ผู้ให้กำเนิดของเรา มีหนี้นอกระบบและในระบบรวมกันราวๆ 2 - 3แสนบาท(เฉพาะเงินต้นดอกร้อยละ20-25)ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้นอกระบบ หนี้ส่วนนี้มาจากความอยากได้ อยากสบายชนิดไม่คิดหน้าคิดหลัง ที่สำคัญมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นและเราไม่คิดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราช่วยตัดยอดหนี้ทั้งต้นและดอกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 2 แสน ผู้ใหญ่ที่เคยมีนับถือกันก็เคยช่วยมาไม่ต่ำกว่าแสน คู่ชีวิตคนปัจจุบันของท่าน(พ่อแม่เราแยกทางกันแล้วไปแต่งงานใหม่)ก็ช่วยมาไม่ต่ำกว่า 5 แสน ทุกคนเอือมกับพฤติกรรมเสพติดการเป็นหนี้ของท่านมาก เริ่มจากเราที่ตัดความช่วยเหลือเรื่องการปลดหนี้ (แต่ยังคงให้ความช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่ทุกเดือน) ผู้ใหญ่ที่เคยนับถือเอ่ยปากตัดขาดหลังจากช่วยครั้งนั้น คู่ชีวิตคนปัจจุบันพร้อมจะตีจากหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้
เราได้รับโทรศัพท์จากผู้ให้กำเนิด ขอความช่วยเหลือให้ช่วยจ่ายดอกจำนวน 50000 บาทก่อนสิ้นเดือน เพื่อไม่ให้เจ้าหนี้มาตามเก๋บหนี้ที่บ้าน เราตอบปฏิเสธไปเหมือนครั้งก่อนๆ และจบลงที่ผู้ให้กำเนิดของเราพยายามฆ่าตัวตาย ตามมาด้วยเสียงก่นด่าสาปแช่งของบรรดาญาติพี่น้องของท่านซึ่งรุมประนามว่าเราเป็นลูกอกตัญญูที่ฆ่าผู้ให้กำเนิดตัวเอง (ในบรรดาญาติๆเรามีฐานะที่สุด มีหน้าที่การงานที่ดี. มีบ้านเป็นของตัวเอง-ชื่อร่วมกับแฟน) ผู้ให้กำเนิดเราใช้ชีวิตตัวเองมากดดันเรา ห้ามเราบอกเรื่องนี้กับครอบครัวท่าน(ท่านหวังว่าบั้นปลายยามแก่เฒ่าจะได้อยู่กัน2คนตายายกับคู่ชีวิตคนใหม่) เพราะหากเราบอกท่านจะต้องโดนทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวและจะฆ่าตัวตายแน่นอน ท่านสัญญากับเราเหมือนที่เคยพูดครั้งก่อนๆว่านี่คือครั้งสุดท้าย
เรามานั่งคิดว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง. หนี้นอกระบบการตัดดอกไม่ใช่ทางออกของปัญหา ถ้าจะให้จบมันต้องจ่ายทั้งหมด แต่จะเอาเงินจากไหนล่ะ?
1. เงินเก็บของครอบครัว....แฟนของเราก็พอแล้วสำหรับผู้ให้กำเนิดเราเช่นกัน. และหากเราทรยศความเชื่อใจกันแอบเอาเงินออกไป. ครอบครัวเราเองก็คงแตกเช่นกัน ที่สำคัญเงินก้อนนี้เป็นเงินสำรองสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเปิดใหม่ แค่คิดก็แย่แล้ว
2. ไปกู้จากสถาบันการเงินในชื่อเรา.....ผู้ให้กำเนิดเราบอกจะเป็นคนรับผิดชอบจุดนี้เองเพียงแต่ให้เราเป็นคนกู้เท่านั้นเพราะท่านไม่สามารถทำได้
แต่ในเมื่อเป็นการกู้ในชื่อเรา เครดิตของเรา เราจึงคิดว่าหากกู้มาแล้วตัวเองต้องเป็นคนรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้จะไหวไหม. คำตอบคือเราไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้โดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อน. หากท่านไม่สามารถทำได้ตามที่พูด. เราคงต้องรับภาระหนี้และอาจจะเป็นคนต้องบ้านแตกหรือฆ่าตัวตายหนีหนี้แทนก็เป็นได้
3. เอาบ้าน-ที่ดินไปจำนอง....ย้อนกลับดูเหตุผลด้านบนได้เลย.
ที่มาตั้งกระทู้เพราะอยากปรึกษา. หลายท่านมีความคิด. มีมุมมองที่ต่างไป. เราเป็นคนวงในด้วยสภาพที่บีบคั้นกดดันเราอาจจะมองในมุมที่แคบและไม่ทั่วถึง ทำให้ไม่สามารถหาทางออกที่ดีๆได้
ตอนนี้เราพยายามทำใจพร้อมๆกับความกลัว กลัวข่าวร้ายที่จะมาพร้อมเสียงโทรศัพท์. กลัวว่าเราจะพลาดทางไหนที่จะช่วยท่านได้ไหม แต่ในขณะเดียวกันเราก็กลัวว่าหากเราทิ้งทุกอย่างเพื่อช่วยท่านแต่วังวนนี้ก็กลับมาอีก เราคงไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกดีๆ
ทางตันของหนี้นอกระบบ
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราช่วยตัดยอดหนี้ทั้งต้นและดอกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 2 แสน ผู้ใหญ่ที่เคยมีนับถือกันก็เคยช่วยมาไม่ต่ำกว่าแสน คู่ชีวิตคนปัจจุบันของท่าน(พ่อแม่เราแยกทางกันแล้วไปแต่งงานใหม่)ก็ช่วยมาไม่ต่ำกว่า 5 แสน ทุกคนเอือมกับพฤติกรรมเสพติดการเป็นหนี้ของท่านมาก เริ่มจากเราที่ตัดความช่วยเหลือเรื่องการปลดหนี้ (แต่ยังคงให้ความช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่ทุกเดือน) ผู้ใหญ่ที่เคยนับถือเอ่ยปากตัดขาดหลังจากช่วยครั้งนั้น คู่ชีวิตคนปัจจุบันพร้อมจะตีจากหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้
เราได้รับโทรศัพท์จากผู้ให้กำเนิด ขอความช่วยเหลือให้ช่วยจ่ายดอกจำนวน 50000 บาทก่อนสิ้นเดือน เพื่อไม่ให้เจ้าหนี้มาตามเก๋บหนี้ที่บ้าน เราตอบปฏิเสธไปเหมือนครั้งก่อนๆ และจบลงที่ผู้ให้กำเนิดของเราพยายามฆ่าตัวตาย ตามมาด้วยเสียงก่นด่าสาปแช่งของบรรดาญาติพี่น้องของท่านซึ่งรุมประนามว่าเราเป็นลูกอกตัญญูที่ฆ่าผู้ให้กำเนิดตัวเอง (ในบรรดาญาติๆเรามีฐานะที่สุด มีหน้าที่การงานที่ดี. มีบ้านเป็นของตัวเอง-ชื่อร่วมกับแฟน) ผู้ให้กำเนิดเราใช้ชีวิตตัวเองมากดดันเรา ห้ามเราบอกเรื่องนี้กับครอบครัวท่าน(ท่านหวังว่าบั้นปลายยามแก่เฒ่าจะได้อยู่กัน2คนตายายกับคู่ชีวิตคนใหม่) เพราะหากเราบอกท่านจะต้องโดนทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวและจะฆ่าตัวตายแน่นอน ท่านสัญญากับเราเหมือนที่เคยพูดครั้งก่อนๆว่านี่คือครั้งสุดท้าย
เรามานั่งคิดว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง. หนี้นอกระบบการตัดดอกไม่ใช่ทางออกของปัญหา ถ้าจะให้จบมันต้องจ่ายทั้งหมด แต่จะเอาเงินจากไหนล่ะ?
1. เงินเก็บของครอบครัว....แฟนของเราก็พอแล้วสำหรับผู้ให้กำเนิดเราเช่นกัน. และหากเราทรยศความเชื่อใจกันแอบเอาเงินออกไป. ครอบครัวเราเองก็คงแตกเช่นกัน ที่สำคัญเงินก้อนนี้เป็นเงินสำรองสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเปิดใหม่ แค่คิดก็แย่แล้ว
2. ไปกู้จากสถาบันการเงินในชื่อเรา.....ผู้ให้กำเนิดเราบอกจะเป็นคนรับผิดชอบจุดนี้เองเพียงแต่ให้เราเป็นคนกู้เท่านั้นเพราะท่านไม่สามารถทำได้
แต่ในเมื่อเป็นการกู้ในชื่อเรา เครดิตของเรา เราจึงคิดว่าหากกู้มาแล้วตัวเองต้องเป็นคนรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้จะไหวไหม. คำตอบคือเราไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้โดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อน. หากท่านไม่สามารถทำได้ตามที่พูด. เราคงต้องรับภาระหนี้และอาจจะเป็นคนต้องบ้านแตกหรือฆ่าตัวตายหนีหนี้แทนก็เป็นได้
3. เอาบ้าน-ที่ดินไปจำนอง....ย้อนกลับดูเหตุผลด้านบนได้เลย.
ที่มาตั้งกระทู้เพราะอยากปรึกษา. หลายท่านมีความคิด. มีมุมมองที่ต่างไป. เราเป็นคนวงในด้วยสภาพที่บีบคั้นกดดันเราอาจจะมองในมุมที่แคบและไม่ทั่วถึง ทำให้ไม่สามารถหาทางออกที่ดีๆได้
ตอนนี้เราพยายามทำใจพร้อมๆกับความกลัว กลัวข่าวร้ายที่จะมาพร้อมเสียงโทรศัพท์. กลัวว่าเราจะพลาดทางไหนที่จะช่วยท่านได้ไหม แต่ในขณะเดียวกันเราก็กลัวว่าหากเราทิ้งทุกอย่างเพื่อช่วยท่านแต่วังวนนี้ก็กลับมาอีก เราคงไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกดีๆ