สวัสดีค่ะ สมาชิกห้องสัตว์เลี้ยงทุกท่าน ขออนุญาตแชร์เรื่องราวดีๆ ปุ้ยคิดว่าน่ามีประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกได้ค่ะ
จริงๆ บทความนี้เคยเขียนลงที่ Blog ส่วนตัวมาหลายเดือนแล้ว แต่วันนี้ลองเอามาโพสต์ที่นี่ดูบ้างค่ะ
นี่เป็นกระทู้แรกเกี่ยกับเรื่องแมวของปุ้ย หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ขออภัย และน้อมรับคำแนะนำจากคนรักแมวที่นี่ทุกคนนะคะ
(ภาพสปอย แม่เหมียวปลาทุกับลูกชาย)
เรื่องราวความเป็นทาสแมวของปุ้ย เริ่มต้นตั้งแต่จำความได้
ตั้งแต่เป็นเด็ก ก็รู้เลยว่า แมวเป็นสัตว์ที่น่ารักที่สุดในโลก
เห็นแมวไม่ได้ต้องเดินไปหา แม้ว่าแมวข้างถนน แมวที่โรงเรียน ที่มหาวิทยาลัย
ต้องเข้าไปเล่น ไปคุยด้วย จนเพื่อนๆ ล้อว่า เป็นคนคุยกับแมวได้ และเพื่อนๆ มักจะแซวว่า แมวทุกตัวบนโลก ชื่อ “เหมียว” เพราะเวลาคุยกับแมว ปุ้ยจะเรียกเค้าว่า เหมียวทุกตัว แล้วก็เค้าก็เดินมาหาจริงๆ เป็นอะไรที่แปลกมาก
เทคนิคการคุยกับแมว คือ เรียกเค้าเสียงสูงๆ และก็สบตา มองหน้าเค้า ให้อารมณ์สื่อสารก่อนว่า เรามาดี เราชอบเค้า แล้วเค้าก็จะเปิดใจที่จะเดินมาหาเราค่ะ
แมวตัวแรกที่บ้านก็ชื่อเหมียวค่ะ เป็นแมวไทย เราเลี้ยงเค้าที่บ้าน เหมือนเป็นสมาชิกและมีคุณแม่คนเดียวกัน (คือ แม่ของปุ้ยเอง)
ต่อมาก็มี อีก 3 - 4 ตัว แต่มักจะเลี้ยงแบบอุปการะมาตลอด
จนมาเรียนที่กรุงเทพ อยู่หอพัก ก็แอบอุปการะแมวจร ที่อยู่ใต้หอพัก “ชื่อเหมียว เหมือนกัน” ให้อาหารทุกวัน เค้าเดินไปส่งหน้าหอก่อนเราไปโรงเรียนทุกวัน เลิกเรียนปุ้ยก็ต้องรีบกลับมาให้อาหาร เป็นห่วงเหมียวตลอด จนเหมียวมีลูก เห็นวัฏจักรการมีลูกของเหมียวมาหลายครอก จนสุดท้าย เหมียวอายุเยอะ จนคลอดลูกครอกสุดท้าย อาการแย่มาก จนเจ้าของหอ ต้องให้คนไปเรียกปุ้ยกลางดึก ให้อุ้มเหมียวไปรพ. เพราะเหมียวไม่ยอมให้ใครอุ้มเลย
เจ้าของหอช่วยขับรถ ปุ้ยอุ้มพาไปคลอดลูกพร้อมทำหมันที่ รพ. ผ่าท้องออกมา ช่วยดูแลเหมียวตอนที่เหมียวยังแผลไม่หาย ทำให้รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับแมว ก็คือ ความรัก ซึ่งเป็นกำลังใจให้เค้ามีชีวิตสู้ต่อไป เค้ารับรู้ได้ถึงความรักที่เรามีให้
สุดท้ายก็ขอลูกสาวคนสุดท้องของเหมียวไปเลี้ยงที่บ้าน (ให้แม่เลี้ยง) ชื่อเหมียวอีกเหมือนกัน 555 งงมั้ยคะ มีเหมียวหลายตัว แต่ว่า แมวจร จะอายุไม่ยืนค่ะ เหมียวที่เลี้ยงๆ ได้ 2-3 ปี ก็จากไปด้วยโรคหัดแมวบ้าง โดนหมากัดบ้าง
เคยมีแมวจรตัวนึง (เลี้ยงใต้หอพักเหมือนกัน) เลี้ยงจนเค้าคิดเรา เค้าเป็นโรคเลือด (เพราะเกิดจากผสมข้ามพันธุ์) เค้าชักอยู่ตรงถนนเป็นชม. คนมามุงดู พอปุ้ยกลับมาถึงหอ มีคนเรียกปุ้ยไปดู ปุ้ยก็วิ่งไปอุ้มเค้า พอเค้ามองหน้าเรา เค้าเหมือนดีใจมาก เค้าหายใจอีกไม่กี่เฮือก ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจแล้วเค้าก็หลับตา หยุดหายใจจากไปอย่างสงบ ก่อนหน้านั้นเหมือนเค้าไม่ยอมตาย รอเจอเราจนลมหายใจสุดท้าย (พิมพ์เรื่องนี้แล้วก็ยังน้ำตาไหลทุกที) พาเค้าไปส่งรพ. ก็ไม่ทันแล้วค่ะ หมอบอกว่าเค้าเป็นโรคเลือด อายุ 3-4 เดือนเอง น่าสงสารมาก
ตอนนี้ที่บ้านแม่จึงเหลือแมวอยู่ตัวเดียว ชื่อ เจ้าเทา (แม่ตั้งให้) ซึ่งพี่สาวและน้องสาวพากันไปอุปการะมาจากงานแมว เมื่อ 10 ปีก่อน เจ้าเทาตอนนี้เป็นลุงเทา แล้วค่ะ อายุยืนยาวมาก
จากประสบการณ์ที่เลี้ยงแมวมา ทำให้รู้เลยว่า แมวจะรักคนที่ให้เค้า 2 สิ่งค่ะ
คือ อาหาร กับ ความรัก เค้าถึงได้เรียกว่า เลี้ยงด้วยรักและปลาทู นั่นเอง
ถ้าใครให้ความรักอย่างเดียว เค้าก็จะไม่รักเท่ากับคนที่ให้ทั้งความรักและอาหาร เหมือนแมวที่บ้านจะรักคุณแม่มากที่สุดในบ้านนั่นเอง
ในทางตรงกันข้ามถ้าให้อาหารเค้าอย่างเดียว (อย่างพวกร้านอาหารที่นำเศษอาหารให้แมว หรือคนที่เอาข้าวมาวางให้แมวข้างถนน) ไม่เล่น ไม่นั่งดูเค้า ไม่ได้ให้ความรักกับเค้า เค้าก็จะเห็นเราเป็นแค่อู่ข้าวอู่น้ำค่ะ
ที่บ้านเลี้ยงแมวมาตลอด จนนึกไม่ออกว่าถ้าบ้านไม่มีแมว จะอยู่กันยังไง
แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษที่สุดในโลก คือ ทำให้เรามีความสุขตลอดเวลาที่มีเค้า และไม่รู้สึกเป็นภาระ
ไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อย หรือเบื่อเค้าเลย
ตื่นขึ้นมาต้องหาแมวก่อน จะนอนก็ต้องเล่นกับแมวก่อน
พอปีที่แล้วปุ้ยแต่งงาน แล้วต้องย้ายออกจากบ้าน อย่างแรกที่ฝันมานานคือ การมีแมวเป็นของตัวเอง แมวที่ไม่ใช่แมวจร (ที่ต้องคอยหวั่นใจตลอดเวลาว่า เค้าจะกลับมาหาเราทุกวันมั้ย) แมวที่ไม่ใช่แมว ที่รักแม่ของเรามากกว่าเรา 555
ซึ่งแมวในฝันของปุ้ยก็คือ พันธุ์ American Short Hair ซึ่งอยากได้มาตั้งแต่สมัยเรียน เคยไปลองถามราคาแถวๆ เจเจ พอรู้ว่าราคาเป็นหมื่น ตอนนั้นก็เหมือนฝันสลาย แต่พอโตมา แมวตัวแรกที่เราเก็บตังค์ซื้อก็คือ พันธุ์นี้แหละ
ความฝันเป็นจริงกับแมวตัวแรก ปุ้ยตั้งชื่อว่า "เจ้าเหมียวปลาทู" เพราะว่าสีซิลเว่อร์ของเค้าเหมือนกับสีของปลาทู
ทาสแมว ชื่อ ปุ้ย จึงเกิดขึ้น เจ้าเหมียวปลาทูถูกปรนเปรอด้วยความรัก ของกิน ของเล่น สารพัดอะไรที่เรียกว่าของแมว ซื้อมาปรนเปรอทุกอย่าง เหมือนคนมีลูกเลย แบบอะไรๆ ก็ลูก ทุกลมหายใจคือลูก ดังนั้นเวลาปุ้ยคุยกับเจ้าเหมียวปลาทู ปุ้ยจะเรียกแทนตัวเองว่า “มามี๊” ค่ะ
การเป็นทาสแมว เหมือนยาเสพติด พอมีแมว 1 ตัว ก็อยากมี เพิ่มเป็น 2 - 3 ตัว ดังนั้นจึงมี "เจ้าแมวหมูปิ้ง" กับ "เจ้าหนูขนมผิง" ตามมา อีก 2 ตัว
[img]
การมีแมวเป็นของตัวเอง ทำให้เราได้เรียนรู้สึกการเจริญเติบโต พัฒนาการ รวมทั้งการเข้าสังคมของแมว ยังไงก็ตาม ตรงนี้ก็ยังยืนยันว่า แมวเป็นสิ่งที่น่ารักที่สุดในโลก
ตอนนี้ชีวิตมีแต่เค้า ตั้งแต่ลืมตาตื่น ยันหลับตานอน เพราะว่ามานอนด้วยบนเตียง เค้าเดินตามไปทุกที เฝ้าเราทุกก้าว นั่งดูทุกอย่างที่เราทำ
เล่ามาตั้งนาน วันนี้ปุ้ยจะมาแชร์ เรื่องราวที่แสนประทับใจและเป็นประสบการณ์ครั้งใหม่ที่สุดยอดเลย คือ การคลอดลูกของเจ้าเหมียวปลาทู
บล็อกนี้อาจจะยาวซักหน่อย พยายามเขียนให้ครบๆ จะได้อ่านจบ ไม่ต้องไปหาอ่านเพิ่มหลายเว็บให้เหนื่อยค่ะ ทั้งในเรื่องหลักการที่รวบรวมมาจากการอ่านหลายๆ เว็บ บวกกับประสบการณ์จริง เล่าประกอบๆ กันไปค่ะ
การคลอดลูกครอกนี้ เป็นการคลอดแมวครั้งแรกในชีวิต ที่ปุ้ยมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่หาแฟนมาให้ปลาทู จนเค้าเมกเลิฟกันก็ไปนั่งดู จนปลาทูท้อง พาไปอัลตราซาวน์-เอ็กซ์เรย์ ตื่นเต้นมาก จนเค้าใกล้คลอดยิ่งตื่นเต้น เตรียมตัวคลอดให้ พร้อมล่วงหน้า 1 เดือน พร้อมกว่าแม่แมว บอกเลย
ทั้งห้องคลอด อุปกรณ์ช่วยคลอด กรงแมว ใส่คอนโดลูกแมว คิดว่าพร้อมมาก 555
หวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้ของปุ้ย จะมีประโยชน์สำหรับผู้อ่านที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์คลอดลูกแมวค่ะ
วัฏจักรของแมวสาว จะมี 4 ช่วงเวลาค่ะ
1. ช่วงเป็นสาว-หาคู่ จะร้องทั้งวัน กระวนกระวาย อยากออกนอกบ้าน ไม่ค่อยอยู่สงบๆ ช่วงนี้ถ้าไม่อยากให้แมวท้อง ต้องแยกแมวหนุ่มไปอยู่บ้านอื่น หรือยังไงก็ได้ไม่ให้เค้าป๊ะกันเลย
เค้าจะเป็นสาว หรือเรียกว่าฮีท หรือภาษาชาวบ้านเรียก ติดสัด ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ จนกว่าจะได้ผสม หรือจนกว่าจะพาไปทำหมันค่ะ (ของปลาทู จะเป็นทุกๆ 2 สัปดาห์) ส่วนแมวตัวผู้ ปกติจะไม่ฮีทถ้าเลี้ยงเดี่ยว แต่เค้าจะฮีทถ้าได้การกระตุ้นจากแมวสาว คือ ได้กลิ่น/เสียง แมวสาวค่ะ
ช่วงนี้บรรดาทาสๆ จะปวดหัวหน่อย เพราะร้องทั้งวันแล้วก็กินน้อยมาก จนน่าเป็นห่วง (เค้าจะกินไม่ลง เพราะเครียดเรื่องหาคู่)
2. ช่วงผสมพันธุ์ หรือเมกเลิฟกับแมวหนุ่ม เค้าใช้เวลาจีบกันไม่นาน บางตัวเห็นหน้ากันปุ๊บ เกิดรักแรกพบปั๊บเลย บางตัวใช้ความคุ้นเคยกันซักพัก
ช่วงจังหวะที่เค้าผสมกัน ถ้าแมวหนุ่มที่มีประสบการณ์ จะใช้เวลาเร็วมาก จนเราแทบมองไม่ทันเลย คุณหมอเคยบอกว่าช่วงจังหวะที่เค้าหลังน้ำเชื้อเข้าสู่ช่องคลอดแมวตัวเมียไม่ถึง 5 วินาที และ แมวสาวเค้าสามารถผสมกันได้หลายครั้ง และกับแมวหนุ่มหลายตัวด้วย ถ้าเป็นแมวเลี้ยงปล่อย ลูก 1 ครอก อาจจะเกิดจากพ่อแมวหลายตัวได้ค่ะ
3. ช่วงตั้งครรภ์ พอเค้าตั้งท้อง ระยะแรกสังเกตได้ จะอารมณ์เย็นลง สงบขึ้น ดูแฮปปี้กว่าช่วงเป็นสาว แล้วก็จะอยู่นิ่งๆ ไม่นอนหงายท้อง ไม่นอนตีลังกา กางแข้งกางขา แบบเมื่อก่อน แล้วเต้านมจะเริ่มตั้ง มีสีชมพูค่ะ หลังจากนั้น 2 สัปดาห์จะอ้วนขึ้นแบบเห็นได้ชัด
ครรภ์แมวใช้เวลา ทั้งหมด 60-68 วัน อันนี้ปุ้ยอ่านเอาตามเว็บไซต์ ถ้าเลย 70 วันถือว่าอันตรายเพราะรกจะเริ่มเสื่อมต้องพาไปให้หมอทำคลอดโดยการผ่าค่ะ ของปลาทูนี่ 66 วันค่ะ
ก่อนที่เค้าจะคลอด เค้าจะมีอาการเดินตามติดเราเลย แล้วก็จะซ่อนตัวในที่มืดๆ เงียบๆ ช่วง 3-6 ชม. ก่อนคลอดจะเริ่มซ้อมเบ่ง คือ จะไปถีบๆ ใช้ขาหลังตะกุยๆ กับกล่องหรือลังที่เราเตรียมไว้ แล้วถ้ามีน้ำคาวๆ หรือมีกลิ่นคาวๆ ให้รีบพาไปยังห้องคลอดที่เราเตรียมไว้เลยค่ะ (เดี๋ยวมาเล่าต่อเรื่องคลอดลูก)
4.
ช่วงให้นมลูก ช่วงหลังคลอด 2 วัน เค้าจะไม่ออกจากห้องคอกเลย นอกจากเวลาเข้าห้องน้ำ จะอยู่กับลูกตลอด 24 ชม.
พอครบ 2 วัน จะเริ่มออกมาพักผ่อนหย่อยใจข้างนอกบ้างเป็นระยะ
หลังจากนั้น สัปดาห์นึงจะเริ่มชิลค่ะ พอลูกหลับก็เดินเล่น แต่ก็จะไม่ไปไกลคอก คอยดูลูกๆ ว่าตื่นยัง
ช่วงนี้เค้าก็ยังอารมณ์ดี แต่เพิ่มความกินเก่งขึ้นหลายเท่าตัว บอกเลยมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ กินทั้งวัน เรียกให้เทอาหารทุกชม.
และทุกครั้งที่เห็นเราขยับตัว จะเรียกเลยว่า “มี้ เทข้าวให้หน่อย” (ร้องเมี๊ยวๆ ตามภาษาแมว) มองหน้าแล้ววิ่งนำไปที่จานข้าวเลย แต่ก่อนจากแมวกินยาก แมวกินน้อย ตอนนี้กลายเป็นแมวตระกละกินทั้งวัน แต่ก็ไม่อ้วนเพราะว่าเอาอาหารไปผลิตน้ำนมค่ะ
ช่วงหลังจากคลอดลูก 2 เดือน แมวสาวจะเริ่มกลับเข้าไปวัฏจักรการกลับมาเป็นสาว อยากหาคู่อีกครั้ง ลูกแมวจะเริ่มหย่านม กินอาหารเองได้แล้ว
แมวที่ให้นมลูกอยู่ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้อีกรอบค่ะ จริงๆ ควรเฝ้าระวังไว้ตลอดหลัง 1 เดือน (ช่องคลอด-มดลูกกลับสู่ปกติ) อย่างที่บ้าน แยกแมวหมูปิ้ง (แมวหนุ่ม) ไปไว้อีกบ้านเลย หลังจากที่พอหมูปิ้งเป็นหนุ่มก็ไม่ค่อยได้เจอหน้า ขนมผิงกับปลาทูอีก แค่พาไปเยี่ยมกันบ้างนานๆ ที
กลับมาที่การเล่าประสบการณ์ แมวคลอดลูกค่ะ
มาเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมไว้สำหรับการคลอดก่อนค่ะ
“ห้องคลอด” หรือคอกแมว หรือรังแมว อาจเป็นกล่อง กรง หรือลังกระดาษ ที่มีผ้ารอง (แบบผ้าใบกันน้ำจะดีมาก เพราะจะทำความสะอาดง่าย) หรือจะใช้แผ่นรองเปื้อนแบบใช้แล้วทิ้งก็ได้
ปุ้ยก็เตรียมลังกระดาษ ไซส์ที่คิดว่าไม่ใหญ่เกินไป ไม่คับแคบเกินไป
แล้วตัดแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดมาประกบทุกด้านเพื่อให้ทำความสะอาดง่าย ด้านหน้าทำที่กั้นขอบจากพื้นให้สูงหน่อย เพื่อให้แมวรู้สึกปลอดภัย และลูกแมวจะเผลอไม่คลานออกมา ซึ่งได้ผลดีมาก
ใน 1 เดือนแรก ลูกแมวไม่ออกมาจากรังหรือคอกนี้เลยค่ะ ส่วนด้านบนทำเหมือนกันสาด แบบพับเปิดขึ้นได้ หรือจะปิดลงมาบังสายตาก็ได้ แมวจะรู้สึกว่าเป็นส่วนตัวขึ้น
จะหาว่าเว่อร์ ก็ได้นะคะ แต่ว่าเพราะว่าตื่นเต้น และอยากทำอะไรพิเศษๆ ให้เค้า (จริงๆ ก็แค่ลังเก่าๆ ใบนึงก็พอ)
ต่อมาอุปกรณ์ อันนี้ปุ้ยอ่านตามเว็บๆ หลายๆ เว็บที่มาแชร์ประสบการณ์ แล้วเอามารวบรวมเรียบเรียงอีกทีค่ะ
อุปกรณ์ทั้งหมด ปุ้ยขอแบ่งเป็น อุปกรณ์สำหรับ
1] ช่วยทำคลอด+ช่วยชีวิตลูกแมว 2] ทำความสะอาด และ 3] ให้ความอบอุ่นหลังคลอด
(เดี๋ยวมาต่อค่ะ)
เรื่องราวของทาสแมว ปสก. คลอดลูกแมวครั้งแรก ที่น่ารักมาก
จริงๆ บทความนี้เคยเขียนลงที่ Blog ส่วนตัวมาหลายเดือนแล้ว แต่วันนี้ลองเอามาโพสต์ที่นี่ดูบ้างค่ะ
นี่เป็นกระทู้แรกเกี่ยกับเรื่องแมวของปุ้ย หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ขออภัย และน้อมรับคำแนะนำจากคนรักแมวที่นี่ทุกคนนะคะ
เรื่องราวความเป็นทาสแมวของปุ้ย เริ่มต้นตั้งแต่จำความได้
ตั้งแต่เป็นเด็ก ก็รู้เลยว่า แมวเป็นสัตว์ที่น่ารักที่สุดในโลก
เห็นแมวไม่ได้ต้องเดินไปหา แม้ว่าแมวข้างถนน แมวที่โรงเรียน ที่มหาวิทยาลัย ต้องเข้าไปเล่น ไปคุยด้วย จนเพื่อนๆ ล้อว่า เป็นคนคุยกับแมวได้ และเพื่อนๆ มักจะแซวว่า แมวทุกตัวบนโลก ชื่อ “เหมียว” เพราะเวลาคุยกับแมว ปุ้ยจะเรียกเค้าว่า เหมียวทุกตัว แล้วก็เค้าก็เดินมาหาจริงๆ เป็นอะไรที่แปลกมาก
เทคนิคการคุยกับแมว คือ เรียกเค้าเสียงสูงๆ และก็สบตา มองหน้าเค้า ให้อารมณ์สื่อสารก่อนว่า เรามาดี เราชอบเค้า แล้วเค้าก็จะเปิดใจที่จะเดินมาหาเราค่ะ
แมวตัวแรกที่บ้านก็ชื่อเหมียวค่ะ เป็นแมวไทย เราเลี้ยงเค้าที่บ้าน เหมือนเป็นสมาชิกและมีคุณแม่คนเดียวกัน (คือ แม่ของปุ้ยเอง)
ต่อมาก็มี อีก 3 - 4 ตัว แต่มักจะเลี้ยงแบบอุปการะมาตลอด
จนมาเรียนที่กรุงเทพ อยู่หอพัก ก็แอบอุปการะแมวจร ที่อยู่ใต้หอพัก “ชื่อเหมียว เหมือนกัน” ให้อาหารทุกวัน เค้าเดินไปส่งหน้าหอก่อนเราไปโรงเรียนทุกวัน เลิกเรียนปุ้ยก็ต้องรีบกลับมาให้อาหาร เป็นห่วงเหมียวตลอด จนเหมียวมีลูก เห็นวัฏจักรการมีลูกของเหมียวมาหลายครอก จนสุดท้าย เหมียวอายุเยอะ จนคลอดลูกครอกสุดท้าย อาการแย่มาก จนเจ้าของหอ ต้องให้คนไปเรียกปุ้ยกลางดึก ให้อุ้มเหมียวไปรพ. เพราะเหมียวไม่ยอมให้ใครอุ้มเลย
เจ้าของหอช่วยขับรถ ปุ้ยอุ้มพาไปคลอดลูกพร้อมทำหมันที่ รพ. ผ่าท้องออกมา ช่วยดูแลเหมียวตอนที่เหมียวยังแผลไม่หาย ทำให้รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับแมว ก็คือ ความรัก ซึ่งเป็นกำลังใจให้เค้ามีชีวิตสู้ต่อไป เค้ารับรู้ได้ถึงความรักที่เรามีให้
สุดท้ายก็ขอลูกสาวคนสุดท้องของเหมียวไปเลี้ยงที่บ้าน (ให้แม่เลี้ยง) ชื่อเหมียวอีกเหมือนกัน 555 งงมั้ยคะ มีเหมียวหลายตัว แต่ว่า แมวจร จะอายุไม่ยืนค่ะ เหมียวที่เลี้ยงๆ ได้ 2-3 ปี ก็จากไปด้วยโรคหัดแมวบ้าง โดนหมากัดบ้าง
เคยมีแมวจรตัวนึง (เลี้ยงใต้หอพักเหมือนกัน) เลี้ยงจนเค้าคิดเรา เค้าเป็นโรคเลือด (เพราะเกิดจากผสมข้ามพันธุ์) เค้าชักอยู่ตรงถนนเป็นชม. คนมามุงดู พอปุ้ยกลับมาถึงหอ มีคนเรียกปุ้ยไปดู ปุ้ยก็วิ่งไปอุ้มเค้า พอเค้ามองหน้าเรา เค้าเหมือนดีใจมาก เค้าหายใจอีกไม่กี่เฮือก ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจแล้วเค้าก็หลับตา หยุดหายใจจากไปอย่างสงบ ก่อนหน้านั้นเหมือนเค้าไม่ยอมตาย รอเจอเราจนลมหายใจสุดท้าย (พิมพ์เรื่องนี้แล้วก็ยังน้ำตาไหลทุกที) พาเค้าไปส่งรพ. ก็ไม่ทันแล้วค่ะ หมอบอกว่าเค้าเป็นโรคเลือด อายุ 3-4 เดือนเอง น่าสงสารมาก
ตอนนี้ที่บ้านแม่จึงเหลือแมวอยู่ตัวเดียว ชื่อ เจ้าเทา (แม่ตั้งให้) ซึ่งพี่สาวและน้องสาวพากันไปอุปการะมาจากงานแมว เมื่อ 10 ปีก่อน เจ้าเทาตอนนี้เป็นลุงเทา แล้วค่ะ อายุยืนยาวมาก
จากประสบการณ์ที่เลี้ยงแมวมา ทำให้รู้เลยว่า แมวจะรักคนที่ให้เค้า 2 สิ่งค่ะ
คือ อาหาร กับ ความรัก เค้าถึงได้เรียกว่า เลี้ยงด้วยรักและปลาทู นั่นเอง
ถ้าใครให้ความรักอย่างเดียว เค้าก็จะไม่รักเท่ากับคนที่ให้ทั้งความรักและอาหาร เหมือนแมวที่บ้านจะรักคุณแม่มากที่สุดในบ้านนั่นเอง
ในทางตรงกันข้ามถ้าให้อาหารเค้าอย่างเดียว (อย่างพวกร้านอาหารที่นำเศษอาหารให้แมว หรือคนที่เอาข้าวมาวางให้แมวข้างถนน) ไม่เล่น ไม่นั่งดูเค้า ไม่ได้ให้ความรักกับเค้า เค้าก็จะเห็นเราเป็นแค่อู่ข้าวอู่น้ำค่ะ
ที่บ้านเลี้ยงแมวมาตลอด จนนึกไม่ออกว่าถ้าบ้านไม่มีแมว จะอยู่กันยังไง
แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษที่สุดในโลก คือ ทำให้เรามีความสุขตลอดเวลาที่มีเค้า และไม่รู้สึกเป็นภาระ
ไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อย หรือเบื่อเค้าเลย
ตื่นขึ้นมาต้องหาแมวก่อน จะนอนก็ต้องเล่นกับแมวก่อน
พอปีที่แล้วปุ้ยแต่งงาน แล้วต้องย้ายออกจากบ้าน อย่างแรกที่ฝันมานานคือ การมีแมวเป็นของตัวเอง แมวที่ไม่ใช่แมวจร (ที่ต้องคอยหวั่นใจตลอดเวลาว่า เค้าจะกลับมาหาเราทุกวันมั้ย) แมวที่ไม่ใช่แมว ที่รักแม่ของเรามากกว่าเรา 555
ซึ่งแมวในฝันของปุ้ยก็คือ พันธุ์ American Short Hair ซึ่งอยากได้มาตั้งแต่สมัยเรียน เคยไปลองถามราคาแถวๆ เจเจ พอรู้ว่าราคาเป็นหมื่น ตอนนั้นก็เหมือนฝันสลาย แต่พอโตมา แมวตัวแรกที่เราเก็บตังค์ซื้อก็คือ พันธุ์นี้แหละ
ความฝันเป็นจริงกับแมวตัวแรก ปุ้ยตั้งชื่อว่า "เจ้าเหมียวปลาทู" เพราะว่าสีซิลเว่อร์ของเค้าเหมือนกับสีของปลาทู
ทาสแมว ชื่อ ปุ้ย จึงเกิดขึ้น เจ้าเหมียวปลาทูถูกปรนเปรอด้วยความรัก ของกิน ของเล่น สารพัดอะไรที่เรียกว่าของแมว ซื้อมาปรนเปรอทุกอย่าง เหมือนคนมีลูกเลย แบบอะไรๆ ก็ลูก ทุกลมหายใจคือลูก ดังนั้นเวลาปุ้ยคุยกับเจ้าเหมียวปลาทู ปุ้ยจะเรียกแทนตัวเองว่า “มามี๊” ค่ะ
การเป็นทาสแมว เหมือนยาเสพติด พอมีแมว 1 ตัว ก็อยากมี เพิ่มเป็น 2 - 3 ตัว ดังนั้นจึงมี "เจ้าแมวหมูปิ้ง" กับ "เจ้าหนูขนมผิง" ตามมา อีก 2 ตัว
ตอนนี้ชีวิตมีแต่เค้า ตั้งแต่ลืมตาตื่น ยันหลับตานอน เพราะว่ามานอนด้วยบนเตียง เค้าเดินตามไปทุกที เฝ้าเราทุกก้าว นั่งดูทุกอย่างที่เราทำ
เล่ามาตั้งนาน วันนี้ปุ้ยจะมาแชร์ เรื่องราวที่แสนประทับใจและเป็นประสบการณ์ครั้งใหม่ที่สุดยอดเลย คือ การคลอดลูกของเจ้าเหมียวปลาทู
บล็อกนี้อาจจะยาวซักหน่อย พยายามเขียนให้ครบๆ จะได้อ่านจบ ไม่ต้องไปหาอ่านเพิ่มหลายเว็บให้เหนื่อยค่ะ ทั้งในเรื่องหลักการที่รวบรวมมาจากการอ่านหลายๆ เว็บ บวกกับประสบการณ์จริง เล่าประกอบๆ กันไปค่ะ
การคลอดลูกครอกนี้ เป็นการคลอดแมวครั้งแรกในชีวิต ที่ปุ้ยมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่หาแฟนมาให้ปลาทู จนเค้าเมกเลิฟกันก็ไปนั่งดู จนปลาทูท้อง พาไปอัลตราซาวน์-เอ็กซ์เรย์ ตื่นเต้นมาก จนเค้าใกล้คลอดยิ่งตื่นเต้น เตรียมตัวคลอดให้ พร้อมล่วงหน้า 1 เดือน พร้อมกว่าแม่แมว บอกเลย
ทั้งห้องคลอด อุปกรณ์ช่วยคลอด กรงแมว ใส่คอนโดลูกแมว คิดว่าพร้อมมาก 555
หวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้ของปุ้ย จะมีประโยชน์สำหรับผู้อ่านที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์คลอดลูกแมวค่ะ
วัฏจักรของแมวสาว จะมี 4 ช่วงเวลาค่ะ
1. ช่วงเป็นสาว-หาคู่ จะร้องทั้งวัน กระวนกระวาย อยากออกนอกบ้าน ไม่ค่อยอยู่สงบๆ ช่วงนี้ถ้าไม่อยากให้แมวท้อง ต้องแยกแมวหนุ่มไปอยู่บ้านอื่น หรือยังไงก็ได้ไม่ให้เค้าป๊ะกันเลย
เค้าจะเป็นสาว หรือเรียกว่าฮีท หรือภาษาชาวบ้านเรียก ติดสัด ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ จนกว่าจะได้ผสม หรือจนกว่าจะพาไปทำหมันค่ะ (ของปลาทู จะเป็นทุกๆ 2 สัปดาห์) ส่วนแมวตัวผู้ ปกติจะไม่ฮีทถ้าเลี้ยงเดี่ยว แต่เค้าจะฮีทถ้าได้การกระตุ้นจากแมวสาว คือ ได้กลิ่น/เสียง แมวสาวค่ะ ช่วงนี้บรรดาทาสๆ จะปวดหัวหน่อย เพราะร้องทั้งวันแล้วก็กินน้อยมาก จนน่าเป็นห่วง (เค้าจะกินไม่ลง เพราะเครียดเรื่องหาคู่)
2. ช่วงผสมพันธุ์ หรือเมกเลิฟกับแมวหนุ่ม เค้าใช้เวลาจีบกันไม่นาน บางตัวเห็นหน้ากันปุ๊บ เกิดรักแรกพบปั๊บเลย บางตัวใช้ความคุ้นเคยกันซักพัก ช่วงจังหวะที่เค้าผสมกัน ถ้าแมวหนุ่มที่มีประสบการณ์ จะใช้เวลาเร็วมาก จนเราแทบมองไม่ทันเลย คุณหมอเคยบอกว่าช่วงจังหวะที่เค้าหลังน้ำเชื้อเข้าสู่ช่องคลอดแมวตัวเมียไม่ถึง 5 วินาที และ แมวสาวเค้าสามารถผสมกันได้หลายครั้ง และกับแมวหนุ่มหลายตัวด้วย ถ้าเป็นแมวเลี้ยงปล่อย ลูก 1 ครอก อาจจะเกิดจากพ่อแมวหลายตัวได้ค่ะ
3. ช่วงตั้งครรภ์ พอเค้าตั้งท้อง ระยะแรกสังเกตได้ จะอารมณ์เย็นลง สงบขึ้น ดูแฮปปี้กว่าช่วงเป็นสาว แล้วก็จะอยู่นิ่งๆ ไม่นอนหงายท้อง ไม่นอนตีลังกา กางแข้งกางขา แบบเมื่อก่อน แล้วเต้านมจะเริ่มตั้ง มีสีชมพูค่ะ หลังจากนั้น 2 สัปดาห์จะอ้วนขึ้นแบบเห็นได้ชัด
ครรภ์แมวใช้เวลา ทั้งหมด 60-68 วัน อันนี้ปุ้ยอ่านเอาตามเว็บไซต์ ถ้าเลย 70 วันถือว่าอันตรายเพราะรกจะเริ่มเสื่อมต้องพาไปให้หมอทำคลอดโดยการผ่าค่ะ ของปลาทูนี่ 66 วันค่ะ ก่อนที่เค้าจะคลอด เค้าจะมีอาการเดินตามติดเราเลย แล้วก็จะซ่อนตัวในที่มืดๆ เงียบๆ ช่วง 3-6 ชม. ก่อนคลอดจะเริ่มซ้อมเบ่ง คือ จะไปถีบๆ ใช้ขาหลังตะกุยๆ กับกล่องหรือลังที่เราเตรียมไว้ แล้วถ้ามีน้ำคาวๆ หรือมีกลิ่นคาวๆ ให้รีบพาไปยังห้องคลอดที่เราเตรียมไว้เลยค่ะ (เดี๋ยวมาเล่าต่อเรื่องคลอดลูก)
4. ช่วงให้นมลูก ช่วงหลังคลอด 2 วัน เค้าจะไม่ออกจากห้องคอกเลย นอกจากเวลาเข้าห้องน้ำ จะอยู่กับลูกตลอด 24 ชม.
พอครบ 2 วัน จะเริ่มออกมาพักผ่อนหย่อยใจข้างนอกบ้างเป็นระยะ
หลังจากนั้น สัปดาห์นึงจะเริ่มชิลค่ะ พอลูกหลับก็เดินเล่น แต่ก็จะไม่ไปไกลคอก คอยดูลูกๆ ว่าตื่นยัง
ช่วงนี้เค้าก็ยังอารมณ์ดี แต่เพิ่มความกินเก่งขึ้นหลายเท่าตัว บอกเลยมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ กินทั้งวัน เรียกให้เทอาหารทุกชม.
และทุกครั้งที่เห็นเราขยับตัว จะเรียกเลยว่า “มี้ เทข้าวให้หน่อย” (ร้องเมี๊ยวๆ ตามภาษาแมว) มองหน้าแล้ววิ่งนำไปที่จานข้าวเลย แต่ก่อนจากแมวกินยาก แมวกินน้อย ตอนนี้กลายเป็นแมวตระกละกินทั้งวัน แต่ก็ไม่อ้วนเพราะว่าเอาอาหารไปผลิตน้ำนมค่ะ
ช่วงหลังจากคลอดลูก 2 เดือน แมวสาวจะเริ่มกลับเข้าไปวัฏจักรการกลับมาเป็นสาว อยากหาคู่อีกครั้ง ลูกแมวจะเริ่มหย่านม กินอาหารเองได้แล้ว แมวที่ให้นมลูกอยู่ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้อีกรอบค่ะ จริงๆ ควรเฝ้าระวังไว้ตลอดหลัง 1 เดือน (ช่องคลอด-มดลูกกลับสู่ปกติ) อย่างที่บ้าน แยกแมวหมูปิ้ง (แมวหนุ่ม) ไปไว้อีกบ้านเลย หลังจากที่พอหมูปิ้งเป็นหนุ่มก็ไม่ค่อยได้เจอหน้า ขนมผิงกับปลาทูอีก แค่พาไปเยี่ยมกันบ้างนานๆ ที
กลับมาที่การเล่าประสบการณ์ แมวคลอดลูกค่ะ
มาเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมไว้สำหรับการคลอดก่อนค่ะ
“ห้องคลอด” หรือคอกแมว หรือรังแมว อาจเป็นกล่อง กรง หรือลังกระดาษ ที่มีผ้ารอง (แบบผ้าใบกันน้ำจะดีมาก เพราะจะทำความสะอาดง่าย) หรือจะใช้แผ่นรองเปื้อนแบบใช้แล้วทิ้งก็ได้
ปุ้ยก็เตรียมลังกระดาษ ไซส์ที่คิดว่าไม่ใหญ่เกินไป ไม่คับแคบเกินไป แล้วตัดแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดมาประกบทุกด้านเพื่อให้ทำความสะอาดง่าย ด้านหน้าทำที่กั้นขอบจากพื้นให้สูงหน่อย เพื่อให้แมวรู้สึกปลอดภัย และลูกแมวจะเผลอไม่คลานออกมา ซึ่งได้ผลดีมาก
ใน 1 เดือนแรก ลูกแมวไม่ออกมาจากรังหรือคอกนี้เลยค่ะ ส่วนด้านบนทำเหมือนกันสาด แบบพับเปิดขึ้นได้ หรือจะปิดลงมาบังสายตาก็ได้ แมวจะรู้สึกว่าเป็นส่วนตัวขึ้น
จะหาว่าเว่อร์ ก็ได้นะคะ แต่ว่าเพราะว่าตื่นเต้น และอยากทำอะไรพิเศษๆ ให้เค้า (จริงๆ ก็แค่ลังเก่าๆ ใบนึงก็พอ)
ต่อมาอุปกรณ์ อันนี้ปุ้ยอ่านตามเว็บๆ หลายๆ เว็บที่มาแชร์ประสบการณ์ แล้วเอามารวบรวมเรียบเรียงอีกทีค่ะ
อุปกรณ์ทั้งหมด ปุ้ยขอแบ่งเป็น อุปกรณ์สำหรับ
1] ช่วยทำคลอด+ช่วยชีวิตลูกแมว 2] ทำความสะอาด และ 3] ให้ความอบอุ่นหลังคลอด
(เดี๋ยวมาต่อค่ะ)