อยู่มาวันหนึ่ง ได้คุยกับหัวหน้างานคนนั้น ก็คุยกันหลายเรื่อง และเค้ายกตัวอย่างเรือ่งที่หัวหน้าประกาศว่าตั้งกรอบเวลาไว้แล้ว อย่างนี้เค้ารับทราบและจะดำเินนการ เรานี่แหละคิดเลย ว่า...อ่า....แล้วที่พี่ตั้งแผนงานไปตั้งแต่กลางปี หัวหน้าอนุมัติมาให้พวกคุณรับไปทำต่อ แล้วไม่มีฟีดแบคใดๆ จากพวกคุณมาอัพเดท พี่ ที่รับหน้าที่ลีด โปรเจคท์ คืออะไร เป็นกันทุกแผนกแหละค่ะ บางคนบอกให้พี่ปล่อยวางไว้จ้า...งานเราเยอะ...พี่ปล่อยไปก่อนนะ
ที่เราคิดคือ ทำไม แผนงานที่เราวางไว้ ไม่มีใครใส่ใจนำไปปฏิบัติให้เกิดความคืบหน้า ทั้งที่เราตั้งกรอบเวลาไว้ชัดเจน และบอกแนวปฏิบัติไปแล้ว ยกตัวอย่างประกอบด้วย เช่น มี 3 เวทีให้เลือก เธอไปดูนะว่างานเค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง และสิ่งที่เราทำได้จะสู้กับใครได้ และกำหนดมาว่าเราจะทำสิ่งนั้น จนกระทั่งประสบความสำเร็จ แล้วมาอัพเดทกันพร้อมเหตุผลประกอบ เพื่อที่พี่จะรายงานต่อผู้บริหารให้ตัดสินใจว่ามีความคิดอย่างไรกับสิ่งที่พวกเราเสนอ
ทำไมผู้บริหารพูดคำเดียว เค้าจำ และ คิดต่อว่าต้องทำ และยกตัวอย่างกลับมาให้เราฟังว่าเพราะมีกรอบเวลาที่ชัดเจน เราคิดว่าหรือเราต้องเลือกและสั่ง ซึ่งมันไม่ใช่ มันกลายเป็นเราต้องรู้เทรนด์ รู้ความสามารถ รู้ทุกสิ่งอย่างของแผนกเค้า เพื่อจะกำหนดแล้วออกคำสั่งเหรอ งานส่วนที่เราทำเพื่อหวังให้สร้างชื่อก็มีเช่นกัน ซึ่งเราเคยคุยกันว่าเราขอมุ่งเน้นศึกษาจริงจังในสิ่งที่เรารับผิดชอบโดยตรง ส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องเราวางบทบาทไว้เป็นผู้ให้แนวคิด วางแผน และผลักดัน แต่ผลออกมาเป็นแบบนี้
เราคิดว่า นี่ หัวหน้างานคนนั้นกำลังคิดว่าเราวางงานให้เค้าไม่ชัดเจน จนเค้าไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ หรือไม่ เค้าพูดประมาณนั้นนะ คือเปรียบเทียบว่าผู้บริหารสั่งบอกกำหนดเวลา เค้าจึงรู้ว่าเค้าจะต้องทำอะไร
และ อีกประการ คือ อย่างนี้ ผู้บริหารจะคิดว่าการทำงานในบทบาท โปรเจคท์ ลีดเดอร์ของเราไม่มีประสิทธิภาพไหม ทั้งที่เราอัพเดทให้ทราบและเค้าพูดมาเองว่าไว้ก่อน คือนิสัยผู้บริหารเป็นแบบ เอาตัวเองเป็น โรล โมเดล เช่น ทำไมพี่พูดไปทุกคนทำได้ และบางครั้งถึงขั้นพูดว่าเธอพุดกับพวกเค้ายังไงล่ะ
เราคิด และ พยายามปรับปรุงทุกอย่าง แต่ก็คิดว่า ทำไมไม่ถูกทางหนอ งานประจำก็มากจนทำงานทุกวันทีเดียว จึงต้องพยายามลดงานที่ไม่สำคัญไว้ทีหลัง ประมาณนั้นนะคะ ก็คิดและจะออกแผนงานให้ผู้บริหารทราบอยู่เหมือนกัน ที่เราคิดจะแก้ปัยหา คือแบบนี้ แต่ก็นี่แหละ ถึงแม้ผู้บริหารลงนามอนุมัติแล้ว คนปฏิบัติไม่ต่อเรื่อง ก็จะกลับไปเป็นปัญหาเหมือนย่อหน้าบนที่ว่ามาค่ะ
ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ