***จ า ก อ่ า ง ข า ง สู่ ใ จ ก ล า ง ม่ อ น ล้ า น***


          ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่านี่เป็นกระทู้ที่สองเเล้วที่ได้ทำการ Review มาให้ชมซึ่งเป็นการไปเที่ยวมาในช่วงวันปีใหม่ส่งท้ายปี 2557 ต้อนรับปี 2558  ด้วยความที่เป็นคนชลบุรีเเท้ๆ เเต่โชคดีนิดๆ ที่มีญาติอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่โดยที่มีสัญญาใจว่า ในทุกๆ ปีช่วงหน้าหนาวยังไงก็ต้องไปเชียงใหม่ให้ได้ ประกอบกับญาติทางฝ่ายเชียงใหม่ก็มีกิจกรรมอาสาเกี่ยวกับการเเจกเเว่นตาให้เด็กบนดอยที่อยู่ห่างใกลศุนย์การเเพทย์ด้วยทำให้ทีโอกาสพบเจอสถาณที่ต่างๆ ที่สวยงาม ซึ่งบางที่ก็เป็นสถาณที่เทียวที่ดังเเล้วหรือบางที่ก็ยังไม่ค่อยเปิดให้คนเข้าไป

กระทู้เเรกในชีวิต >>>http://ppantip.com/topic/32955775

          ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ในช่วงเช้าวันที่ 31 ธันวาคม 2557 กว่าจะฝ่ารถติดในตัวเมืองไปได้นี่ขอบอกเลยว่าหลับไปหลายตื่น (โชคดีที่ไม่ได้เป็นคนขับ เเต่โชคร้ายตรงที่ต้องนั่งเบาะหลังสุดของรถ SUV โครงเครงสุดๆ) กว่าจะมาถึงดอยอ่างขางก็ประมาณ 13:00 น. บรรยากาศในระหว่างที่มาถึงก็ค่อนข้างที่จะฟินนาเร่ มีเเดดจางๆ ประกอบกับลมบนยอดดอยซึ่งค่อนข้างเย็นเลยทีเดียว มาถึงเเล้วก็ทำการกางเต้นเเละจัดการที่หลับที่นอนกันให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปชมวิวกัน



           สิ่งที่รู้สึกได้ถึงความงดงามของธรรมชาติของดอยอ่างขางสำหรับผมมันคือความสบายตา เหมือนเราได้ผ่อนคลายมากๆ ไปกับสายลมที่ลอยเย็นๆ มากระทบตัวเราเเละช่วงเวลาที่ผมรอคอยก็เริ่มมาถึง มันคือช่วงเวลาทไวไลท์ ช่วงที่ท้องฟ้ามันมีสีสันขึ้นมาเติมเต็มความอบอุ่น


          อยากบอกว่าในคืนวัน Countdown มันน่ากลัวมากๆ คือมีคนที่มานับถอยหลังวันปีใหม่มาจุดพลุกันทำให้ จขกท นี่เสียวเเทนเจ้าหน้าที่กรมอุทยานเลยทีเดียว เเต่สุดท้ายก็ผ่านไป ผมอยากบอกว่าชั่วโมงนั้นผมวางกล้อง เเล้วก็เดินไปดูพลุที่บ้านด้านล่างเค้าจุดพลุมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก

          เเละเเล้วก็มาถึงวันที่สองของทริบตื่นมาด้วยอารมณ์ความหอมของกาเเฟมาปลุก อ่อ..ลืมบอกไปเจ้าของกระทู้มากับญาติเป็นกลุ่มใหญ่ค่อนช้างที่เสียงดังเรื่องตื่นสายบนที่เที่ยวนี่ลืมไปได้เลยครับ




         หลังจากเก็บเต๊นท์เเละทำความสะอาดที่พักเรียบร้อยเเล้ว เราก็เตรียมตัวมุ่งหน้าสู่อุทยานเเห่งชาติม่อนล้าน ซึ่งผมก็ไม่เคยไปเเละไม่เคยได้ยินชื่อเลยซึ่งทางที่เราจะไปบอกได้เลยว่าค่อนข้างที่จะโหดกันเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าฝนก็จะยิ่งอันตรายกว่านี้เเน่ๆ

         จากรูปด้านล่างเราจะเห็นยอดดอยอ่างขางทางมุมขวาบน เเละจุดที่ จขกท ยืนถ่ายรูปเแ็นจุดที่จากด้านบนมองลงมาจะเป็นส่วนโค้งของถนน ซึ่งจุดนี่เป็นจุดพักรถระหว่างลงจากเขาเนื่องจากรถบางคันจะใช้เบรคหนุกจนผ้าเบรคใหม้เป็นอันตราย ในระหว่างทางลงเขาก็จะมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครคอยโบกรถคันที่ผ้าเบรคใหม่ให้จอดข้างทางรอผ้าเบรคเย็นตามรูปมุมขวาล่าง


          ความลำบากในการลงเขาจบลงไปอุปสรรคต่อมาก็คือการไปยังอุทยานเเห่งชาติม่อนล้าน ที่ต้องลัดไปตามเขาเพื่อที่จะไปยังอุทยาน ทางที่เราเดินทางยังไม่มีการลาดยางหรือเทคอนกรีตเท่าไรนัก ยังคงเป็นธรรมชาติอยู่มาก ซึ่งก็น่าเสียดายในอนาคตหากถนนถูกตัดเข้ามาจริงๆ ธรรมชาจิก็คงจางหาย

          กว่าจะขึ้นมาถึงดอยม่อนล้านก็ใช่เวลเกือบค่อนวัน กว่าจะเตรียมเต้นเเละใช้เวลทำใจอาบน้ำอยู่ก็ค่อนข้างนานเลยทีเดียว อาบน้ำเสร็จก็พระอาทิตย์เกือบตกดิน เลยได้โอกาสไปชมความงามก่อนจะมืดอีกนิดหน่อย ณ โมเม้นท์นั้นผมบอกเลยว่าลม ลม ลม เเรงมากลำพังความหนาวก็หนาวอยู่เเล้วผสานกับความเเรงของลมอีก น้ำมูกนี่ไหลออโตเมติกเลยครับ



          เช้าเเล้วครับ ลมหนาวเริ่มจาง ทะเลที่เราวาดฝันไว้ได้หายไปเพราะลมเเรงความชื้นในอากาศเเถวนี้จึงน้อย แต่ก็ยังมีความสวยงามตามธรรมชาติอยู่บ้าง ความสนุกที่เหลือก่อนกลับบ้านจึงได้เกิดขึ้น






          สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่เปิดดูกระทู้ของผมเเละผมอยากบอกว่า สิ่งที่สำคัญในระหว่างการเดินทางคือมิตรร่วมทาง สิ่งที่สำคัญเมื่อกลับมาถึงบ้านคือความทรงจำ ภาพถ่ายอาจจะบันทึกความทรงจำได้บางส่วน เเต่เวลาที่เรามาเปิดดูคุณก็อดที่จะยิ้มไม่ได้......จริงมั้ย?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่