มาเปลี่ยนตัวเองเพื่อตัวเอง และ เพื่อทำหน้าเปรี้ยวใส่คนที่เคยเรียกเราว่า

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวก่อน จขกท ชื่อไอซ์ครับ พูดเลยว่าอยากเล่าเรื่องผีในกระทู้พันทิพมานานล้ะ แต่ต้องพอสไว้ก่อน 555 เริ่มเลยละกัน คือตัวผมเองได้อ่านและชอบติดตามกระทู้แบบหันมาลดความอ้วนกันเถอะ (ทำเสียงโอปอล์) มานานมากครับและเห็นหลายๆกระทู้มีมารีวิวกันก็มักมีอาชีพแตกต่างกันไป ประเด็นอยู่ตรงอาชีพนี่ล่ะที่หลายๆกระทู้ลงความเห็นว่าทำให้ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย หรือ ควบคุมอาหารการกินได้ไม่มาก บางคนเป็นพนักงานออฟฟิศเวลาน้อย บางคนขายของทั้งวัน บางคนเป็นนักศึกษาอยู่หอหลายๆอย่างไม่ค่อยอำนวย แต่พออ่านจบปุ้ปในบางกระทู้ จขกท ถึงกับต้อง คุณพระ ! อยู่ในใจ มีคำถามเลยว่า สาบานนะยูวววที่บอกว่าไม่มีเวลา โอ้วมายยย แต่ละวิธีออกกำลังกาย แต่ละเมนูคลีนที่สรรหาพรรณนากันมาแปะ อายุ60คงยังทำตามไม่ได้ --* ก็เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังในแบบของ จขกท บ้าง อาชีพผมนี่หลายคนต้องมีคำถามในใจเลยแหละว่าทำไมถึงยังอ้วนอยู่ ห้ะ 55 ผมเป็น " ทหารเกณฑ์ " ครับ หลายคนอาจคิดว่าเป็นทหารนี่ต้องเซี้ยะตลอดเวลา แบบมีหกแพคขึ้นกันเป็นริ้วๆ ต้องออกกำลังกายกันแบบมหากาพย์ คือจริงๆมันไม่ขนาดนั้นครับ ถ้าใครเคยผ่านการเป็น " ทหารเกณฑ์ " มาจะทราบดีว่าช่วงที่ได้ออกกำลังกายหนักๆ คือช่วงฝึกใหม่ๆแค่นั้น ตัวผมเองตอนที่ไขว่ขว้าใบแดงเอามาไว้ในมือได้ (กรอกตา) น้ำหนักตอนนั้นอยู่ที่ 95-96 กิโลครับ เดี๋ยวหารูปแปป



เป็นไงครับ OMG X 10 ครั้งกันใช่ไหม 55 ผิวขาวใสอมชมพูจริงๆ --*
พูดเลยว่าตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจจะต้องมาทาครีมกันดีกว่าหรือกินผักกันเถอะ ใช้ชีวิตไปวันๆ อยากกินไรก็กิน อาทิ ฯ โค้กวันละ 2 ลิตร หรือ เปรี้ยวปากอยากกินแมคตอนเที่ยงคืนก็กิน 👏🏻👏🏻👏🏻 อะๆ กลับมาเข้าเรื่องต่อ ก็พอจับได้ใบแดงปุ๊ป ตลอดทั้งเดือนเมษาชีวิตก็มีแต่กินกินกินและก็นอนนอนนอน เลยมีสภาพตามรูปนั้นเลย
จนกระทั่งได้มาฝึก "ทหารใหม่ " ในช่วงเวลาทั้งหมดตีไปสองเดือนกว่า ( 3 พ.ค. - 7 ก.ค. ) การใช้ชีวิตในช่วงนั้นฮาร์ทคอและหนักหน่วงที่สุดจริงๆ ออกกำลังกายทุกวัน ทานข้าวเป็นเวลาตลอด มื้อเช้า 07.00 มื้อเที่ยง 12.00 และมื้อเย็น 18.00 ทำอย่างนี้อยู่ทุกวัน ลืมบอกไปช่วงที่ไปเป็นทหารใหม่ๆเราเองถูกแยกให้อยู่ในพวกมีค่า BMI เกิน ครั้งแรกเราชั่งได้ 96.5 ทางหน่วยฝึกก็จะมีการวัดผลอยู่ในทุกๆอาทิตย์ และพวกเราก็จะถูกจับตามองเป็นพิเศษเพราะเป็นพวก อ้วน ทางหน่วยฝึกก็กลัวจะเป็นลมกันง่าย เพราะช่วงนั้นอากาศมันร้อนจริงๆ แต่ทุกการฝึกในประจำวันเราก็ทำเหมือนกันทั้งกองร้อยไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรไปกว่าใครๆ ระหว่างนั้นเท่าที่จำได้น้ำหนักก็ลดลงมาเรื่อยๆ
ครั้งแรก 93
ครั้งที่สอง 90
ครั้งที่สาม 88
ครั้งที่สี่ 86 ( จำได้แค่นี้ )
อยากมีรูปมาให้ดูมากๆ แต่ตอนนั้นเป็นทหารใหม่เค้ายังไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือเลย จนกว่าจะได้กลับบ้าน แต่ตอนนั้นเพื่อนๆในหมวดก็บอกว่าดูผอมลงไปเยอะมากๆ แหมมม ! ก็แหงล่ะวิ่งทุกวัน ลุกๆหมอบๆทุกวัน กินผักทุกมื้อ จาก 96.5 ลดเหลือ 86 ก็เกือบสิบโลพอดี (แอบดีใจน้ะ ) เวลาผ่านมาเรื่อยๆจนกระทั่งจบการฝึกเป็นทหารใหม่เสร็จก็ได้ปล่อยกลับมาพักที่บ้านอันแสนอบอุ่นและนี่คือรูปก่อนกลับบ้านครับ

เทียบจากรูปแรกแล้วดูผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัดไหมครับ แต่ดูความสม่ำเสมอของผิวหน้า ทมึน มากๆเหมือนคนโดนของ 55
ทหารใหม่ทุกคนรอคอยวันนี้ครับ วันที่ได้ใช้ชีวิตนอกกรอบเต็มๆ10วันสักที สิ่งแรกที่กลับบ้านไปแล้วทำคือ ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำใต้ฝักบัวราวชั่งโมงเศษ และยืนส่องกระจก " โอ้วววมายยย " คือผอมลงอะก็ใช่ชั้นก็ดีใจ แต่ ผิวนี่จากแต่ก่อนดำแล้วยิ่งไปใหญ่ เนื้อตัวเป็นผื่นเต็มไปหมด แต่อันนี้ต้องยอมรับครับว่าเราไปเก็บตัวฝึกเป็นทหาร ไม่ใช่ next top model ครีมเคริมอะไรนี่ไม่ได้แม้แต่จะคิด ล้างหน้านี่สูตรธรรมชาติ น้ำเปล่าล้วนๆ ก็เลยมีสภาพแบบนี้ครับ

สาบานเลยว่าเพื่อนข้างๆไม่แต่งหน้า และ ถ่ายในร้านข้าวที่แสงนีออนอลังมากๆ ยังคงช่วยพยุงหย้าให้ขาวได้เท่าที่เห็นเลยครับ มีใครเคยจะอ้วกหน้าตัวเองไหมครับ 55  ต่อๆ ช่วงเวลาที่กลับมาอยู่บ้าน เราว่ามันคงยังปรับตัวไม่ทัน ก็ยังคงตื่นเช้า ( 05.30น. ) ทุกวัน ก็เลยออกไปวิ่งเอาครับ วันละรอบสองรอบ แต่ ... การกินนี่แบบซัดเรียบทุกอย่างที่ใจปารถนา สะกดคำว่าอิ่มไม่เป็นเลยจริงๆครับ กินเอากินเอา แอบเข้าข้างตัวเองว่าตอนฝึกเรื่องอาหารการกินเราจำกัด อยากกินไรก็ไม่ได้กิน เลยมาฟาดเรียบแดรกเพียบน้ะค๊ะ เอาข้างนอก กินไม่บันยะบันยังจริงๆครับ น้ำอัดลมเอย น้ำปั่นเอง เค๊ก สเต๊ก หมูกระทะ อาหารฟาสฟู๊ส ใส่ยับสุดตัวตลอดขอให้บอก กลับกลายเป็นจากเพื่อนๆต้องชวนเรากิน เป็น เราเองที่ชวนเพื่อนไปหาของกิน 555 ก็มันอยากนี่น่า ผ่านไป 7 วันครับ ก็มีสภาพแบบนี้

เป็นไงครับ เทียบกับรูปแรก ตอนนั้นพูดเลยว่าคุณพระคุณเจ้าในใจอยู่คนเดียวแบบเห้ยย แกผอมลงเยอะเลย นี่ขนาดกินแหลกล้ะน้ะ ยอบรับว่าตอนนั้นไม่ได้แคร์เรื่องผิวหน้าผิวกายตนเองแต่อย่างใด เพราะอุดมการณ์ของชายชาติทหารมันดังกึกก้องอยู่ในใจว่า " เป็นทหารนะเว้ย หน้าจะเงือกตัวจะดำขนาดไหนก็ไม่ต้องไปสนใจสิ " 👍🏻👍🏻👍🏻 ความคิดหล่อม้ะ 555
เอ่อ ลืมบอกไปว่าสิบวันที่กลับมาอยู่บ้านคือเวลาอาบน้ำก็มีมากขึ้นมาแต่ก็ยังคงใช้สบู่กับน้ำเปล่าในการล้างหน้าอยู่ทุกครั้ง มันคงชินกับการปฎิบัติตอนอยู่ในค่ายส่วนหนึ่งด้วยล่ะครับก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันมาก เวลาเดินมาจนถึงวันกำหนดกลับค่ายทหาร (ยิ้มมุมปากและกางจมูก) กลับมาถึงค่ายวันแรกก็มีสภาพแบบนี้ครับ

ต้องบอกก่อนว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปชีวิตในการเป็นทหารจะค่อนข้างง่ายขึ้นเพราะไม่ได้ฝึกทุกวันไม่ได้ลำบากมากมายเหมือนตอนฝึกทหารใหม่ เช่นมีเวลาอาบน้ำมากขึ้น รวมไปถึงการใช้ครีมอาบน้ำอะไรก็ได้ ใช้โฟมล้างหน้า ครีมทาผิว น้ำหอม โทรศัพท์มือถือ อะไรก็ได้ตามใจปารถนา แต่ก็ไม่ใช่แบบแหมม เอา iPad มาด้วยมันก็เกินไป และ !! ก็ไม่ได้ออกกำลังกายทุกวันเช่นกัน นี่แหละครับจุดพีคที่หนึ่งของผม คือตอนนี้เรียกว่าพอขึ้นกองร้อยแล้วต่างก็ต้องแยกย้ายทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ก็ไม่มีอะไรมากจริงๆครับ ตามคอนเซปท์กองทัพบกครับสู้กับมด รบกับหญ้า ด้วยตอนนี้มาเป็นน้องใหม่สุดในกองร้อยบทบาทจึงยังไม่มีกันมากนักเลยต้องอยู่ให้จบไปวันๆ ทำตามคำสั่งทุกๆอย่างแต่มันเป็นหน้าที่ครับอันนี้ต้องเข้าใจ ผมเองก็ซื้อของใช้มาจากบ้าน แอบมีโฟมล้างหน้ามา ตอนนั้นที่จำได้ซื้อพอนด์สูตรสีดำมาใช้ครับ กับครีมอาบน้ำทั่วไป ส่วนครีมทาผิวนี่ยังไม่ได้นึกถึง แต่ก็มีครีมทาหน้าตอนนอนด้วย เป็นนีเวียอะไรสักสูตรนี่ล่ะ พออยู่ไปวีคสองวีคด้วยความที่เราเองพูดเก่งและรู้จักคนง่าย ก็เลยมีนายสิบท่านหนึ่ง (เป็นคนที่มีพระคุณคนนึงในชีวิตทหารที่ไม่อาจลืมเลย) คือแกเปิดร้าน PX หมายถึงร้านที่ขายทุกอย่างเท่าที่จะหามาขายได้ มีตั้งแต่ ปืนอัดลม ขนม ไอติม มาม่า แปรงสีฟัน สบู่ บลาๆ เลยครับ แกมาชวนเราไปขายของในร้านเค้า !! หวานหมูเลยใช่ไหมครับ สบายใจไทยแลนด์ กลางวันไม่ต้องทำอะไร นั่งขายของ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ ! พอเราขายของมันจะมีช่วงว่าง พอว่างปั้ปก็หิวปุ๊ป ทีนี้ล่ะ คุณพระคุณเจ้า กินพะยะคะ กินทุกอย่างจริงๆ ขนมกรอบๆเอย มาม่าเอย น้ำอัดลม น้ำหวาน ขนมปัง มีหมด นายสิบเจ้าของร้านแกใจดีมากๆ มีซื้อข้าวให้กินอีกสองมื้อ กินขนมในร้านแบบไม่ต้องจ่ายตัง แถมให้เงินใช้วันละร้อยบาทอีก โอ้โห คือตอนนั้นพูดได้เลยว่าทั้งรุ่นนี่เราเป็นคนที่สบายที่สุดไปเลย ช่วงออกฝึกก็ไม่ได้ไป นั่งขายของ เข้าเวร และกิน วันๆทำอยู่แค่นี้ คือตอนนั้นก็ถ่ายรูปพยายามอัพเดตเรื่องราวให้คนที่บ้านรู้ว่าเราอยู่สบายไม่ได้หน้ากลัวอย่างที่คิด ถ่ายทุกวันก็มั่นใจว่าเห๊ยยย ก็ยังผอมอยู่นิยังไม่ได้มีความอ้วนเกิดขึ้นใดใด ยิ่งที่บ้านมาเม้นว่าหน้าเรียววีเลย หรือผอมลงมากๆลูก ยิ่งได้ใจไปใหญ่ อยู่แบบนี้ไปสองเดือนครับก่อนจะได้กลับบ้านรอบที่สองเวลาสิบวันมาดูความเปลี่ยนแปลงกันครับ

ไงล่ะท่าน ความดำคงเดิมเพิ่มเติมคือความหนา เค้าเริ่มมาแล้วใช่ไหมครับ งานเหนียง งานพุง สิวอีก มหกรรมครับ แต่ยัง ยังไม่สำนึกยังคงทำตัวคูลใช้ชีวิตแบบเดิม ผักนี่ไม่มีตกถึงท้องครับ เพราะซื้อข้าวทานเองได้แล้ว ตามใจฉันเลยล่ะทีนี้ เน้นมันเน้นทอดตลอดทั้งซีซั่นเลยครับ จนกลับบ้านไปสิบวันกินเที่ยวตามประสาครับ ก็มันอัดอั้นมานานนี่เนอะ 555 พอครบกำหนดก็กลับค่ายตามระเบียบครับ มารอบนี้มีการเพิ่ม ไอเทมครับ เริ่มมีครีมทาผิวติดมา ตอนนั้นใช้นีเวียสูตรเพื่ออะไรไม่รู้เอาความหอมเข้าว่า บวกกับ ครีมทาหน้าของพอนด์สีชมพู และเริ่มทาแป้งฝุ่น 55
เอาล่ะ แต่กลับมารอบนี้ไม่ธรรมดา เพราะกำลังพาตนเองเข้าไปในจุดพีคที่สองครับ คือได้ขึ้นมาทำงานในฝ่าย กองบังคับการของกองร้อย ซึ่งถ้าใครเคยเป็นทหารจะทราบแล้วว่ามันคือที่สุดของคำว่าสบายจริงๆ ถ้าไปเทียบกับคนที่เค้าต้องไปตัดหญ้าหรือเข้าเวรใหญ่ คือเวรใหญ่และงานพัฒนาเราแทบจะไม่ต้องทำแต่ก็มีทำบ้างเล็กน้อย การทำงานเราอยู่แต่หน้าคอมครับ พิมพ์งาน ส่งงาน ถ่ายรูป รับโทรศัพท์ และตัวเราเองนี่โชคสองชั้นขึ้นมาเจอพี่พี่ที่สายเดียวกันทั้งนั้น นั่นคือ " สาย- " ครับท่าน
เริ่มมื้อแรกเลยคือเจ็ดโมงเช้า ลงมาร้านค้าสมมุติเค้าขายกับข้าว 6 อย่าง ทางเราก็จัดราดมาสักสี่อย่างเบาๆ อยากได้ไรก็เน้นเอา เช่น ต้มขาหมูเน้นคากิ หรือไข่เจียวกับกรอบๆมันๆ
หลังจากนั้นก็ทำงานตามปกติ ระหว่างวันก็ยังคงรับทานไอศครีม ขนม นม เนย บลาๆ มื้อเที่ยงก็ลงมาตามใจฉันสั่งกันอีก ไหนจะน้ำอัดลม ไส้กรอก ลูกชิ้น โรตีทอด อีกสารพัดจะสรรหามากินกัน ยิ่งไปทำงานข้างนอกนี่ไม่ต้องสืบ ข้าวมันไม่ผสมพิเศษหนังบ้างล่ะ ยิ่งวันไหนวันหยุด สั่ง เคเอฟซีมากินกันตอนสิบโมง และ ต่อด้วยพิซซ่าสองถาดตอนเที่ยง คูลไหมล่ะท่านเหมือนอยู่บ้าน 555 ตอนนั้นพอจะรู้ตัวเองบ้างว่าต้องมีการอ้วนขึ้นเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ก็ไม่สนใจคิดอยากเดียว เดี๋ยวไปวิ่งก็ลด ค่อยรอไปวิ่งรวมกับเพื่อนๆเอา ช่วงนี้แดดนี่ไม่ได้โดนเลยทำงานแต่ในห้องร่มๆ ไม่รู้ว่าเพราะผิวหน้าเริ่มปรับสภาพได้หรือเพราะเราทาครีมหน้าถึงสิวยุบแบบเนียนขึ้นความคิดโง่ๆในตอนนั้น ตามรูปครับ

เห็นม้ะ มันดีขึ้นกว่าตอนแรกจริงๆ (เสียงสูง)
การดำเนินชีวิตในแต่ละวันยังคงปกติครับ แหม จะให้มันพิศดารขนาดไหนกัน ก็นี่มันค่ายทหาร แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าอ้วนขึ้นเยอะจริงๆ ตอนนี้เริ่มรู้ตัวเองแล้ว แต่ไม่ได้จัดการอะไรทั้งสิ้น ก็ยังคงกินแบบนี้ไปเรื่อยๆกินจนไม่รู้ตัวเองว่าที่ทำอยู่เค้าเรียกว่ากินเยอะมากๆ เป็นแบบนี้ไปจนถึงช่วงเดือนธันวาครับ ช่วงนี้จะงานเยอะหน่อยได้โดนแดดบ้าง มีการเข้าเวรใหญ่แล้วเพราะมีภารกิจเยอะแยะมากมายให้ทำ แต่ก็ยังพยายามทาครีมที่ผิวให้หอมและทาที่หน้าไปวันๆ อยู่ครับก็ได้มาดังนี้


ตอนนั้นค่อนข้างกรี้ดตัวเองอยู่พอควรว่า ไม่ค่อยดำแล้ว แบบหน้าเธอก็เนียนนิไอซ์ แอบชมตัวเองอยู่ 555 แต่ !!! หน้าบานเหมือนชามตาไก่เบอร์สี่สิบจริงๆ ช็อคตัวเองอยู่เหมือนกัน ผลัดวันประกันพรุ่งในการออกกำลังกายต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งทำงานเยอะยิ่งกิน วันไหนลงมาส่งงานต้องแวะซื้อน้ำอัดลม เชื่อไหมครับ กินน้ำอัดลมวันละ 6 ขวด ขวดละ12บาทอะครับ กินทุกวันจริงๆ กินจนติดเลย ไม่คิดถึงผลเสียของมันเลย ผ่านไปปีใหม่เข้าช่วงเดือนมกราครับ ที่นี่หนาวมากๆ น้ำตอนเช้านี่ไม่อาบเลย พอไม่อาบน้ำครีมก็ทา ทีนี้มันก็เริ่มหายออกไปจากสารบบเลยครับ ไม่ได้นึกถึงมันเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่