Amish มีรากเหง้ามาจาก Swiss Anabaptist

Swiss Anabaptist  เป็นสาขาหนึ่งของนิกายโปรเตสแตนต์ ที่เขาเรียกว่า Anabaptist เพราะลักษณะเฉพาะของความเชื่อนี้แตกต่างจากคริสต์พวกอื่นคือพิธีการ baptism หรือ พิธีรับ "ศีลล้างบาป" นั่นเอง

คนกลุ่มนี้เขาเชื่อว่า การเข้ารับพิธีศีลล้างบาปนั้นไม่ต้องรับตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารก แต่ให้ชะลอไปก่อนและกระทำเมื่อคนผู้นั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และสารภาพบาปด้วยความจริงใจของตนเองนี่แหละคือ แก่นความเชื่อของคนกลุ่มนี้ .... มันไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการสอนมาให้ฆ่าคนเลย

มันเอาไปเปรียบเทียบไม่ได้กับศาสนาอิสลาม ซึ่งสอนให้ทำสงครามศาสนา(ญิฮัด) ตั้งแต่ในคัมภีร์ของศาสนาโดยเฉพาะในคัมภีร์อัลกรุอ่านในส่วนที่เรียกว่า "มะดะนียะฮฺ" ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 28 ซูเราะฮฺ นั้นการทำสงครามศาสนา หรือ ญิฮัดนั้น ศาสดาคือนบีมูฮัมมัด ก็เป็นผุ้ปฎิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างตั้งแต่ในยุคเริ่มต้นของการเผยแพร่อิสลาม การทำสงครามศาสนาหรือญิฮัด ครั้งแรกด้วยการดักปล้นกองคาราวานพวกบูชารูปเคารพที่กลับจากเมืองชาม หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า "สงครามบะดัรฺ" นั่นเอง

สงครามศาสนาจะมีองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ
๑.บรรลุวัตถุประสงค์ ของเป้าหมายทางศาสนา
๒.บัญชาการรบด้วยผุ้นำทางศาสนา
๓.ผู้มีส่วนในการรบจะได้รับผลตอบแทนในทางจิตวิญญาณ

ในศาสนาอิสลามนั้น มีสอนครบทั้งองค์ประกอบนี้หมดแล้วตั้งแต่ในคัมภีร์อัลกรุอ่าน นบีมูฮัมมัด ก็ปฎิบัติตัวให้เห็นเป็นตัวอย่าง จากสงครามที่มุสลิมทำนับร้อยครั้งในช่วงที่นบีมูฮัมมัดยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งบรรดา "คอลิฟะห์" ทั้งสี่คน ซึ่งเป็นทายาทของนบีมูอัมมัด และมีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับนบีมูฮัมมัด ก็ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างชัดเจน จนกระทั่งพวกไอเอส ตอเลบัน โบโกฮาราม ฯลฯ ทำตามเอาอย่างในทุกวันนี้

สำหรับในศาสนาคริสต์นั้น สงครามที่จัดได้ว่าเข้าข่ายเป็นสงครามศาสนามีเพียงสงครามครูเสด ที่เริ่มโดย โป๊บ Urban II ที่มีจุดประสงค์ต้องการยึดเมืองเยรูซาเล็มจากมุสลิม ส่วนสงครามในยุโรประหว่างนิกายโปรเตสแตนต์ ที่ต้องการปลดแอกตัวเองออกจากคาทอลิค ของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ นั้น มันหนักไปในทางแย่งชิงอำนาจทางการเมืองของผุ้นำ ซึ่งเอาศาสนามาแอบอ้างบังหน้าเสียมากกว่า มันไม่เข้าข่าย ๓ เงื่อนไขที่จัดให้เรียกว่าเป็นสงครามศาสนา ดังกล่าวข้างต้น