สวัดดีค่ะจำเราได้หรือป่าวกระทู้นี้เป็นกระทู้ที่2ของเราแล้วน่ะ
เอาล่ะเข้าเรื่องเลยแล้วกันแผนของเราคือการไปเที่ยวคนเดียว เที่ยวแบบไม่ได้คิดอะไร เที่ยวแบบไม่ต้องมีแผนในการเที่ยว
แต่ดันมีเพื่อนตัวดีมาอกหักในวันที่เราเก็บกระเป๋าจะไปเที่ยวนี่สิ เราเก็บกระเป๋าเสร็จอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวออกไปสถานีรถไฟ
แต่เพื่อนเจ้ากรรมโทรมาบอกว่าอกหักทำเสียงเศร้าๆ แล้วมันก็บ่นค่ะ บ่นว่าอยากไปไกลๆจากจุดนี้ฟูมฟายอารมณ์คนอกหักอ่ะ ไอ้เราก็แบบแหม๋เก็บกระเป๋าเสร็จพอดีเห็นเพื่อนเศร้าเลยเอยปากชวนว่าไปด้วยกันไหมคุยกันไม่ถึงสิบนาที นางก็แพ็คกระเป๋าแล้วก็มาหาเราที่ห้อง เราก็เอาว่ะผิดคอนเซปการเที่ยวคนเดียวนิดหน่อยแต่ก็ชั่งมัน เพื่อนสำคัญสุด ไปก็ไปว่ะ
1 Day
ถึงเวลาแบกเป้แล้ว>>>เราเช็ครอบรถไฟว่ามีรถไฟฟรีไปเชียงใหม่รอบ 13:45น. เราออกประมาณเที่ยงๆค่ะกะว่าไปกันแบบชิวๆ
เราเลยชวนเพื่อนนั่งรถเมล์แถวหน้าหอไปหัวลำโพงกัน แต่มันไม่ชิวอย่างที่คิดค่ะอยู่ๆฝนก็ตกยังกับพายุเข้าเท่ลงมาไม่ขาดสายพอฝนตกเท่านั้นแหละรถติดทันที นี่แหละน่ากรุงเทพ ฝนตกรถติด จิตหลุดไปเลยค่ะนาทีนั้นเพราะเหลือเวลาประมาณ30นาทีรถไฟจะออกเราก็รนมากค่ะดึงมือเพื่อนชวนลงป้ายหน้าโบกแท็กซี่ได้ไปเลยค่ะ แต่รถติดไงยังไงก็ช้าอยู่ดีไปไม่ทันตกรถไฟไปอีก มีพี่วินแถวหัวลำโพงเข้ามาทักเราว่าจะไปไหน เราก็บอกไปเชียงใหม่พี่เขาบอกว่านั่งวินพี่เขาไปเดี๋ยวเขาไปส่งสถาณีสามเสนเพราะรถพึ่งออกไปเมื่อกี้เองพี่เขาคิด2คน120บาท ถ้าไม่ทันรถไฟเขาไม่คิดตังตอนนั้นเราตื้อไปหมดค่ะเราก็ตัดสินใจเอาว่ะมาขนาดนี้แล้วไปก็ไปไม่อยากกลับหอแบบเฟล
ไปเลยพี่ลุยฝนไปอีกมีเสื้อกันฝนคนละตัวกับเพื่อนซ้อนสามไปเลย
มาถึงสามเสนเห็นแต่ตูดรถไฟ พี่เขาขับแบบช้ามากเราเข้าใจน่ะว่าฝนตกถึงขับช้าแล้วแบบพี่เขาบอกน้องไม่ทันสถาณีนี้ไม่เป็นไรมีสถาณีหน้าพี่เขาก็ขับพาไปนู้นสถาณี"บางเขน คือมันไกลมากอ่ะเราก็แบบพี่ไม่ทันไม่เป็นไรค่ะ พี่เขาบอกทันยังไงก็ทันน้อง พอถึงสถาณีบางเขนพี่เขาบอกน้องคนล่ะ300บาทน่ะ เราก็งงไปเลย เราถามว่าเอาทำไมอ่ะพี่ พี่เขาบอกโห้วน้องพี่มาส่งตั้งไกลฝนก็ตกนี่คิดถูกมากแล้วน่ะ เราก็แบบมองหน้ากันกับเพื่อนเราก็ต่อเขาค่ะบอกไม่มีตังจ่ายหรอกน่ะถ้าจะคิดคนล่ะ300อ่ะพี่เขาก็ลดให้เหลือ250 นี่มันปล้นกันชัดๆ เฟลมากค่ะตอนนั้นเฟลกว่าตอนตกรถไฟอีก
มาถึงก็ไปเอาตั๋วกันเลย
ได้ตั๋วแล้วสักพักรถไฟก็มาถึงพอดีค่ะเอาขึ้นกันโล๊ด หาที่นั่งได้ปุ๊บก็หิวปั๊บสกิดเพื่อนหาคนร่วมอุดมการชวนกินข้าวซะเลย
จ่ายค่าเสียหายไป35บาท(แพงจังปกติเคยกินบนรถไฟ20บาทเองน่ะ)
เรากินกันตลอดเส้นทางเลยค่ะไปหิวมาจากไหนก็ไม่รู้5555555
กินเสร็จก็ตามอัธยาศัยกันเลยนั่งยาวๆดูวิวตามทางไปเรื่อยๆเพลินดีแทบจะหลับ
ตึ้งดึ่ง...เรามาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ ตี5:40น. รถไฟเลทไปเกือบชั่วโมงถึงสถานีปุ๊บตรงดิ่งไปห้องน้ำเลยค่ะล้างหน้าแปรงฟันมันในนี้แหละแล้วค่อยคิดกันว่าจะไปไหนต่อ
ตอนนั้นในความคิดเรามีอยู่ไม่กี่อย่างแต่ที่อยากไปที่สุดเห็นว่าจะเป็น"บ้านระเบียงดาว แต่ปัญหาคือเราไม่ได้จองห้องพักไว้เกือบจะทอดใจกันไปเลยแต่ก็เอาว่ะไม่ได้จองแต่ก็จะไปไปตายเอาดาบหน้า พอดีมีพี่ผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาทักให้ถ่ายรูปให้พี่เขา เราก็กดถ่ายให้พี่เขาเสร็จเราก็ถามพี่เขาค่ะว่า พี่มาเที่ยวหรอค่ะพี่เขาบอกใช่ว่าจะไปบ้านระเบียงดาว เราก็แบบเห้ยจิงดิหนูก็ว่าจะไปเหมือนกันแต่หนูยังไม่ได้จองที่พักไว้เลย เราก็ถามเอ้าพี่มีที่พักหรอพี่เขาบอกพี่เขาจองไว้ตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว พี่ก็ถามน้องไม่มีที่พักหรอแล้วจะไปนอนไหนกันถ้าขึ้นไปนู้นแล้วอ่ะเราก็หัวเราะค่ะบอกพี่เขาว่าไปตายเอาดาบหน้า55555555555
คุยกันไปคุยกันมาก็เลยตัดสิ้นใจไปด้วยกันเราขึ้นรถแดงหน้าสถานีรถไฟไปสถนานีขนส่งช้างเผือกกันค่ะคนล่ะ30บาท
พี่เขาแนะนำเราให้พักบ้านสายหมอกซึ้งอยู่ใกล้ๆกันกับบ้านระเบียงดาวเราก็หาเบอร์โทรบ้านสายหมอกโทรไปจองบ้านพักไว้สรุปว่ามีว่างพอดีเอาล่ะออกเดินทางกัน เรานั่งรถจากสถานีช้างเผือกไปที่เชียงดาวค่ะค่ารถคนล่ะ40บาท
เราบอกพี่คนเก็บตังว่าถ้าถึงโลตัสเชียงดาวให้จอดให้เราด้วย พอมาถึงปุ๊บพี่แกก็จอดให้เราลงค่ะโลตัสจะอยู่ใกล้ๆกับเซเว่นเลยค่ะหรือจะลงรถตรงตลาดเชียงดาวก็ได้สดวกเหมือนกันเรามาถึงประมาณ8โมงเช้า เราก็เลยแวะเข้าเซเว่นกันซื้อขนมขึ้นไป เราแนะนำให้ซื้อขนมขึ้นไปค่ะพวกน้ำอัดลมหรือของกินจุกจิกเพราะข้างบนไม่มีขายค่ะ จากนั้นเราก็หาข้อมูลมาตามรีวิวต่างๆค่ะว่าเราจะขึ้นไปบ้านระเบียงดาวกันยังไงเขาบอกว่าจะมีรถเมืองคองขึ้นไปบ้านระเบียงดาวค่ารถคนล่ะ50บาท เราก็หาคิวรถที่จะขึ้นไปข้างบนเดินเลยเซเว่นขึ้นไปจะเจอแยกๆนึงมีลุงคนนึงตะโกนมาถามว่าไปบ้านระเบียงดาวใช่ไหม "มาๆทางนี้ขึ้นรถเลยเราก็เดินดิ่งไปหาลุงแกเลยค่ะ รถขึ้นบ้านระเบีงดาวมีวันล่ะสองน่ะคะรอบ9โมงเช้ากับรอบเที่ยง
นี่คือลุงคนที่จะพาเราขึ้นไปที่บ้านระเบียงดาวคะ ถ้าใครไม่มีที่พักพักที่พักโฮมสเตย์ลุงแกได้คะลุงแกเปิดโฮมสเตย์แต่ว่าที่พักจะไม่ได้อยู่บนเขาน่ะคะ
เบอร์โทรลุงค่ะถ้าใครไม่มีรถขึ้นบ้านระเบียงดาวโทรหาลุงเขาได้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้093-298-1201
เอาล่ะถึงเวลาล้อหมุนขึ้นบ้านระเบียงดาวกัน
วิวข้างทางสวยมากค่ะมองเห็นสายหมอกโอบกอดภูเขากันเลยทีเดียวฟินมากค่ะจุดนี้
นั่งรถกันไปดูวิวตลอดทางขึ้นเขาเราก็มาถึงจุดที่จะขึ้นไปบ้านระเบียงดาวกันแล้ว จะมีพี่เจ้าหน้าที่เก็บตังคนล่ะ20บาทค่าขึ้นไป
เราก็จะได้บัตรหนเาตาประมาณนี้มาคนละหนึ่งใบ
เอานั่งรถกันยาวๆ เราก็คุยกับพี่เขาไปตลอดทางแหละค่ะคุยกันถามชื่อกันคุยไปคุยมาเห้ยคุยกันถูกคอมากค่ะ พี่เขาเลยชวนไปนอนที่บ้านระเบียงดาวด้วยเลยเขาบอกว่าพักด้วยกันไหมเดี๋ยวพี่ลองไปถามที่พักว่าเพิ่มคนเข้าพักได้หรือป่าว เราก็เกรงใจค่ะพี่เขาบอกพักด้วยกันเยอะๆจะได้สนุก สรุปเราเลือกที่จะพักกับพี่แกค่ะ 555555555 ใจง่ายซะไม่มี มาถึงแล้วระเบียงดาวที่รัก
มาถึงแล้วพี่เขาก็ไปคุยกับที่พักว่าจะเข้าพักเพิ่มอีก2คน ที่พักก็ไม่มีปัญหาก็คิดค่าเข้าพักปกติคนล่ะ500บาท จ่ายเงินกันเสร็จแต่ห้องยังไม่ว่างค่ะตอนนั้นตนที่พักก่อนหน้านี้พึ่งเช็คเอาท์ออกไปเขากำลังทำความสะอาดที่พักให้อยู่ เราก็ถ่ายรูปกันเพลินเลยค่ะ
สวยมากยังกับภาพวาดเลยอากาศหนาวๆแล้วแบบหมอกโอบกอดภูเขาฟินสุดๆ
[CR] กุมมือคนแปลกหน้านั่งรถไฟฟรีไป "บ้านระเบียงดาว"
ติ๊กต๊อกติ๊กต๊อกใครอ่านไปแล้วมั้งฝากด้วยน่ะค่ะ http://ppantip.com/topic/34034354
เอาล่ะเข้าเรื่องเลยแล้วกันแผนของเราคือการไปเที่ยวคนเดียว เที่ยวแบบไม่ได้คิดอะไร เที่ยวแบบไม่ต้องมีแผนในการเที่ยว
แต่ดันมีเพื่อนตัวดีมาอกหักในวันที่เราเก็บกระเป๋าจะไปเที่ยวนี่สิ เราเก็บกระเป๋าเสร็จอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวออกไปสถานีรถไฟ
แต่เพื่อนเจ้ากรรมโทรมาบอกว่าอกหักทำเสียงเศร้าๆ แล้วมันก็บ่นค่ะ บ่นว่าอยากไปไกลๆจากจุดนี้ฟูมฟายอารมณ์คนอกหักอ่ะ ไอ้เราก็แบบแหม๋เก็บกระเป๋าเสร็จพอดีเห็นเพื่อนเศร้าเลยเอยปากชวนว่าไปด้วยกันไหมคุยกันไม่ถึงสิบนาที นางก็แพ็คกระเป๋าแล้วก็มาหาเราที่ห้อง เราก็เอาว่ะผิดคอนเซปการเที่ยวคนเดียวนิดหน่อยแต่ก็ชั่งมัน เพื่อนสำคัญสุด ไปก็ไปว่ะ
ถึงเวลาแบกเป้แล้ว>>>เราเช็ครอบรถไฟว่ามีรถไฟฟรีไปเชียงใหม่รอบ 13:45น. เราออกประมาณเที่ยงๆค่ะกะว่าไปกันแบบชิวๆ
เราเลยชวนเพื่อนนั่งรถเมล์แถวหน้าหอไปหัวลำโพงกัน แต่มันไม่ชิวอย่างที่คิดค่ะอยู่ๆฝนก็ตกยังกับพายุเข้าเท่ลงมาไม่ขาดสายพอฝนตกเท่านั้นแหละรถติดทันที นี่แหละน่ากรุงเทพ ฝนตกรถติด จิตหลุดไปเลยค่ะนาทีนั้นเพราะเหลือเวลาประมาณ30นาทีรถไฟจะออกเราก็รนมากค่ะดึงมือเพื่อนชวนลงป้ายหน้าโบกแท็กซี่ได้ไปเลยค่ะ แต่รถติดไงยังไงก็ช้าอยู่ดีไปไม่ทันตกรถไฟไปอีก มีพี่วินแถวหัวลำโพงเข้ามาทักเราว่าจะไปไหน เราก็บอกไปเชียงใหม่พี่เขาบอกว่านั่งวินพี่เขาไปเดี๋ยวเขาไปส่งสถาณีสามเสนเพราะรถพึ่งออกไปเมื่อกี้เองพี่เขาคิด2คน120บาท ถ้าไม่ทันรถไฟเขาไม่คิดตังตอนนั้นเราตื้อไปหมดค่ะเราก็ตัดสินใจเอาว่ะมาขนาดนี้แล้วไปก็ไปไม่อยากกลับหอแบบเฟล
ไปเลยพี่ลุยฝนไปอีกมีเสื้อกันฝนคนละตัวกับเพื่อนซ้อนสามไปเลย
มาถึงสามเสนเห็นแต่ตูดรถไฟ พี่เขาขับแบบช้ามากเราเข้าใจน่ะว่าฝนตกถึงขับช้าแล้วแบบพี่เขาบอกน้องไม่ทันสถาณีนี้ไม่เป็นไรมีสถาณีหน้าพี่เขาก็ขับพาไปนู้นสถาณี"บางเขน คือมันไกลมากอ่ะเราก็แบบพี่ไม่ทันไม่เป็นไรค่ะ พี่เขาบอกทันยังไงก็ทันน้อง พอถึงสถาณีบางเขนพี่เขาบอกน้องคนล่ะ300บาทน่ะ เราก็งงไปเลย เราถามว่าเอาทำไมอ่ะพี่ พี่เขาบอกโห้วน้องพี่มาส่งตั้งไกลฝนก็ตกนี่คิดถูกมากแล้วน่ะ เราก็แบบมองหน้ากันกับเพื่อนเราก็ต่อเขาค่ะบอกไม่มีตังจ่ายหรอกน่ะถ้าจะคิดคนล่ะ300อ่ะพี่เขาก็ลดให้เหลือ250 นี่มันปล้นกันชัดๆ เฟลมากค่ะตอนนั้นเฟลกว่าตอนตกรถไฟอีก
ได้ตั๋วแล้วสักพักรถไฟก็มาถึงพอดีค่ะเอาขึ้นกันโล๊ด หาที่นั่งได้ปุ๊บก็หิวปั๊บสกิดเพื่อนหาคนร่วมอุดมการชวนกินข้าวซะเลย
เรากินกันตลอดเส้นทางเลยค่ะไปหิวมาจากไหนก็ไม่รู้5555555
ตึ้งดึ่ง...เรามาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ ตี5:40น. รถไฟเลทไปเกือบชั่วโมงถึงสถานีปุ๊บตรงดิ่งไปห้องน้ำเลยค่ะล้างหน้าแปรงฟันมันในนี้แหละแล้วค่อยคิดกันว่าจะไปไหนต่อ
ตอนนั้นในความคิดเรามีอยู่ไม่กี่อย่างแต่ที่อยากไปที่สุดเห็นว่าจะเป็น"บ้านระเบียงดาว แต่ปัญหาคือเราไม่ได้จองห้องพักไว้เกือบจะทอดใจกันไปเลยแต่ก็เอาว่ะไม่ได้จองแต่ก็จะไปไปตายเอาดาบหน้า พอดีมีพี่ผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาทักให้ถ่ายรูปให้พี่เขา เราก็กดถ่ายให้พี่เขาเสร็จเราก็ถามพี่เขาค่ะว่า พี่มาเที่ยวหรอค่ะพี่เขาบอกใช่ว่าจะไปบ้านระเบียงดาว เราก็แบบเห้ยจิงดิหนูก็ว่าจะไปเหมือนกันแต่หนูยังไม่ได้จองที่พักไว้เลย เราก็ถามเอ้าพี่มีที่พักหรอพี่เขาบอกพี่เขาจองไว้ตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว พี่ก็ถามน้องไม่มีที่พักหรอแล้วจะไปนอนไหนกันถ้าขึ้นไปนู้นแล้วอ่ะเราก็หัวเราะค่ะบอกพี่เขาว่าไปตายเอาดาบหน้า55555555555 คุยกันไปคุยกันมาก็เลยตัดสิ้นใจไปด้วยกันเราขึ้นรถแดงหน้าสถานีรถไฟไปสถนานีขนส่งช้างเผือกกันค่ะคนล่ะ30บาท
พี่เขาแนะนำเราให้พักบ้านสายหมอกซึ้งอยู่ใกล้ๆกันกับบ้านระเบียงดาวเราก็หาเบอร์โทรบ้านสายหมอกโทรไปจองบ้านพักไว้สรุปว่ามีว่างพอดีเอาล่ะออกเดินทางกัน เรานั่งรถจากสถานีช้างเผือกไปที่เชียงดาวค่ะค่ารถคนล่ะ40บาท
เราบอกพี่คนเก็บตังว่าถ้าถึงโลตัสเชียงดาวให้จอดให้เราด้วย พอมาถึงปุ๊บพี่แกก็จอดให้เราลงค่ะโลตัสจะอยู่ใกล้ๆกับเซเว่นเลยค่ะหรือจะลงรถตรงตลาดเชียงดาวก็ได้สดวกเหมือนกันเรามาถึงประมาณ8โมงเช้า เราก็เลยแวะเข้าเซเว่นกันซื้อขนมขึ้นไป เราแนะนำให้ซื้อขนมขึ้นไปค่ะพวกน้ำอัดลมหรือของกินจุกจิกเพราะข้างบนไม่มีขายค่ะ จากนั้นเราก็หาข้อมูลมาตามรีวิวต่างๆค่ะว่าเราจะขึ้นไปบ้านระเบียงดาวกันยังไงเขาบอกว่าจะมีรถเมืองคองขึ้นไปบ้านระเบียงดาวค่ารถคนล่ะ50บาท เราก็หาคิวรถที่จะขึ้นไปข้างบนเดินเลยเซเว่นขึ้นไปจะเจอแยกๆนึงมีลุงคนนึงตะโกนมาถามว่าไปบ้านระเบียงดาวใช่ไหม "มาๆทางนี้ขึ้นรถเลยเราก็เดินดิ่งไปหาลุงแกเลยค่ะ รถขึ้นบ้านระเบีงดาวมีวันล่ะสองน่ะคะรอบ9โมงเช้ากับรอบเที่ยง
นี่คือลุงคนที่จะพาเราขึ้นไปที่บ้านระเบียงดาวคะ ถ้าใครไม่มีที่พักพักที่พักโฮมสเตย์ลุงแกได้คะลุงแกเปิดโฮมสเตย์แต่ว่าที่พักจะไม่ได้อยู่บนเขาน่ะคะ
เบอร์โทรลุงค่ะถ้าใครไม่มีรถขึ้นบ้านระเบียงดาวโทรหาลุงเขาได้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เอาล่ะถึงเวลาล้อหมุนขึ้นบ้านระเบียงดาวกัน
วิวข้างทางสวยมากค่ะมองเห็นสายหมอกโอบกอดภูเขากันเลยทีเดียวฟินมากค่ะจุดนี้
นั่งรถกันไปดูวิวตลอดทางขึ้นเขาเราก็มาถึงจุดที่จะขึ้นไปบ้านระเบียงดาวกันแล้ว จะมีพี่เจ้าหน้าที่เก็บตังคนล่ะ20บาทค่าขึ้นไป
เราก็จะได้บัตรหนเาตาประมาณนี้มาคนละหนึ่งใบ
เอานั่งรถกันยาวๆ เราก็คุยกับพี่เขาไปตลอดทางแหละค่ะคุยกันถามชื่อกันคุยไปคุยมาเห้ยคุยกันถูกคอมากค่ะ พี่เขาเลยชวนไปนอนที่บ้านระเบียงดาวด้วยเลยเขาบอกว่าพักด้วยกันไหมเดี๋ยวพี่ลองไปถามที่พักว่าเพิ่มคนเข้าพักได้หรือป่าว เราก็เกรงใจค่ะพี่เขาบอกพักด้วยกันเยอะๆจะได้สนุก สรุปเราเลือกที่จะพักกับพี่แกค่ะ 555555555 ใจง่ายซะไม่มี มาถึงแล้วระเบียงดาวที่รัก
มาถึงแล้วพี่เขาก็ไปคุยกับที่พักว่าจะเข้าพักเพิ่มอีก2คน ที่พักก็ไม่มีปัญหาก็คิดค่าเข้าพักปกติคนล่ะ500บาท จ่ายเงินกันเสร็จแต่ห้องยังไม่ว่างค่ะตอนนั้นตนที่พักก่อนหน้านี้พึ่งเช็คเอาท์ออกไปเขากำลังทำความสะอาดที่พักให้อยู่ เราก็ถ่ายรูปกันเพลินเลยค่ะ
สวยมากยังกับภาพวาดเลยอากาศหนาวๆแล้วแบบหมอกโอบกอดภูเขาฟินสุดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น