บทนำ
“กื๊ด...กื๊ด”
เสียงประหลาดดังมาจากด้านบนต้นไม้ใหญ่ เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งพากันเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย กิ่งไม้ฉำฉายามหน้าฝน อิ่มสะพรั่งเต็มท้องฟ้า แม้ใบไม้จะดกหนาเต็มต้น แต่ก็ยังพอให้มองเห็นแดดยามเที่ยงส่องลอดมารำไร
ทางเดินเท้าพื้นปูนเบื้องหน้าขาวสะอาด ลาดยาวคดเคี้ยวตามไม้ฉำฉาที่เรียงระดับ สลับสีเขียวของใบ กับสีน้ำตาลอาบดำของลำต้นหนาใหญ่ เปียกชุ่มน้ำด้วยอำนาจแห่งฤดูกาลแห่งความฉ่ำเย็น ถัดจากทางเดิน อาคารเรียนสีเขียวสลับสีส้มอิฐตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ใต้อาคารปรากฏนักเรียนจำนวนหนึ่งเดินพูดคุยกันเป็นกลุ่ม ๆ เด็กมัธยมสวมเสื้อสีขาว เด็กผู้หญิงสวมกระโปรงจีบสั้นสีเขียวอมดำ เด็กผู้ชายสวมกางเกงขายาวสีเดียวกัน ตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียนรูปนกฮูกสีเหลืองน้ำตาลประทับเด่นอยู่บนกระเป๋าเสื้อบนอกซ้าย เปิดดวงตาสีเหลืองวาวบนฉากรูปโล่ห์สีน้ำเงินเขียวกระจ่างเป็นพื้นหลัง ‘โรงเรียนนานาเพรส’ ‘PRES’ โรงเรียนนานาชาติแห่งเดียวบนเขตเขา แนวเชื่อมต่อเขตแดนระหว่างจังหวัดบนภาคเหนือ
“เธอรู้เรื่องที่เขาเล่ากันที่ตึกมัธยมมั้ย”
นักเรียนหญิงคนหนึ่งถามขึ้นแลบลิ้นไอศกรีมรสสตรอเบอรี่ที่แอบถือออกมาจากโรงอาหารไปพลาง เด็กหญิงผมสีแดงที่เดินข้าง ๆ ส่ายหน้า ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หยิบยื่นผลไม้ในมือที่ถือติดมาด้วยให้เพื่อนข้าง ๆ อีกคนหนึ่ง ก่อนจะหันมาจ้อง ‘ผู้เล่าเรื่อง’อีกข้างหนึ่ง
“รุ่นพี่เกรด 10 เจอดีเมื่อวันก่อน ในห้องเรียนชั้นสาม หูย... เล่าแล้วก็ขนลุก”
เด็กผมแดงกรอกตามองบน
“เธอยังไม่ทันจะเล่าอะไรเลย”
“เออ..นั่นแหละ วันที่พายุฝนแรง ๆ ไง จำได้มั้ย”
เพื่อนพยักหน้า เด็กหญิงตวัดลิ้นตักไอศกรีมเก็บไว้ในปากคำใหญ่ เล่าเสียงงึมงำ
“ไฟดับทั้งโรงเรียน ทำไมจะจำไม่ได้”
เด็กผมหยิกรับฝรั่งชิ้นบางมาจากเพื่อน ลังเลที่จะกินจึงถือค้างไว้ในมือ หูฟังเรื่องเล่าขณะเดินตามองทางเดินลาดขาวคดเคี้ยว
“ใช่เลย ...วันนั้นแหละ พี่เกรด10 คนนึงยังทำงานอยู่ในห้อง พอไฟดับเขาก็จะออกมาจากห้อง แล้วเธอรู้มั้ยว่า เกิดอะไรขึ้น”
น้ำเสียงผู้เล่าแสดงถึงความตื่นเต้น คนฟังเลิกคิ้วมอง
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“กื๊ด....”
เสียงประหลาดดังขึ้นอีกครั้ง เด็กผู้หญิงทั้งสามคนชะงัก แหงนมองครู่หนึ่ง ฝูงนกเอี้ยงทะเลาะกันจอแจตามกิ่งไม้ใกล้ ๆ เมื่อไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ พวกเขาก็ยักไหล่แล้วชวนกันเดินต่อ ไม่ใส่ใจกับเสียงประหลาดนั่นอีก
“เออ...เล่าต่อ ปรากฏว่า ห้องล็อกล่ะ!”
เด็กหญิงผมแดงทำตาโต มองเพื่อนสาวชาวเกาหลีเหวี่ยงไอศกรีมโคนครึ่งอันที่เหลือใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ย
“ฮ้า! เป็นไปได้ไง ล็อกจากด้านนอกเหรอ”
“ใช่ แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น...คือมีลูกกะตาข้างนึง มองส่องลอดเข้ามาทางช่องกระจกหน้าประตูด้วย”
เด็กหญิงทำท่าขนลุก สองเพื่อนสาวขนาบข้างก็ห่อไหล่
“แถมยังทำเสียงเรียกชื่อเขาด้วยนะ โจแอล... โจแอล...ช่วยฉันด้วย...”
หล่อนเล่าเสียงเย็น ยื่นมือสั่น ๆ เป็นท่าประกอบ ทว่าเสียงจากด้านบนท้องฟ้าก็ดังรบกวนขึ้นอีกครั้ง
“แครก!”
“ฟึบ!”
อะไรบางอย่างร่วงลงมาจากกิ่งไม้ด้านบน ก่อนจะหล่น ‘ตุ้บ!’ ลงตรงหน้ากลุ่มเด็กผู้หญิงทั้งสาม เฉี่ยวปลายจมูกไปเพียงชั่วปัดไรขนอ่อน เด็กหญิงคนกลางหยุดเล่าเรื่องชั่วขณะ ยืนมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สายตาจะจับได้ว่าวัตถุที่ฟาดลงมากระแทกพื้นด้วยน้ำหนักไม่น้อยกว่าสิบกิโลกรัมนั้นมันคือ ‘งูหลาม’ ตัวเลื่อมลายขนาดใหญ่ กำลังขยับตัวไปมา ส่ายหัวรี ๆ ของมันช้า ๆ ราวกับว่ามันกำลังมึนงง สงสัยอยู่เช่นกันว่ามันตกลงมาได้อย่างไร
“กรี๊ด!!!!!!”
เด็ก ๆ ทั้งกลุ่มแตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง หวีดร้องกันเสียงหลง ดีดรองเท้า ทิ้งข้าวของ ตกกระเด็นกระจายเกลื่อน แต่ละคนวิ่งก้าวขาโหย่งโหยกข้ามกอหญ้า พุ่มไม้ หินแต่งสวน ก่อนจะหายตัวไปตามซอกตึกใหญ่ทั้งใกล้ทั้งไกลจากบริเวณนั้น
..................................................................................................................
สะดุดรัก ภารกิจลับ
“กื๊ด...กื๊ด”
เสียงประหลาดดังมาจากด้านบนต้นไม้ใหญ่ เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งพากันเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย กิ่งไม้ฉำฉายามหน้าฝน อิ่มสะพรั่งเต็มท้องฟ้า แม้ใบไม้จะดกหนาเต็มต้น แต่ก็ยังพอให้มองเห็นแดดยามเที่ยงส่องลอดมารำไร
ทางเดินเท้าพื้นปูนเบื้องหน้าขาวสะอาด ลาดยาวคดเคี้ยวตามไม้ฉำฉาที่เรียงระดับ สลับสีเขียวของใบ กับสีน้ำตาลอาบดำของลำต้นหนาใหญ่ เปียกชุ่มน้ำด้วยอำนาจแห่งฤดูกาลแห่งความฉ่ำเย็น ถัดจากทางเดิน อาคารเรียนสีเขียวสลับสีส้มอิฐตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ใต้อาคารปรากฏนักเรียนจำนวนหนึ่งเดินพูดคุยกันเป็นกลุ่ม ๆ เด็กมัธยมสวมเสื้อสีขาว เด็กผู้หญิงสวมกระโปรงจีบสั้นสีเขียวอมดำ เด็กผู้ชายสวมกางเกงขายาวสีเดียวกัน ตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียนรูปนกฮูกสีเหลืองน้ำตาลประทับเด่นอยู่บนกระเป๋าเสื้อบนอกซ้าย เปิดดวงตาสีเหลืองวาวบนฉากรูปโล่ห์สีน้ำเงินเขียวกระจ่างเป็นพื้นหลัง ‘โรงเรียนนานาเพรส’ ‘PRES’ โรงเรียนนานาชาติแห่งเดียวบนเขตเขา แนวเชื่อมต่อเขตแดนระหว่างจังหวัดบนภาคเหนือ
“เธอรู้เรื่องที่เขาเล่ากันที่ตึกมัธยมมั้ย”
นักเรียนหญิงคนหนึ่งถามขึ้นแลบลิ้นไอศกรีมรสสตรอเบอรี่ที่แอบถือออกมาจากโรงอาหารไปพลาง เด็กหญิงผมสีแดงที่เดินข้าง ๆ ส่ายหน้า ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หยิบยื่นผลไม้ในมือที่ถือติดมาด้วยให้เพื่อนข้าง ๆ อีกคนหนึ่ง ก่อนจะหันมาจ้อง ‘ผู้เล่าเรื่อง’อีกข้างหนึ่ง
“รุ่นพี่เกรด 10 เจอดีเมื่อวันก่อน ในห้องเรียนชั้นสาม หูย... เล่าแล้วก็ขนลุก”
เด็กผมแดงกรอกตามองบน
“เธอยังไม่ทันจะเล่าอะไรเลย”
“เออ..นั่นแหละ วันที่พายุฝนแรง ๆ ไง จำได้มั้ย”
เพื่อนพยักหน้า เด็กหญิงตวัดลิ้นตักไอศกรีมเก็บไว้ในปากคำใหญ่ เล่าเสียงงึมงำ
“ไฟดับทั้งโรงเรียน ทำไมจะจำไม่ได้”
เด็กผมหยิกรับฝรั่งชิ้นบางมาจากเพื่อน ลังเลที่จะกินจึงถือค้างไว้ในมือ หูฟังเรื่องเล่าขณะเดินตามองทางเดินลาดขาวคดเคี้ยว
“ใช่เลย ...วันนั้นแหละ พี่เกรด10 คนนึงยังทำงานอยู่ในห้อง พอไฟดับเขาก็จะออกมาจากห้อง แล้วเธอรู้มั้ยว่า เกิดอะไรขึ้น”
น้ำเสียงผู้เล่าแสดงถึงความตื่นเต้น คนฟังเลิกคิ้วมอง
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“กื๊ด....”
เสียงประหลาดดังขึ้นอีกครั้ง เด็กผู้หญิงทั้งสามคนชะงัก แหงนมองครู่หนึ่ง ฝูงนกเอี้ยงทะเลาะกันจอแจตามกิ่งไม้ใกล้ ๆ เมื่อไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ พวกเขาก็ยักไหล่แล้วชวนกันเดินต่อ ไม่ใส่ใจกับเสียงประหลาดนั่นอีก
“เออ...เล่าต่อ ปรากฏว่า ห้องล็อกล่ะ!”
เด็กหญิงผมแดงทำตาโต มองเพื่อนสาวชาวเกาหลีเหวี่ยงไอศกรีมโคนครึ่งอันที่เหลือใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ย
“ฮ้า! เป็นไปได้ไง ล็อกจากด้านนอกเหรอ”
“ใช่ แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น...คือมีลูกกะตาข้างนึง มองส่องลอดเข้ามาทางช่องกระจกหน้าประตูด้วย”
เด็กหญิงทำท่าขนลุก สองเพื่อนสาวขนาบข้างก็ห่อไหล่
“แถมยังทำเสียงเรียกชื่อเขาด้วยนะ โจแอล... โจแอล...ช่วยฉันด้วย...”
หล่อนเล่าเสียงเย็น ยื่นมือสั่น ๆ เป็นท่าประกอบ ทว่าเสียงจากด้านบนท้องฟ้าก็ดังรบกวนขึ้นอีกครั้ง
“แครก!”
“ฟึบ!”
อะไรบางอย่างร่วงลงมาจากกิ่งไม้ด้านบน ก่อนจะหล่น ‘ตุ้บ!’ ลงตรงหน้ากลุ่มเด็กผู้หญิงทั้งสาม เฉี่ยวปลายจมูกไปเพียงชั่วปัดไรขนอ่อน เด็กหญิงคนกลางหยุดเล่าเรื่องชั่วขณะ ยืนมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สายตาจะจับได้ว่าวัตถุที่ฟาดลงมากระแทกพื้นด้วยน้ำหนักไม่น้อยกว่าสิบกิโลกรัมนั้นมันคือ ‘งูหลาม’ ตัวเลื่อมลายขนาดใหญ่ กำลังขยับตัวไปมา ส่ายหัวรี ๆ ของมันช้า ๆ ราวกับว่ามันกำลังมึนงง สงสัยอยู่เช่นกันว่ามันตกลงมาได้อย่างไร
“กรี๊ด!!!!!!”
เด็ก ๆ ทั้งกลุ่มแตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง หวีดร้องกันเสียงหลง ดีดรองเท้า ทิ้งข้าวของ ตกกระเด็นกระจายเกลื่อน แต่ละคนวิ่งก้าวขาโหย่งโหยกข้ามกอหญ้า พุ่มไม้ หินแต่งสวน ก่อนจะหายตัวไปตามซอกตึกใหญ่ทั้งใกล้ทั้งไกลจากบริเวณนั้น
..................................................................................................................