เสื้อผ้า ร้านดัง ซุปซิปดารา นักข่าวพันธิป และอีกเยอะเยะรวมไปถึงทริปการเดินทางไปที่นั่นที่นี้เห็นแล้วอิจฉา
จนมีน้องในกลุ่มคนนึงหรือเป็นเพื่อนกันนี่แหละแค่อายุน้อยกว่านางเคยไปแบ็คแพ็คมาแล้วที่เชียงใหม่
นางเลยชวนไปแบ็คแพ็คกันแรกๆเพื่อนๆก็พากันอยากไปๆเพราะตอนนั้นทุกคนโสดกำลังเฮิร์ตๆกัน
*แต่จุดมุ่งอย่างอีกอย่างของเราคือทำงานส่งอาจารย์ด้วย มาเที่ยวเดียวได้ควบงาน2วิชาเลย ^^
จนสรุปกันได้ว่าจะไปเชียงคานกัน ใกล้ดีน่าจะไม่ใช้งบเยอะลองไปใกล้ๆก่อน จนนัดกันว่าจะไปวันศุกที่ 11 กย.
จนพอจะใกล้วันสรุปก้อไม่มีใครไปสักคน เหลือแค่เรากับน้อง2คน คือเราอยากไปมากยังงัยก้อจะไป
พอถึงวันก้อเก็บกระเป๋าใบนึงกับกล้องมากับนางเลย คือนางเป็นคนชอบถ่ายรูป เราก้อชอบเหมือนกันงัย
พอดีกำลังเรียนการถถ่ายภาพด้วยเลยอยากออกมาถ่ายรูปแบบเปนเรื่องเปนราวบ้าง(ไม่รู้ว่าเปนเรื่องเปนราวรึป่าว 55)
นางบอกว่านางเคยไปเชียงคานแล้วตั้งแต่เด็กเด๋วนางพาทัวร์ แต่เราก้ออยากสบายงัยเลยลองหาดูข้อมูลต่างๆกับหาที่พัก
จนมาเจออยู่สองสามที่ที่ชอบแต่เราไม่ได้จองไว้ อ๋อ ลืมไปเราเป็นคนสกลนครค่ะ(ห้ามถามน่ะว่ากินหมาหรือป่าวเบื่อคำถามนี่มาก55)
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าจนวันก่อนจะไปหาข้อมูลรถที่จะไปเชียงคาน
สรุปคือต้องนั่งรถจากสกลไปที่อุดร ต่อด้วยรถอุดรไปที่เลย แล้วก้อต่อด้วยรถเลยไปเชียงคาน
เราก้อเลยหาข้อมูลรถจากอุดรไปเลยว่าออกกี่โมงตอนไหนบ้าง จนมาเห็นกระท็นึงเด้งขึ้นมาว่า " นั่งรถไฟไปเชียงคาน "
ในนั้นพี่(ไม่รู้ว่าเปนพี่หรือน้องแต่ขอเรียกพี่น่ะค่ะ ^^)เขาเล่าถึงการเดินทางไปเชียงคานเหมือนกัน
แต่แกนั่งรถไฟจากหัวลำโพงมาลงอุดรเราก้ออ่านๆ อ่านไปก้อยิ้มไป
อยากไปเที่ยวแบบพี่เขา จนเราเอาให้น้องดูแล้วบอกว่าเราจะไปตามรอยพี่เขากัน 55555
นี่กระทู้ของพี่เขา
http://ppantip.com/topic/32818559
เหนพี่เขาไปหลายที่เลยเพิ่งได้มาติดตามพี่เขา นี่แฟนเพจของพี่เขาน่ะค่ะ
https://www.facebook.com/peachsurrealism?fref=ts
ปล.เที่ยวแบบพี่เขาไม่ผิดหวังจิงๆค่ะ ชอบมากเลย
เรามาเริ่มกันดีกว่า
เรา (ขอเรียกตัวเองว่าเราก้อแล้วกัน )ก้อขึ้นรถจากสกลรถออก9โมงเช้า ถึงอุดรประมานเที่ยงครึ่ง ใช้เวลา3ชั่วโมงครึ่ง
พอลงรถปุ๊ปพี่ๆตุ๊กๆก้อรุมกันใหญ่เลยถามว่าไปไหน พอเราบอกว่าเลยเท่านั้นแหละจับกระเป๋าเราพาขึ้นรถเลย
บอกว่ายุบขส.นี้ไม่มีรถไปเลย ต้องไปขึ้นอีกบขส.2 ตามแบบฉบับพี่พีชแป๊ะ 5555ไอ้เราก้อเดินตามพร้อมถามว่า
"เท่าไหร่ค่ะ" แกบอกคนล่ะ60บาทเราก้อโอเคร แต่อีเพื่อนนี่สิบ่นแพงจังเราเดินไปดีกว่าบ่นนั่นนี้ตลอดทาง 5555
ถึงบขส2 12.50 ลงมาปุ๊ปก้อซื้อตั๋วจากอุดรไปเลยๅ100บาท รถออกบ่ายโมงคือข้าวก้อยังไม่ได้กินฉี่ก้อปวด
ก้อเลยขอแกให้รอแปปนึงให้เข้าห้องน้ำ กับได้ขนมกับน้ำขึ้นมากิน เปนรถพัดลม รถออกได้สักพักก้อมีแม่ค้ามาขายซาลาเปาแบบพี่พีสเลยด้วยความหิวเลยจัดไป2ลูก 5555
ถึงบขสเลยสี่โมงครึ่ง ใช้เวลา3ชั่วโมงครึ่งเท่ากันกับสกลมาอุดรเบย ลงรถมาปุ๊ปเราก้อถามพี่สามล้อเลยว่ารถสองแถวเชียงคานขึ้นตรงไหนค่ะ
(กะว่าจะนั่งกินลมแบบพี่เขา 555) รถออกห้าโมงเย็นเราก้อนั่งรออ่านนั้นนี่ต่อ
แถวนั้นมีพี่ขายสมุนไพรด้วย พี่คนชับรถด้วยพี่เขาก้อแซวบ้างชวนคุยบ้าง หัวเราะกันสนั่นหวั่นไหว 55555
พอรถออกก้อจะผ่านสถานที่สำคัญๆต่างๆมากมาย คือตอนนั้นคิดว่าอีกไม่ไกลแปปเดียวคงถึง(พี่พีชก้อบอกอยู่ว่าชั่วโมงครึ่ง5555)
บรรยากาศดีมากข้างทางมีแต่ภูเขา บวกกับพระอาทิตย์กำลังจะตกวิวสวยมาก นั่งเอาหน้าออกมารับกับลมคือมีความสุขมาก
คนบนรถก้อมองกัน(คงคิดว่าอีสองตัวนี้มันไม่เคยขึ้นสองแถวหรอว่ะ555) เคยอ่ะเคยแต่วิวมันสวยบวกกับนั่งในแอร์มานาน ตอนนี้ก้อเลยปล่อยตัวไปกับแสงแดดและสายลมดีกว่า(พูดเหมือนเซเลอร์มูนเลย555) ให้ธรรมชาติบำบัดเราดีฟ่าาาาาาาาา หายเหนื่อยเลย ^^
ถึงเชียงคานหกโมงครึ่ง ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งตามที่พี่พีชบอกเป๊ะๆ เราก้องงๆถึงแล้วหรอไม่เหนมีรัยเลย
พี่สามล้อสกายแลปก้อถามจะไปไหนมีที่พักยังเราก้อตอบไปไทกันเองค่ะซอย 19 บ้านป้าเป๊ะค่ะ พี่เขาก้อมาส่งถึงหน้าบ้านเลย
ซอยคึกคักมากคนเยอะเลย สามล้อเราก้อจอดหน้าบ้านป้าเป๊ะ(ไม่ขอเรียกว่าโรงแรมน่ะเพราะบรรยากาศมันอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านมาก)
รถจอดปุ๊ปป้าแกก้อเดินลงมาหาเลย คือเราไม่ได้จองไว้งัยคิดว่าคงต้องเดินไปคุยกะแกเอง แต่นี้ไม่แกเดินมาหาเลยถามว่ามีที่พักยัง
นอนกับป้ามั้ย เราก้อบอกอยู่ค่ะๆ หนูตามพี่คนนึงมาจากเอินเตอร์เน็ต ป้าแกก้อยิ้มใหญ่เลย แกบอกอ่อพีชใช่มั้ยๆ เขาถ่ายรูปกับป้าด้วยน่ะ
(ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าพี่เขาชื่ออะไรแฮร่ๆ ) เราก้อคุยไปเดินดูห้องกันไป เราก้อถามค่าห้องเราก้อตกลงจะพักห้องนี้
ป้าแกก้อถามจะใส่บาตรด้วยกันมั้ย จะไปภูทอกกับป้ามั้ย เราก้อบอกขอคิดดูก่อนน่ะค่ะขออาบน้ำแต่งตัวพักแปปนึง
ลืมบอกค่าห้องปกติห้องละ600เพราะมา2คนช่วงไฮซีซั่นด้วย แต่เราอยู่สองวันป้าแกเลยลดให้เหลือพันนึง กิกิ ^^
ปล.อยู่ห้องเดียวกันกับพี่พีชด้วย ห้องเบอร์2 แต่ลืมถ่ายรูปไว้พอถึงห้องก้อรกเลย 5555 ^^
พออาบน้ำแต่งตัวเส็ดก้อถึงเวลาเดินถนนคนเดินแล้วเย้ๆ นั่งรถมา9ชั่วโมงถึงเวลานี่สักที 55555
แต่ตอนนั้นคิดอย่างเดียวคือ จะกิน จะกิน จะกิน 55555 หิวมาก ทั้งวันได้กินแค่น้ำกะขนม
เมนูแรกเลยขอจัดที่เข้าจี่เลยละกันใกล้หน้าบ้านสุดอาโหย่ยมากๆเลย ไม่ใช่เพราะหิวน่ะอร่อยจิงๆ 5555
ในถนนจะเปนซอยเดียวที่คึกคักมาก เปนบ้านไม้เก่าทั้งหมดตลอดซอยดูอบอุ่นมาก
บรรยากาศดีมากลมเย็นไม่ร้อนเลย ในถนนส่วนมากจะเปนศิลปินขายงานศิลปะ
คืออีน้องที่มาด้วยเนี้ย มันเรียนศิลปะชอบศิลปะเข้าทางมันล่ะทีนี้ มีทั้งวาดภาพ นักร้อง เล่นดนตรี ร้อง เล่น เต้น รำ มีหมด
น้องๆเขามารำหารายได้ อะไรสักอย่างจำไม่ได้
พี่เขามาร้องทุกวันที่ไปเลยอ่ะ ร้องเพราะด้วย ฟิวเหมือนมีผช ร้องเพลงจีบ 5555
ป้าแกวาดเองออกแบบเองกะมือ
มะพร้าวแก้วของขึ้นชื่อที่นี้ แต่ยังไม่ได้กินเลย 55555
Dream Catcher ห่วงดักปลา เอ้ย ห่วงดักฝัน แฮ่ !!!
ขอเช็คอินแพรพ อวดเพื่อนก่อนว่าถึงแล้วยังมีชีวิตรอดปลอดภัยดีครบ32ประการ เหลือแต่สติที่ไม่ครบ 55555
เรียกได้ว่าเปนเมืองแห่งศิลปะก้อว่าได้ทั้งบ้านไม้ทั้งคนที่นั้น และส่วนมากที่ขายของกันจะเปนคนแก่
น่ารักมากขายไปยิ้มไป เปนกันเองมาก เดินไกลมากแต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ถึงคนจะเยอะ(เพราะช่วงไฮซีซั่น+เสาอาทิตย์ด้วย)
แต่ไม่วุ่นวายเลย ดูอบอุ่นสุดๆ ไม่รู้จะพูดยังงัยต้องลองไปดู
ป้าแกบอกว่าไม่มาถ่ายกับป้าหรอ ถ่ายงัยล่ะค่ะอีเพื่อนตัวดีเดินไปไหนแล้วไม่รู้ หาอ้อยกินตลอดเลย 55555
เลี้ยงงลูกไปด้วย ขายของไปด้วย แกยิ้มแย้มตลอดเวลาเลย เสื้อผ้าสวยด้วยเรียบๆดี
เดินมาตั้งแต่ทุ่มกว่าจนจะสามทุ่ม เดินประมาน3-4รอบอ่ะ จนคนแถวนั้นจำได้แล้วมั้ง 555
ได้แต่ของกินหลังจากที่หิวโหยมานานขอกินอีกล่ะกัน เมนูรอบนี้เปนซาลาเปาไส้หมูตามที่พี่พีชแนะนำ
น่ากินมาก แต่เราชอบไส้หวานมากกว่าไม่ค่อยชอบกินหมู อาโหย่ยยยยยยย !!
ผมเนี้ยพร้อมให้นกมาทำรังเสมอ เปนคนรักสัตว์ เอิ่ม !! ก้อเจอทั้งลมทั้งฝนอ่ะมีฟามจาตาย 5555
คิดว่าอิ่มมั้ย ตอบได้คำเดียวว่าไม่ ไม่ได้ครึ่งท้องเลย ช้างทั้งตัวก้อกินหมดตอนนี้อ่ะนี่พูดเลย
เดินมาสักพักเหนร้านนี่เลย งอยโขง คนเยอะะมากตอนแรกขี้เกียดรอแต่ก้อขี้เกียดเดินด้วย
เลยเข้าไปกินมีแค่2เมนูสงสัยเพื่อความรวดเร็วมั้ง แต่เร็วมากถึงแม้คนจะเต็มร้าน
ได้สองเมนูนี้มา คือก๊วยจั๊บญวณกะไข่กะทะของอีน้องตัวดีน่ะ คือมันกินคนเดียวเรากินแค่ก๋วยจั๊บ
รสชาติก้อโอเครน่ะ เราว่าที่บ้านเราอร่อยกว่า แฮร่ๆ(โฆษณานิสนุง )เพราะเปนคนชอบกินก๋วยจั๊บมาก กินมาเยอะล่ะ
หลังจากที่หนังท้องตึง คงคิดว่าเราจะเหนื่อยส่ะสิ 55555 ไม่เลยเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ หึหึ
เดินจนเหนื่อยก้อเลยอยากหาร้านนั่งชิวๆ เลยถามพี่แถวนั้นแกเปนหมอดูไพ่อยู่ซอย12
แกแนะนำร้านนี้เลย น่าจะเหมาะกับพวกน้อง เราก้อบึ่งไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงงร้านนี้ " ต้องมาโดน "
ร้านจะอยู่ข้างหลังติดริมโขงเลย ฟิวได้มากฟรินอ่ะ ตอนแรกกะว่าจะแค่มานั่งเล่น ไม่แค่ล่ะจัดทุกเมนูเลย 555
จนอิ่มหนำสำราญ เราก้อออกมาประมานห้าทุ่ม เดินออกมาถนนคนเดินคือบ้านทุกหลังปิดหมดเงียบสงบมาก
จากที่ชั่วโมงก่อนคึกคักมาก ตอนนี้ไม่มีคนสักคนเงียบสงบมากคนละขั้วกับมื้อกี้เลย
ลืมบอกก่อนออกมาป้าเป๊ะถามว่าจะไปเที่ยวหรอ เราก้อตอบว่าใช่ค่ะ แกบอกได้ๆจะเข้ามาก้อโทหาป้าล่ะ
กลับมาถึงบ้าน บ้านปิดเราก้อกำลังจะเคาะประตูป้าแกก้อมาเปิดประตูให้ (สงสัยได้ยินเสียงเราคุยยกัน5555)
แกเดินออกมาพร้อมผ้าถุงมัดอกกำลังจะนอน คือตอนนั้นเกรงใจแกมาก แกก้อบอก " ไม่ต้องเกรงใจ
ป้านอนตรงนี้ป้าชินแล้ว " แกปูผ้านอนตรงเค้าเตอร์เลยแกยิ้มแย้มตลอดเวลา
เช้าวันต่อมานัดพี่สกายแลปไว้จะไปภูทอก (ตามรอยพี่พีช^^) ตีห้าครึ่ง ตื่นแต่งหน้าตั้งแต่ตีสี่ได้นอนประมานสามชั่วโมง
บรรยากาศดีมากท้องฟ้าเปนสีฟ้าสดใสเลย ปล.ค่ารถ100บาท
จากที่พักไปภูทอกใช้เวลาประมานยี่สิบนาที ถึงตีนภูทอกหกโมงเป๊ะ แล้วก้อต่อรถของเทศบาลขึ้นไปอีก20บาท
คนเต็มเลยวันนั้นมีหมอกเยอะมากเต็มไปหมดเลยเราเก็บบรรยากาศตอนขึ้นภูทอกมาให้ดูด้วย
เสียงดังนิดนึงน้า แฮร่ๆ
ขึ้นมาก้อจะเจอรถกะคนเต็มเลย
ขึ้นมาถึงปุ๊ป แม่เจ้า!! ไม่เหนอะไรเลย 5555 คือวันนั้นฝนตั้งเค้าทั้งหมอกทั้งก้อนเมฆปกครุมไปหมดมองไม่เหนอะไรเลยเหนแค่หมอก
ไอ้เราก้อนั่งรอ วันนั้นขึ้นไปตั้งแต่หกโมงนั่งรอพระอาทิต
[CR] ไป " เชียงคาน " ตามรอยพี่ Peach Surrealism
คือเราก็เป็นคนนึงที่อยากรู้เรื่องอะไรก้อจะหาข้อมูลตามพันธิปทั้งเครื่องสำอาง
เสื้อผ้า ร้านดัง ซุปซิปดารา นักข่าวพันธิป และอีกเยอะเยะรวมไปถึงทริปการเดินทางไปที่นั่นที่นี้เห็นแล้วอิจฉา
จนมีน้องในกลุ่มคนนึงหรือเป็นเพื่อนกันนี่แหละแค่อายุน้อยกว่านางเคยไปแบ็คแพ็คมาแล้วที่เชียงใหม่
นางเลยชวนไปแบ็คแพ็คกันแรกๆเพื่อนๆก็พากันอยากไปๆเพราะตอนนั้นทุกคนโสดกำลังเฮิร์ตๆกัน
*แต่จุดมุ่งอย่างอีกอย่างของเราคือทำงานส่งอาจารย์ด้วย มาเที่ยวเดียวได้ควบงาน2วิชาเลย ^^
จนสรุปกันได้ว่าจะไปเชียงคานกัน ใกล้ดีน่าจะไม่ใช้งบเยอะลองไปใกล้ๆก่อน จนนัดกันว่าจะไปวันศุกที่ 11 กย.
จนพอจะใกล้วันสรุปก้อไม่มีใครไปสักคน เหลือแค่เรากับน้อง2คน คือเราอยากไปมากยังงัยก้อจะไป
พอถึงวันก้อเก็บกระเป๋าใบนึงกับกล้องมากับนางเลย คือนางเป็นคนชอบถ่ายรูป เราก้อชอบเหมือนกันงัย
พอดีกำลังเรียนการถถ่ายภาพด้วยเลยอยากออกมาถ่ายรูปแบบเปนเรื่องเปนราวบ้าง(ไม่รู้ว่าเปนเรื่องเปนราวรึป่าว 55)
นางบอกว่านางเคยไปเชียงคานแล้วตั้งแต่เด็กเด๋วนางพาทัวร์ แต่เราก้ออยากสบายงัยเลยลองหาดูข้อมูลต่างๆกับหาที่พัก
จนมาเจออยู่สองสามที่ที่ชอบแต่เราไม่ได้จองไว้ อ๋อ ลืมไปเราเป็นคนสกลนครค่ะ(ห้ามถามน่ะว่ากินหมาหรือป่าวเบื่อคำถามนี่มาก55)
ใครมีอะไรติดต่อเราได้ที่นี้เลยตอบหมด https://www.facebook.com/titlehermes
ปล.โสดน่ะ
ปล.นี่เปนทริปแรกของเราเลยที่เที่ยวแบบนี้ติดใจเลย
สรุปคือต้องนั่งรถจากสกลไปที่อุดร ต่อด้วยรถอุดรไปที่เลย แล้วก้อต่อด้วยรถเลยไปเชียงคาน
เราก้อเลยหาข้อมูลรถจากอุดรไปเลยว่าออกกี่โมงตอนไหนบ้าง จนมาเห็นกระท็นึงเด้งขึ้นมาว่า " นั่งรถไฟไปเชียงคาน "
ในนั้นพี่(ไม่รู้ว่าเปนพี่หรือน้องแต่ขอเรียกพี่น่ะค่ะ ^^)เขาเล่าถึงการเดินทางไปเชียงคานเหมือนกัน
แต่แกนั่งรถไฟจากหัวลำโพงมาลงอุดรเราก้ออ่านๆ อ่านไปก้อยิ้มไป
อยากไปเที่ยวแบบพี่เขา จนเราเอาให้น้องดูแล้วบอกว่าเราจะไปตามรอยพี่เขากัน 55555
นี่กระทู้ของพี่เขา http://ppantip.com/topic/32818559
เหนพี่เขาไปหลายที่เลยเพิ่งได้มาติดตามพี่เขา นี่แฟนเพจของพี่เขาน่ะค่ะ https://www.facebook.com/peachsurrealism?fref=ts
ปล.เที่ยวแบบพี่เขาไม่ผิดหวังจิงๆค่ะ ชอบมากเลย
เรามาเริ่มกันดีกว่า
เรา (ขอเรียกตัวเองว่าเราก้อแล้วกัน )ก้อขึ้นรถจากสกลรถออก9โมงเช้า ถึงอุดรประมานเที่ยงครึ่ง ใช้เวลา3ชั่วโมงครึ่ง
พอลงรถปุ๊ปพี่ๆตุ๊กๆก้อรุมกันใหญ่เลยถามว่าไปไหน พอเราบอกว่าเลยเท่านั้นแหละจับกระเป๋าเราพาขึ้นรถเลย
บอกว่ายุบขส.นี้ไม่มีรถไปเลย ต้องไปขึ้นอีกบขส.2 ตามแบบฉบับพี่พีชแป๊ะ 5555ไอ้เราก้อเดินตามพร้อมถามว่า
"เท่าไหร่ค่ะ" แกบอกคนล่ะ60บาทเราก้อโอเคร แต่อีเพื่อนนี่สิบ่นแพงจังเราเดินไปดีกว่าบ่นนั่นนี้ตลอดทาง 5555
ถึงบขส2 12.50 ลงมาปุ๊ปก้อซื้อตั๋วจากอุดรไปเลยๅ100บาท รถออกบ่ายโมงคือข้าวก้อยังไม่ได้กินฉี่ก้อปวด
ก้อเลยขอแกให้รอแปปนึงให้เข้าห้องน้ำ กับได้ขนมกับน้ำขึ้นมากิน เปนรถพัดลม รถออกได้สักพักก้อมีแม่ค้ามาขายซาลาเปาแบบพี่พีสเลยด้วยความหิวเลยจัดไป2ลูก 5555
ถึงบขสเลยสี่โมงครึ่ง ใช้เวลา3ชั่วโมงครึ่งเท่ากันกับสกลมาอุดรเบย ลงรถมาปุ๊ปเราก้อถามพี่สามล้อเลยว่ารถสองแถวเชียงคานขึ้นตรงไหนค่ะ
(กะว่าจะนั่งกินลมแบบพี่เขา 555) รถออกห้าโมงเย็นเราก้อนั่งรออ่านนั้นนี่ต่อ
แถวนั้นมีพี่ขายสมุนไพรด้วย พี่คนชับรถด้วยพี่เขาก้อแซวบ้างชวนคุยบ้าง หัวเราะกันสนั่นหวั่นไหว 55555
พอรถออกก้อจะผ่านสถานที่สำคัญๆต่างๆมากมาย คือตอนนั้นคิดว่าอีกไม่ไกลแปปเดียวคงถึง(พี่พีชก้อบอกอยู่ว่าชั่วโมงครึ่ง5555)
บรรยากาศดีมากข้างทางมีแต่ภูเขา บวกกับพระอาทิตย์กำลังจะตกวิวสวยมาก นั่งเอาหน้าออกมารับกับลมคือมีความสุขมาก
คนบนรถก้อมองกัน(คงคิดว่าอีสองตัวนี้มันไม่เคยขึ้นสองแถวหรอว่ะ555) เคยอ่ะเคยแต่วิวมันสวยบวกกับนั่งในแอร์มานาน ตอนนี้ก้อเลยปล่อยตัวไปกับแสงแดดและสายลมดีกว่า(พูดเหมือนเซเลอร์มูนเลย555) ให้ธรรมชาติบำบัดเราดีฟ่าาาาาาาาา หายเหนื่อยเลย ^^
ถึงเชียงคานหกโมงครึ่ง ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งตามที่พี่พีชบอกเป๊ะๆ เราก้องงๆถึงแล้วหรอไม่เหนมีรัยเลย
พี่สามล้อสกายแลปก้อถามจะไปไหนมีที่พักยังเราก้อตอบไปไทกันเองค่ะซอย 19 บ้านป้าเป๊ะค่ะ พี่เขาก้อมาส่งถึงหน้าบ้านเลย
ซอยคึกคักมากคนเยอะเลย สามล้อเราก้อจอดหน้าบ้านป้าเป๊ะ(ไม่ขอเรียกว่าโรงแรมน่ะเพราะบรรยากาศมันอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านมาก)
รถจอดปุ๊ปป้าแกก้อเดินลงมาหาเลย คือเราไม่ได้จองไว้งัยคิดว่าคงต้องเดินไปคุยกะแกเอง แต่นี้ไม่แกเดินมาหาเลยถามว่ามีที่พักยัง
นอนกับป้ามั้ย เราก้อบอกอยู่ค่ะๆ หนูตามพี่คนนึงมาจากเอินเตอร์เน็ต ป้าแกก้อยิ้มใหญ่เลย แกบอกอ่อพีชใช่มั้ยๆ เขาถ่ายรูปกับป้าด้วยน่ะ
(ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าพี่เขาชื่ออะไรแฮร่ๆ ) เราก้อคุยไปเดินดูห้องกันไป เราก้อถามค่าห้องเราก้อตกลงจะพักห้องนี้
ป้าแกก้อถามจะใส่บาตรด้วยกันมั้ย จะไปภูทอกกับป้ามั้ย เราก้อบอกขอคิดดูก่อนน่ะค่ะขออาบน้ำแต่งตัวพักแปปนึง
ลืมบอกค่าห้องปกติห้องละ600เพราะมา2คนช่วงไฮซีซั่นด้วย แต่เราอยู่สองวันป้าแกเลยลดให้เหลือพันนึง กิกิ ^^
ปล.อยู่ห้องเดียวกันกับพี่พีชด้วย ห้องเบอร์2 แต่ลืมถ่ายรูปไว้พอถึงห้องก้อรกเลย 5555 ^^
พออาบน้ำแต่งตัวเส็ดก้อถึงเวลาเดินถนนคนเดินแล้วเย้ๆ นั่งรถมา9ชั่วโมงถึงเวลานี่สักที 55555
แต่ตอนนั้นคิดอย่างเดียวคือ จะกิน จะกิน จะกิน 55555 หิวมาก ทั้งวันได้กินแค่น้ำกะขนม
เมนูแรกเลยขอจัดที่เข้าจี่เลยละกันใกล้หน้าบ้านสุดอาโหย่ยมากๆเลย ไม่ใช่เพราะหิวน่ะอร่อยจิงๆ 5555
ในถนนจะเปนซอยเดียวที่คึกคักมาก เปนบ้านไม้เก่าทั้งหมดตลอดซอยดูอบอุ่นมาก
บรรยากาศดีมากลมเย็นไม่ร้อนเลย ในถนนส่วนมากจะเปนศิลปินขายงานศิลปะ
คืออีน้องที่มาด้วยเนี้ย มันเรียนศิลปะชอบศิลปะเข้าทางมันล่ะทีนี้ มีทั้งวาดภาพ นักร้อง เล่นดนตรี ร้อง เล่น เต้น รำ มีหมด
น้องๆเขามารำหารายได้ อะไรสักอย่างจำไม่ได้
พี่เขามาร้องทุกวันที่ไปเลยอ่ะ ร้องเพราะด้วย ฟิวเหมือนมีผช ร้องเพลงจีบ 5555
ป้าแกวาดเองออกแบบเองกะมือ
มะพร้าวแก้วของขึ้นชื่อที่นี้ แต่ยังไม่ได้กินเลย 55555
Dream Catcher ห่วงดักปลา เอ้ย ห่วงดักฝัน แฮ่ !!!
ขอเช็คอินแพรพ อวดเพื่อนก่อนว่าถึงแล้วยังมีชีวิตรอดปลอดภัยดีครบ32ประการ เหลือแต่สติที่ไม่ครบ 55555
เรียกได้ว่าเปนเมืองแห่งศิลปะก้อว่าได้ทั้งบ้านไม้ทั้งคนที่นั้น และส่วนมากที่ขายของกันจะเปนคนแก่
น่ารักมากขายไปยิ้มไป เปนกันเองมาก เดินไกลมากแต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ถึงคนจะเยอะ(เพราะช่วงไฮซีซั่น+เสาอาทิตย์ด้วย)
แต่ไม่วุ่นวายเลย ดูอบอุ่นสุดๆ ไม่รู้จะพูดยังงัยต้องลองไปดู
ป้าแกบอกว่าไม่มาถ่ายกับป้าหรอ ถ่ายงัยล่ะค่ะอีเพื่อนตัวดีเดินไปไหนแล้วไม่รู้ หาอ้อยกินตลอดเลย 55555
เลี้ยงงลูกไปด้วย ขายของไปด้วย แกยิ้มแย้มตลอดเวลาเลย เสื้อผ้าสวยด้วยเรียบๆดี
เดินมาตั้งแต่ทุ่มกว่าจนจะสามทุ่ม เดินประมาน3-4รอบอ่ะ จนคนแถวนั้นจำได้แล้วมั้ง 555
ได้แต่ของกินหลังจากที่หิวโหยมานานขอกินอีกล่ะกัน เมนูรอบนี้เปนซาลาเปาไส้หมูตามที่พี่พีชแนะนำ
น่ากินมาก แต่เราชอบไส้หวานมากกว่าไม่ค่อยชอบกินหมู อาโหย่ยยยยยยย !!
ผมเนี้ยพร้อมให้นกมาทำรังเสมอ เปนคนรักสัตว์ เอิ่ม !! ก้อเจอทั้งลมทั้งฝนอ่ะมีฟามจาตาย 5555
คิดว่าอิ่มมั้ย ตอบได้คำเดียวว่าไม่ ไม่ได้ครึ่งท้องเลย ช้างทั้งตัวก้อกินหมดตอนนี้อ่ะนี่พูดเลย
เดินมาสักพักเหนร้านนี่เลย งอยโขง คนเยอะะมากตอนแรกขี้เกียดรอแต่ก้อขี้เกียดเดินด้วย
เลยเข้าไปกินมีแค่2เมนูสงสัยเพื่อความรวดเร็วมั้ง แต่เร็วมากถึงแม้คนจะเต็มร้าน
ได้สองเมนูนี้มา คือก๊วยจั๊บญวณกะไข่กะทะของอีน้องตัวดีน่ะ คือมันกินคนเดียวเรากินแค่ก๋วยจั๊บ
รสชาติก้อโอเครน่ะ เราว่าที่บ้านเราอร่อยกว่า แฮร่ๆ(โฆษณานิสนุง )เพราะเปนคนชอบกินก๋วยจั๊บมาก กินมาเยอะล่ะ
หลังจากที่หนังท้องตึง คงคิดว่าเราจะเหนื่อยส่ะสิ 55555 ไม่เลยเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ หึหึ
เดินจนเหนื่อยก้อเลยอยากหาร้านนั่งชิวๆ เลยถามพี่แถวนั้นแกเปนหมอดูไพ่อยู่ซอย12
แกแนะนำร้านนี้เลย น่าจะเหมาะกับพวกน้อง เราก้อบึ่งไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงงร้านนี้ " ต้องมาโดน "
ร้านจะอยู่ข้างหลังติดริมโขงเลย ฟิวได้มากฟรินอ่ะ ตอนแรกกะว่าจะแค่มานั่งเล่น ไม่แค่ล่ะจัดทุกเมนูเลย 555
จนอิ่มหนำสำราญ เราก้อออกมาประมานห้าทุ่ม เดินออกมาถนนคนเดินคือบ้านทุกหลังปิดหมดเงียบสงบมาก
จากที่ชั่วโมงก่อนคึกคักมาก ตอนนี้ไม่มีคนสักคนเงียบสงบมากคนละขั้วกับมื้อกี้เลย
กลับมาถึงบ้าน บ้านปิดเราก้อกำลังจะเคาะประตูป้าแกก้อมาเปิดประตูให้ (สงสัยได้ยินเสียงเราคุยยกัน5555)
แกเดินออกมาพร้อมผ้าถุงมัดอกกำลังจะนอน คือตอนนั้นเกรงใจแกมาก แกก้อบอก " ไม่ต้องเกรงใจ
ป้านอนตรงนี้ป้าชินแล้ว " แกปูผ้านอนตรงเค้าเตอร์เลยแกยิ้มแย้มตลอดเวลา
เช้าวันต่อมานัดพี่สกายแลปไว้จะไปภูทอก (ตามรอยพี่พีช^^) ตีห้าครึ่ง ตื่นแต่งหน้าตั้งแต่ตีสี่ได้นอนประมานสามชั่วโมง
บรรยากาศดีมากท้องฟ้าเปนสีฟ้าสดใสเลย ปล.ค่ารถ100บาท
จากที่พักไปภูทอกใช้เวลาประมานยี่สิบนาที ถึงตีนภูทอกหกโมงเป๊ะ แล้วก้อต่อรถของเทศบาลขึ้นไปอีก20บาท
คนเต็มเลยวันนั้นมีหมอกเยอะมากเต็มไปหมดเลยเราเก็บบรรยากาศตอนขึ้นภูทอกมาให้ดูด้วย
เสียงดังนิดนึงน้า แฮร่ๆ
ขึ้นมาก้อจะเจอรถกะคนเต็มเลย
ขึ้นมาถึงปุ๊ป แม่เจ้า!! ไม่เหนอะไรเลย 5555 คือวันนั้นฝนตั้งเค้าทั้งหมอกทั้งก้อนเมฆปกครุมไปหมดมองไม่เหนอะไรเลยเหนแค่หมอก
ไอ้เราก้อนั่งรอ วันนั้นขึ้นไปตั้งแต่หกโมงนั่งรอพระอาทิต