บทเกริ่น
จขกท. ที่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิต "อยู่" ที่ประเทศเคนยา ทวีปแอฟริกา ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ช่วงที่โรคอีโบล่ากำลังฮิตเลย) ประทับใจกับการเที่ยวซาฟารีและตามดูชีวิตสัตว์ป่าเป็นอย่างมาก ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น คาดเดาไม่ได้ อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เป็นข้อมูลเผื่อมีใครสนใจอยากเดินทางไปเที่ยวชมสัตว์และธรรมชาติกันคะ
นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
อุทยานแห่งชาติ มาไซ มารา (Masai Mara National Reserve)
หากคุณชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ตามดูชีวิตสัตว์ป่า ชอบการผจญภัย ชอบเที่ยวที่แปลกๆ มาแนวบุกและลุย มาไซ มารา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ "ต้องมา" ให้ได้คะ มาไซ มารา เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ใหญ่ประมาณจังหวัดๆ นึงเลยทีเดียว มีอาณาเขตติดกับประเทศแทนซาเนีย มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนา คือดูเหมือนจะแห้งแล้ง แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
วิวทิวทัศน์ของที่นี้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบฉากของการ์ตูนดิสนีย์เรื่อง Lion King ตัวละครเอก ซิมบา (Simba) เป็นภาษาสวาฮิรี (ภาษาของคนเคนยา) แปลว่า สิงโต รวมถึงการตั้งชื่อตัวละครอื่นๆ ในเรื่องด้วยนะ
ไฮไลท์ที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในเที่ยวมาไซมารามากที่สุด (High-Season) คือ ช่วงเวลาที่เรียกว่า Great Migration ในช่วงระหว่างเดือนกรกฏาคม ถึง เดือนกันยายนของทุกปี เป็นฤดูกาลย้ายถิ่นฐานของวัวป่า Wildebeest พวกมันจะเดินทางมาจากอุทยานแห่งชาติเซเรเกติ (Serengeti National Park) ฝั่งประเทศแทนเซเนีย ข้ามแม่น้ำมาราเข้ามาหากินที่มาไซมารา แล้วจึงเดินทางกลับไป
ในช่วงระหว่างที่มันข้ามแม่น้ำมารานั้นเองที่ทำให้ตกเป็นอาหารของเหล่าจระเข้ หรือสิงโตได้ง่าย เขาว่าแต่ละปีตายกันไปเกือบหมื่นตัว ฟังดูน่าสงสารมาก แต่ลองนึกภาพว่ากำลังนั่งรถแล้วเจอพวกมันอยู่เต็มทุ่งหญ้า ตอนแรกก็ตื้นเต้น กดชัตเตอร์รัวๆ ขับเลยไปสองชม. ยังเห็นฝูงพวกมันอยู่ เหมือนรูปแพทเทิร์นก็อปปี้มาวางแปะซ้ำๆ กัน ตาลายคะ เห็นจนเบื่อเลยคะ สรุปเขาว่าพวกนางมีเป็นแสนๆ ตัว ดังนั้นการตายหลักหมื่นนั้นถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก พวกนักล่าอิ่มท้องสบายใจแฮ
แม่น้ำมารา Mara River
เจ้าจระเข้นอนตากแดดอ้วนพีมากๆ
จะสังเกตุทางเดินลงลาดชัน และรอยเท้าพวกไวเดอบีส น่าเสียดายว่าช่วงที่มานั้น พวกไวเดอบีสข้ามเข้ามาฝั่งเคนยาแล้ว อดเห็นตอนกำลังข้ามแม่น่ำมารา
รูปข้างล่างนี้ นอกจากซากศพพวกไวเดอบีสแล้ว มีสิ่งมีชีวิตอีก 3 ชนิด ใครหาเจอบ้างคะ
มีนกแร้ง นกมาลิบูสโตค และตัวเงินตัวทอง
อุ่นใจ ไปกับทัวร์สิคะ (เขียนหยั่งกะเขาจ่ายให้)
หลังจากศึกษาวิธีการเที่ยวในเคนยาอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ข้อสรุปว่า การรวบรวมเพื่อนคณะแล้วจองแพ็กเกจทัวร์เป็นวิธีที่สะดวก ง่าย และปลอดภัยที่สุดในการเที่ยวซาฟารี เพราะอะไร? อย่างแรก ความชำนาญในเส้นทาง การจองทัวร์เราจะได้ไกด์และคนขับรถเป็นคนๆ เดียวกัน เป็นคนท้องที่ที่รู้จักเส้นทางในอุทยานเป็นอย่างดี อุทยานมีทางเข้าออกหลายประตู กฏคือเข้าประตูไหนต้องออกประตูนั้น บวกกับการขับรถเองในอุทยานแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากไม่ค่อยมีป้ายบอกทางแล้ว ถึงมี เราก็ไม่แน่ใจว่าถนนเส้นนั้นไปได้จริงๆ รึป่าว GPRS ไม่ช่วยอะไรคะ อาศัยผู้รู้และมีประสบการณ์การขับรถในซาฟารีดีกว่า
อย่างที่สอง เรื่องรถที่ใช้นั้นก็เป็นรถซาฟารีที่ถูกปรับแต่งมาให้เหมาะสำหรับใช้ขับในอุทยาน เป็นรถยนต์ 4x4 Drive เปิดหลังคาได้ (รถไม่มีแอร์คะ เพราะอากาศค่อนข้างดี) มีวิทยุสื่อสาร หลังรถมีลวดสลิงเผื่อฉุกเฉิน และยางอะไหล่สองเส้น ตอนแรกที่เห็นยางอะไหล่ ก็คิดเล่นๆ ว่า ถนนมันจะแย่ขนาดจะทำให้ยางแตกถึงสองเส้นภายในสามวันเลยหรือ ไม่หรอก ถนนทางหลวงลาดยางโอเคอยู่ แต่พอขับเกือบถึงเขตอุทยานแล้ว... ความคิดนั้นก็ดูจะเป็นไปได้สูงทีเดียว เพราะถนนแย่มาก ไม่สิ อย่าเรียกว่าถนนเลย เรียกว่าเส้นทางที่ขับผ่านประจำจนไม่มีหญ้าขึ้นจะดีกว่า ถนนทางลูกรัง ฝุ่นตลบ ที่แสบคือคุณไกด์ยังขับความเร็ว 80 km เท่าเดิม (แต่แค่ทางตรง เข้าโค้งพี่แกก็ชะลอคะ) กฏจราจรของที่นี้ รถบริการทุกชนิด ห้ามขับเกิน 80 km ซึ่งก็ถือว่าเร็วสำหรับทางลูกรัง (ร้องเพลงอะไรก็กลายเป็นเพลงลูกทุ่งไปตลอดทาง) ณ จุดนั้นแล้ว อย่าไปคิดให้ปวดหัวคะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และเชื่อว่าไกด์เขาต้องเตรียมตัวมารับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อยู่แล้วละ สุดท้ายก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพทั้งขาไปและขากลับ ไม่มีเรื่องระทึกขวัญ
รถซาฟารีเริ่มทะยอยเข้ามาในอุทยานแต่เช้าตรู่
ไกด์พูดภาษาอังกฤษได้คะ รู้จักสัตว์ทุกชนิดในอุทยาน ตัวไหนเจอง่าย ตัวไหนเจอยาก ตัวไหนเพิ่งคลอด รู้หมด เขาคนนี้จะอยู่กับเราไปตลอดทั้งทริป ส่วนเรื่องอาหารการกิน ทางทัวร์ทางที่พักจัดหาให้คะ เลือกดูที่พักดีๆ รีวิวเยอะๆ สำคัญที่ห้องน้ำต้องสะอาด สรุปแล้วไม่ต้องทำอะไรมาก จองทัวร์ จ่ายเงินเสร็จ รอรถมารับ นั่งเฉยๆ พอม้าลายโผล่มาค่อยเซลฟี่กับมัน กินลมชมวิว Slowlife สุดๆ
ส่วนโปรแกรมในแต่ละวันของการเที่ยวซาฟารีแต่ละทัวร์ไม่ค่อยจะแตกต่างกันคะ เน้น Game Drive ส่องสัตว์เป็นหลัก โดยเฉพาะเหล่า Big Five เยี่ยมชมหมู่บ้านชนเผ่ามาไซ ชนเผ่านักล่าสิงโตกับการแสดงร้องเพลงประจำเผ่า และปิดท้ายด้วยการเสียตังค์ให้กับร้านขายของที่ระลึก
.
.
.
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อว่า Big Five และ Game Drive คืออะไร ในตอนต่อไปคะ
[CR] ตะลุยท่องซาฟารี-ส่องสัตว์ป่า สถานที่เที่ยวนอกสายตาคนไทย, มาไซ มารา ประเทศเคนยา ทวีปแอฟริกา
จขกท. ที่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิต "อยู่" ที่ประเทศเคนยา ทวีปแอฟริกา ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ช่วงที่โรคอีโบล่ากำลังฮิตเลย) ประทับใจกับการเที่ยวซาฟารีและตามดูชีวิตสัตว์ป่าเป็นอย่างมาก ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น คาดเดาไม่ได้ อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เป็นข้อมูลเผื่อมีใครสนใจอยากเดินทางไปเที่ยวชมสัตว์และธรรมชาติกันคะ
นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
อุทยานแห่งชาติ มาไซ มารา (Masai Mara National Reserve)
หากคุณชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ตามดูชีวิตสัตว์ป่า ชอบการผจญภัย ชอบเที่ยวที่แปลกๆ มาแนวบุกและลุย มาไซ มารา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ "ต้องมา" ให้ได้คะ มาไซ มารา เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ใหญ่ประมาณจังหวัดๆ นึงเลยทีเดียว มีอาณาเขตติดกับประเทศแทนซาเนีย มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนา คือดูเหมือนจะแห้งแล้ง แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
วิวทิวทัศน์ของที่นี้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบฉากของการ์ตูนดิสนีย์เรื่อง Lion King ตัวละครเอก ซิมบา (Simba) เป็นภาษาสวาฮิรี (ภาษาของคนเคนยา) แปลว่า สิงโต รวมถึงการตั้งชื่อตัวละครอื่นๆ ในเรื่องด้วยนะ
ไฮไลท์ที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในเที่ยวมาไซมารามากที่สุด (High-Season) คือ ช่วงเวลาที่เรียกว่า Great Migration ในช่วงระหว่างเดือนกรกฏาคม ถึง เดือนกันยายนของทุกปี เป็นฤดูกาลย้ายถิ่นฐานของวัวป่า Wildebeest พวกมันจะเดินทางมาจากอุทยานแห่งชาติเซเรเกติ (Serengeti National Park) ฝั่งประเทศแทนเซเนีย ข้ามแม่น้ำมาราเข้ามาหากินที่มาไซมารา แล้วจึงเดินทางกลับไป
ในช่วงระหว่างที่มันข้ามแม่น้ำมารานั้นเองที่ทำให้ตกเป็นอาหารของเหล่าจระเข้ หรือสิงโตได้ง่าย เขาว่าแต่ละปีตายกันไปเกือบหมื่นตัว ฟังดูน่าสงสารมาก แต่ลองนึกภาพว่ากำลังนั่งรถแล้วเจอพวกมันอยู่เต็มทุ่งหญ้า ตอนแรกก็ตื้นเต้น กดชัตเตอร์รัวๆ ขับเลยไปสองชม. ยังเห็นฝูงพวกมันอยู่ เหมือนรูปแพทเทิร์นก็อปปี้มาวางแปะซ้ำๆ กัน ตาลายคะ เห็นจนเบื่อเลยคะ สรุปเขาว่าพวกนางมีเป็นแสนๆ ตัว ดังนั้นการตายหลักหมื่นนั้นถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก พวกนักล่าอิ่มท้องสบายใจแฮ
แม่น้ำมารา Mara River
เจ้าจระเข้นอนตากแดดอ้วนพีมากๆ
จะสังเกตุทางเดินลงลาดชัน และรอยเท้าพวกไวเดอบีส น่าเสียดายว่าช่วงที่มานั้น พวกไวเดอบีสข้ามเข้ามาฝั่งเคนยาแล้ว อดเห็นตอนกำลังข้ามแม่น่ำมารา
รูปข้างล่างนี้ นอกจากซากศพพวกไวเดอบีสแล้ว มีสิ่งมีชีวิตอีก 3 ชนิด ใครหาเจอบ้างคะ
มีนกแร้ง นกมาลิบูสโตค และตัวเงินตัวทอง
อุ่นใจ ไปกับทัวร์สิคะ (เขียนหยั่งกะเขาจ่ายให้)
หลังจากศึกษาวิธีการเที่ยวในเคนยาอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ข้อสรุปว่า การรวบรวมเพื่อนคณะแล้วจองแพ็กเกจทัวร์เป็นวิธีที่สะดวก ง่าย และปลอดภัยที่สุดในการเที่ยวซาฟารี เพราะอะไร? อย่างแรก ความชำนาญในเส้นทาง การจองทัวร์เราจะได้ไกด์และคนขับรถเป็นคนๆ เดียวกัน เป็นคนท้องที่ที่รู้จักเส้นทางในอุทยานเป็นอย่างดี อุทยานมีทางเข้าออกหลายประตู กฏคือเข้าประตูไหนต้องออกประตูนั้น บวกกับการขับรถเองในอุทยานแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากไม่ค่อยมีป้ายบอกทางแล้ว ถึงมี เราก็ไม่แน่ใจว่าถนนเส้นนั้นไปได้จริงๆ รึป่าว GPRS ไม่ช่วยอะไรคะ อาศัยผู้รู้และมีประสบการณ์การขับรถในซาฟารีดีกว่า
อย่างที่สอง เรื่องรถที่ใช้นั้นก็เป็นรถซาฟารีที่ถูกปรับแต่งมาให้เหมาะสำหรับใช้ขับในอุทยาน เป็นรถยนต์ 4x4 Drive เปิดหลังคาได้ (รถไม่มีแอร์คะ เพราะอากาศค่อนข้างดี) มีวิทยุสื่อสาร หลังรถมีลวดสลิงเผื่อฉุกเฉิน และยางอะไหล่สองเส้น ตอนแรกที่เห็นยางอะไหล่ ก็คิดเล่นๆ ว่า ถนนมันจะแย่ขนาดจะทำให้ยางแตกถึงสองเส้นภายในสามวันเลยหรือ ไม่หรอก ถนนทางหลวงลาดยางโอเคอยู่ แต่พอขับเกือบถึงเขตอุทยานแล้ว... ความคิดนั้นก็ดูจะเป็นไปได้สูงทีเดียว เพราะถนนแย่มาก ไม่สิ อย่าเรียกว่าถนนเลย เรียกว่าเส้นทางที่ขับผ่านประจำจนไม่มีหญ้าขึ้นจะดีกว่า ถนนทางลูกรัง ฝุ่นตลบ ที่แสบคือคุณไกด์ยังขับความเร็ว 80 km เท่าเดิม (แต่แค่ทางตรง เข้าโค้งพี่แกก็ชะลอคะ) กฏจราจรของที่นี้ รถบริการทุกชนิด ห้ามขับเกิน 80 km ซึ่งก็ถือว่าเร็วสำหรับทางลูกรัง (ร้องเพลงอะไรก็กลายเป็นเพลงลูกทุ่งไปตลอดทาง) ณ จุดนั้นแล้ว อย่าไปคิดให้ปวดหัวคะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และเชื่อว่าไกด์เขาต้องเตรียมตัวมารับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อยู่แล้วละ สุดท้ายก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพทั้งขาไปและขากลับ ไม่มีเรื่องระทึกขวัญ
รถซาฟารีเริ่มทะยอยเข้ามาในอุทยานแต่เช้าตรู่
ไกด์พูดภาษาอังกฤษได้คะ รู้จักสัตว์ทุกชนิดในอุทยาน ตัวไหนเจอง่าย ตัวไหนเจอยาก ตัวไหนเพิ่งคลอด รู้หมด เขาคนนี้จะอยู่กับเราไปตลอดทั้งทริป ส่วนเรื่องอาหารการกิน ทางทัวร์ทางที่พักจัดหาให้คะ เลือกดูที่พักดีๆ รีวิวเยอะๆ สำคัญที่ห้องน้ำต้องสะอาด สรุปแล้วไม่ต้องทำอะไรมาก จองทัวร์ จ่ายเงินเสร็จ รอรถมารับ นั่งเฉยๆ พอม้าลายโผล่มาค่อยเซลฟี่กับมัน กินลมชมวิว Slowlife สุดๆ
ส่วนโปรแกรมในแต่ละวันของการเที่ยวซาฟารีแต่ละทัวร์ไม่ค่อยจะแตกต่างกันคะ เน้น Game Drive ส่องสัตว์เป็นหลัก โดยเฉพาะเหล่า Big Five เยี่ยมชมหมู่บ้านชนเผ่ามาไซ ชนเผ่านักล่าสิงโตกับการแสดงร้องเพลงประจำเผ่า และปิดท้ายด้วยการเสียตังค์ให้กับร้านขายของที่ระลึก
.
.
.
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อว่า Big Five และ Game Drive คืออะไร ในตอนต่อไปคะ