ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ จขกท. ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ
ก่อนสอบพวกเรา4คน วางแผนไปเที่ยวไว้หลายที่ ไม่รู้จะไปที่ไหนดี แต่ท้ายที่สุดก็เลือก "บางกระเจ้า" ที่ที่พวกเราจ้องจะไปกันนานแล้ว และอยู่ไม่ไกลจากกลางเมือง..
หลังสอบเสร็จ วันต่อมาเป็นวันอังคารเราทั้ง4คนก็ออกเดินทางกันเลย.. จุดเริ่มต้นที่รังสิต ขึ้นรถเมล์ฟรีสาย185 มาลงที่อู่รถเมล์บางเขน ต่อรถเมล์สาย107 บางเขน-คลองเตย (ขึ้นทางด่วน) ค่ารถ 8.50 บาท
เนื่องจากรถเมล์สาย185 มีทั้งแบบฟรีและเสียตัง จขกท.ขึ้นผิดจึงต้องต่อรถ แบบเสียตังจะไปถึงคลองเตยเลย
เวลาประมาณ 10โมงครึ่ง เมื่อรถเมล์วิ่งมาถึงคลองเตย พวกเราก็ลงป้ายตรงข้ามกรมศุลกากร เดินริมทางเท้าไปอีกนิดจนใกล้จะถึงวัดคลองเตยนอก เหลือบไปเห็นเซเว่นและรถขายน้ำพวกเราก็พุ่งเข้าหาทันที จขกท.ซื้อโอวัลตินถุง 25 บาท เก็บท้องหิวๆไว้กินที่บางกระเจ้า อยากมาถึงจริงๆอะไรแบบนั้น55555
ซื้อเสร็จก็พากันเดินมาที่วัดคลองเตยนอก เดินผ่านประตูวัดเข้ามาเป็นถนนทอดยาวสู่ท่าเรือคลองเตย พวกเราได้นั่งเรือหางยาวโต้คลื่นข้ามฝั่งมาบางกระเจ้า ค่าเรือคนละ 10 บาท (ถ้าเรือโดยสาร คนละ 5 บาท)
มาถึงแล้ว บ า ง ก ร ะ เ จ้ า กลิ่นอายจากธรรมชาติ ความสงบ เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย จขกท.มองหาจักรยานคู่ใจอยู่นาน เอาคันไหนดี..เรียงชิดติดกันเป็นร้อย ป้าเจ้าของเขาว่า "เอาคันไหนก็ได้ลูกเลือกเลย แต่เอาออกมาเองนะ" 5555 จขกท.ก็เลือกคันหน้านี้เลยง่ายดี
ป้ายติดราคาไว้ว่าเช่าจักรยาน
ชั่วโมงละ 50 บาท
ทั้งวัน 100 บาท
พวกเราเช่าทั้งวัน คนละ 100 บาท 4คัน แต่ป้าใจดีลดให้ 100 บาท เลยเสียกันแค่คนละ 75 บาท แล้วป้าก็เอาน้ำเปล่าขวดมาแจกให้พร้อมแผนที่ แต่เนื่องจากเรามาวันธรรมดา ไม่ใช่เสาร์-อาทิตย์ ป้าบอกว่าพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย ตลาดบางน้ำผึ้ง และบ้านธูป สามที่นี้ปิด แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเรารู้สึกเสียดายเลย ดีเสียอีก คนน้อยๆจะได้ไม่วุ่นวาย
พวกเราปั่นจักรยานออกมาได้ไม่ไกล ก็เห็นป้าย
สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ เราทั้ง4คนไม่รอช้าเร่งฝีเท้าปั่นจักรยานกันไปตามทางทอดยาว เห็นสะพานสูงลิบอยู่ตรงหน้าก็เร่งฝีเท้า กลัวว่าจักรยานจะไม่มีกำลังขึ้นสะพาน จขกท.ก็เร่งปั่นจนถึงบนตัวสะพานได้ แล้วปล่อยจักรยานให้ไหลลงไปตามความชัน ใครที่จะมาท้าทายกับสะพานตรงนี้ระวังไว้นิดนึงนะคะ เพราะจขกท.ไปเทมาแล้ว5555 พึ่งรู้ในตอนนั้นเลยว่าเบรคจักรยานไม่ดี เบรคไม่ค่อยอยู่ ลงมาด้วยความเร็ว จะเลี้ยวก็เดี๋ยวล้ม เพราะพื้นไม่เท่ากัน เลยมุ่งหน้าสู่หญ้าอันสวยงาม ไปเทแล้วโพสต์ท่าสวยๆในนั้นดีกว่า55555
คำว่าป่า คือมีต้นไม้เยอะ มืดครึ้ม มีแสงน้อย อากาศเย็น ขอให้นึกถึงยุงด้วย (อย่าลืมทา กย.)
รายงานตัวค่ะ พวกเรา4คนมาบริจาคเลือด
ปั่นๆจักรยานไป...
สะพานเขื่อนขันธ์มรรคา ภายในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์
พวกเราปั่นจักรยานและถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ จนรู้สึกหิว ลืมสนิทว่ายังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า จึงพากันออกจากที่นี่ ไม่ไกลจากที่เรามา ก็เจอร้านอาหารตามสั่งอยู่ริมทาง "ครัวลูกจันทน์" จอดจักรยานไว้หน้าร้านแล้วเข้าไปกันเลย จขกท.สั่งเส้นหมี่ผัดซีอิ๊ว ราคา 30 บาท (ราคาอาหารแต่ละรายการต่างกันไม่มาก) ท้องอิ่มก็ถึงเวลาไปลุยกันต่อเลย ที่ต่อไปคือบริเวณริมแม่น้ำ
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ อากาศเย็นสบาย ปั่นจักรยานตามกันเป็นแถว แต่คันหน้าชอบปาดไปซ้ายที ขวาที ไม่รู้เขาเป็นอะไรนะคะ5555
ไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก
สงบ
สะพานสีเขียวทอดยาวให้ได้ปั่นเพลินๆ อากาศเย็นสบายทั้งที่ตอนนี้เป็นตอนบ่าย ความสงบเงียบหาได้จากที่นี่
เหมือนที่นี่จะมีแค่พวกเรา..
ปั่นลัดเลาะไปตามสวนด้วยกัน หลงบ้างก็มี แต่ก็สนุกดี..
เลี้ยวขวาหรือตรงไป ดี..
มาถึงแล้วริมแม่น้ำ ..ฝั่งโน้นคือกลางกรุง ฝั่งนี้คือกลางป่า..
พบรัก เป็นร้านอาหารมีเครื่องดื่ม มีโฮมสเตย์ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ลมเย็นบรรยากาศดี
มาแล้วววว ขนบปังปิ้งเนยนม ท้องฟ้าน่ากินดีนะ
เวลาประมาณบ่ายสอง อ้อยอิ่งกันมาจนถึงร้านพบรัก จอดถ่ายรูปบ้าง หลงบ้าง ปั่นกันมาไม่ได้พัก พวกเราเห็นสมควรว่าควรหยุดนั่งเล่น นั่งพักกันบ้าง ที่สำคัญอยู่ติดริมแม่น้ำ บรรยากาศดี จึงแวะเข้ามานั่งตากลมเย็นๆ ที่ศาลาหน้าร้าน พร้อมสั่งน้ำมะพร้าวปั่นชื่นใจดับกระหาย กับขนมปังปิ้งกินกันไปพลางๆ
นั่งพักกันจนหายเมื่อยก็ถึงเวลาออกเดินทางกันต่อ ตอนนี้บ่ายสามโมงแล้ว เหลือเวลาอีก2ชั่วโมง กว่าเรือเที่ยวสุดท้ายจะออก แต่ยังมีอีกหลายที่ที่พวกเรายังไม่ได้ไป เช่นบ้านมอญ และสวนป่าลำพู ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากจุดที่พวกเราอยู่ หากปั่นจักรยานไปคงถึงที่นั่นประมาณเกือบสี่โมงเย็น เราจึงตกลงกันว่าจะเข้าไปปั่นจักรยานในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์กันอีกรอบ เพราะอยู่ใกล้กับร้านจักรยานบริเวณท่าเรือ และพวกเรายังเที่ยวในสวนไม่ทั่วเลย
ปั่นไปก็อดไม่ได้ที่จะร้องเพลง ...โอเย โอเย โอ๊ะโอ้เย 55555
เมื่อมาถึงสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ พวกเราปั่นจักรยานลึกเข้าไปด้านใน ก็พบสะพานไม้พาดข้ามบึงใหญ่ มองเห็นบริเวณรอบๆสวนได้อย่างชัดเจน
ไม่ลืมที่จะเก็บภาพบนสะพาน..
ปั่นลึกเข้ามาอีกนิด พวกเราก็มาหยุดอยู่ที่หอดูนก หอสูงกลางป่า รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เสียงนกร้องแว่วมาจากที่ไกลๆ เงียบสงบมีแค่พวกเรากับต้นไม้..
ถ่ายรูปมามากพอสมควร ตอนนี้สี่โมงครึ่งแล้ว พวกเราจึงปั่นจักรยานกลับร้าน คืนจักรยานเสร็จ เรือโดยสารก็มาเทียบท่าพอดี ภายในเรือแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่กลับมาจากทำงาน กลับสู่บ้านที่ บ า ง ก ร ะ เ จ้ า อีกครั้ง
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ค่ารถเมล์ 8.50 บาท
ค่าโอวัลตินถุง 25 บาท
ค่าเรือหางยาว 10 บาท
ค่าเช่าจักรยาน 75 บาท
ค่าอาหาร 30 บาท
ค่าขนมปังปิ้ง+น้ำมะพร้าวปั่น 83 บาท
ค่าเรือโดยสาร 5 บาท
ค่ารถเมล์ขากลับ2ต่อ รวม 17.5 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 254 บาท (เฉพาะค่าใช้จ่ายไป-กลับ และระหว่างอยู่ที่บางกระเจ้าเท่านั้น)
จขกท.คิดว่าถ้าไปวันเสาร์-อาทิตย์ คงจะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ เพราะมีสิ่งดึดดูดท้อง ดึดดูดตา ดึงดูดเงินออกจากกระเป๋า นั่นก็คือตลาดบางน้ำผึ้ง ที่เต็มไปด้วยของกิน ของใช้ ของฝากกลับบ้านแน่ๆ
**รูปภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ iPhone5s/iPhone4s/iPad/Samsung core แต่งภาพด้วย vsco**
ขอจบทริปไว้แต่เพียงเท่านี้ หากผิดพลาดประการใด จขกท.ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
:: บ า ง ก ร ะ เ จ้ า . . . ชีวิต Slow Life จากกลางกรุง สู่กลางป่า ::
ก่อนสอบพวกเรา4คน วางแผนไปเที่ยวไว้หลายที่ ไม่รู้จะไปที่ไหนดี แต่ท้ายที่สุดก็เลือก "บางกระเจ้า" ที่ที่พวกเราจ้องจะไปกันนานแล้ว และอยู่ไม่ไกลจากกลางเมือง..
หลังสอบเสร็จ วันต่อมาเป็นวันอังคารเราทั้ง4คนก็ออกเดินทางกันเลย.. จุดเริ่มต้นที่รังสิต ขึ้นรถเมล์ฟรีสาย185 มาลงที่อู่รถเมล์บางเขน ต่อรถเมล์สาย107 บางเขน-คลองเตย (ขึ้นทางด่วน) ค่ารถ 8.50 บาท เนื่องจากรถเมล์สาย185 มีทั้งแบบฟรีและเสียตัง จขกท.ขึ้นผิดจึงต้องต่อรถ แบบเสียตังจะไปถึงคลองเตยเลย
เวลาประมาณ 10โมงครึ่ง เมื่อรถเมล์วิ่งมาถึงคลองเตย พวกเราก็ลงป้ายตรงข้ามกรมศุลกากร เดินริมทางเท้าไปอีกนิดจนใกล้จะถึงวัดคลองเตยนอก เหลือบไปเห็นเซเว่นและรถขายน้ำพวกเราก็พุ่งเข้าหาทันที จขกท.ซื้อโอวัลตินถุง 25 บาท เก็บท้องหิวๆไว้กินที่บางกระเจ้า อยากมาถึงจริงๆอะไรแบบนั้น55555
ซื้อเสร็จก็พากันเดินมาที่วัดคลองเตยนอก เดินผ่านประตูวัดเข้ามาเป็นถนนทอดยาวสู่ท่าเรือคลองเตย พวกเราได้นั่งเรือหางยาวโต้คลื่นข้ามฝั่งมาบางกระเจ้า ค่าเรือคนละ 10 บาท (ถ้าเรือโดยสาร คนละ 5 บาท)
มาถึงแล้ว บ า ง ก ร ะ เ จ้ า กลิ่นอายจากธรรมชาติ ความสงบ เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย จขกท.มองหาจักรยานคู่ใจอยู่นาน เอาคันไหนดี..เรียงชิดติดกันเป็นร้อย ป้าเจ้าของเขาว่า "เอาคันไหนก็ได้ลูกเลือกเลย แต่เอาออกมาเองนะ" 5555 จขกท.ก็เลือกคันหน้านี้เลยง่ายดี
ป้ายติดราคาไว้ว่าเช่าจักรยาน
ชั่วโมงละ 50 บาท
ทั้งวัน 100 บาท
พวกเราเช่าทั้งวัน คนละ 100 บาท 4คัน แต่ป้าใจดีลดให้ 100 บาท เลยเสียกันแค่คนละ 75 บาท แล้วป้าก็เอาน้ำเปล่าขวดมาแจกให้พร้อมแผนที่ แต่เนื่องจากเรามาวันธรรมดา ไม่ใช่เสาร์-อาทิตย์ ป้าบอกว่าพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย ตลาดบางน้ำผึ้ง และบ้านธูป สามที่นี้ปิด แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเรารู้สึกเสียดายเลย ดีเสียอีก คนน้อยๆจะได้ไม่วุ่นวาย
พวกเราปั่นจักรยานออกมาได้ไม่ไกล ก็เห็นป้าย สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ เราทั้ง4คนไม่รอช้าเร่งฝีเท้าปั่นจักรยานกันไปตามทางทอดยาว เห็นสะพานสูงลิบอยู่ตรงหน้าก็เร่งฝีเท้า กลัวว่าจักรยานจะไม่มีกำลังขึ้นสะพาน จขกท.ก็เร่งปั่นจนถึงบนตัวสะพานได้ แล้วปล่อยจักรยานให้ไหลลงไปตามความชัน ใครที่จะมาท้าทายกับสะพานตรงนี้ระวังไว้นิดนึงนะคะ เพราะจขกท.ไปเทมาแล้ว5555 พึ่งรู้ในตอนนั้นเลยว่าเบรคจักรยานไม่ดี เบรคไม่ค่อยอยู่ ลงมาด้วยความเร็ว จะเลี้ยวก็เดี๋ยวล้ม เพราะพื้นไม่เท่ากัน เลยมุ่งหน้าสู่หญ้าอันสวยงาม ไปเทแล้วโพสต์ท่าสวยๆในนั้นดีกว่า55555
คำว่าป่า คือมีต้นไม้เยอะ มืดครึ้ม มีแสงน้อย อากาศเย็น ขอให้นึกถึงยุงด้วย (อย่าลืมทา กย.)
รายงานตัวค่ะ พวกเรา4คนมาบริจาคเลือด
ปั่นๆจักรยานไป...
สะพานเขื่อนขันธ์มรรคา ภายในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์
พวกเราปั่นจักรยานและถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ จนรู้สึกหิว ลืมสนิทว่ายังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า จึงพากันออกจากที่นี่ ไม่ไกลจากที่เรามา ก็เจอร้านอาหารตามสั่งอยู่ริมทาง "ครัวลูกจันทน์" จอดจักรยานไว้หน้าร้านแล้วเข้าไปกันเลย จขกท.สั่งเส้นหมี่ผัดซีอิ๊ว ราคา 30 บาท (ราคาอาหารแต่ละรายการต่างกันไม่มาก) ท้องอิ่มก็ถึงเวลาไปลุยกันต่อเลย ที่ต่อไปคือบริเวณริมแม่น้ำ
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ อากาศเย็นสบาย ปั่นจักรยานตามกันเป็นแถว แต่คันหน้าชอบปาดไปซ้ายที ขวาที ไม่รู้เขาเป็นอะไรนะคะ5555
ไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก
สงบ
สะพานสีเขียวทอดยาวให้ได้ปั่นเพลินๆ อากาศเย็นสบายทั้งที่ตอนนี้เป็นตอนบ่าย ความสงบเงียบหาได้จากที่นี่
เหมือนที่นี่จะมีแค่พวกเรา..
ปั่นลัดเลาะไปตามสวนด้วยกัน หลงบ้างก็มี แต่ก็สนุกดี..
เลี้ยวขวาหรือตรงไป ดี..
มาถึงแล้วริมแม่น้ำ ..ฝั่งโน้นคือกลางกรุง ฝั่งนี้คือกลางป่า..
พบรัก เป็นร้านอาหารมีเครื่องดื่ม มีโฮมสเตย์ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ลมเย็นบรรยากาศดี
มาแล้วววว ขนบปังปิ้งเนยนม ท้องฟ้าน่ากินดีนะ
เวลาประมาณบ่ายสอง อ้อยอิ่งกันมาจนถึงร้านพบรัก จอดถ่ายรูปบ้าง หลงบ้าง ปั่นกันมาไม่ได้พัก พวกเราเห็นสมควรว่าควรหยุดนั่งเล่น นั่งพักกันบ้าง ที่สำคัญอยู่ติดริมแม่น้ำ บรรยากาศดี จึงแวะเข้ามานั่งตากลมเย็นๆ ที่ศาลาหน้าร้าน พร้อมสั่งน้ำมะพร้าวปั่นชื่นใจดับกระหาย กับขนมปังปิ้งกินกันไปพลางๆ
นั่งพักกันจนหายเมื่อยก็ถึงเวลาออกเดินทางกันต่อ ตอนนี้บ่ายสามโมงแล้ว เหลือเวลาอีก2ชั่วโมง กว่าเรือเที่ยวสุดท้ายจะออก แต่ยังมีอีกหลายที่ที่พวกเรายังไม่ได้ไป เช่นบ้านมอญ และสวนป่าลำพู ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากจุดที่พวกเราอยู่ หากปั่นจักรยานไปคงถึงที่นั่นประมาณเกือบสี่โมงเย็น เราจึงตกลงกันว่าจะเข้าไปปั่นจักรยานในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์กันอีกรอบ เพราะอยู่ใกล้กับร้านจักรยานบริเวณท่าเรือ และพวกเรายังเที่ยวในสวนไม่ทั่วเลย
ปั่นไปก็อดไม่ได้ที่จะร้องเพลง ...โอเย โอเย โอ๊ะโอ้เย 55555
เมื่อมาถึงสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ พวกเราปั่นจักรยานลึกเข้าไปด้านใน ก็พบสะพานไม้พาดข้ามบึงใหญ่ มองเห็นบริเวณรอบๆสวนได้อย่างชัดเจน
ไม่ลืมที่จะเก็บภาพบนสะพาน..
ปั่นลึกเข้ามาอีกนิด พวกเราก็มาหยุดอยู่ที่หอดูนก หอสูงกลางป่า รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เสียงนกร้องแว่วมาจากที่ไกลๆ เงียบสงบมีแค่พวกเรากับต้นไม้..
ถ่ายรูปมามากพอสมควร ตอนนี้สี่โมงครึ่งแล้ว พวกเราจึงปั่นจักรยานกลับร้าน คืนจักรยานเสร็จ เรือโดยสารก็มาเทียบท่าพอดี ภายในเรือแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่กลับมาจากทำงาน กลับสู่บ้านที่ บ า ง ก ร ะ เ จ้ า อีกครั้ง
ค่ารถเมล์ 8.50 บาท
ค่าโอวัลตินถุง 25 บาท
ค่าเรือหางยาว 10 บาท
ค่าเช่าจักรยาน 75 บาท
ค่าอาหาร 30 บาท
ค่าขนมปังปิ้ง+น้ำมะพร้าวปั่น 83 บาท
ค่าเรือโดยสาร 5 บาท
ค่ารถเมล์ขากลับ2ต่อ รวม 17.5 บาท
จขกท.คิดว่าถ้าไปวันเสาร์-อาทิตย์ คงจะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ เพราะมีสิ่งดึดดูดท้อง ดึดดูดตา ดึงดูดเงินออกจากกระเป๋า นั่นก็คือตลาดบางน้ำผึ้ง ที่เต็มไปด้วยของกิน ของใช้ ของฝากกลับบ้านแน่ๆ
**รูปภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ iPhone5s/iPhone4s/iPad/Samsung core แต่งภาพด้วย vsco**
ขอจบทริปไว้แต่เพียงเท่านี้ หากผิดพลาดประการใด จขกท.ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า ขอบคุณที่ติดตามค่ะ