เนื่องจากช่วงนี้ผมต้องเดินทางออกต่างจังหวัดอยู่ตลอด และก็ถือโอกาสได้ทดสอบประสิทธิภาพของเจ้า Hilux Revo ไปด้วยในตัว ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาฝนตกค่อนข้างบ่อย มีโอกาสพบเจออุบัติเหตุได้สูง ผมเองก็เคยพบเจอปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมรถตอนถนนลื่น เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังในเรื่องที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป เช่นการเตรียมความพร้อมของรถยนต์ การเตรียมพร้อมตัวเองในการรับมือกับการใช้รถใช้ถนนในหน้าฝน เพราะอุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ในทุกที่ทุกเวลา ผมเลยอยากเอาเทคนิคเล็กๆน้อยในการขับรถหน้าฝนมาฝากให้อ่านกันครับ
เทคนิคการขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย
1.ตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อมรับมือกับหน้าฝน ซึ่งมีสิ่งที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษดังนี้
- ตรวจเช็คสภาพใบปัดน้ำฝน ว่ายังทำความสะอาดได้ดีอยู่หรือไม่ เพราะมีผลโดยตรงต่อทัศนะวิสัยในการขับขี่รถในหน้าฝน
- ตรวจเช็คระดับน้ำฉีดกระจก ควรเติมให้เต็มอยู่เสมอ เผื่อไว้ในกรณีที่ต้องใช้เพื่อความความสะอาดคราบดินโคลนที่กระเด็นขึ้นมาเกาะที่กระจกหน้ารถทำให้บดบังทัศนะวิสัยในการมองเห็น
- ตรวจเช็คสภาพยาง ดอกยาง รวมถึงแรงดันลมยาง เพราะหากลมยางอ่อนเกินไปหรือมีดอกยางน้อยเกินไป ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำและการเกาะถนนลดลง ซึ่งจะทำให้เกิดการลื่นไถลจนเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ตรวจเช็คระบบเบรก ว่ายังสามารถทำงานได้เป็นปกติหรือไม่
- ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่าง และไฟสัญญานต่างๆ เพราะในกรณีที่ฝนตกหนัก จำเป็นต้องเปิดไฟส่องสว่างเพื่อให้รถคันอื่นๆสังเกตได้ง่าย เนื่องจากทัศนะวิสัยในการมองเห็นจะลดลง
2.เปิดไฟหน้าและไฟตัดหมอกเมื่อฝนตกหนัก ในขณะที่ฝนตกแนะนำให้เปิดไฟหน้าควบคู่ไปด้วย แม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน เพราะจะเป็นการเพิ่มจุดสังเกตให้รถคันอื่นเห็นรถของเราได้ง่ายขึ้น ส่วนไฟตัดหมอกหน้า-หลัง แนะนำให้เปิดใช้ในกรณีที่ฝนตกหนักจริงๆ และควรปิดเมื่อฝนเบาลงหรือฝนหยุดแล้ว และไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินหรือไฟขอทางวิ่งในขณะที่ฝนตกหนัก
3.ลดความเร็วและเว้นระยะของรถห่างให้มากขึ้น ในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ ควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากถนนจะมีความลื่นมากขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งควรลดความเร็วลง และเว้นระยะห่างกับรถคันหน้าให้มากขึ้นไม่ควรขับชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะไม่สามารถหยุดรถได้อย่างทันท่วงที ถ้าฝนตกหนักมากจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจนในระยะ 10 เมตรควรหาที่จอดที่ปลอดภัย รอจนฝนเบาลงแล้วค่อยเดินทางต่อ
4.หลีกเลี่ยงการขับรถลุยแอ่งน้ำ ควรเพิ่มการสังเกตจุดที่มีน้ำขังบนถนน และลดความเร็วเมื่อขับผ่านแอ่งน้ำ เพราะอาจจะเกิดอาการเหินน้ำทำให้รถลื่นไถลได้ เมื่อขับผ่านแอ่งน้ำก็ห้ามเหยียบคันเร่งหรือเบรกเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ ทางที่ดีหากพอหลบได้ก็ควรหลบ แต่อย่าหักหลบเลี้ยวอย่างกระทัน เพราะนั่นก็อาจจะทำให้รถเสียการควบคุมได้เช่นกัน
5.การขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง เราต้องทำการประเมินสถานการณ์ระดับน้ำและสภาพถนนดูก่อน หากมีความจำเป็นที่จะต้องขับผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขังจริงๆ ก็ควรเลือกจุดที่มีระดับน้ำท่วมขังต่ำสุด โดยแนะนำให้ปิดแอร์และใช้เกียร์ต่ำในการวิ่งลุยจุดที่มีน้ำท่วมขัง และขับผ่านอย่างช้าๆไม่เร็วเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำกระเด็นเข้าห้องเครื่องและอาจทำให้เครื่องดับกลางทางได้
ในส่วนนี้ก็เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ในการเตรียมรับมือกับการขับขี่รถในหน้าฝนให้ปลอดภัย เพราะก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน แต่จะดีกว่าไหม หากเรามีเทคโนโลยีที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้อีกขั้นหนึ่ง
ความสำคัญของระบบความปลอดภัยกับการขับรถหน้าฝน
อีกหนึ่งความสำคัญของการขับรถในขณะที่ฝนตกหรือถนนเปียกลื่น นั่นก็คือเรื่องของระบบความปลอดภัยที่รถมีให้ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีต่างๆพัฒนาไปมาก ทางผู้ผลิตรถเองก็คิดค้นและเทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆมาให้อยู่ตลอดเวลา เวลาผมซื้อของก็มักจะซื้อออฟชั่นที่สำคัญๆเผื่อไว้ตลอด เพราะผมถือคติว่า “มีไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าตอนจะใช้แล้วไม่มี” รถคันนี้ก็เช่นกัน ที่ผมเลือกคันนี้ก็เพราะมองเรื่องของระบบความปลอดภัยเป็นหลัก
หากจะพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยในการขับรถหน้าฝน ก็ต้องพูดถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC เมื่อขับอยู่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น เช่นถนนตอนฝนตก หรือถนนดินลูกรัง และระบบควบคุมการทรงตัว VSC ขณะเข้าโค้งบนถนนที่เปียกลื่น เพราะผมเองก็เคยเจอประสบการณ์ตรงในรถกระบะคันเก่า เนื่องจากไม่มี 2 ระบบนี้ ก็น่าจะ 10 กว่าปีผ่านมาแล้ว แต่ยังจำได้ดี ฝนตกปรอยๆถนนกำลังลื่น ผมกับเพื่อนกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านเข้าตัวเมือง วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 100 กม/ชม. เนื่องจากเห็นว่าเป็นถนนโล่งๆ และฝนก็ไม่ได้ตกหนักมาก แต่จู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์โผล่พรวดออกมาตัดหน้ารถจากซอยข้างทางฝั่งขวามือ ตอนนั้นเพื่อนผมเป็นคนขับ ก็ได้ตัดสินใจหักหลบ แต่ด้วยความเร็วและถนนที่เปียกลื่น ทำให้รถเสียการควบคุม รอบแรกหักหลบมอเตอร์ไซด์ทางด้านขวา พอรถเริ่มปัดเสียการควบคุม เพื่อนผมก็หักกลับมาทางด้านซ้ายเพื่อที่จะประคองรถ แต่นั่นก็ยังเสียการควบคุมอยู่ และทางด้านซ้ายมือข้างทางก็เป็นสระน้ำ เพื่อนผมจึงตัดสินใจหักหลบไปทางขวามืออีกครั้งและเหยียบเบรก แน่นอนว่าคราวนี้รถหมุนคว้างเลยครับ เสียการควบคุมตัวอย่างสิ้นเชิง หมุนอยู่ประมาณ 2-3 รอบได้ และก็ลงคันนาข้างทางขวามือในที่สุด โชคดีไม่ชนมอเตอร์ไซค์ ไม่ชนสิ่งกีดขวางอะไรที่ข้างทางเลย หมุนลงคันนาอย่างเดียว ประกอบกับเราคาดเข็มขัดนิรภัยกันด้วย ก็เลยไม่มีใครบาดเจ็บหรือเป็นอะไรเลย หลังจากนั้นชาวบ้านแถวนั้นก็วิ่งกันออกมาดูและเข้ามาช่วย ส่วนมอเตอร์ไซค์ที่ตัดหน้า แน่นอนครับว่ารีบบึ่งหนีหายออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็ว อันนี้คือประสบการณ์ตรงจากการใช้รถในสมัยนั้นที่ยังไม่มีระบบ TRC และ VSC
ระบบ TRC และระบบ VSC คืออะไร
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) คือระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถยนต์ได้มากขึ้น ในขณะออกตัวหรือเหยียบคันเร่งบนถนนที่เปียกลื่นหรือทางลูกรัง โดยจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับ แล้วส่งแรงเบรกหรือลดกำลังของเครื่องยนต์สู่ล้อที่จะหมุนฟรี โดยระบบจะส่งแรงเบรกไปสู่ล้อที่เป็นล้อขับเคลื่อนและหมุนฟรีเท่านั้น ทำให้ล้อไม่หมุนฟรี ป้องกันการลื่นไถล ช่วยให้ออกตัวและควบคุมรถได้อย่างมั่นคง
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) คือระบบความปลอดภัยที่จะช่วยเพิ่มการควบคุมการทรงตัวของรถ ในขณะขับขี่ซึ่งทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล TRC โดยจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับการหมุนของล้อร่วม กับระบบเบรก ABS รวมถึงระบบเซ็นเซอร์อื่นๆ เช่น เช็นเซอร์จับการเหวี่ยงของตัวรถ และองศาการหมุนของพวงมาลัย โดย ระบบ VSC ทำงานโดยอัตโนมัติทันทีที่เซ็นเซอร์จับสัญญาณได้ว่าตัวรถมีอาการลื่นไถลเมื่อล้อใดล้อหนึ่งมีอัตราการหมุนเร็วกว่าล้ออื่นๆ แสดงว่าล้อข้างนั้นเริ่มสูญเสียการเกาะถนน ระบบ VSC จะสั่งให้ระบบเบรก ABS สร้างแรงดันน้ำมันเบรกที่เหมาะสมไปยังล้อข้างนั้นเพื่อลดความเร็วในการหมุนของล้อนั้นและขณะเดียวกันก็ลด ความเร็วรอบเครื่องยนต์เพื่อให้เกิดแรงดึงตัวรถกลับมาอยู่ในทิศทางที่ต้องการ

คลิปทดสอบการทำงานของระบบ VSC
เครดิตที่มา : toyotamnettv สมาชิกจาก Youtube

คลิปแสดงความแตกต่างของรถที่มี และไม่มีระบบ ABS ,TRC ,VSC
เครดิตที่มา : Otomotiv Samsun สมาชิกจาก Youtube
ซึ่งระบบ TRC และ VSC จะมีการทำงานร่วมกันกับเซ็นเซอร์ต่างๆในรถ รวมถึงอีกหนึ่งหัวใจของระบบความปลอดภัยของรถนั่นก็คือระบบเบรก ABS (Anti-Lock Brake System) ที่จะช่วยป้องกันอาการล้อล็อกและลื่นไถลจากการเบรก และช่วยให้สามารถบังคับทิศทางของพวงมาลัยได้ ใช้ระยะเบรกที่สั้นลง แต่ระบบ ABS จะทำงานก็ต่อเมื่อมีการเหยียบเบรกอย่างกะทันหันและแรง สังเกตได้จากแป้นเบรกจะมีอาการสะท้านเป็นจังหวะจนรู้สึกได้ ถือเป็นอาการปกติของระบบ จึงควรเหยียบเบรกอย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อให้หยุดรถได้อย่างรวดเร็วที่สุด ส่วนรถที่ไม่มีระบบเบรก ABS การเบรกแรงๆ บนถนนลื่น จะมีโอกาสที่เกิดอาการล้อล็อกได้ง่าย ล้อที่ล็อกจะขาดการบังคับควบคุมทิศทางจากพวงมาลัยหรือทำให้รถปัดเป๋ จนถึงขั้นหมุนคว้างได้ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากระแทกแป้นเบรกแรงๆ หากจำเป็นและรู้สึกว่าล้อล็อกแล้ว ควรละเบรกเล็กน้อยเพื่อให้ล้อคลายการล็อก แต่เมื่อถึงเหตุการณ์คับขันส่วนใหญ่ ผู้ขับขี่มักจะควบคุมสติได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นระบบ ABS จึงถือเป็นอีกหนึ่งระบบความปลอดภัยที่จำเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อทั้ง 3 ระบบหลักๆมาผสานการทำงานร่วมกัน กับระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นมาใหม่ ทำให้ Hilux Revo สามารถขับขี่ได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้ง รถเหินน้ำ ทั้งบนถนนเปียกลื่น หรือถนนแห้ง-ทางลูกรัง ซึ่งครั้งหนึ่งผมเคยลองเข้าโค้งตอนฝนตกตรงปากพลี นครนายก วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 90 ฝนตกพรำๆ ตอนช่วงเข้าโค้งเหมือนจะเริ่มมีอาการท้ายปัดนิดๆ จากนั้นระบบ VSC และ TRC ก็เริ่มทำงานทันที มีไฟขึ้นกระพริบเตือนที่หน้าจอแสดงผล โดยที่ผมไม่ต้องแก้อาการของรถใดๆเลย ปกติโค้งนี้บนถนนแห้ง ผมเคยวิ่งทำความเร็วอยู่ที่ประมาณ 100-110 ได้ปกติอยู่แล้ว ส่วนอีกครั้งก็วิ่งเหินน้ำช่วง มศว.องครักษ์ ครั้งนั้นผมก็วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 100 เพราะฝนได้ตกหนักไปแล้ว แต่ยังตกพรำๆอยู่ และมีน้ำท่วมขังบริเวณริมทางเลนในด้านขวาอยู่เป็นระยะ วิ่งผ่านแอ่งแรกเจออาการเลยครับ รถออกอาการเป๋นิดๆตอนวิ่งผ่านและเหมือนจะเสียการทรงตัว แน่นอนว่าระบบ VSC และ TRC ทำงานอีกเหมือนเดิม มีไฟกระพริบขึ้นเตือนที่หน้าจอ แปลว่าระบบได้เข้ามาช่วยผมในการควบคุมรถแล้ว ผมตกใจและหวิวนิดๆเลยครับ จากนั้นรีบผ่อนคันเร่งเพื่อลดความเร็วและวิ่งออกเลนซ้ายทันที เพื่อความปลอดภัย ถึงจะมีระบบความปลอดภัยมาให้อยู่แล้ว แต่ไม่ขอเสี่ยงใช้อีกดีกว่า
ส่วนระบบเบรก ABS ก็ได้เคยลองใช้งานแล้วเช่นกันครับ ตอนวิ่งเป็นขบวนไปทริปเขาใหญ่ที่โคราช เนื่องจากการวิ่งเป็นขบวนไม่ได้เว้นระยะห่างให้มากพอ เมื่อมีรถคันหน้าเบรกฉุกเฉินในช่วงที่เขากำลังปรับปรุงพื้นผิวถนน ก็พากันเบรกกันทั้งขบวนรวมถึงผมด้วย กระแทกเบรกจมมิดเท้าเลยครับ จากความเร็วประมาณ 90 กม/ชม. รถผมก็สามารถเบรกจนหยุดนิ่งได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีอาการปัดหรือออกนอกเส้นทางเลย ถือว่าระบบความปลอดภัยที่ให้มาทั้งหมดในรถคันนี้ ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ
ทั้งหมดนี้คือส่วนที่ผมได้เคยสัมผัสเองจากสถานการณ์ต่างๆร่วมกับเจ้า Hilux Revo คู่ใจของผมมาแล้ว จะเห็นได้ว่าระบบความปลอดภัยต่างๆที่ Hilux Revo ให้มา ช่วยเสริมความปลอดภัยให้ได้จริงๆ ทั้งระบบป้องกันล้อล็อคและลื่นไถล TRC ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSC ระบบเบรก ABS รวมถึงช่วงล่างใหม่อย่าง DCS ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบความปลอดภัยต่อให้มีมากแค่ไหนก็อาจไม่ช่วยอะไรได้เลย หากผู้ขับขี่ไม่มีสติ ขับขี่ด้วยความประมาท หรือไม่มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ผมก็หวังข้อมูลและประสบการณ์ที่ผมเอามาบอกเล่าและแชร์ในวันนี้น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ก็ขอฝากเพื่อนๆไว้ด้วยครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ
[CR] ความสำคัญของระบบ Safety กับเทคนิคการขับขี่รถในหน้าฝนอย่างปลอดภัย
เทคนิคการขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย
1.ตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อมรับมือกับหน้าฝน ซึ่งมีสิ่งที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษดังนี้
- ตรวจเช็คสภาพใบปัดน้ำฝน ว่ายังทำความสะอาดได้ดีอยู่หรือไม่ เพราะมีผลโดยตรงต่อทัศนะวิสัยในการขับขี่รถในหน้าฝน
- ตรวจเช็คระดับน้ำฉีดกระจก ควรเติมให้เต็มอยู่เสมอ เผื่อไว้ในกรณีที่ต้องใช้เพื่อความความสะอาดคราบดินโคลนที่กระเด็นขึ้นมาเกาะที่กระจกหน้ารถทำให้บดบังทัศนะวิสัยในการมองเห็น
- ตรวจเช็คสภาพยาง ดอกยาง รวมถึงแรงดันลมยาง เพราะหากลมยางอ่อนเกินไปหรือมีดอกยางน้อยเกินไป ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำและการเกาะถนนลดลง ซึ่งจะทำให้เกิดการลื่นไถลจนเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ตรวจเช็คระบบเบรก ว่ายังสามารถทำงานได้เป็นปกติหรือไม่
- ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่าง และไฟสัญญานต่างๆ เพราะในกรณีที่ฝนตกหนัก จำเป็นต้องเปิดไฟส่องสว่างเพื่อให้รถคันอื่นๆสังเกตได้ง่าย เนื่องจากทัศนะวิสัยในการมองเห็นจะลดลง
2.เปิดไฟหน้าและไฟตัดหมอกเมื่อฝนตกหนัก ในขณะที่ฝนตกแนะนำให้เปิดไฟหน้าควบคู่ไปด้วย แม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน เพราะจะเป็นการเพิ่มจุดสังเกตให้รถคันอื่นเห็นรถของเราได้ง่ายขึ้น ส่วนไฟตัดหมอกหน้า-หลัง แนะนำให้เปิดใช้ในกรณีที่ฝนตกหนักจริงๆ และควรปิดเมื่อฝนเบาลงหรือฝนหยุดแล้ว และไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินหรือไฟขอทางวิ่งในขณะที่ฝนตกหนัก
3.ลดความเร็วและเว้นระยะของรถห่างให้มากขึ้น ในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ ควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากถนนจะมีความลื่นมากขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งควรลดความเร็วลง และเว้นระยะห่างกับรถคันหน้าให้มากขึ้นไม่ควรขับชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะไม่สามารถหยุดรถได้อย่างทันท่วงที ถ้าฝนตกหนักมากจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจนในระยะ 10 เมตรควรหาที่จอดที่ปลอดภัย รอจนฝนเบาลงแล้วค่อยเดินทางต่อ
4.หลีกเลี่ยงการขับรถลุยแอ่งน้ำ ควรเพิ่มการสังเกตจุดที่มีน้ำขังบนถนน และลดความเร็วเมื่อขับผ่านแอ่งน้ำ เพราะอาจจะเกิดอาการเหินน้ำทำให้รถลื่นไถลได้ เมื่อขับผ่านแอ่งน้ำก็ห้ามเหยียบคันเร่งหรือเบรกเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ ทางที่ดีหากพอหลบได้ก็ควรหลบ แต่อย่าหักหลบเลี้ยวอย่างกระทัน เพราะนั่นก็อาจจะทำให้รถเสียการควบคุมได้เช่นกัน
5.การขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง เราต้องทำการประเมินสถานการณ์ระดับน้ำและสภาพถนนดูก่อน หากมีความจำเป็นที่จะต้องขับผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขังจริงๆ ก็ควรเลือกจุดที่มีระดับน้ำท่วมขังต่ำสุด โดยแนะนำให้ปิดแอร์และใช้เกียร์ต่ำในการวิ่งลุยจุดที่มีน้ำท่วมขัง และขับผ่านอย่างช้าๆไม่เร็วเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำกระเด็นเข้าห้องเครื่องและอาจทำให้เครื่องดับกลางทางได้
ในส่วนนี้ก็เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ในการเตรียมรับมือกับการขับขี่รถในหน้าฝนให้ปลอดภัย เพราะก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน แต่จะดีกว่าไหม หากเรามีเทคโนโลยีที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้อีกขั้นหนึ่ง
ความสำคัญของระบบความปลอดภัยกับการขับรถหน้าฝน
อีกหนึ่งความสำคัญของการขับรถในขณะที่ฝนตกหรือถนนเปียกลื่น นั่นก็คือเรื่องของระบบความปลอดภัยที่รถมีให้ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีต่างๆพัฒนาไปมาก ทางผู้ผลิตรถเองก็คิดค้นและเทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆมาให้อยู่ตลอดเวลา เวลาผมซื้อของก็มักจะซื้อออฟชั่นที่สำคัญๆเผื่อไว้ตลอด เพราะผมถือคติว่า “มีไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าตอนจะใช้แล้วไม่มี” รถคันนี้ก็เช่นกัน ที่ผมเลือกคันนี้ก็เพราะมองเรื่องของระบบความปลอดภัยเป็นหลัก
หากจะพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยในการขับรถหน้าฝน ก็ต้องพูดถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC เมื่อขับอยู่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น เช่นถนนตอนฝนตก หรือถนนดินลูกรัง และระบบควบคุมการทรงตัว VSC ขณะเข้าโค้งบนถนนที่เปียกลื่น เพราะผมเองก็เคยเจอประสบการณ์ตรงในรถกระบะคันเก่า เนื่องจากไม่มี 2 ระบบนี้ ก็น่าจะ 10 กว่าปีผ่านมาแล้ว แต่ยังจำได้ดี ฝนตกปรอยๆถนนกำลังลื่น ผมกับเพื่อนกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านเข้าตัวเมือง วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 100 กม/ชม. เนื่องจากเห็นว่าเป็นถนนโล่งๆ และฝนก็ไม่ได้ตกหนักมาก แต่จู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์โผล่พรวดออกมาตัดหน้ารถจากซอยข้างทางฝั่งขวามือ ตอนนั้นเพื่อนผมเป็นคนขับ ก็ได้ตัดสินใจหักหลบ แต่ด้วยความเร็วและถนนที่เปียกลื่น ทำให้รถเสียการควบคุม รอบแรกหักหลบมอเตอร์ไซด์ทางด้านขวา พอรถเริ่มปัดเสียการควบคุม เพื่อนผมก็หักกลับมาทางด้านซ้ายเพื่อที่จะประคองรถ แต่นั่นก็ยังเสียการควบคุมอยู่ และทางด้านซ้ายมือข้างทางก็เป็นสระน้ำ เพื่อนผมจึงตัดสินใจหักหลบไปทางขวามืออีกครั้งและเหยียบเบรก แน่นอนว่าคราวนี้รถหมุนคว้างเลยครับ เสียการควบคุมตัวอย่างสิ้นเชิง หมุนอยู่ประมาณ 2-3 รอบได้ และก็ลงคันนาข้างทางขวามือในที่สุด โชคดีไม่ชนมอเตอร์ไซค์ ไม่ชนสิ่งกีดขวางอะไรที่ข้างทางเลย หมุนลงคันนาอย่างเดียว ประกอบกับเราคาดเข็มขัดนิรภัยกันด้วย ก็เลยไม่มีใครบาดเจ็บหรือเป็นอะไรเลย หลังจากนั้นชาวบ้านแถวนั้นก็วิ่งกันออกมาดูและเข้ามาช่วย ส่วนมอเตอร์ไซค์ที่ตัดหน้า แน่นอนครับว่ารีบบึ่งหนีหายออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็ว อันนี้คือประสบการณ์ตรงจากการใช้รถในสมัยนั้นที่ยังไม่มีระบบ TRC และ VSC
ระบบ TRC และระบบ VSC คืออะไร
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) คือระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถยนต์ได้มากขึ้น ในขณะออกตัวหรือเหยียบคันเร่งบนถนนที่เปียกลื่นหรือทางลูกรัง โดยจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับ แล้วส่งแรงเบรกหรือลดกำลังของเครื่องยนต์สู่ล้อที่จะหมุนฟรี โดยระบบจะส่งแรงเบรกไปสู่ล้อที่เป็นล้อขับเคลื่อนและหมุนฟรีเท่านั้น ทำให้ล้อไม่หมุนฟรี ป้องกันการลื่นไถล ช่วยให้ออกตัวและควบคุมรถได้อย่างมั่นคง
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) คือระบบความปลอดภัยที่จะช่วยเพิ่มการควบคุมการทรงตัวของรถ ในขณะขับขี่ซึ่งทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล TRC โดยจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับการหมุนของล้อร่วม กับระบบเบรก ABS รวมถึงระบบเซ็นเซอร์อื่นๆ เช่น เช็นเซอร์จับการเหวี่ยงของตัวรถ และองศาการหมุนของพวงมาลัย โดย ระบบ VSC ทำงานโดยอัตโนมัติทันทีที่เซ็นเซอร์จับสัญญาณได้ว่าตัวรถมีอาการลื่นไถลเมื่อล้อใดล้อหนึ่งมีอัตราการหมุนเร็วกว่าล้ออื่นๆ แสดงว่าล้อข้างนั้นเริ่มสูญเสียการเกาะถนน ระบบ VSC จะสั่งให้ระบบเบรก ABS สร้างแรงดันน้ำมันเบรกที่เหมาะสมไปยังล้อข้างนั้นเพื่อลดความเร็วในการหมุนของล้อนั้นและขณะเดียวกันก็ลด ความเร็วรอบเครื่องยนต์เพื่อให้เกิดแรงดึงตัวรถกลับมาอยู่ในทิศทางที่ต้องการ
คลิปทดสอบการทำงานของระบบ VSC
เครดิตที่มา : toyotamnettv สมาชิกจาก Youtube
คลิปแสดงความแตกต่างของรถที่มี และไม่มีระบบ ABS ,TRC ,VSC
เครดิตที่มา : Otomotiv Samsun สมาชิกจาก Youtube
ซึ่งระบบ TRC และ VSC จะมีการทำงานร่วมกันกับเซ็นเซอร์ต่างๆในรถ รวมถึงอีกหนึ่งหัวใจของระบบความปลอดภัยของรถนั่นก็คือระบบเบรก ABS (Anti-Lock Brake System) ที่จะช่วยป้องกันอาการล้อล็อกและลื่นไถลจากการเบรก และช่วยให้สามารถบังคับทิศทางของพวงมาลัยได้ ใช้ระยะเบรกที่สั้นลง แต่ระบบ ABS จะทำงานก็ต่อเมื่อมีการเหยียบเบรกอย่างกะทันหันและแรง สังเกตได้จากแป้นเบรกจะมีอาการสะท้านเป็นจังหวะจนรู้สึกได้ ถือเป็นอาการปกติของระบบ จึงควรเหยียบเบรกอย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อให้หยุดรถได้อย่างรวดเร็วที่สุด ส่วนรถที่ไม่มีระบบเบรก ABS การเบรกแรงๆ บนถนนลื่น จะมีโอกาสที่เกิดอาการล้อล็อกได้ง่าย ล้อที่ล็อกจะขาดการบังคับควบคุมทิศทางจากพวงมาลัยหรือทำให้รถปัดเป๋ จนถึงขั้นหมุนคว้างได้ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากระแทกแป้นเบรกแรงๆ หากจำเป็นและรู้สึกว่าล้อล็อกแล้ว ควรละเบรกเล็กน้อยเพื่อให้ล้อคลายการล็อก แต่เมื่อถึงเหตุการณ์คับขันส่วนใหญ่ ผู้ขับขี่มักจะควบคุมสติได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นระบบ ABS จึงถือเป็นอีกหนึ่งระบบความปลอดภัยที่จำเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อทั้ง 3 ระบบหลักๆมาผสานการทำงานร่วมกัน กับระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นมาใหม่ ทำให้ Hilux Revo สามารถขับขี่ได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้ง รถเหินน้ำ ทั้งบนถนนเปียกลื่น หรือถนนแห้ง-ทางลูกรัง ซึ่งครั้งหนึ่งผมเคยลองเข้าโค้งตอนฝนตกตรงปากพลี นครนายก วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 90 ฝนตกพรำๆ ตอนช่วงเข้าโค้งเหมือนจะเริ่มมีอาการท้ายปัดนิดๆ จากนั้นระบบ VSC และ TRC ก็เริ่มทำงานทันที มีไฟขึ้นกระพริบเตือนที่หน้าจอแสดงผล โดยที่ผมไม่ต้องแก้อาการของรถใดๆเลย ปกติโค้งนี้บนถนนแห้ง ผมเคยวิ่งทำความเร็วอยู่ที่ประมาณ 100-110 ได้ปกติอยู่แล้ว ส่วนอีกครั้งก็วิ่งเหินน้ำช่วง มศว.องครักษ์ ครั้งนั้นผมก็วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 100 เพราะฝนได้ตกหนักไปแล้ว แต่ยังตกพรำๆอยู่ และมีน้ำท่วมขังบริเวณริมทางเลนในด้านขวาอยู่เป็นระยะ วิ่งผ่านแอ่งแรกเจออาการเลยครับ รถออกอาการเป๋นิดๆตอนวิ่งผ่านและเหมือนจะเสียการทรงตัว แน่นอนว่าระบบ VSC และ TRC ทำงานอีกเหมือนเดิม มีไฟกระพริบขึ้นเตือนที่หน้าจอ แปลว่าระบบได้เข้ามาช่วยผมในการควบคุมรถแล้ว ผมตกใจและหวิวนิดๆเลยครับ จากนั้นรีบผ่อนคันเร่งเพื่อลดความเร็วและวิ่งออกเลนซ้ายทันที เพื่อความปลอดภัย ถึงจะมีระบบความปลอดภัยมาให้อยู่แล้ว แต่ไม่ขอเสี่ยงใช้อีกดีกว่า
ส่วนระบบเบรก ABS ก็ได้เคยลองใช้งานแล้วเช่นกันครับ ตอนวิ่งเป็นขบวนไปทริปเขาใหญ่ที่โคราช เนื่องจากการวิ่งเป็นขบวนไม่ได้เว้นระยะห่างให้มากพอ เมื่อมีรถคันหน้าเบรกฉุกเฉินในช่วงที่เขากำลังปรับปรุงพื้นผิวถนน ก็พากันเบรกกันทั้งขบวนรวมถึงผมด้วย กระแทกเบรกจมมิดเท้าเลยครับ จากความเร็วประมาณ 90 กม/ชม. รถผมก็สามารถเบรกจนหยุดนิ่งได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีอาการปัดหรือออกนอกเส้นทางเลย ถือว่าระบบความปลอดภัยที่ให้มาทั้งหมดในรถคันนี้ ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ
ทั้งหมดนี้คือส่วนที่ผมได้เคยสัมผัสเองจากสถานการณ์ต่างๆร่วมกับเจ้า Hilux Revo คู่ใจของผมมาแล้ว จะเห็นได้ว่าระบบความปลอดภัยต่างๆที่ Hilux Revo ให้มา ช่วยเสริมความปลอดภัยให้ได้จริงๆ ทั้งระบบป้องกันล้อล็อคและลื่นไถล TRC ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSC ระบบเบรก ABS รวมถึงช่วงล่างใหม่อย่าง DCS ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบความปลอดภัยต่อให้มีมากแค่ไหนก็อาจไม่ช่วยอะไรได้เลย หากผู้ขับขี่ไม่มีสติ ขับขี่ด้วยความประมาท หรือไม่มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ผมก็หวังข้อมูลและประสบการณ์ที่ผมเอามาบอกเล่าและแชร์ในวันนี้น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ก็ขอฝากเพื่อนๆไว้ด้วยครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ