เที่ยวเวียงจันทร์และวังเวียงช่วงปลายฝน

กระทู้สนทนา
วันนี้ผมจะมาแบ่งบันข้อมูลการท่องเที่ยว สปป ลาวกับเพื่อนๆ ครับ โดยจุดหมายการท่องเที่ยวครั้งนี้คือวังเวียงครับ วังเวียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติและมีกิจกรรมผจญภัยต่าง ๆ ให้ทำ การท่องเที่ยวที่นำมาแบ่งบันครั้งนี้เป็นข้อมูลการท่องเที่ยวที่อาจเหมาะสำหรับผู้ใหญ่สักหน่อยและเน้นกินดีอยู่สบายครับ และอาจไม่ได้ลงรูปให้ดูมากนักเพราะรูปที่ถ่ายมามีบุคคลที่สามอยู่ซึ่งไม่เหมาะที่จะนำมาลงในกระทู้ครับ
      การเดินทางของผมในวันแรก (13 ต.ค. 58) ออกเดินทางโดยสายการบิน Bangkok Airway บินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่เวียงจันทร์ครับ โดยค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับราคาประมาณ 7400 บาทต่อคน ผมเดินทางกับภรรยา ในการซื้อตั๋วเครื่องบินผมได้ทำประกันระหว่างท่องเที่ยวด้วยเป็นเงิน 750 บาท รวมแล้วสองคนหมดไปประมาณ 15,500 บาทครับ เครื่องบินขึ้นเวลา 9:45 น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงถึงสนามบินนานาชาติวัดไตประมาณ 11:00 น ครับ อากาศที่เวียงจันทร์กำลังสบายไม่ร้อนและไม่มีฝนครับ



     ด้วยความโชคดีที่ผมมีเพื่อนอยู่ที่ สปป ลาว เพื่อนจึงขับรถมารับที่สนามบินพาไปส่งที่โรงแรมและรับประทานอาหารกลางวัน อย่างไรก็ตามหากเพื่อนๆ เดินทางไปถึงก็สามารถหารถ Taxi ไปส่งได้ครับ โดยราคาให้ต่อรองเอาได้เลยครับ และที่นี่ยินดีรับเงินบาททุกที่ แต่อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับความพอใจของแต่ละที่ ผมแนะนำให้แลกเงินกีบเอาไว้ใช้สำหรับซื้อของเล็กๆ น้อยๆ บ้างมิเช่นนั้นราคาของที่ไม่ถึง 20 บาทแต่ใกล้เคียง 20 บาท จะถูกปัดเป็น 20 บาทเลยทันที
      ผมจองห้องโรงแรมในเวียงจันทร์ผ่านเว็บไซต์ครับ โดยเพื่อน ๆ สามารถหาข้อมูลโรงแรมได้จากเว็บที่มีบริการรับจองโรงแรมที่มีอยู่เช่น เว็บ booking.com เป็นต้น โดยโรงแรมที่ผมเข้าพักคือ Vayakorn Inn อยู่ในกลางเมืองครับ ห่างจากสนามบินประมาณ 8-9 กิโลเมตรใช้เวลาขับรถประมาณ 15 นาทีครับ การจราจรที่เวียงจันทร์หากเป็นตอน 4 โมงเย็นรถจะติดครับ แต่ตอนที่ผมไปถึงใกล้ ๆ เที่ยงถึงรถจะมีมากสักหน่อยแต่เดินทางสบายครับ โรงแรมที่ผมพักสามารถเดินไปแม่น้ำโขงได้ใช้เวลาประมาณ 5-8 นาทีแบบไม่รีบมากครับ ส่วนราคาห้องพักก็ 38 USD ครับ หากต้องการอาหารเช้าด้วยก็บวกอีก 4 USD ต่อคนครับ เรื่องโรงแรมในละแวกที่ผมพักนี้มีให้เลือกมากมายมีในระดับหลักร้อย เช่น 800 บาท ถึงระบบแพงๆ ก็มีครับ ผมแนะนำให้อ่านข้อมูลในเว็บที่รับจองโรงแรม หรือพิมพ์ชื่อโรงแรมดูในแผนที่โดย google เพื่อดูว่าอยู่ห่างจากแม่น้ำโขงมากแค่ไหน เพราะผมแนะนำมาต้องไปเดินเที่ยวริมแม่น้ำโขงครับ เพราะอะไรเดี๋ยวบอกให้ทราบครับ


      อาหารกลางวันผมเป็นแหนมเนืองและปลาจุ่มครับ โดยปลาเป็นปลาแม่น้ำโขงและน้ำซุปที่ต้มปลาจะใส่น้ำมะพร้าวด้วยหวานอร่อยครับ น้ำจิ่มที่ทานคู่กับปลาจะใส่น้ำสับปะรดและน้ำปลาร้าด้วย แซบมากๆ  ยกนิ้วโป้งให้สองข้างเลยครับ จากนั้นผมไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ โดยที่แรกที่ไปเกี่ยวกับงานในอาชีพผมไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวจึงไม่ขอกล่าวถึง ที่ถัดไปผมเดินทางไปพระธาตุหลวงครับ ค่าตั๋ว (ตั๋วภาษาลาวเรียกว่าปี้) เข้าชมพระธาตุ 5000 กีบครับ หากไม่มีเงินกีบรับเงินไทยครับ โดยอย่าลืมว่าอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับความพอใจในแต่ละที่นะครับ การเดินทางของผมถึงจะมีเพื่อนขับรถให้นั่งแต่ถ้าเพื่อน ๆ ไปก็มีรถรับจ้างเป็นรถตุ๊ก ๆ อยู่มากมายแต่อย่าลืมต่อรองราคาด้วยครับ ก่อนกลับมาพักที่โรงแรมผมไปที่ประตูชัย ซึ่งจริง ๆ ผมสามารถเดินจากโรงแรมผมมาที่ประตูชัยได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ประตูชัยนี้ใครมาเวียงจันทร์ก็ต้องมาถ่ายรูปด้วย ไม่เช่นนั้นเหมือนมาไม่ถึงครับ ราคาตั๋วขึ้นไปข้างบนก็ 3000 กีบครับ ขึ้นไปข้างบนประตูสามารถชมวิวเวียงจันทร์รอบ ๆ ได้ ผมลงมาจากประตูชัยเวลาประมาณ 15:00 น ก็เดินทางกลับไปพักที่โรงแรมครับ







      พอตกเย็นเวลาประมาณ 17:00 น ริมแม่น้ำโขงจะมีตลาดเป็น walking street นี่คืออีกสิ่งที่แนะนำให้มาเดิน หากโรงแรมอยู่ไกลเดินไม่ไหวก็เรียกตุ๊ก ๆ ได้ ที่ตลาดถนนคนเดินนี้มีของขายมากมาย อาทิ เสื้อผ้า อุปกรณ์เมื่อถือต่าง ๆ ผมไปซื้อซิมโทรศัพท์ที่ตลาดนี้ ราคา 80 บาทเป็นแบบโทรอย่างเดียว ใส่เอาไว้โทรหาเพื่อน ติดต่อกับบริษัทรถที่จะมารับไปวังเวียง รวมทั้งโทรหาพนักงานโรงแรมกรณีหลงทาง (ซึ่งจริง ๆ ไม่หลงหรอกครับเพราะไปได้ไกลกันมากและเส้นทางไม่ซับซ้อน) ผมซื้อซิมของ M Phone แล้วหาร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อบัตรเติมเงิน โดยผมเติมไป 10,000 กีบครับ (ประมาณ 40 บาท) ในตลาดถนนคนเดินนอกจากร้านขายของใช้แล้ว บริเวณแถวนั้นยังมีร้านอาหารรถเข็นข้างทางด้วย ระหว่างทางเพื่อน ๆ จะเห็นมี baguette หรือ ขนมปังฝรั่งเศสขายอยู่มากมาย ผมชอบมากซึ่งถ้าใครชอบ ท่านไปลาวจะได้กินสมใจทุกวัน ผมซื้อทานจากร้านที่อยู่ระหว่างทางไปตลาดคนเดินครับ ที่ลาวจะนำขนมปังฝรั่งเศสมาทำอาหารที่เรียกว่า ข้าวจี่ปาเต้





     ร้านอาหารริมแม่น้ำโขงจริง ๆ มีอยู่ 2-3 ร้านที่แนะนำให้ไปทาน แต่วันแรกที่ผมไปและผมแนะนำให้มาทานคือส้มตำร้าน 3 เอื้อยน้องครับ โดยแนะนำให้ทดลองทานส้มตำแบบ venetian (คือตำลาว) และแบบหลวงพระบาง (LPB) ราคาก็จานละ 15000 กีบครับ (75 บาท) ในภาพจานที่อยู่ใกล้กล้องคือ ส้มตำแบบลาว ส่วนจานที่อยู่ไกลออกไปเป็นแบบหลวงพระบาง หลังสั่งอาหารคนตำเดินมาถามว่าใส่ปลาร้าไหม ผมบอกใส่ และย้ำไปด้วยว่าเอาแบบไม่เผ็ดมาก เพราะเพื่อนผมให้ข้อมูลว่าความเผ็ดมีหลายระดับ ทางที่ดีให้บอกว่าไม่เผ็ดเอาไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ทรมานเวลารับประทาน เมื่อทานเสร็จผมก็จ่ายค่าอาหารด้วยเงินไทย ร้านนี้ดีครับไม่กดค่าเงินบาท ในร้านมีน้ำหวาน กาแฟและชานมให้เลือกด้วย เพื่อนผมแนะนำให้สั่งน้ำ sealo เป็นน้ำหวานใช้ลูกชิด แต่ผมไม่ได้มีโอกาสทานเพราะลูกชิดหมด ผมให้ข้อมูลอีกนิดสำหรับท่านที่ไม่ชอบเดิน แถวนั้นมีร้านให้เช่าจักรยานและมอเตอร์ไซค์อยู่หลายร้าน เพื่อนๆ สามารถไปเช่ามาปั่นหรือขับขี่ได้ ในซอยต่าง ๆ แถว ๆ นั้นก็มีร้านอาหารมากมายขึ้นกับสไตล์แต่ละคน Fuji ก็มี ร้านพิซซ่าก็มีครับ ร้านหรูไปจนรถเข็นข้างทางมีหมดเลือกได้ตามต้องการครับ




     หลังอาหารหลักแล้วผมไปนั่งดื่มกาแฟต่อครับ (ผมเป็นคนดื่มกาแฟตอนค่ำก่อนทำงานรอบค่ำอยู่แล้ว) ในร้านขายกาแฟสีหนุกครับ บรรยากาศหน้านั่งกาแฟก็รสชาติดีครับ กาแฟ Amazon แถว ๆ นั้นก็มี หลังดืมกาแฟเสร็จผมก็ออกเดินเล่นรอบ ๆ สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนคือเกมส์ปาลูกโป่งครับ มีแผงปาลูกโป่งเป็น 10 กว่าแผง และเพื่อน ๆ จะสามารถเห็นได้ในหลาย ๆ ที่ด้วย หลักจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินเล่นผมก็กลับเข้าโรงแรม อาบน้ำเตรียมพักผ่อน ทันใดนั้นนึกขึ้นมาได้ว่าอยากใส่บาตร ตอนนั้น 4 ทุ่มกว่าแล้ว เลยตัดสิ้นใจถามพนักงานโรงแรมว่ามีร้านค้าไหนบ้างที่ยังไม่ปิด ก็ได้รับคำแนะนำให้ไป M point mart อยู่ไม่ไกลเท่าไรจากโรงแรม ผมหาข้าวเหนียวไม่ได้แล้วนั้นเวลานั้นจึงซื้อน้ำถั่วเหลืองยี่ห้อคุ้นเคยของไทยเป็นกล่องเล็กมา 18 กล่องสำหรับใส่บาตร สำหรับวันแรกขอเพียงเท่านี้ก่อนครับ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่