หลังจากรายการ The Voice US Season 7 จบไปได้ราวๆ 10 เดือน ผู้เข้าแข่งขัน Taylor John Williams หรือพี่โย่ง TJW ของเราก็ได้ปล่อยอัลบั้มทำเองออกมาแล้วค่ะ!
เป็น Extended Play Album ชื่อว่า Song of a Dead Man มีทั้งหมด 5 เพลง ซึ่งทั้งหมดเป็นแนว Indie Folk
เพลงแรกของอัลบั้มอย่าง The Middle of Ohio มาในแบบชิลๆ จังหวะกลางๆ สนุกสนานเรื่อยเปื่อย ด้วยเสียงกีตาร์และเครื่องเป่าที่ให้ความรู้สึกแบบโฟล์กผสมคันทรี่เล็กๆ
ก่อนจะตามมาด้วยเพลงที่สองอย่าง Song of a Dead Man ที่ลดความสนุกสนานลง แทนที่ด้วยความหม่นนิดๆ โดยมีเนื้อหาที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปินในอดีต Johny Cash กับ Jeff Buckley
(เนื้อเพลงท่อน ‘They came through the light of the sun in 55’ นั้นหมายถึง Johny Cash ซึ่งเซ็นสัญญากับค่าย Sun Records ในปี 1955
ส่วน ‘He came to the people in the year I came to be’ นั้นหมายถึง Jeff Buckley เจ้าของเสียงขับร้อง Hallelujah เวอร์ชั่นที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเวอร์ชั่นหนึ่ง ซึ่งเริ่มมีผลงานเพลงเผยแพร่ในปี 1991)
จากนั้น Taylor John Williams ก็พาเราเข้าสู่เพลงที่ตั้งคำถามกับเรื่องของหัวใจ แต่นี่ไม่ใช่เพลงรักหวานๆ ทว่าเป็นเพลงที่ตั้งคำถามกับความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงเรียกว่าเป็นเพลงที่ให้รสทั้งหวานและขมไปพร้อมกัน
เนื้อเพลงบอกเล่าถึงความกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะดูเหมือนคนคนนี้จะไม่เชื่อในเรื่องของโชคชะตาเอาเสียเลย จากเนื้อเพลงที่ว่า
‘I said I never believed in the mates of soul’
และเพราะหวาดเกรงเกินกว่าจะยึดมั่นตัวตนของความรักเอาไว้ เลยอยากจะขอร้องให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ด้วยการบอกว่า
‘Come on, can we just let this be?’
ส่วนเพลงถัดมาอย่าง Castle เปลี่ยนไปบรรเลงด้วยท่วงทำนองช้าๆ ราวกับเพลงกล่อมเด็ก หากแต่เนื้อหากลับเปลี่ยนเปลี่ยวเคว้งคว้าง และเจือด้วยความรู้สึกนึกหวั่นต่ออนาคตอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
และในท่อนสุดท้ายของ Castle นั้น TJW ยังบอกเล่าถึงความรู้สึกในใจและความฝันของเขาเอาไว้ในบทเพลง
‘for the world's gonna hear me someday’
เพลงสุดท้าย ‘We’re Gonna Be OK’ ยังคงอยู่กับความรู้สึกอ่อนไหวของความรัก แม้จะเป็นความรักที่ไม่ได้ราบรื่นสวยหรู แต่ก็ยังมีความงดงาม ความอบอุ่น และความหวังอยู่ในนั้น
เรียกว่าเป็น Extended Play อัลบั้มที่ฟังเพลินทีเดียวกับผลงานแนว indie/folk หลังจากรายการ The Voice ของ TJW เชื่อว่าแฟนๆ ที่ตั้งตารอคงจะพอใจไม่น้อยกับห้าเพลงที่บรรเลงด้วยกีตาร์และเสียงร้องปนหลอนนิดๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเค้า ซึ่งหลังจากไปหาคลิป Live ดูเราก็รู้สึกว่าเสียงสูงของ TJW พัฒนาดีขึ้นจากช่วงที่ประกวด The Voice เยอะเลยละค่ะ
ใครฟังแล้วชอบอัลบั้มนี้ ก็อย่าลืมตามไปอุดหนุนและติดตามศิลปินได้ตามช่องทางต่างๆ ดังนี้นะคะ
iTunes:
https://itunes.apple.com/us/album/song-of-a-dead-man-ep/id1028110400
Facebook:
https://www.facebook.com/taylorjohnwilliamsmusic
Twitter:
@MrTaylorJohn
ขอบคุณค่ะ
-----------------------------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และสุดท้ายนี้ก็ขออนุญาตเพจรกๆ เอาไว้สำหรับใครที่สนใจแวะมาพูดคุยเมาท์มอยกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
https://www.facebook.com/thenakhalstory
[CR] ★ รีวิวอัลบั้ม: Song of a Dead Man EP - Taylor John Williams ★
เป็น Extended Play Album ชื่อว่า Song of a Dead Man มีทั้งหมด 5 เพลง ซึ่งทั้งหมดเป็นแนว Indie Folk
เพลงแรกของอัลบั้มอย่าง The Middle of Ohio มาในแบบชิลๆ จังหวะกลางๆ สนุกสนานเรื่อยเปื่อย ด้วยเสียงกีตาร์และเครื่องเป่าที่ให้ความรู้สึกแบบโฟล์กผสมคันทรี่เล็กๆ
ก่อนจะตามมาด้วยเพลงที่สองอย่าง Song of a Dead Man ที่ลดความสนุกสนานลง แทนที่ด้วยความหม่นนิดๆ โดยมีเนื้อหาที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปินในอดีต Johny Cash กับ Jeff Buckley
(เนื้อเพลงท่อน ‘They came through the light of the sun in 55’ นั้นหมายถึง Johny Cash ซึ่งเซ็นสัญญากับค่าย Sun Records ในปี 1955
ส่วน ‘He came to the people in the year I came to be’ นั้นหมายถึง Jeff Buckley เจ้าของเสียงขับร้อง Hallelujah เวอร์ชั่นที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเวอร์ชั่นหนึ่ง ซึ่งเริ่มมีผลงานเพลงเผยแพร่ในปี 1991)
จากนั้น Taylor John Williams ก็พาเราเข้าสู่เพลงที่ตั้งคำถามกับเรื่องของหัวใจ แต่นี่ไม่ใช่เพลงรักหวานๆ ทว่าเป็นเพลงที่ตั้งคำถามกับความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงเรียกว่าเป็นเพลงที่ให้รสทั้งหวานและขมไปพร้อมกัน
เนื้อเพลงบอกเล่าถึงความกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะดูเหมือนคนคนนี้จะไม่เชื่อในเรื่องของโชคชะตาเอาเสียเลย จากเนื้อเพลงที่ว่า
‘I said I never believed in the mates of soul’
และเพราะหวาดเกรงเกินกว่าจะยึดมั่นตัวตนของความรักเอาไว้ เลยอยากจะขอร้องให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ด้วยการบอกว่า
‘Come on, can we just let this be?’
ส่วนเพลงถัดมาอย่าง Castle เปลี่ยนไปบรรเลงด้วยท่วงทำนองช้าๆ ราวกับเพลงกล่อมเด็ก หากแต่เนื้อหากลับเปลี่ยนเปลี่ยวเคว้งคว้าง และเจือด้วยความรู้สึกนึกหวั่นต่ออนาคตอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
และในท่อนสุดท้ายของ Castle นั้น TJW ยังบอกเล่าถึงความรู้สึกในใจและความฝันของเขาเอาไว้ในบทเพลง
‘for the world's gonna hear me someday’
เพลงสุดท้าย ‘We’re Gonna Be OK’ ยังคงอยู่กับความรู้สึกอ่อนไหวของความรัก แม้จะเป็นความรักที่ไม่ได้ราบรื่นสวยหรู แต่ก็ยังมีความงดงาม ความอบอุ่น และความหวังอยู่ในนั้น
เรียกว่าเป็น Extended Play อัลบั้มที่ฟังเพลินทีเดียวกับผลงานแนว indie/folk หลังจากรายการ The Voice ของ TJW เชื่อว่าแฟนๆ ที่ตั้งตารอคงจะพอใจไม่น้อยกับห้าเพลงที่บรรเลงด้วยกีตาร์และเสียงร้องปนหลอนนิดๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเค้า ซึ่งหลังจากไปหาคลิป Live ดูเราก็รู้สึกว่าเสียงสูงของ TJW พัฒนาดีขึ้นจากช่วงที่ประกวด The Voice เยอะเลยละค่ะ
ใครฟังแล้วชอบอัลบั้มนี้ ก็อย่าลืมตามไปอุดหนุนและติดตามศิลปินได้ตามช่องทางต่างๆ ดังนี้นะคะ
iTunes: https://itunes.apple.com/us/album/song-of-a-dead-man-ep/id1028110400
Facebook: https://www.facebook.com/taylorjohnwilliamsmusic
Twitter: @MrTaylorJohn
ขอบคุณค่ะ
-----------------------------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้