สวัสดีครับ
เท่าที่ศึกษาเท่าที่เข้าใจมา เกี่ยวกับการที่ในขณะที่คนหรือสัตว์ ที่กำลังจะเสียชีวิต หากระลึกถึงสิ่งที่เป็นกุศล ก็จะได้ไปเกิดในสุคติภูมิ หากระลึกถึงกรรมที่เป็นอกุศลก็จะต้องไปเกิดในทุคติภูมิ
ถ้าสมมติว่า มีคนๆนึง เป็นเศรษฐีร่ำรวยมีฐานะ ทำบุญใส่บาตรไหว้พระอยู่เป็นนิจ
แต่กิจการของตน ทำความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านระแวกใกล้เคียง ทั้งปล่อยควันพิษ อากาศเสีย น้ำเสีย จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องเจ็บป่วย ล้มตาย
ในขณะที่ตนเอง ก็ไม่ทราบผลกระทบกับชาวบ้านที่เกิด หรือทราบ แต่ไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดอะไร เพราะได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง และการที่ชาวบ้านจะเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเลย จึงถือว่าตนไม่ผิด และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
อย่างนี้แล้ว หากเศรษฐีคนนี้กำลังจะสิ้นลม จิตนึกถึงแต่บุญกุศลที่ตนได้กระทำมาทั้งชีวิต เค้าก็คงได้ไปเกิดในสุคติภูมิอย่างแน่นอน
แล้วผลกรรม ที่เค้าได้กระทำกับชาวบ้านล่ะครับ? เพราะเค้าคิดว่าเค้าไม่เกี่ยวข้อง อย่างนี้แล้วคนที่ได้รับความเดือดร้อน ต้องป่วยต้องตาย เท่ากับใช้กรรมเก่าไปอย่างนั้นหรือเปล่า?
ในมุมมองของปุถุชนคนนึง รู้สึกเหมือนว่า มันไม่เป็นธรรมเลย ที่ต้องมารับกรรมอะไรก็ตาม ที่ตัวเราไม่ได้ก่อ คนกระทำก็ไม่ยอมรับว่าตนผิด กฏหมายก็ลงโทษ เอาผิดอะไรไม่ได้ ผู้ถูกกระทำ ต้องก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่เกิด และคิดว่ามันเป็น "กรรมเก่า" ที่เราได้สร้างขึ้นมาเอง ตั้งแต่ชาติก่อนๆ
อย่างนี้แล้ว ผมควรที่จะวางใจอย่างไรดีกับเรื่องแบบนี้ ยอมรับครับว่า ทุกวันนี้ ใจยังคงขุ่นมัว ยังคงโกรธแค้น คนที่ทำให้แม่ผมต้องเสียชีวิต ในขณะที่ผู้กระทำ ยังคงเสวยสุขอยู่อย่างไม่ทุกข์ร้อน และไม่คิดจะรับรู้อะไรใดๆ เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องก็ไม่ดำเนินการทางกฏหมายอะไรใดๆ ทวงถามแต่ละครั้งก็รับปากส่งๆ ว่าจะไปตรวจ ว่าจะดำเนินการ จนเรื่องราวผ่านมาเกือบปีแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ชาวบ้านก็ต้องทนดมกลิ่น สูดควันกันทุกวัน ไม่รู้ว่าจะมีคนป่วยคนตายอีกเมื่อไหร่
ผมควรที่จะทำอย่างไรดีครับ หรือทำได้ดีที่สุดก็แค่ "ทำใจ"
หากจิตดวงสุดท้าย กำหนดสุคติ ทุคติ ภูมิ แล้วในกรณีนี้ ผลจะเป็นอย่างไร
เท่าที่ศึกษาเท่าที่เข้าใจมา เกี่ยวกับการที่ในขณะที่คนหรือสัตว์ ที่กำลังจะเสียชีวิต หากระลึกถึงสิ่งที่เป็นกุศล ก็จะได้ไปเกิดในสุคติภูมิ หากระลึกถึงกรรมที่เป็นอกุศลก็จะต้องไปเกิดในทุคติภูมิ
ถ้าสมมติว่า มีคนๆนึง เป็นเศรษฐีร่ำรวยมีฐานะ ทำบุญใส่บาตรไหว้พระอยู่เป็นนิจ
แต่กิจการของตน ทำความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านระแวกใกล้เคียง ทั้งปล่อยควันพิษ อากาศเสีย น้ำเสีย จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องเจ็บป่วย ล้มตาย
ในขณะที่ตนเอง ก็ไม่ทราบผลกระทบกับชาวบ้านที่เกิด หรือทราบ แต่ไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดอะไร เพราะได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง และการที่ชาวบ้านจะเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเลย จึงถือว่าตนไม่ผิด และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
อย่างนี้แล้ว หากเศรษฐีคนนี้กำลังจะสิ้นลม จิตนึกถึงแต่บุญกุศลที่ตนได้กระทำมาทั้งชีวิต เค้าก็คงได้ไปเกิดในสุคติภูมิอย่างแน่นอน
แล้วผลกรรม ที่เค้าได้กระทำกับชาวบ้านล่ะครับ? เพราะเค้าคิดว่าเค้าไม่เกี่ยวข้อง อย่างนี้แล้วคนที่ได้รับความเดือดร้อน ต้องป่วยต้องตาย เท่ากับใช้กรรมเก่าไปอย่างนั้นหรือเปล่า?
ในมุมมองของปุถุชนคนนึง รู้สึกเหมือนว่า มันไม่เป็นธรรมเลย ที่ต้องมารับกรรมอะไรก็ตาม ที่ตัวเราไม่ได้ก่อ คนกระทำก็ไม่ยอมรับว่าตนผิด กฏหมายก็ลงโทษ เอาผิดอะไรไม่ได้ ผู้ถูกกระทำ ต้องก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่เกิด และคิดว่ามันเป็น "กรรมเก่า" ที่เราได้สร้างขึ้นมาเอง ตั้งแต่ชาติก่อนๆ
อย่างนี้แล้ว ผมควรที่จะวางใจอย่างไรดีกับเรื่องแบบนี้ ยอมรับครับว่า ทุกวันนี้ ใจยังคงขุ่นมัว ยังคงโกรธแค้น คนที่ทำให้แม่ผมต้องเสียชีวิต ในขณะที่ผู้กระทำ ยังคงเสวยสุขอยู่อย่างไม่ทุกข์ร้อน และไม่คิดจะรับรู้อะไรใดๆ เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องก็ไม่ดำเนินการทางกฏหมายอะไรใดๆ ทวงถามแต่ละครั้งก็รับปากส่งๆ ว่าจะไปตรวจ ว่าจะดำเนินการ จนเรื่องราวผ่านมาเกือบปีแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ชาวบ้านก็ต้องทนดมกลิ่น สูดควันกันทุกวัน ไม่รู้ว่าจะมีคนป่วยคนตายอีกเมื่อไหร่
ผมควรที่จะทำอย่างไรดีครับ หรือทำได้ดีที่สุดก็แค่ "ทำใจ"