เพราะอ่านรีวิวท่องเที่ยวของชาวพันทิปบ่อยๆ เลยทำให้เกิดกิเลสที่จะไปท่องเที่ยวด้วยตัวเองและเห็นจากที่คนอื่นรีวิวแล้วค่าใช้จ่ายไม่สูง
จึงลองทำตามดู โดยใช้แค่แอพฯ Google maps เพียงอย่างเดียว
โดย จขกท.จองตั๋วโปรฯ ของสายการบิน scoot ล่วงหน้า 4 เดือน ดอนเมือง – โอซาก้า 2 ที่นั่ง
จองโรงแรม business taiyo hotel ผ่าน booking.com 3 คืน
สรุปค่าใช้จ่าย/คน(ไป2 คน)
1.ค่าตั๋วเครื่องบิน ไปกลับ 7500 บาท
2.ค่าโรงแรม 3 คืน 1850 บาท
3.ค่าตั๋วเดินทางที่ญี่ปุ่น
- KTP(Kansai Thru Pass) 2 วัน 1200 บาท
- OAP(Osaka Amazing Pass) 2 วัน 930 บาท
4.ค่าอาหาร มื้อหลัก 7 มื้อ 3100 บาท
5.ค่าของกินเล่น ค่าเข้าสถานที่ น้ำดื่ม 500 บาท
6.ค่าตั๋วรถไฟนอกเหนือจาก KTP และ OAP 370 บาท
7.ค่าเช่า pocket wifi 4 วัน 400 บาท
รวมค่าใช้จ่าย(ไม่รวมค่าของฝากและชอปปิ้ง) 15,850 บาท
สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว
1.สมาร์ทโฟน(ควรสลับกันใช้เพื่อประหยัดแบต)
2.เพาเวอร์แบงค์(ต้องเตรียมให้พอดีใน 1 วัน จขกท ใช้2ก้อน/วัน ก้อนละ 30000 mAh
3. pocket wifi
4.แผนการท่องเที่ยว(กรณี ตม.ขอดู)
5.ใบจองโรงแรม(กรณี ตม.ขอดู)
6.ใบจองตั๋วเครื่องบินขากลับ(กรณี ตม.ขอดู)
เริ่มออกเดินทางจากดอนเมืองวันที่ 4/10/15 เวลา 08.30 น. ถึงสนามบินคันไซประมาณ 16.00 น.(เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง)
จากนั้นนั่งรถไฟฟ้าไปเข้าแถวตรง ตม. (ตรงนี้แหละที่หวั่นๆเพราะไม่เคยมา ตปท.ด้วยตัวเอง)
แต่โชคดีที่มีข้อมูลจากห้องบลูฯ เช่น วิธีการกรอกใบ ตม. เตรียมตั๋วเครื่องบินขากลับ ใบจองโรงแรม แผนการท่องเที่ยวคร่าวๆ
ให้เจ้าหน้าที่ดูก็เลยผ่านฉลุยเมื่อผ่านด่าน ตม. เรียบร้อยแล้วก็ตรงไปซื้อ pass ที่ต้องใช้
- KTP(Kansai Thru Pass) 2 วัน (4000 เยน)
- OAP(Osaka Amazing Pass) 2 วัน (3000 เยน)
เรียบร้อยแล้วก็ใช้บัตร KTPขึ้นรถไฟไปโรงแรมที่พักจาก Kansai-Airport Station สาย Nankai-Kuko Line ไปสถานี Izumisano แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถสาย Nankai Line ไปลงสถานี Shin-Imamiya จากนั้นเดินต่อประมาณ500เมตร ก็ถึงที่พัก
ห้องพักก็โอเคตามราคาแบบ backpacker(ดีกว่าที่คิดไว้ตอนแรกอีก)
จากนั้นเก็บของเรียบร้อยประมาณ 6 โมงเย็นก็ออกไปเดินเล่นแถว DotonboriและShin-Saibashi
โดยนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Dobutsuen-Mae ไปลงที่สถานี Namba
มุมมหาชน(คนไทยเยอะมาก ได้ยินเสียงมาจากทุกทิศทาง)
มีสองจุดที่ไปแล้วต้องเจอคนไทยไม่ว่าเวลาไหน 1.บริเวณป้ายกูลิโกะ 2.ร้านที่มีรองเท้าโอนิสึกะขาย
เดินซักพักเริ่มหิวก็แวะทานมื้อเย็นที่ร้าน Gankozushi (ดูเมนูแล้วชี้อย่างเดียว พูดไม่เป็น)4,254 เยน
อิ่มแล้วมาเดินเล่นต่อ (ย่อยอาหารไปในตัว)
แวะซื้อเกี๊ยวซ่าร้านนี้กลับไปกินที่โรงแรม 500 เยน
5-10-15 (อากาศประมาณ 20-25 องศา)
แผนของวันนี้คือ ป่าไผ่ พระราชวังเกียวโต วัดเสาแดง วัดน้ำใส
ออกจากที่พักแต่เช้า ใช้ KTP วันที่สอง
จากสถานี Dobutsuen-Mae ลงสถานี Umeda ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ ต้องรีบเดินเพื่อเปลี่ยนรถ คนเยอะมากส่วนใหญ่กึ่งวิ่งกึ่งเดิน การขึ้นบันไดเลื่อนที่โอซาก้าต้องชิดขวา เพื่อให้คนที่รีบกว่าแซงทางด้านซ้าย
แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสาย Hankyu-kyoto Line
ลงสถานี Katsura
แล้วเปลี่ยนไปขึ้นขบวน Hankyu-Arashiyama Line ลงสถานี Arashiyama
แล้วเดินเท้าไปป่าไผ่ประมาณ 2 Km.(มีคนแจกแผนที่บริเวณสถานีรถไฟ)
แวะทำความเคารพศาลเจ้าบริเวณป่าไผ่ มีการเขียนคำอธิษฐานบนแผ่นป้าย(ป้ายละ 500 เยน)
ถึงล่ะป่าไผ่สถานที่ที่ จขกท อยากมามากที่สุดของทริป อากาศเย็นสบาย สมความตั้งใจ
จากป่าไผ่ก็มาเดินเล่นในวัดที่อยู่ติดกัน(จำชื่อวัดไม่ได้)เสียค่าเข้าชม คนละ 600 เยน
ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีล่ะครับ ถึงต้นเดือน พ.ย. คงมีแต่สีแดง-เหลือง
ขากลับชมเมืองอันแสนสงบ
เที่ยงแล้วแวะทานราเม็งร้านข้างทาง โดยให้เราหยอดเงินที่ตู้เพื่อกดรายการอาหาร แล้วนำใบสั่งที่ได้ไปยื่นให้คนขาย
คนขายก็จะทำตามออเดอร์ที่เราส่งให้ ได้ราเม็งมาชามละ 600 เยน
อิ่มแล้วก็เดินทางไป พระราชวังเกียวโต โดยเดินย้อนกลับทางเดิมไปขึ้นรถไฟที่สถานี Arashiyama สายHankyu-Arashiyama Line ลงสถานี Katsura เปลี่ยนไปขึ้นสาย Hankyu-kyoto Line ลงสถานี Karasuma
แล้วเปลี่ยนไปใช้ Subway ที่สถานีShijo สาย Karasuma Line ไปลงสถานี Imadegawa แล้วเดินเท้าประมาณ 700 เมตร ก็ถึง Kyoto Imperial Palace
พอไปถึงก็เกิดเรื่องผิดพลาดจนได้ เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาให้ดีพอ เพราะไม่สามารถเข้าไปชมภายในพระราชวังเกียวโตได้ เข้าใจว่าผู้ที่จะเข้าชมจะต้องติดต่อมาล่วงหน้าและมีไกด์มาด้วย(รบกวนผู้รู้แนะนำทีครับ) เลยได้แค่ถ่ายรูปวิวภายนอก
เลยตัดสินใจไปวัดเสาแดง(Fushimi Inari)
เดินกลับมาขึ้น Subway สาย Karasuma Line ที่สถานีImadegawa ไปลงสถานีKyoto เปลี่ยนไปขึ้น JR สาย Nara Line ลงสถานี Inari(JR ใช้ KTP ไม่ได้ ต้องไปซื้อตั๋วที่ตู้ 140 เยน)
ทางเข้าวัดอยู่หน้าสถานีเลย แม้วันธรรมดาคนก็เยอะอยู่นะ
สัญลักษณ์ประจำวัด
แผ่นป้ายที่ระลึก
ไฮไลท์ของวัด(กว่าจะหาช็อตโล่งๆที่ไม่มีคนได้ ต้องเฮงจริงๆครับ)
จากวัดเสาแดงก็ไปวัดน้ำใสต่อ โดยเดินเท้าจากวัดเสาแดงประมาณ 500 เมตร
วิวตามทางเดิน คลองใสกว่าบ้านเรามาก บรรยากาศร่มรื่น
ข้อแนะนำที่สำคัญมากในการมาเที่ยวด้วยตัวเอง ฟิตร่างกายให้แข็งแรงโดยเฉพาะขาและห้ามใช้รองเท้าคู่ใหม่ที่ไม่ค่อยได้ใช้ มิฉะนั้นอาจเป็นดังภาพข้างล่าง
จากนั้นไปขึ้นรถไฟ สาย Keihan Line ที่สถานี Fushimi-Inari ไปลงสถานี Kiyomizu-Gojo จากนั้นเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายรถใกล้สถานี 2 ป้าย(ใช้ KTP ได้) ก็ถึงทางเข้าวัดน้ำใส(Kiyomizu temple)
ภายในรถเมล์
ทางเข้าวัดน้ำใสจะเป็นเนินเขา มีสาวๆญี่ปุ่นแต่งชุดกิโมโน สวยๆ เดินมาเป็นระยะๆ
ภายในวัด
มุมมหาชน
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนตักดื่ม
จากนั้นขากลับเดินแวะซื้อขนมของฝากปากทางเข้าวัดซึ่งมีร้านค้าตลอดสาย
ขากลับขี้เกียจรอรถเมล์เลยเดินชิลชิล ไปสถานี Kiyomizu-Gojo กลับเส้นทางเดิมของขามา
แวะถ่ายรูปกับหอคอยเกียวโต
แวะกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารข้างโรงแรม โดยหยอดเงินที่ตู้เพื่อกดรายการอาหาร แล้วนำใบสั่งที่ได้ไปยื่นให้คนขาย
มื้อนี้กินสเต็กจานละ 850 เยน
หัวถึงหมอนหลับสนิทยันเช้า
6-10-15 (ตึก NHK-ปราสาทโอซาก้า-ชิงช้ายักษ์ Tempozan-ล่องเรือ Santa Maria-ช้อปปิ้ง)
เริ่มลุยกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า วันนี้เริ่มใช้ OAP (Osaka Amazing Pass) มุ่งหน้าสู่ปราสาทโอซาก้า จากสถานี Dobutsuen-Mae ลงสถานี Sakaisujihommachi เปลี่ยนไปขึ้นรถสาย Chuo Line ลงสถานี Morinomiya แล้วเดินต่อประมาณ 500 ม. จะเจอตึกของสำนักข่าว NHK แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 1 ก.ม. ก็จะถึงปราสาทโอซาก้า
ใช้บัตร OAP ขึ้นชมปราสาทฟรี
ภาพถ่ายจากบนปราสาทโอซาก้า
เสร็จจากปราสาทโอซาก้า ก็ไปต่อที่ Tempozan โดนเดินกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานี Morinomiya สาย Chuo Line ลงสถานี Osakako เดินต่ออีกประมาณ 600 ม. ก็ถึงเจ้าชิงช้ายักษ์ตั้งเด่นเป็นสง่า
ใช้บัตร OAP เบ่งขึ้นฟรีครับ
ภาพถ่ายจากบนชิงช้าครับ รู้สึกหวิวๆดีเหมือนกัน
ลงจากชิงช้าก็เดินไปล่องเรือ Santa Maria ซึ่งอยู่ด้านหลังต่อ (ใช้OAPขึ้นฟรีอีกแล้ว
บรรยากาศบนเรือ
backpackerครั้งแรก เที่ยวญี่ปุ่น 4 วัน ภาษาต่างประเทศเข้าขั้นพิการ ใช้เพียง Google map นำทาง สนุกมาก ค่าใช้จ่าย15,000++
จึงลองทำตามดู โดยใช้แค่แอพฯ Google maps เพียงอย่างเดียว
โดย จขกท.จองตั๋วโปรฯ ของสายการบิน scoot ล่วงหน้า 4 เดือน ดอนเมือง – โอซาก้า 2 ที่นั่ง
จองโรงแรม business taiyo hotel ผ่าน booking.com 3 คืน
สรุปค่าใช้จ่าย/คน(ไป2 คน)
1.ค่าตั๋วเครื่องบิน ไปกลับ 7500 บาท
2.ค่าโรงแรม 3 คืน 1850 บาท
3.ค่าตั๋วเดินทางที่ญี่ปุ่น
- KTP(Kansai Thru Pass) 2 วัน 1200 บาท
- OAP(Osaka Amazing Pass) 2 วัน 930 บาท
4.ค่าอาหาร มื้อหลัก 7 มื้อ 3100 บาท
5.ค่าของกินเล่น ค่าเข้าสถานที่ น้ำดื่ม 500 บาท
6.ค่าตั๋วรถไฟนอกเหนือจาก KTP และ OAP 370 บาท
7.ค่าเช่า pocket wifi 4 วัน 400 บาท
รวมค่าใช้จ่าย(ไม่รวมค่าของฝากและชอปปิ้ง) 15,850 บาท
สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว
1.สมาร์ทโฟน(ควรสลับกันใช้เพื่อประหยัดแบต)
2.เพาเวอร์แบงค์(ต้องเตรียมให้พอดีใน 1 วัน จขกท ใช้2ก้อน/วัน ก้อนละ 30000 mAh
3. pocket wifi
4.แผนการท่องเที่ยว(กรณี ตม.ขอดู)
5.ใบจองโรงแรม(กรณี ตม.ขอดู)
6.ใบจองตั๋วเครื่องบินขากลับ(กรณี ตม.ขอดู)
เริ่มออกเดินทางจากดอนเมืองวันที่ 4/10/15 เวลา 08.30 น. ถึงสนามบินคันไซประมาณ 16.00 น.(เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง)
จากนั้นนั่งรถไฟฟ้าไปเข้าแถวตรง ตม. (ตรงนี้แหละที่หวั่นๆเพราะไม่เคยมา ตปท.ด้วยตัวเอง)
แต่โชคดีที่มีข้อมูลจากห้องบลูฯ เช่น วิธีการกรอกใบ ตม. เตรียมตั๋วเครื่องบินขากลับ ใบจองโรงแรม แผนการท่องเที่ยวคร่าวๆ
ให้เจ้าหน้าที่ดูก็เลยผ่านฉลุยเมื่อผ่านด่าน ตม. เรียบร้อยแล้วก็ตรงไปซื้อ pass ที่ต้องใช้
- KTP(Kansai Thru Pass) 2 วัน (4000 เยน)
- OAP(Osaka Amazing Pass) 2 วัน (3000 เยน)
เรียบร้อยแล้วก็ใช้บัตร KTPขึ้นรถไฟไปโรงแรมที่พักจาก Kansai-Airport Station สาย Nankai-Kuko Line ไปสถานี Izumisano แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถสาย Nankai Line ไปลงสถานี Shin-Imamiya จากนั้นเดินต่อประมาณ500เมตร ก็ถึงที่พัก
ห้องพักก็โอเคตามราคาแบบ backpacker(ดีกว่าที่คิดไว้ตอนแรกอีก)
จากนั้นเก็บของเรียบร้อยประมาณ 6 โมงเย็นก็ออกไปเดินเล่นแถว DotonboriและShin-Saibashi
โดยนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Dobutsuen-Mae ไปลงที่สถานี Namba
มุมมหาชน(คนไทยเยอะมาก ได้ยินเสียงมาจากทุกทิศทาง)
มีสองจุดที่ไปแล้วต้องเจอคนไทยไม่ว่าเวลาไหน 1.บริเวณป้ายกูลิโกะ 2.ร้านที่มีรองเท้าโอนิสึกะขาย
เดินซักพักเริ่มหิวก็แวะทานมื้อเย็นที่ร้าน Gankozushi (ดูเมนูแล้วชี้อย่างเดียว พูดไม่เป็น)4,254 เยน
อิ่มแล้วมาเดินเล่นต่อ (ย่อยอาหารไปในตัว)
แวะซื้อเกี๊ยวซ่าร้านนี้กลับไปกินที่โรงแรม 500 เยน
5-10-15 (อากาศประมาณ 20-25 องศา)
แผนของวันนี้คือ ป่าไผ่ พระราชวังเกียวโต วัดเสาแดง วัดน้ำใส
ออกจากที่พักแต่เช้า ใช้ KTP วันที่สอง
จากสถานี Dobutsuen-Mae ลงสถานี Umeda ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ ต้องรีบเดินเพื่อเปลี่ยนรถ คนเยอะมากส่วนใหญ่กึ่งวิ่งกึ่งเดิน การขึ้นบันไดเลื่อนที่โอซาก้าต้องชิดขวา เพื่อให้คนที่รีบกว่าแซงทางด้านซ้าย
แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสาย Hankyu-kyoto Line
ลงสถานี Katsura
แล้วเปลี่ยนไปขึ้นขบวน Hankyu-Arashiyama Line ลงสถานี Arashiyama
แล้วเดินเท้าไปป่าไผ่ประมาณ 2 Km.(มีคนแจกแผนที่บริเวณสถานีรถไฟ)
แวะทำความเคารพศาลเจ้าบริเวณป่าไผ่ มีการเขียนคำอธิษฐานบนแผ่นป้าย(ป้ายละ 500 เยน)
ถึงล่ะป่าไผ่สถานที่ที่ จขกท อยากมามากที่สุดของทริป อากาศเย็นสบาย สมความตั้งใจ
จากป่าไผ่ก็มาเดินเล่นในวัดที่อยู่ติดกัน(จำชื่อวัดไม่ได้)เสียค่าเข้าชม คนละ 600 เยน
ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีล่ะครับ ถึงต้นเดือน พ.ย. คงมีแต่สีแดง-เหลือง
ขากลับชมเมืองอันแสนสงบ
เที่ยงแล้วแวะทานราเม็งร้านข้างทาง โดยให้เราหยอดเงินที่ตู้เพื่อกดรายการอาหาร แล้วนำใบสั่งที่ได้ไปยื่นให้คนขาย
คนขายก็จะทำตามออเดอร์ที่เราส่งให้ ได้ราเม็งมาชามละ 600 เยน
อิ่มแล้วก็เดินทางไป พระราชวังเกียวโต โดยเดินย้อนกลับทางเดิมไปขึ้นรถไฟที่สถานี Arashiyama สายHankyu-Arashiyama Line ลงสถานี Katsura เปลี่ยนไปขึ้นสาย Hankyu-kyoto Line ลงสถานี Karasuma
แล้วเปลี่ยนไปใช้ Subway ที่สถานีShijo สาย Karasuma Line ไปลงสถานี Imadegawa แล้วเดินเท้าประมาณ 700 เมตร ก็ถึง Kyoto Imperial Palace
พอไปถึงก็เกิดเรื่องผิดพลาดจนได้ เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาให้ดีพอ เพราะไม่สามารถเข้าไปชมภายในพระราชวังเกียวโตได้ เข้าใจว่าผู้ที่จะเข้าชมจะต้องติดต่อมาล่วงหน้าและมีไกด์มาด้วย(รบกวนผู้รู้แนะนำทีครับ) เลยได้แค่ถ่ายรูปวิวภายนอก
เลยตัดสินใจไปวัดเสาแดง(Fushimi Inari)
เดินกลับมาขึ้น Subway สาย Karasuma Line ที่สถานีImadegawa ไปลงสถานีKyoto เปลี่ยนไปขึ้น JR สาย Nara Line ลงสถานี Inari(JR ใช้ KTP ไม่ได้ ต้องไปซื้อตั๋วที่ตู้ 140 เยน)
ทางเข้าวัดอยู่หน้าสถานีเลย แม้วันธรรมดาคนก็เยอะอยู่นะ
สัญลักษณ์ประจำวัด
แผ่นป้ายที่ระลึก
ไฮไลท์ของวัด(กว่าจะหาช็อตโล่งๆที่ไม่มีคนได้ ต้องเฮงจริงๆครับ)
จากวัดเสาแดงก็ไปวัดน้ำใสต่อ โดยเดินเท้าจากวัดเสาแดงประมาณ 500 เมตร
วิวตามทางเดิน คลองใสกว่าบ้านเรามาก บรรยากาศร่มรื่น
ข้อแนะนำที่สำคัญมากในการมาเที่ยวด้วยตัวเอง ฟิตร่างกายให้แข็งแรงโดยเฉพาะขาและห้ามใช้รองเท้าคู่ใหม่ที่ไม่ค่อยได้ใช้ มิฉะนั้นอาจเป็นดังภาพข้างล่าง
จากนั้นไปขึ้นรถไฟ สาย Keihan Line ที่สถานี Fushimi-Inari ไปลงสถานี Kiyomizu-Gojo จากนั้นเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายรถใกล้สถานี 2 ป้าย(ใช้ KTP ได้) ก็ถึงทางเข้าวัดน้ำใส(Kiyomizu temple)
ภายในรถเมล์
ทางเข้าวัดน้ำใสจะเป็นเนินเขา มีสาวๆญี่ปุ่นแต่งชุดกิโมโน สวยๆ เดินมาเป็นระยะๆ
ภายในวัด
มุมมหาชน
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนตักดื่ม
จากนั้นขากลับเดินแวะซื้อขนมของฝากปากทางเข้าวัดซึ่งมีร้านค้าตลอดสาย
ขากลับขี้เกียจรอรถเมล์เลยเดินชิลชิล ไปสถานี Kiyomizu-Gojo กลับเส้นทางเดิมของขามา
แวะถ่ายรูปกับหอคอยเกียวโต
แวะกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารข้างโรงแรม โดยหยอดเงินที่ตู้เพื่อกดรายการอาหาร แล้วนำใบสั่งที่ได้ไปยื่นให้คนขาย
มื้อนี้กินสเต็กจานละ 850 เยน
หัวถึงหมอนหลับสนิทยันเช้า
6-10-15 (ตึก NHK-ปราสาทโอซาก้า-ชิงช้ายักษ์ Tempozan-ล่องเรือ Santa Maria-ช้อปปิ้ง)
เริ่มลุยกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า วันนี้เริ่มใช้ OAP (Osaka Amazing Pass) มุ่งหน้าสู่ปราสาทโอซาก้า จากสถานี Dobutsuen-Mae ลงสถานี Sakaisujihommachi เปลี่ยนไปขึ้นรถสาย Chuo Line ลงสถานี Morinomiya แล้วเดินต่อประมาณ 500 ม. จะเจอตึกของสำนักข่าว NHK แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 1 ก.ม. ก็จะถึงปราสาทโอซาก้า
ใช้บัตร OAP ขึ้นชมปราสาทฟรี
ภาพถ่ายจากบนปราสาทโอซาก้า
เสร็จจากปราสาทโอซาก้า ก็ไปต่อที่ Tempozan โดนเดินกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานี Morinomiya สาย Chuo Line ลงสถานี Osakako เดินต่ออีกประมาณ 600 ม. ก็ถึงเจ้าชิงช้ายักษ์ตั้งเด่นเป็นสง่า
ใช้บัตร OAP เบ่งขึ้นฟรีครับ
ภาพถ่ายจากบนชิงช้าครับ รู้สึกหวิวๆดีเหมือนกัน
ลงจากชิงช้าก็เดินไปล่องเรือ Santa Maria ซึ่งอยู่ด้านหลังต่อ (ใช้OAPขึ้นฟรีอีกแล้ว
บรรยากาศบนเรือ