เคยมั้ย ตื่นมาแล้วอยากอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครที่รู้จัก
อยากหลบหน้าผู้คน ไม่อยากตอบคำถามใครๆ ให้วุ่นวาย
เบื่อ เครียด กับงาน อยากอยู่กับตัวเองเงียบๆ

เมื่อความอดทนถึงจุดจุดหนึ่ง จึงตัดสินใจออกเดินทาง
จุดหมายคือ ... เชียงคาน



แต่ใช่ว่าจะติสท์ขนาดนั้น เนื่องจากแพลนไว้อย่างดี ดันเกิดอุบัติเหตุให้เดี้ยงซะก่อน แพลนก็เลยพับไป
จนกระทั่งเริ่มเดิมคล่อง วิ่งได้ แถมมีโปรเปิดเส้นทางใหม่ของแอร์เอเชีย เลยเข้าทาง

**รีวิวนี้เป็นการรวมรูปจากการเดินทาง 2 ครั้ง คุณภาพไฟล์ต่างกัน ลายน้ำต่างกัน เนื่องจากทำสะสมไว้แล้วดองนั่นเอง ^^"
หลักๆ จะเป็นเนื้อหาจากทริปที่ 2 นะคะ ทริปแรกเป็นภาพเสริมซะมากกว่า
ครั้งแรกกับการเดินทางคนเดียว โดยที่ไม่มีคนรู้จักที่ปลายทาง (19-21 กุมภาพันธ์ 2558)
และครั้งต่อมากับการเดินทางคนเดียวอีกครั้ง กับการพักใจ ในสถานที่ที่คุ้นเคย (27-30 กันยายน 2558)

จองตั๋วเครื่องบินทริปแรก ด้วยราคาไปกลับ 666 บาท รอบหลังนี่ถูกกว่า 490 บาทเอง
รอบหลังนี่เกิดอาการมือลั่น หลังจากกลับมาไม่นาน กดไปอีกรอบซะงั้น
จองไป 2 ที่นั่ง มีคนอยากไปด้วย หลังจากที่เห็นเราอัพรูปลงในเฟซบุค แต่ก่อนเดินทางสัปดาห์หน่อยๆ ก็ทะเลาะกัน จนต้องห่างกันสักพัก
เดินทางออกจากห้องด้วยอารมณ์เศร้า กะว่าจะออกจากห้องสัก 7.30 น. เพื่อจะได้ไปขึ้น A1 ที่จตุจักร มีเวลาเหลือหาอะไรทานสักนิด
สุดท้าย ตื่น 7.30 น. อาบน้ำ แต่งตัว เช็คของ นั่งแท็กซี่ออกมา ถึงสนามบิน 8 โมงกว่า ... ลืมสินะ วันอาทิตย์นะเฟร้ย!! (คราวก่อนเดินทางวันพฤหัส ออกจากห้อง 6.30 น. ถึงสนามบิน 8.00 น.)

มาแกร่วๆ หาอะไรทาน ที่เดิมค่ะ Magic Food Court ศูนย์อาหารที่ราคาและปริมาณเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋า
เดินตามกระทู้นี้ได้เลยค่ะ http://ppantip.com/topic/32518870 แต่หน้าลิฟท์เค้าทำเสร็จละนะ ไม่หลอนแบบเมื่อต้นปีแล้ว



ราคาอาหารประมาณ 30-50 บาท น้ำเปล่าขวดละ 10 บาท กาแฟนี่น่าจะ 30 มั้งคะ จำไม่ได้ละ

แกร่วรอเวลาเข้าเกท ไฟลท์แรก 10.30 น. ครั้งนี้เป็นบัสเกท คนเยอะ เลยไม่ถ่ายรูปค่ะ เอาภาพต้นปีมาแทนละกัน



เป้ใบเดียว เที่ยวทั่วไทย



ครั้งนี้เครื่องออกตรงเวลา ถึงสนามบินเลยประมาณ 11.30 น.




เดินออกมาหารถเข้าไปตัวเมืองเลย เพื่อต่อรถไปเชียงคานค่ะ

การเดินทางจากสนามบินไปเชียงคาน มีหลายแบบ แล้วแต่ Budget ของแต่ละคนนะคะ
สกายแล็ปราคาเหมาตามตกลง น่าจะ 50 บาทต่อคนมั้ง เหมาคัน ไม่แน่ใจเท่าไหร่ค่ะ
ถ้าแท็กซี่ก็ประมาณ 60-70 บาท ตามมิเตอร์ บางคนคิดราคาเหมา หัวละ 80-100 บาทก็มี เลือกดูค่ะ

หรือจะจองไฟลท์ของแอร์เอเชีย เลือก ดอนเมือง - เชียงคาน ก็ได้นะคะ สะดวกดี

ส่วนการเดินทางจากตัวเมืองเลยไปเชียงคาน
มีรถสองแถวค่ะ ไม่มีภาพล่ะ ไม่เคยได้ขึ้นซะที ราคาน่าจะ 35-40 บาท ต่อคน ค่ะ ใช้เวลาราว 1.30 ชั่วโมง
หรือไม่ก็รถทัวร์ของ นครชัย มีรถออกตามเวลา แอร์เย็นฉ่ำ ราคา 80 บาท ค่ะ (ถ้าไม่ดีเลย์ น่าจะทันเที่ยว 12.00 น.)

หรือจะเช่ารถขับก็ได้นะคะ เริ่มต้นที่ 800 บาทต่อวัน (อันนี้ข้อมูลจากเพื่อนค่ะ)

ตอนแรกแพลนว่าจะนั่งแท็กซี่ไปลง บขส. คุณลุงบอกคันนี้คิดตามมิเตอร์เลยตกลง
ขณะกำลังจะออกรถ เจ้าหน้าที่ที่จัดคิวก็มาเคาะกระจก ถามว่าไปเชียงคานมั้ย มีชาวต่างชาติชาวจีน 2 คนจะเหมารถไป
ลุงก็หันมาถามเราค่ะ เลยถามค่ารถ ลุงคิด 2 เท่าของค่ามิเตอร์ค่ะ ราวๆ 540 บาท คิดแล้วหาร 3 ตกคนละ 180 บาท เลยตกลงไปด้วยเลยค่ะ
(ค่ารถปกติราวๆ 150 บาท เพิ่มอีกนิด ส่งถึงหน้าที่พักเลย แถมนั่งสบายกว่าเยอะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ครั้งแรกที่ไป ไฟลท์ดีเลย์มากค่ะ ไปถึง บขส.ก็เที่ยงครึ่ง ต้องรอเที่ยว 14.00 น. รอนานมาก อากาศร้อนอบอ้าว
มีผู้ร่วมชะตากรรมราวๆ 10 คน ปรึกษากันเหมารถไป มีชาวบ้านรับจ้างไปส่ง ในราคา 800 บาท ไปกัน 10 คน ก็คนละ 80 บาทพอดี



นั่งคุยกันไป ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมง ก็มาถึงเชียงคานค่ะ

นักท่องเที่ยวชาวจีนน่ารักเชียวค่ะ มาเมืองไทย 2 ครั้งละ ภาษาอังกฤษชัดเป๊ะมาก 2 หนุ่ม โสดซะด้วย

เวลาผ่านไปเกือบๆ ชั่วโมง ก็มาถึงเชียงคานค่ะ ส่งสองหนุ่มชาวจีนแล้ว เราก็ขอให้ลุงขับไปส่งที่พักที่เล็งไว้รอบแรก
ไม่ได้จองมาก่อน ติดต่อที่พักไป 2-3 ที่ ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย ตอนแรกจะไปพักที่บ้านยายเบ็ญ แต่คุณป้าไม่รับสาย โทรกลับมาตอนเช็คอินแล้ว
นอกจากนั้น เจอเกสท์เฮ้าส์ที่เล็งไว้ อยู่ใกล้ๆ กับที่พักซะอีกง่ะ ... ไว้คราวหน้าละกันเนาะ

ครั้งนี้พักที่นี่ค่ะ สยามน้ำโขง โฮมสเตย์ ถนนชายโขง ตรงข้ามซอย 20 ใกล้วัดท่าคกค่ะ



เลือกห้องแอร์ วิวถนนคนเดินค่ะ ราคาห้องละ 600 บาท เนื่องจากพัก 3 คืน และช่วง Low Season ด้วยนะ เลยได้ราคาพิเศษ คืนละ 500 บาท





วิวจากระเบียงห้องค่ะ

เก็บข้าวเก็บของเสร็จ ก็ลงมาหาอะไรทาน เล็งไว้แล้วค่ะ ร้านตรงข้ามกันเลย มื้อแรก ข้าวเปียกเส้นค่ะ



ครั้งแรก และครั้งเดียว ที่ใส่ไข่ ปกติกินได้นะ แต่กับข้าวเปียกเส้นนี่ไม่โอเคง่ะ ขอบายดีกว่า

หลังจากนั้นก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อยค่ะ แดดร้อน แต่ก็ไม่ได้ย่อท้อ
ที่พักไม่ได้มีจักรยานให้ แต่มีร้านให้เช่าใกล้ๆ วันละ 50 บาท ก็เลยถามเรื่องเช่ามอเตอร์ไซค์
เจ้าของที่พักน่ารักมากค่ะ บอกว่าเอาของที่พักไปก็ได้ เพราะไม่ค่อยได้ใช้ จะได้ไม่ต้องเสียเงินเช่า
แค่เติมน้ำมันเองก็พอละ แต่เป็นรถแบบมีเกียร์นะคะ ไม่ใช่ออโต้แบบสมัยนี้
สุดท้ายก็ไม่ได้เช่าค่ะ เดินดีกว่า

**สำหรับเช่ามอเตอร์ไซค์ เพิ่งเห็นว่าไม่ได้เอาภาพลง แจ้งคร่าวๆ ก่อนนะคะ อยู่ที่ถนนชายโขง ซอย 9 ขอหาภาพแปบนึง จะมาลงให้เพิ่มค่ะ



มาถึงก็ขอไหว้พระนิดนึง เอาฤกษ์เอาชัยซะหน่อย

วัดแรก วัดท่าคก




วัดที่ 2 วัดมหาธาตุ

เข้าไปด้านในไม่ได้เนื่องจากโบสถ์ปิด และมีการก่อสร้างโบสถ์ใหม่ด้านหลัง

หลังจากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ถึง ซอย 11 แวะไปหาพี่อ้น เจ้าของ บ้านรวมมิตร โฮมสเตย์ ที่พักครั้งแรก


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้







ไปรอบนี้ พี่อ้นยังปรับปรุงบ้านไม่เสร็จค่ะ แต่ตอนนี้น่าจะเปิดให้พักแล้ว
นอกจากที่พักก็มีไอศกรีมโฮมเมดด้วยค่ะ









จากการเดินสำรวจ ถ้าวันธรรมดา ที่พักหาไม่ยากค่ะ ยังสามารถ Walk-in เข้ามาได้ แต่ถ้าช่วงเทศกาล แนะนำให้จองล่วงหน้าค่ะ
โดยเฉพาะช่วงหยุดยาวปีใหม่ นอกจากจองที่พักแล้ว มีอาหารกึ่งสำเร็จรูปติดตัวมาก็ดีค่ะ เพราะช่วงนั้นนอกจากที่พักหายากแล้ว ที่กินก็หายากเช่นกัน
คนเยอะมาก ปริมาณอาหารตามร้านต่างๆ อาจจะไม่เพียงพอได้

เดินชมเมืองสักพักก็กลับมานอนงีบสักนิด ตื่นมาราวห้าโมงกว่า แดดเริ่มอ่อน เลยรีบลงไปริมโขงเพื่อชมพระอาทิตย์ตก
ครั้งนี้เหมือนเก็บกด เพราะครั้งแรกที่มา ไม่เจอพระอาทิตย์เลย ครั้งนี้ได้เจอ ตื่นตาในความสวยงาม ทำให้ช่วงเย็นของทุกวันต้องลงไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกริมโขง





ครั้งสองไป ขอแก้ตัว ด้วยภาพเซ็ตนี้




หลังจากนั้นก็ไปถนนคนเดิน เพื่อหาอะไรกิน ... ทริปนี้กินกับนอนโดยแท้




ปาท่องโก๋ยัดไส้ลุงมุข เจ้าเก่า อร่อยนะคะ แต่กินคนเดียวไม่หมดง่ะ จะขอซื้อครึ่งชิ้นก็เกรงใจ กลัวคุณลุงเอาตะเกียบทิ่มตา


ต่อด้วยกุ้งแม่น้ำโขงย่าง

ร้านที่อร่อยที่สุดคือร้านคุณยายที่ตั้งหน้าบ้านเก่า ซอย14 แต่ร้านคุณยายจะหยุดทุกวันพระนะคะ

ต่อด้วยเห็ดพันเบคอน ไม้ละ 20 บาท


ข้าวจี่ ไม้ละ 10 บาท


อิ่มละ กลับห้อง นอนดูทีวีดีกว่า จบวันแรกด้วยความสบายใจ ทิ้งปัญหาทุกสิ่งไว้ที่กรุงเทพ