สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนเลยว่า นี่เป็นกระทู้แรกของเรา และจะเป็นการรีวิวโดยอ้างอิงจากความเห็นส่วนตัว และประสบการณ์จากการได้ไปใช้ชีวิตที่นั่นเกือบๆ 6 เดือนที่คุนหมิง ซึ่งจะบรรยายในลักษณะพิมพ์ล้วนๆค่ะ เพราะรูปภาพจากการไปที่นั่นหายไปหมดแล้ว ด้วยสาเหตุอะไรนั้นขอไม่เปิดเผยแล้วกันนะคะ ***หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ***
สวัสดีอีกรอบค่ะ เราเป็นนักเรียนตัวเล็กๆคนหนึ่ง เรียนอยู่มัธยมปลาย และยังไม่จบม.6 แต่มีโอกาสได้ไปเรียนที่ประเทศจีน ทั้งๆที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยค่ะ ต้องขอเล่าก่อนว่าเมื่อประมาณเกือบ 7 เดือนที่แล้ว ที่โรงเรียนได้มีการแจ้งว่ามีโครงการให้นักเรียนได้ไปเรียนภาษาจีน
ไม่ต้องสอบ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐาน แน่นอนค่ะเราเป็นหนึ่งในผู้ที่ไปตัวเปล่ามาก5555555 โล่งมากค่ะ ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
เรียกว่าไปแบบเอ๋อๆเลยทีเดียว...
เรื่องทั้งหมดก็เริ่มจากการลงชื่อขอเข้าร่วมโครงการวันนั้นเองค่ะ ทุกอย่างผ่านไปไวมาจริงๆ เราและผู้ปกครองเข้าประชุมกับทางโครงการประมาณ 3-4รอบ จากนั้นก็ได้ไปที่จีนเลย โดยเสียค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 1xx,xxx บาทค่ะ (ปล. รวมค่าเครื่องบินไป-กลับ,อุปกรณ์การเรียน,เขียนVISA และหอพัก เรียบร้อยค่ะ) จขกท.ก็จำได้แค่ว่าแสนต้นๆค่ะ เลขตัวหลังเท่าไหร่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ราคานี้คือไม่รวมค่ากินค่าใช้นะคะ
รายละเอียดของโครงการ
-เรียนในมหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคุนหมิง วิทยาเขต เฉิงก้ง
-มีหอพักแยกชาย/หญิง อยู่ห้องรวมกับเพื่อนๆที่ทางโครงการจัดรายชื่อไว้ค่ะ แต่เราก็ย้ายห้องกันเองได้ เพราะอยากนอนกับเพื่อนๆ อิอิ
-ในห้องมี 4 เตียง ใช้เตียง 2 ชั้น ที่นอนอยู่ข้างบน ส่วนข้างล่างจะเป็นโต๊ะไว้อ่านหนังสือและชั้นเก็บของ,มีตู้เสื้อผ้าให้คนละตู้,ห้องน้ำ+ถังใส่น้ำ,น้ำอุ่นตามเวลาและแดดของแต่ละวันค่ะ (น้ำอุ่นที่นี่จะใช้ความร้อนจากแดด),อ่างสำหรับล้างหน้าหรือซักล้างทั่วไป เป็นเคาท์เตอร์ใหญ่ๆ,กระจกบานโตๆ,เครื่องทำน้ำร้อนสำหรับดื่ม และราวตากผ้าให้ค่ะ
-ภายในหอจะมีลวดขึงไว้ให้เราตากผ้าด้านนอกได้ตามที่เค้าจัดไว้ให้ มีลานกว้างพอให้ออกกำลังกาย มีห้องสำหรับนั่งอ่านหนังสือ และมีสวนเล็กๆไว้ให้ได้นั่งพักผ่อนค่ะ
-ค่าน้ำ ค่าไฟ เหมาจ่ายในเงินเริ่มต้นที่จ่ายไปเรียบร้อยแล้ว
-มีการทำประกันชีวิต และให้ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นักเรียนเจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล สามารถนำใบเสร็จไปเบิกเงินได้ที่สำนักงานที่นั่นสูงสุด 200 หยวน (ประมาณ1000บาทกว่าๆ) และได้รับการพิจารณาเพื่อรับเงินประกัน (แต่รอการพิจารณาค่อนข้างนานหน่อย)
-มีคุณครูและพี่เลี้ยงคอยดูแลให้คำปรึกษานักเรียน เหมือนครอบครัว
-เกือบทุกคืนพี่เลี้ยงจะมาตรวจความเรียบร้อย เช็คชื่อ และคอยสอดส่องดูแลน้องๆตามห้องพัก
-ทางโครงการจะจัดให้นักเรียนได้ไปเที่ยวประมาณ 3-4 ครั้ง หรือถ้าเจอครูใจดี ครูเค้าก็จะพาเราไปเที่ยวอีกค่ะ
-ช่วงที่มาแรกๆจะมีพี่บัดดี้เป็นคนจีน จากคณะนานาชาติของมหาวิทยาลัยมาคอยให้คำแนะนำ และแลกเปลี่ยนภาษาซึ่งกันและกัน
-มหาลัยที่เราไปอยู่ มีตลาดอยู่ข้างหน้าเลย เรื่องของกินไม่ต้องกังวลเพราะเยอะจนกินไม่หมดทุกร้านแน่ๆ ขนาดอยู่ตั้ง 6 เดือนนะ5555555 ในมหาลัยมีโรงอาหารอยู่ด้วย อาหารก็ถูก รสชาติไม่แย่ค่ะ แรกๆอาจจะเอียนๆหน่อยเพราะน้ำมันเยอะมาก และเค็ม อยู่ไปเรื่อยๆก็จะถูกปากไปเอง เวลาซื้ออาหารก็คนเยอะมากกกกก ไหนจะโดนแทรกคิว เดินชน สารพัดค่ะ อดทนเอาหน่อย โรงอาหารเปิดขายอาหาร 2 ชั้น ชั้นแรกเปิดตามเวลา พวกข้าวราดแกงทั่วไปค่ะ ชั้น2 จะเป็นอาหารตามสั่ง เปิดทั้งวัน แต่ค่าอาหารก็จะสูงกว่าชั้นแรกอยู่นิดหน่อย
-มหาลัยกว้างมาก มีมุมสวยๆเยอะ ใครชอบถ่ายรูปก็คงจะถูกใจมากๆเลย เราเองก็ชอบถ่ายเก็บไว้ รวมถึงมีลานกิจกรรม ทั้งกีฬา การแสดง และขายของ
-บริเวณหอพักจะมีร้านค้าเยอะแยะให้เราได้เลือกละลายทรัพย์ได้ตามใจชอบเลยค่ะ ทั้งเครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า ของน่ารักๆ ร้านไอศครีม ร้านหนังสือ ร้านเช่าจักรยาน ขายต้นไม้ ขายมือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ขายผลไม้ ร้านถ่ายเอกสาร ร้านทำผม ร้านซักผ้า ปริ๊นต์รูปถ่าย เติมเงินมือถือ และsupermarket เล็กๆ
-ระยะเวลาตอนที่เราไป ตั้งแต่ 1 เมษา-15 ตุลา 2558
-มีการจัดสอบวัดระดับภาษาจีน HSK ถ้าสอบผ่านก็จะได้เกียรติบัตรติดมือมาด้วย พอจบโครงการจะมีใบจบแจกมาให้อีกใบนึง กำไรสุดๆค่ะ ปีที่เราไปมีสอบ 2 ครั้ง
-ทุกสิ้นเดือนมีการสอบย่อยเก็บคะแนนจากการเรียนภาษาจีนที่นั่น และมีการติวสอบให้เรื่อยๆ
-โครงการมีกฎ ข้อบังคับในการอยู่ร่วมกันของนักเรียนทุกคน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนที่นั่น ถ้าทำผิดก็จะถูกลงโทษตามความเหมาะสม หรือแจ้งให้ผู้ปกครองรับรู้พฤติกรรมของนักเรียนที่นั่น
-มีการเทียบโอนเกรดกับโรงเรียน สามารถกลับมาเรียนต่อได้ในเทอม 2 กับโรงเรียนเดิมได้
-การเรียนการสอน ปกติแบ่งเป็น2ภาคค่ะ
ภาคเช้า 08.30-11.45 เรียนหลักภาษาจีน
ภาคบ่าย 14.00-15.30 เรียนกิจกรรม
ช่วงใกล้สอบก็จะมีแพ็คเกจเรียนภาคค่ำแถมมาให้ 19.00-20.30 โดยรวมแล้วก็โอเคค่ะ
-มีหนังสือเรียนภาษาจีนให้
-มีโควต้าของมหาลัยให้สมัคร เผื่อใครสนใจจะเรียนต่อที่นั่นหลังจากจบม.6ไปแล้ว
-โควต้าพิเศษของการสอบวัดระดับทางภาษา
ผ่านHSK ระดับ4 ไปยื่นขอรับโควต้าของมหาลัยแม่ฟ้าหลวงได้เลยค่ะ ส่วนมหาลัยอื่นๆไม่แน่ใจค่ะ
ผ่านHSK ระดับ5 ได้รับการพิจาณาพิเศษในเรียนต่อมหาลัยในประเทศจีน ก็แล้วแต่เลยว่าเราจะเลือกไปเรียนที่ไหน
-กิจกรรมที่เรียนก็จะมี กังฟู,ระบำชนเผ่า,สังคมจีน,การแสดง,พู่กันจีน,ร้องเพลงจีน
ส่วนที่นอกเหนือโครงการ
-ในเมืองมีแหล่ง shopping ใหญ่โตมโหฬาร และหลากหลายสุดๆ ของลดราคาบ่อย ว่างๆก็ไปเดินเล่นในเมือง เที่ยวดูการใช้ชีวิตของคนที่นั่น เพลินๆดีค่ะ แต่ต้องระวังทรัพย์จางดีๆด้วยล่ะ
-คนที่นั่นนิยมใช้ภาษายูนนานค่ะ การพูดเสียงจะไม่เหมือนจีนกลางคือเพี้ยนๆหน่อย พูดเร็ว แต่ก็พอฟังออกค่ะ
-คุณครูทุ่มเทในการสอนมากค่ะ ต่างกับที่ไทยอย่างเห็นได้ชัดมากๆ (คหสต.)
-วันหยุดเราสามารถจับกลุ่มออกไปเที่ยวนอกมหาลัยกันได้ แต่ต้องแจ้งคุณครูผู้ดูแล หรือพี่เลี้ยง ได้เจอที่ใหม่ๆ ผู้คนมากมาย สังคมใหม่ๆ แต่ต้องกลับให้ทันเวลาตรวจหอและทำตามข้อตกลงของโครงการ
-ค่ากินค่าอยู่ของเราตกประมาณเดือนละ 8000 บาทไทย หรือ 1500 หยวน แบบไม่ต้องอดอยากอะไรเลย สบายๆ เพราะเราไม่ค่อยไปเที่ยว ไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้า จะหนักไปทางของกินที่ตลาดหน้ามหาลัย555555555
-ซิมมือถือที่นั่น ใช้เน็ตรายเดือนจำกัดข้อมูลในการใช้ ทุกวันจันทร์จะมีSMS.แจ้งการใช้ข้อมูล ถ้าไม่เกิน 500 MB. จะได้เน็ตเพิ่ม และคิดข้อมูลทั้งหมดเป็น 0MB. แต่ถ้าเกินไปแล้วจะต้องเสียเงิน (ไม่แน่ใจว่าถ้าเงินหมดแล้วจะยังใช้เน็ตได้หรือเปล่า แต่ซิมของเราเงินหมดแล้วเน็ตจะขึ้นแบบกระพริบ มาๆหายๆ)
-นักเรียนจะต้องมีบัตรประจำตัวในการใช้จ่าย ค่าอาหารในโรงอาหาร ค่าWIFI หรือซื้อของในSupermarket ที่หอ โดยจะเติมเงินเข้าบัตรได้ที่ตึกCenter และห้องเติมเงินที่โรงอาหาร
-มหาลัยมี WIFI ให้ใช้ในหอพัก แต่ต้องซื้อ ปีเรา 0.3 หยวน/ชม. ใช้เงินในบัตรนักเรียนจ่าย เติมได้ที่ตึกCenter
-แถวๆหอพักจะมีร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ เพื่อสะดวกในการเดินทางของนักศึกษา ปีเราคิดค่าเช่า 8 หยวน/ชม.
-ห้องสมุดใหญ่และอลังการมากมายยยยยย
-ผลไม้ที่ตอนอยู่ไทยไม่ค่อยได้กิน หากินได้ง่ายๆที่นั่น
-มีของไทยขาย มีร้านอาหารนานาชาติมาก หากินได้ทั่วไป
-ที่มหาลัยคนไทยและคนลาวค่อนข้างเยอะ
-มีโรงอาหารสำหรับมุสลิมแยกให้
-มีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมากขึ้น ออกกำลังกาย อ่าหนังสือ บลาๆๆๆๆ
-ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ทั้งไทย และจีน ได้เจอคนหลายประเภท ถือเป็นบทเรียนที่ดีมากที่สุดในการใช้ชีวิตของเรา
-หอที่เราอยู่ ข้างๆห้องเราเป็นคนจีน นางขายผลไม้ในเน็ต และส่งเดลิเวอรี่ให้ตามห้อง เราก็สั่งของนางมากิน ไม่ต้องเดินลงไปซื้อ สะดวกมากๆ
ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน... (คหสต.)
-ห้องน้ำอันโด่งดัง... เป็นอย่างที่หาในเน็ตหรือที่เคยเห็นกันนั่นแหละ โดยเฉพาะห้องน้ำสาธารณะ ไม่ต้องพูดถึง ไปไหนมาไหนเข้าห้องน้ำในห้องให้เรียบร้อยก่อน อย่าไปหวังพึ่งพามันเด็ดขาด!!! แม้แต่ห้องน้ำในมหาลัย
-คนจีนชอบพูดเสียงดัง ไม่ต้องตกใจค่ะ นั่นเค้าพูดกันปกติ ที่เราเจอค่อนข้างขี้เหวี่ยงหน่อย โดยเฉพาะคนแก่ๆแล้ว เค้าจะไม่แคร์มนุษย์หน้าไหนเลย...
-ผู้ชายที่นี่เค้าจะไม่ลุกให้เด็ก ผู้หญิง หรือคนแก่นั่งบนรถนะคะ เค้าถือว่ามาก่อน ได้ก่อน แย่งก่อน ได้ก่อน ทำใจค่ะ
-คำว่าต่อแถวมักจะใช้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
-เดินแบบระมัดระวังน้ำลายของคนข้างๆตัวตลอดเวลา
-เวลาไปเที่ยวต้องสะพายกระเป๋าไว้ข้างหน้าเสมอ เพราะถ้าไม่ระวังกระเป๋าจะแฟบโดยไม่รู้ตัวเลยจริงๆ น่ากลัวมาก
-พยายามอย่ามีแฟนเป็นคนจีนที่ทำงานที่นั่น
-อย่าไปจับนั่นจับนี่มั่วๆ เพราะอาจจะโดนอะไรบางอย่างและ วูบ!!! สติหายไปทันที
-ไปไหนมาไหนกับเพื่อน พยายามอย่าเดินคนเดียว
-ผู้ชายจีนคิดเรื่องเซ็กส์หนักมากกกก ระวังตัวดีๆ
-คนที่นี่ทำอะไรค่อนข้างเปิดเผยมาก ในสวน พุ่มไม้ ซุ้มที่นั่งมืดๆ และพิงกำแพงหอ...
-จูบกันเป็นเรื่องที่จะพบเห็นได้ทั่วไปจนมองเป็นเรื่องเฉยๆ
-มณฑลเรา อาหารผงชูรสเยอะมากๆ รสชาติอาหารค่อนข้างเค็ม
-ของไทยทุกอย่าง แพง
-คนจีนชอบบีบแตรรถ บีบกันจนเป็นเรื่องปกติเหมือนฟังเสียงนกกา 555555
-อย่ามีเรื่องใช้กำลังกับใครก็ตามที่นั่น
-ต่อของได้เกินครึ่งราคา!!!!! ข้อนี้พีคสุดค่ะ ชอบมากจีจี เพื่อนเคยไปถามราคาสร้อย แม่ค้าบอก 60 หยวน เพื่อนไม่เอาและทำท่าว่าจะเดินหนี แม่ค้ารีบบอกว่า ให้40 หยวน เพื่อนยังไม่สน และเดินออกมา แม่เค้าวิ่งตามแล้วตะโกนบอกด้วยราคา 20 หยวน!!!!! ขอบคุณสวรรค์ค่ะ เพื่อนเดินหันหลังกลับไปที่ร้านทันที
-อาหารตามร้านข้างทางไม่ค่อยสะอาดเท่าที่ควร ใครที่ท้องไม่ดี เตรียมยาไปเยอะๆ เพราะเราเคยท้องเสียเกือบทุกเดือนมาแล้ว.....
-แน่นอนค่ะ ทุกอย่างมีข้อดีต้องมีข้อเสียทั้งนั้น นั่นคือการประสานงานการดูแลนักเรียนของศูนย์ไทยไม่ดีเท่าที่คิดไว้ หลายๆอย่างบ่งบอกถึงความไม่พร้อมและยังขาดความใส่ใจอยู่ เหมือนเอาเราไปทิ้ง จะเป็นยังไงใครดูแลช่างหัวมัน โชคดีค่ะมีคุณครูดี พี่เลี้ยงดี เรารอดตายหวุดหวิด
-เราใช้ชีวิตกันเอง เหมือนเอาตัวรอดบนเกาะเกือบร้าง แทบจะไร้ความช่วยเหลือจากฝั่งไทย... นอกจากพ่อแม่แล้ว เราพึ่งพาใครแทบไม่ได้ แต่ด้วยความเป็นโครงการใหม่ อายุแค่ 4 ปี อาจจะยังทำให้ทุกอย่างเป๊ะอย่างใจเราต้องการไม่ได้ ทำใจและยอมรับค่ะ
-ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่อนข้างเยอะ ค่าอุปกรณ์การเรียน(?) นั่นสิ เราจ่ายไปแล้วนะ... แต่ตอนจะใช้ต้องมาซื้อของด้วยเงินตัวเองอีกรอบนึง เงินที่จ่ายตอนนั้นจากเราไปแล้ว goodbye baby goodbye~~~~~~
-WIFI ค่อนข้างช้า ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่บุญแต่กรรม
*เพิ่มเติมการส่งของค่ะ*
-ส่งผ่านไปรษณีย์
การส่งของต้องบอกว่าส่งไปต่างประเทศค่ะ จากนั้นไปรษณีย์จะส่งมอบให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ส่งของในประเทศจีนส่งต่อมาให้เราอีกทีนึงค่ะ ตอนแม่ส่งของมา เราไปรับที่สำนักงานของมหาลัย บอกเค้ามาเอาพัสดุจากไทย แล้วก็ลงชื่อรับแค่นั้นค่ะ ค่าส่งคิดเป็นขีด แต่ละสาขาคิดราคาเดียวกันไหมไม่แน่ใจค่ะ แต่ของเราขีดละ 100 บาท ระยะเวลาส่งปกติก็ 2-3 สัปดาห์ EMS ก็ 1 สัปดาห์ค่ะ เขียนจ่าเป็นภาษาอังกฤษ
-ส่งผ่านบริษัทรับส่งของ
ติดต่อส่งพัสดุไปต่างประเทศในจังหวัดเรามีสาขาอยู่พอดี ในกรณีของเรา กิโลกรัมละ 60 บาท จ่ายค่าพัสดุและค่าขนส่งที่บริษัทเลย บริษัทจะเอาของเราไปส่งไว้ที่สิบสองปันนา จากนั้นต้องจ้างบริษัทอีกแห่งเพื่อส่งของเข้ามาในจีน และมีการเก็บเงินปลายทางจากสิบสองปันนามาที่อยู่ของเรา ไปรับได้ที่จุดรับพัสดุตามหอพักได้เลย เขียนจ่าเป็นภาษาจีนและอังกฤษ 2-3 สัปดาห์เหมือนกัน
***สรุปค่าใช้จ่ายที่นั่นของเรา 6 เดือน เป็นเงินทั้งหมด เกือบๆ 60000 บาท***
จบการรีวิวของเราเพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องการหาข้อมูล และกำลังจะไปศึกษาต่อนะคะ สวัสดีค่ะ ^^
[CR] เมื่อฉันต้องใช้ชีวิตที่แผ่นดินใหญ่ มณฑลยูนนาน
สวัสดีอีกรอบค่ะ เราเป็นนักเรียนตัวเล็กๆคนหนึ่ง เรียนอยู่มัธยมปลาย และยังไม่จบม.6 แต่มีโอกาสได้ไปเรียนที่ประเทศจีน ทั้งๆที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยค่ะ ต้องขอเล่าก่อนว่าเมื่อประมาณเกือบ 7 เดือนที่แล้ว ที่โรงเรียนได้มีการแจ้งว่ามีโครงการให้นักเรียนได้ไปเรียนภาษาจีน ไม่ต้องสอบ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐาน แน่นอนค่ะเราเป็นหนึ่งในผู้ที่ไปตัวเปล่ามาก5555555 โล่งมากค่ะ ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เรียกว่าไปแบบเอ๋อๆเลยทีเดียว...
เรื่องทั้งหมดก็เริ่มจากการลงชื่อขอเข้าร่วมโครงการวันนั้นเองค่ะ ทุกอย่างผ่านไปไวมาจริงๆ เราและผู้ปกครองเข้าประชุมกับทางโครงการประมาณ 3-4รอบ จากนั้นก็ได้ไปที่จีนเลย โดยเสียค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 1xx,xxx บาทค่ะ (ปล. รวมค่าเครื่องบินไป-กลับ,อุปกรณ์การเรียน,เขียนVISA และหอพัก เรียบร้อยค่ะ) จขกท.ก็จำได้แค่ว่าแสนต้นๆค่ะ เลขตัวหลังเท่าไหร่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ราคานี้คือไม่รวมค่ากินค่าใช้นะคะ
-เรียนในมหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคุนหมิง วิทยาเขต เฉิงก้ง
-มีหอพักแยกชาย/หญิง อยู่ห้องรวมกับเพื่อนๆที่ทางโครงการจัดรายชื่อไว้ค่ะ แต่เราก็ย้ายห้องกันเองได้ เพราะอยากนอนกับเพื่อนๆ อิอิ
-ในห้องมี 4 เตียง ใช้เตียง 2 ชั้น ที่นอนอยู่ข้างบน ส่วนข้างล่างจะเป็นโต๊ะไว้อ่านหนังสือและชั้นเก็บของ,มีตู้เสื้อผ้าให้คนละตู้,ห้องน้ำ+ถังใส่น้ำ,น้ำอุ่นตามเวลาและแดดของแต่ละวันค่ะ (น้ำอุ่นที่นี่จะใช้ความร้อนจากแดด),อ่างสำหรับล้างหน้าหรือซักล้างทั่วไป เป็นเคาท์เตอร์ใหญ่ๆ,กระจกบานโตๆ,เครื่องทำน้ำร้อนสำหรับดื่ม และราวตากผ้าให้ค่ะ
-ภายในหอจะมีลวดขึงไว้ให้เราตากผ้าด้านนอกได้ตามที่เค้าจัดไว้ให้ มีลานกว้างพอให้ออกกำลังกาย มีห้องสำหรับนั่งอ่านหนังสือ และมีสวนเล็กๆไว้ให้ได้นั่งพักผ่อนค่ะ
-ค่าน้ำ ค่าไฟ เหมาจ่ายในเงินเริ่มต้นที่จ่ายไปเรียบร้อยแล้ว
-มีการทำประกันชีวิต และให้ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นักเรียนเจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล สามารถนำใบเสร็จไปเบิกเงินได้ที่สำนักงานที่นั่นสูงสุด 200 หยวน (ประมาณ1000บาทกว่าๆ) และได้รับการพิจารณาเพื่อรับเงินประกัน (แต่รอการพิจารณาค่อนข้างนานหน่อย)
-มีคุณครูและพี่เลี้ยงคอยดูแลให้คำปรึกษานักเรียน เหมือนครอบครัว
-เกือบทุกคืนพี่เลี้ยงจะมาตรวจความเรียบร้อย เช็คชื่อ และคอยสอดส่องดูแลน้องๆตามห้องพัก
-ทางโครงการจะจัดให้นักเรียนได้ไปเที่ยวประมาณ 3-4 ครั้ง หรือถ้าเจอครูใจดี ครูเค้าก็จะพาเราไปเที่ยวอีกค่ะ
-ช่วงที่มาแรกๆจะมีพี่บัดดี้เป็นคนจีน จากคณะนานาชาติของมหาวิทยาลัยมาคอยให้คำแนะนำ และแลกเปลี่ยนภาษาซึ่งกันและกัน
-มหาลัยที่เราไปอยู่ มีตลาดอยู่ข้างหน้าเลย เรื่องของกินไม่ต้องกังวลเพราะเยอะจนกินไม่หมดทุกร้านแน่ๆ ขนาดอยู่ตั้ง 6 เดือนนะ5555555 ในมหาลัยมีโรงอาหารอยู่ด้วย อาหารก็ถูก รสชาติไม่แย่ค่ะ แรกๆอาจจะเอียนๆหน่อยเพราะน้ำมันเยอะมาก และเค็ม อยู่ไปเรื่อยๆก็จะถูกปากไปเอง เวลาซื้ออาหารก็คนเยอะมากกกกก ไหนจะโดนแทรกคิว เดินชน สารพัดค่ะ อดทนเอาหน่อย โรงอาหารเปิดขายอาหาร 2 ชั้น ชั้นแรกเปิดตามเวลา พวกข้าวราดแกงทั่วไปค่ะ ชั้น2 จะเป็นอาหารตามสั่ง เปิดทั้งวัน แต่ค่าอาหารก็จะสูงกว่าชั้นแรกอยู่นิดหน่อย
-มหาลัยกว้างมาก มีมุมสวยๆเยอะ ใครชอบถ่ายรูปก็คงจะถูกใจมากๆเลย เราเองก็ชอบถ่ายเก็บไว้ รวมถึงมีลานกิจกรรม ทั้งกีฬา การแสดง และขายของ
-บริเวณหอพักจะมีร้านค้าเยอะแยะให้เราได้เลือกละลายทรัพย์ได้ตามใจชอบเลยค่ะ ทั้งเครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า ของน่ารักๆ ร้านไอศครีม ร้านหนังสือ ร้านเช่าจักรยาน ขายต้นไม้ ขายมือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ขายผลไม้ ร้านถ่ายเอกสาร ร้านทำผม ร้านซักผ้า ปริ๊นต์รูปถ่าย เติมเงินมือถือ และsupermarket เล็กๆ
-ระยะเวลาตอนที่เราไป ตั้งแต่ 1 เมษา-15 ตุลา 2558
-มีการจัดสอบวัดระดับภาษาจีน HSK ถ้าสอบผ่านก็จะได้เกียรติบัตรติดมือมาด้วย พอจบโครงการจะมีใบจบแจกมาให้อีกใบนึง กำไรสุดๆค่ะ ปีที่เราไปมีสอบ 2 ครั้ง
-ทุกสิ้นเดือนมีการสอบย่อยเก็บคะแนนจากการเรียนภาษาจีนที่นั่น และมีการติวสอบให้เรื่อยๆ
-โครงการมีกฎ ข้อบังคับในการอยู่ร่วมกันของนักเรียนทุกคน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนที่นั่น ถ้าทำผิดก็จะถูกลงโทษตามความเหมาะสม หรือแจ้งให้ผู้ปกครองรับรู้พฤติกรรมของนักเรียนที่นั่น
-มีการเทียบโอนเกรดกับโรงเรียน สามารถกลับมาเรียนต่อได้ในเทอม 2 กับโรงเรียนเดิมได้
-การเรียนการสอน ปกติแบ่งเป็น2ภาคค่ะ
ภาคเช้า 08.30-11.45 เรียนหลักภาษาจีน
ภาคบ่าย 14.00-15.30 เรียนกิจกรรม
ช่วงใกล้สอบก็จะมีแพ็คเกจเรียนภาคค่ำแถมมาให้ 19.00-20.30 โดยรวมแล้วก็โอเคค่ะ
-มีหนังสือเรียนภาษาจีนให้
-มีโควต้าของมหาลัยให้สมัคร เผื่อใครสนใจจะเรียนต่อที่นั่นหลังจากจบม.6ไปแล้ว
-โควต้าพิเศษของการสอบวัดระดับทางภาษา
ผ่านHSK ระดับ4 ไปยื่นขอรับโควต้าของมหาลัยแม่ฟ้าหลวงได้เลยค่ะ ส่วนมหาลัยอื่นๆไม่แน่ใจค่ะ
ผ่านHSK ระดับ5 ได้รับการพิจาณาพิเศษในเรียนต่อมหาลัยในประเทศจีน ก็แล้วแต่เลยว่าเราจะเลือกไปเรียนที่ไหน
-กิจกรรมที่เรียนก็จะมี กังฟู,ระบำชนเผ่า,สังคมจีน,การแสดง,พู่กันจีน,ร้องเพลงจีน
-ในเมืองมีแหล่ง shopping ใหญ่โตมโหฬาร และหลากหลายสุดๆ ของลดราคาบ่อย ว่างๆก็ไปเดินเล่นในเมือง เที่ยวดูการใช้ชีวิตของคนที่นั่น เพลินๆดีค่ะ แต่ต้องระวังทรัพย์จางดีๆด้วยล่ะ
-คนที่นั่นนิยมใช้ภาษายูนนานค่ะ การพูดเสียงจะไม่เหมือนจีนกลางคือเพี้ยนๆหน่อย พูดเร็ว แต่ก็พอฟังออกค่ะ
-คุณครูทุ่มเทในการสอนมากค่ะ ต่างกับที่ไทยอย่างเห็นได้ชัดมากๆ (คหสต.)
-วันหยุดเราสามารถจับกลุ่มออกไปเที่ยวนอกมหาลัยกันได้ แต่ต้องแจ้งคุณครูผู้ดูแล หรือพี่เลี้ยง ได้เจอที่ใหม่ๆ ผู้คนมากมาย สังคมใหม่ๆ แต่ต้องกลับให้ทันเวลาตรวจหอและทำตามข้อตกลงของโครงการ
-ค่ากินค่าอยู่ของเราตกประมาณเดือนละ 8000 บาทไทย หรือ 1500 หยวน แบบไม่ต้องอดอยากอะไรเลย สบายๆ เพราะเราไม่ค่อยไปเที่ยว ไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้า จะหนักไปทางของกินที่ตลาดหน้ามหาลัย555555555
-ซิมมือถือที่นั่น ใช้เน็ตรายเดือนจำกัดข้อมูลในการใช้ ทุกวันจันทร์จะมีSMS.แจ้งการใช้ข้อมูล ถ้าไม่เกิน 500 MB. จะได้เน็ตเพิ่ม และคิดข้อมูลทั้งหมดเป็น 0MB. แต่ถ้าเกินไปแล้วจะต้องเสียเงิน (ไม่แน่ใจว่าถ้าเงินหมดแล้วจะยังใช้เน็ตได้หรือเปล่า แต่ซิมของเราเงินหมดแล้วเน็ตจะขึ้นแบบกระพริบ มาๆหายๆ)
-นักเรียนจะต้องมีบัตรประจำตัวในการใช้จ่าย ค่าอาหารในโรงอาหาร ค่าWIFI หรือซื้อของในSupermarket ที่หอ โดยจะเติมเงินเข้าบัตรได้ที่ตึกCenter และห้องเติมเงินที่โรงอาหาร
-มหาลัยมี WIFI ให้ใช้ในหอพัก แต่ต้องซื้อ ปีเรา 0.3 หยวน/ชม. ใช้เงินในบัตรนักเรียนจ่าย เติมได้ที่ตึกCenter
-แถวๆหอพักจะมีร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ เพื่อสะดวกในการเดินทางของนักศึกษา ปีเราคิดค่าเช่า 8 หยวน/ชม.
-ห้องสมุดใหญ่และอลังการมากมายยยยยย
-ผลไม้ที่ตอนอยู่ไทยไม่ค่อยได้กิน หากินได้ง่ายๆที่นั่น
-มีของไทยขาย มีร้านอาหารนานาชาติมาก หากินได้ทั่วไป
-ที่มหาลัยคนไทยและคนลาวค่อนข้างเยอะ
-มีโรงอาหารสำหรับมุสลิมแยกให้
-มีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมากขึ้น ออกกำลังกาย อ่าหนังสือ บลาๆๆๆๆ
-ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ทั้งไทย และจีน ได้เจอคนหลายประเภท ถือเป็นบทเรียนที่ดีมากที่สุดในการใช้ชีวิตของเรา
-หอที่เราอยู่ ข้างๆห้องเราเป็นคนจีน นางขายผลไม้ในเน็ต และส่งเดลิเวอรี่ให้ตามห้อง เราก็สั่งของนางมากิน ไม่ต้องเดินลงไปซื้อ สะดวกมากๆ
ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน... (คหสต.)
-ห้องน้ำอันโด่งดัง... เป็นอย่างที่หาในเน็ตหรือที่เคยเห็นกันนั่นแหละ โดยเฉพาะห้องน้ำสาธารณะ ไม่ต้องพูดถึง ไปไหนมาไหนเข้าห้องน้ำในห้องให้เรียบร้อยก่อน อย่าไปหวังพึ่งพามันเด็ดขาด!!! แม้แต่ห้องน้ำในมหาลัย
-คนจีนชอบพูดเสียงดัง ไม่ต้องตกใจค่ะ นั่นเค้าพูดกันปกติ ที่เราเจอค่อนข้างขี้เหวี่ยงหน่อย โดยเฉพาะคนแก่ๆแล้ว เค้าจะไม่แคร์มนุษย์หน้าไหนเลย...
-ผู้ชายที่นี่เค้าจะไม่ลุกให้เด็ก ผู้หญิง หรือคนแก่นั่งบนรถนะคะ เค้าถือว่ามาก่อน ได้ก่อน แย่งก่อน ได้ก่อน ทำใจค่ะ
-คำว่าต่อแถวมักจะใช้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
-เดินแบบระมัดระวังน้ำลายของคนข้างๆตัวตลอดเวลา
-เวลาไปเที่ยวต้องสะพายกระเป๋าไว้ข้างหน้าเสมอ เพราะถ้าไม่ระวังกระเป๋าจะแฟบโดยไม่รู้ตัวเลยจริงๆ น่ากลัวมาก
-พยายามอย่ามีแฟนเป็นคนจีนที่ทำงานที่นั่น
-อย่าไปจับนั่นจับนี่มั่วๆ เพราะอาจจะโดนอะไรบางอย่างและ วูบ!!! สติหายไปทันที
-ไปไหนมาไหนกับเพื่อน พยายามอย่าเดินคนเดียว
-ผู้ชายจีนคิดเรื่องเซ็กส์หนักมากกกก ระวังตัวดีๆ
-คนที่นี่ทำอะไรค่อนข้างเปิดเผยมาก ในสวน พุ่มไม้ ซุ้มที่นั่งมืดๆ และพิงกำแพงหอ...
-จูบกันเป็นเรื่องที่จะพบเห็นได้ทั่วไปจนมองเป็นเรื่องเฉยๆ
-มณฑลเรา อาหารผงชูรสเยอะมากๆ รสชาติอาหารค่อนข้างเค็ม
-ของไทยทุกอย่าง แพง
-คนจีนชอบบีบแตรรถ บีบกันจนเป็นเรื่องปกติเหมือนฟังเสียงนกกา 555555
-อย่ามีเรื่องใช้กำลังกับใครก็ตามที่นั่น
-ต่อของได้เกินครึ่งราคา!!!!! ข้อนี้พีคสุดค่ะ ชอบมากจีจี เพื่อนเคยไปถามราคาสร้อย แม่ค้าบอก 60 หยวน เพื่อนไม่เอาและทำท่าว่าจะเดินหนี แม่ค้ารีบบอกว่า ให้40 หยวน เพื่อนยังไม่สน และเดินออกมา แม่เค้าวิ่งตามแล้วตะโกนบอกด้วยราคา 20 หยวน!!!!! ขอบคุณสวรรค์ค่ะ เพื่อนเดินหันหลังกลับไปที่ร้านทันที
-อาหารตามร้านข้างทางไม่ค่อยสะอาดเท่าที่ควร ใครที่ท้องไม่ดี เตรียมยาไปเยอะๆ เพราะเราเคยท้องเสียเกือบทุกเดือนมาแล้ว.....
-แน่นอนค่ะ ทุกอย่างมีข้อดีต้องมีข้อเสียทั้งนั้น นั่นคือการประสานงานการดูแลนักเรียนของศูนย์ไทยไม่ดีเท่าที่คิดไว้ หลายๆอย่างบ่งบอกถึงความไม่พร้อมและยังขาดความใส่ใจอยู่ เหมือนเอาเราไปทิ้ง จะเป็นยังไงใครดูแลช่างหัวมัน โชคดีค่ะมีคุณครูดี พี่เลี้ยงดี เรารอดตายหวุดหวิด
-เราใช้ชีวิตกันเอง เหมือนเอาตัวรอดบนเกาะเกือบร้าง แทบจะไร้ความช่วยเหลือจากฝั่งไทย... นอกจากพ่อแม่แล้ว เราพึ่งพาใครแทบไม่ได้ แต่ด้วยความเป็นโครงการใหม่ อายุแค่ 4 ปี อาจจะยังทำให้ทุกอย่างเป๊ะอย่างใจเราต้องการไม่ได้ ทำใจและยอมรับค่ะ
-ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่อนข้างเยอะ ค่าอุปกรณ์การเรียน(?) นั่นสิ เราจ่ายไปแล้วนะ... แต่ตอนจะใช้ต้องมาซื้อของด้วยเงินตัวเองอีกรอบนึง เงินที่จ่ายตอนนั้นจากเราไปแล้ว goodbye baby goodbye~~~~~~
-WIFI ค่อนข้างช้า ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่บุญแต่กรรม
*เพิ่มเติมการส่งของค่ะ*
-ส่งผ่านไปรษณีย์
การส่งของต้องบอกว่าส่งไปต่างประเทศค่ะ จากนั้นไปรษณีย์จะส่งมอบให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ส่งของในประเทศจีนส่งต่อมาให้เราอีกทีนึงค่ะ ตอนแม่ส่งของมา เราไปรับที่สำนักงานของมหาลัย บอกเค้ามาเอาพัสดุจากไทย แล้วก็ลงชื่อรับแค่นั้นค่ะ ค่าส่งคิดเป็นขีด แต่ละสาขาคิดราคาเดียวกันไหมไม่แน่ใจค่ะ แต่ของเราขีดละ 100 บาท ระยะเวลาส่งปกติก็ 2-3 สัปดาห์ EMS ก็ 1 สัปดาห์ค่ะ เขียนจ่าเป็นภาษาอังกฤษ
-ส่งผ่านบริษัทรับส่งของ
ติดต่อส่งพัสดุไปต่างประเทศในจังหวัดเรามีสาขาอยู่พอดี ในกรณีของเรา กิโลกรัมละ 60 บาท จ่ายค่าพัสดุและค่าขนส่งที่บริษัทเลย บริษัทจะเอาของเราไปส่งไว้ที่สิบสองปันนา จากนั้นต้องจ้างบริษัทอีกแห่งเพื่อส่งของเข้ามาในจีน และมีการเก็บเงินปลายทางจากสิบสองปันนามาที่อยู่ของเรา ไปรับได้ที่จุดรับพัสดุตามหอพักได้เลย เขียนจ่าเป็นภาษาจีนและอังกฤษ 2-3 สัปดาห์เหมือนกัน
***สรุปค่าใช้จ่ายที่นั่นของเรา 6 เดือน เป็นเงินทั้งหมด เกือบๆ 60000 บาท***
จบการรีวิวของเราเพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องการหาข้อมูล และกำลังจะไปศึกษาต่อนะคะ สวัสดีค่ะ ^^
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น