เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนี้ผมกับแฟนกำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่ต่างประเทศครับ แต่ก่อนหน้าที่จะเข้ามาเรียน
ผมกับแฟนก็ได้ลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษที่ประเทศนี้ครับ
ซึ่งผมจะขอเท้าความไปถึงตอนที่ผมเรียนคอร์สภาษาก่อนนะครับ อาจจะยาวนิดนึง
ในคอร์สภาษาอังกฤษ ผมกับแฟนก็ถูกจับแยกห้องเรียน เพราะเขาเห็นว่าเป็นคนไทยด้วยกัน แล้วในแต่ละห้องก็จะมีนักเรียนจากชาติต่างๆ
แต่กว่า 80 เปอร์เซนต์ เป็นคนจีน เพราะอย่างนั้นนอกจากจะได้เรียนภาษาอังกฤษแล้ว ก็จะได้เรียนภาษาจีนเพิ่มอีกด้วยนะครับแหม่
พอเรียนไปได้ซัก 1 อาทิตย์ แฟนผมก็มาบอกว่า เพื่อนคนจีนทักว่าเธอหน้าเหมือน แองเจล่าเบบี้ ดาราที่จีนครับ แฟนผมนี่ยิ้มแก้มปริ (ตอนนั้นผมคิดในใจครับว่าใครวะ แองเจล่าเบบี้ รู้จักแต่แองเจลิน่า โจลี่ พอเสิจกูเกิ้ลดูก็คิดครับว่า นี่แฟนตูสวยขนาดนั้นเลยเรอะ) แฟนก็บอกอีกว่ามีคนจีนมาคุยมาจีบประมาณ 3-4 คน ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะแฟนก็บอกเองว่าไม่สนใจ
แต่หลังจากนั้นพอไปเรียน ผมก็เริ่มแอบสังเกตุพฤติกรรมแฟนผมกับกลุ่มเพื่อนชาวจีนในห้องเรียนของเธอครับ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า พอเรียนเสร็จแล้วแฟนผมจะยืนคุยอยู่กับผู้ชายชาวจีนคนหนึ่งครับ สูงยาวเข่าดี หน้าตาไม่ขี้หริ้วขี้เหร่อะไร ใส่แว่น
ขอเรียกว่า "ไอ้แว่นโย่ง" ละกัน ซึ่งแฟนผมจะชอบยืนคุยกับไอ้นี่ระหว่างรอผมเรียนเสร็จทุกวันเลยครับ หลังจากนั้นพอว่างๆจากการอ่านหนังสือ ผมก็ลองถามเธอเล่นๆดูครับว่า คิดอะไรกับไอ้แว่นโย่งรึเปล่า คุยเล่นดี๊ด๊าบ่อยนะเรา แฟนผมก็ยืนยันเสียงแข็งเลยว่าไม่มีอะไรเลย คุยแบบเพื่อน มันคุยสนุกดี ผมก็โอเค ไม่อยากเซ้าซี้อะไรมากครับเพราะเชื่อใจแฟน และอีกอย่างแฟนผมก็บอกว่ามันก็มีแฟนแล้ว
แต่ทีนี้พอเวลาเรียนเสร็จเราก็จะต้องเดินไปขึ้นรถบัสเพื่อจะไปขึ้นรถไฟ ซึ่งเป็นทางเดียวกันกับที่ไอ้แว่นโย่งต้องเดินไป สรุปเวลากลับบ้านทุกวันก็จะมี ผม แฟนผม กับไอ้แว่นโย่ง เดินกลับด้วยกัน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เวลาเดิน แฟนผมนี่คุยเล่นกระจุ๋งหนุงหนิงกับไอ้แว่นโย่งอยู่สองคน ส่วนผมถือของเดินตามตูดต้อยๆเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ตอนนั้นก็คิดว่าตูมาทำอัลไลที่นี่วะ แต่ผมก็ยังคงไม่คิดอะไรอยู่ เพราะผมก็ได้มีโอกาสคุยกับไอ้แว่นโย่งแล้วรู้สึกว่ามันก็เป็นคนดี ไม่น่าจะคิดอะไรเกินเลยกัน
พอเรียนจบคอร์สภาษา (ขอตัดตอนนะครับ เดี๋ยวยาวเกิน จริงๆมีหลายเหตุการณ์) มาต่อปริญญาโท ผมกับแฟนก็เข้าคณะเดียวกัน ส่วนไอ้แว่นโย่งก็อยู่อีกคณะนึง ทำให้แฟนผมกับมันไม่ได้คุยอะไรกันมาก ผมก็สบายใจละทีนี้ แต่พอผ่านไปสักพัก ไอ้แว่นโย่งชาวจีนคนนั้นก็ส่งแมสเสจมาบอกแฟนผมว่า มันได้เลิกกับแฟนที่อยู่เมืองจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แฟนผมก็โทรไปคุยส่งแมสเสจไปปลอบ ให้กำลังใจอย่างดิบดี ดูแลกันดี๊ดี แฟนผมก็เลยชวนมันมาเที่ยวในเมืองซึ่งตอนนั้นในเมืองมีงานเทศกาลพอดี ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอมาเที่ยวด้วยกันแล้ว ก็เหมือนเดิมครับ คุยเล่นกันสนุกสองคน ผมก็จ๋อยๆนิ่งๆไป เหมือนแฟนจะรู้ ก็เลยแบ่งเวลาอันมีค่ามาคุยเล่นกับผมบ้าง แต่สุดท้ายก็มีประเด็นให้ผมหึงและไม่ค่อยพอใจขึ้นมา เพราะว่าแฟนบอกว่าจะถ่ายรูปกับมันสองคน ถ่ายให้หน่อย ผมก็ถือกล้องจะถ่ายให้ แต่พอดูท่ายืน แฟนผมก็โอบเอวไอ้แว่นโย่ง ส่วนมันก็เอามือลูบหัวแฟนผมอย่างเอ็นดู ผมก็หมั่นไส้แกล้งกดชัตเตอร์เหมือนว่าถ่ายรูป แต่จริงๆไม่ได้ถ่าย 5555 สรุปวันนั้นก็เกือบทะเลาะกันเพราะผมหึงมากไป
จนทุกวันนี้ แฟนผมก็ยังมีคุยกับมันอยู่บ้าง โดนเฉพาะเวลาที่ผมทะเลาะกับแฟน เธอมักจะโทรไปหาไอ้แว่นโย่งตลอด ซึ่งมันก็คุยด้วยอย่างดี ทำให้ตอนนี้ผมกังวลและไม่มั่นใจว่า แฟนผมมีใจให้มันรึเปล่าแม้เธอจะบอกว่าไม่คิดอะไร แต่ที่แน่ๆผมว่ามันต้องการจะงาบแฟนผมชัวร์
สำหรับผมและแฟน เรื่องเรียนสำคัญที่สุดในตอนนี้ ซึ่งผมก็ไม่อยากให้ความกังวลของผมเข้ามาขัดขวางการเรียน แต่มันก็อดคิดไม่ได้
ผมควรจะรับมือกับปัญหาแบบนี้อย่างไรดีครับ? จะแบนไม่กินอาหารจีนอีกเลยดีมั้ย?
เมื่อแฟนจะถูกคนจีนคาบไปกิน
ผมกับแฟนก็ได้ลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษที่ประเทศนี้ครับ
ซึ่งผมจะขอเท้าความไปถึงตอนที่ผมเรียนคอร์สภาษาก่อนนะครับ อาจจะยาวนิดนึง
ในคอร์สภาษาอังกฤษ ผมกับแฟนก็ถูกจับแยกห้องเรียน เพราะเขาเห็นว่าเป็นคนไทยด้วยกัน แล้วในแต่ละห้องก็จะมีนักเรียนจากชาติต่างๆ
แต่กว่า 80 เปอร์เซนต์ เป็นคนจีน เพราะอย่างนั้นนอกจากจะได้เรียนภาษาอังกฤษแล้ว ก็จะได้เรียนภาษาจีนเพิ่มอีกด้วยนะครับแหม่
พอเรียนไปได้ซัก 1 อาทิตย์ แฟนผมก็มาบอกว่า เพื่อนคนจีนทักว่าเธอหน้าเหมือน แองเจล่าเบบี้ ดาราที่จีนครับ แฟนผมนี่ยิ้มแก้มปริ (ตอนนั้นผมคิดในใจครับว่าใครวะ แองเจล่าเบบี้ รู้จักแต่แองเจลิน่า โจลี่ พอเสิจกูเกิ้ลดูก็คิดครับว่า นี่แฟนตูสวยขนาดนั้นเลยเรอะ) แฟนก็บอกอีกว่ามีคนจีนมาคุยมาจีบประมาณ 3-4 คน ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะแฟนก็บอกเองว่าไม่สนใจ
แต่หลังจากนั้นพอไปเรียน ผมก็เริ่มแอบสังเกตุพฤติกรรมแฟนผมกับกลุ่มเพื่อนชาวจีนในห้องเรียนของเธอครับ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า พอเรียนเสร็จแล้วแฟนผมจะยืนคุยอยู่กับผู้ชายชาวจีนคนหนึ่งครับ สูงยาวเข่าดี หน้าตาไม่ขี้หริ้วขี้เหร่อะไร ใส่แว่น
ขอเรียกว่า "ไอ้แว่นโย่ง" ละกัน ซึ่งแฟนผมจะชอบยืนคุยกับไอ้นี่ระหว่างรอผมเรียนเสร็จทุกวันเลยครับ หลังจากนั้นพอว่างๆจากการอ่านหนังสือ ผมก็ลองถามเธอเล่นๆดูครับว่า คิดอะไรกับไอ้แว่นโย่งรึเปล่า คุยเล่นดี๊ด๊าบ่อยนะเรา แฟนผมก็ยืนยันเสียงแข็งเลยว่าไม่มีอะไรเลย คุยแบบเพื่อน มันคุยสนุกดี ผมก็โอเค ไม่อยากเซ้าซี้อะไรมากครับเพราะเชื่อใจแฟน และอีกอย่างแฟนผมก็บอกว่ามันก็มีแฟนแล้ว
แต่ทีนี้พอเวลาเรียนเสร็จเราก็จะต้องเดินไปขึ้นรถบัสเพื่อจะไปขึ้นรถไฟ ซึ่งเป็นทางเดียวกันกับที่ไอ้แว่นโย่งต้องเดินไป สรุปเวลากลับบ้านทุกวันก็จะมี ผม แฟนผม กับไอ้แว่นโย่ง เดินกลับด้วยกัน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เวลาเดิน แฟนผมนี่คุยเล่นกระจุ๋งหนุงหนิงกับไอ้แว่นโย่งอยู่สองคน ส่วนผมถือของเดินตามตูดต้อยๆเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ตอนนั้นก็คิดว่าตูมาทำอัลไลที่นี่วะ แต่ผมก็ยังคงไม่คิดอะไรอยู่ เพราะผมก็ได้มีโอกาสคุยกับไอ้แว่นโย่งแล้วรู้สึกว่ามันก็เป็นคนดี ไม่น่าจะคิดอะไรเกินเลยกัน
พอเรียนจบคอร์สภาษา (ขอตัดตอนนะครับ เดี๋ยวยาวเกิน จริงๆมีหลายเหตุการณ์) มาต่อปริญญาโท ผมกับแฟนก็เข้าคณะเดียวกัน ส่วนไอ้แว่นโย่งก็อยู่อีกคณะนึง ทำให้แฟนผมกับมันไม่ได้คุยอะไรกันมาก ผมก็สบายใจละทีนี้ แต่พอผ่านไปสักพัก ไอ้แว่นโย่งชาวจีนคนนั้นก็ส่งแมสเสจมาบอกแฟนผมว่า มันได้เลิกกับแฟนที่อยู่เมืองจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แฟนผมก็โทรไปคุยส่งแมสเสจไปปลอบ ให้กำลังใจอย่างดิบดี ดูแลกันดี๊ดี แฟนผมก็เลยชวนมันมาเที่ยวในเมืองซึ่งตอนนั้นในเมืองมีงานเทศกาลพอดี ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอมาเที่ยวด้วยกันแล้ว ก็เหมือนเดิมครับ คุยเล่นกันสนุกสองคน ผมก็จ๋อยๆนิ่งๆไป เหมือนแฟนจะรู้ ก็เลยแบ่งเวลาอันมีค่ามาคุยเล่นกับผมบ้าง แต่สุดท้ายก็มีประเด็นให้ผมหึงและไม่ค่อยพอใจขึ้นมา เพราะว่าแฟนบอกว่าจะถ่ายรูปกับมันสองคน ถ่ายให้หน่อย ผมก็ถือกล้องจะถ่ายให้ แต่พอดูท่ายืน แฟนผมก็โอบเอวไอ้แว่นโย่ง ส่วนมันก็เอามือลูบหัวแฟนผมอย่างเอ็นดู ผมก็หมั่นไส้แกล้งกดชัตเตอร์เหมือนว่าถ่ายรูป แต่จริงๆไม่ได้ถ่าย 5555 สรุปวันนั้นก็เกือบทะเลาะกันเพราะผมหึงมากไป
จนทุกวันนี้ แฟนผมก็ยังมีคุยกับมันอยู่บ้าง โดนเฉพาะเวลาที่ผมทะเลาะกับแฟน เธอมักจะโทรไปหาไอ้แว่นโย่งตลอด ซึ่งมันก็คุยด้วยอย่างดี ทำให้ตอนนี้ผมกังวลและไม่มั่นใจว่า แฟนผมมีใจให้มันรึเปล่าแม้เธอจะบอกว่าไม่คิดอะไร แต่ที่แน่ๆผมว่ามันต้องการจะงาบแฟนผมชัวร์
สำหรับผมและแฟน เรื่องเรียนสำคัญที่สุดในตอนนี้ ซึ่งผมก็ไม่อยากให้ความกังวลของผมเข้ามาขัดขวางการเรียน แต่มันก็อดคิดไม่ได้
ผมควรจะรับมือกับปัญหาแบบนี้อย่างไรดีครับ? จะแบนไม่กินอาหารจีนอีกเลยดีมั้ย?