ขอชื่นชม สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กระทรวงวัฒนธรรมในการแบนหนังเรื่องอาบัติ

1.อย่าให้กฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมาย บ้านเรามีกฎหมายและการบังคับใช้ กระทรวงวัฒนธรรมทำตามกรอบกฎหมายเพื่อความดีงามของสังคม
การไปลงชื่อกดดันในเว็บ change.org กระทำเหมือนไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง ใช้พวกมากล้อมรัฐให้ยอมจำนน ถ้าสิ่งที่รัฐทำไปกระทำตามกฎหมายและความถูกต้องก็ควรปฎิบัติตาม


2. หนังไทยปีนึงๆฉายกันกี่เรื่อง ก็มากมาย ไม่ใช่กระทรวงไปไล่แบนหนังไทยจำนวนมากซะหน่อย จริงๆอยากให้แบนหนังตลก หนังตุ๊ดของพจน์ อานนที่ขำเป็นเฉพาะบางกลุ่มคนและไม่สร้างสรรค์ซะส่วนมาก แต่กระทรวงก็ให้ฉายได้ หนังที่โดนแบนนี่น้อยมาก นานๆจะเห็นที จะเห็นถึงความเปิดกว้างทางเสรีภาพของการฉายหนังในประเทศไทย


3.ปกติหลายคนในพันทิปก็ไม่ดูหนังไทยอยู่แล้ว บอกว่า ด้วยราคาตั๋วที่จ่ายไป ไปดูหนังฮอลลีวู๊ดร้อยล้านดีกว่า แต่ทีนี้หนังไทยพอจะโดนแบนบ่นกันใหญ่ ทั้งที่ตอนแรกไม่คิดจะดูกันด้วยซ้ำ



4.พระดีๆก็มีอยู่ ลองไปอินเดียสังเวชณียสถานสิ เจอพระพม่าเดินกอดกับสาว พระทิเบตเดินใส่รองเท้า เดินคุยโทรศัพท์เสียงดัง พระประเทศอะไรไม่รู้จีวรแดงขับมอเตอร์ไซ  พระอินเดียบางคนก็เป็นพระปลอมเอาจีวรมาใส่ ห่มจีวรยังไม่เป็นเดินขอเงิน ส่วนพระไทยนี่แหละเรียบร้อยที่สุดแล้ว ลองไปเที่ยวพม่าหรือตปทดูก็ได้จะรู้ว่า ถ้าเทียบกันแล้วโดยภาพรวม พระไทยดุมีความสำรวม กิริยางาม น่าเลื่อมใส ที่สุดแล้ว


5.ปัญหาที่ไม่ถูกต้องมีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้คิดว่าเป็นเรื่องปกติ


6.ผู้กำกับและคนทำหนังภาพรู้อยู่แล้วว่าก่อนฉายหนัง กระทรวงวัฒนธรรมมีอำนาจในการแบนหนังที่หมิ่นเหม่ ซึ่งคนทำหนังล้วนทราบข้อนี้ดีอยู่แล้ว และเมื่อผกกหนัง อาบัติยังมีการเดินหน้าสร้างหนังต่อจนเสร็จ ก็แสดงว่าพร้อมยอมรับในความเสี่ยงที่จะเกิดนี้


7.ฟังนักวิชาการมาให้สัมภาษณ์เรื่อง กลัวเรื่องพฤติกรรมเลียนแบบ โดยยกการทดลองวิทยาศาสตร์ทฤษฎีหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้ว โดยมีเด็กอยู่ในห้อง และมีหุ่นล้มลุกอยู่ แล้วมีผู้ใหญ่เดินเข้ามาไปต่อย เตะหุ่นล้มลุกโดยเด็กนั่งมองอยุ่ พอผู้ใหญ่ออกไป เด็กไม่ได้รับคำสั่งใดๆ ก็เดินเข้าไปต่อยเตะ เลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่นั้น  นี่คืออิทธิพลของสื่อ มีการทดลองวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจน หรือง่ายๆดูพวกเด็กสาวอายุน้อยๆเลียนแบบคำพูด กิริยาของนางร้ายในละครทีวีก็ได้ นี่ไงคืออิทธิพลของสื่อ และหนังเรื่องนี้ที่จะฉายทั่วทั้งประเทศไทยก็ต้องมีผลในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน


8.หลายคนไม่เคยไปอเมริกาใช่ไหมครับ แต่ถ้าให้จินตนาการถึงบ้าน ผู้คน การใช้ชีวิตของคนอเมริกัน เราก็พอจะจินตนาการตามได้ใช่ไหมเพราะเราได้ดูมาจากหนัง ซีรี่ เอ็มวี ทั้งๆที่สิ่งที่เราจินตนาการอาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ใช่ไหมครับ เพราะเราเห็นจากสื่อไม่ได้เห็นจากของจริง นักท่องเที่ยวชาว ตปท มาอยู่ในไทยต้องมากมายเท่าไหร่ ถ้าเขามาได้ดูหนังเรื่องนี้เขาอาจจะจินตนาการพระพระไทยเป็นแบบนี้ทั้งหมด ทั้งๆที่ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้นเลย แต่นี่ไงอิทธิพลของสื่อเรื่อง perception การสร้างภาพฝังลงไปในใจของเรา



9.หลายคนก็ไปว่ากระทรวงตามกระแสไปงั้นๆไม่ได้ตรึกตรองพิจารณาตามเหตุผล


10.หลายคนบอก ไม่ฉายไปหาดุตามวัดก็ได้มีเยอะแยะไป ไม่รู้คิดกันแบบนี้ได้อย่างไร คือการฉายหนังเรื่องนี้ก็เปรียบเหมือนว่า เรามองปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ จริงๆแล้วมันเป็นปัญหา ไม่ปกติ ไม่ถูกต้อง เราไม่ควรยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติ สำนักพุทธศาสนาควรจะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นจริงตามวัดต่างๆ และกระทรวงวัฒนธรรมก็ควรจะแบนหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็ได้ทำไปแล้ว ทำทั้งสองอย่างนี้ไปพร้อมกัน แสดงถึงว่าเราไม่ยอมรับความไม่ถูกต้อง และได้มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง


11.เทียบข้อดี ข้อเสีย ที่สังคมไทยจะได้จากหนังเรื่องนี้แล้ว ขอชื่นชม สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กระทรวงวัฒนธรรมในการแบนหนังเรื่องอาบัติ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 24
หึหึ ผ่านได้ฉายแล้ว แก้ไขกันได้เร็วจังเนาะ

เล่นละครโปรโมตหนังกันสินะ ไอ้เราก็อุตส่าห์สนับสนุน

เป็นไงหล่ะเงิบเลย  พันทิปช่วยลบกระทู้ทิ้งได้ไหม เหมือนโดนหลอกยังไงก็ไม่รู้

เฮ้อออออ...
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
แต่ผมกลับเห็นต่างนะครับ ว่าเจ้าหน้าที่ฯ ไม่ได้ทำตามกฏหมายเลย ครับท่าน
เพราะ    กฏกระทรวง ได้ระบุถึงหนังประเภทที่ 7 คือ ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร และได้กำหนดลักษณะเอาไว้ว่า ......



คือ ในกฏกระทรวงระบุว่า สามารถ แบนหนัง ได้ด้วยเหตุผลคือ ......

1 สาระสำคัญของเรื่องเป็นการเหยียดหยามหรือนำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนา
2 หรือไม่เคารพต่อปูชนียบุคคล ปูชนียสถาน หรือปูชนียวัตถุ

คำถามก็คือ การที่หนัง นำเสนอข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน(เมื่อเทียบกับข่าว) ที่เป็นความผิดพลาดบกพร่องของอลัชชี
สมควรถูกประเมิน หรือ ตัดสินว่า นั่นคือการ เหยียดหยาม หรือ นำความเสื่อมเสียมาสู่ พระพุทธศาสนา หรือไม่ ?
เพราะในความเห็นของผม ความเสื่อมเสียที่อาจจะเกิดขึ้นแก่พระศาสนา มันมีสาเหตุมาจากการทำผิดอลัชชี นี่ครับ

ลองเปรียบเทียบกับสื่อ ดูสิครับ มันคงแปลกมากๆ หากใครสักคน โวยวายขึ้นมาว่า สื่อ ได้นำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูลของเขา
ด้วยการนำเสนอข่าวซึ่งเป็นข้อเท็จจริงว่า คนในครอบครัวของเขา ค้ายาบ้า หรือ คอรัปชั่น ฯลฯ เป็นต้น
คำถาม ก็คือ เราควรมีความเข้าใจว่า ความเสื่อมเสียที่เกิดขึ้น มันมีสาเหตุมาจาก เขาทำชั่ว หรือ ผู้อื่นเปิดเผยความชั่วของเขา กันหละครับ ?

เป็นไปได้ไหมครับ ว่าที่จริงแล้ว ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็ไม่พอใจการนำเสนอข่าวของสื่อสารมวลชน อยู่เช่นกัน
เพียงแต่กฏหมายบ้านเมือง ไม่เอื้อให้สามารถจัดการอะไรกับสื่อสารมวลชนได้ ก็เลยตกอยู่ในภาวะจำยอม ...... ?

สิ่งที่ผมต้องการทราบจริงๆ ก็คือ เหตุผลของคณะกรรมการ ที่อ้างเพื่อแบนหนัง ในทำนองว่า ......
           1. ปรากฏภาพสามเณรเสพของมึนเมา
           2. มีภาพสามเณรใช้ความรุนแรง
           3. พูดถึงความสัมพันธ์และใช้คำพูดเชิงชู้สาวที่ไม่เหมาะสม
           4. มีการแสดงความไม่เคารพต่อพระพุทธรูป

........  มันส่งผลทำให้พระศาสนา เสื่อมเสียตรงไหน ?
แล้วมันจะถือว่าเป็นการเหยียดหยามพระพุทธศาสนา ได้อย่างไร ครับท่าน ?
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่จริงในสังคม และผู้คนก็รับทราบกันเป็นอย่างดี อยู่แล้ว ?

เหตุผล ที่อ้างได้ว่าเป็นเหตุผล มันจำเป็นต้องอธิบายให้สอดคล้องกับบทบัญญัติทางกฏหมาย ให้ได้อย่างสมเหตุผล ด้วยครับท่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่