Ak-12 ปืนไรเฟิลผู้สานต่อจากปืนในตำนานอย่าง ak-47

ak 47 หรือชื่อที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า"อาก้า"จะเรียกได้มันเป็นปืนที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดแบบหนึ่งเท่าที่เคยมีมา ด้วยคุณสมบัติ อึด ถึก ทน ดูแลรักษาง่ายมีความน่าเชื่อถือสูง ทนต่อทุกสภาพอากาศกระสุนขนาด 7.62x39mm ของมันมีอำนาจในการทำลายล้างสูงในการรบและมีราคาที่ถูกและหาง่ายในตลาดมืดด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมา ทำให้มันเป็นปืนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกด้วยจำนวนการผลิตกว่า 100 ล้านกระบอก ด้วยคุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบของมันทำให้มันถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องแม้ในปัจจุบัน มันมีพี่น้องมากมายหลายรุ่นเรียกว่าเยอะจนนับไม่ถ้วนแต่ที่สำคัญที่สุดคือเหล่าพี่น้องที่มีมากมายในตระกูล ak นั้นยังคงคุณสมบัติอย่างหนึ่งของเจ้า ak 47 ไว้นั่นก็คือดุแลรักษาง่าย มีอำนาจการทำลายล้างและเป็นเพื่อนคู่กายที่แสนดีที่แทบไม่เคยทรยศต่อเจ้าของเลยนั่นเอง ผมจะมาพูดถึงพี่น้องรุ่นล่าสุดของเจ้า ak 47 นั่นก็คึอเจ้า ak 12 นั่นเอง

1.ak 12
    ak 12 คือลูกๆหลานๆของเจ้า ak 47 รุ่นล่าสุด การพัฒนาของเจ้า ak 12 ต้องย้อนไปในปี 2010 เมื่อมันได้เปิดตัวต่อหน้าฐบาลรัสเซียอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินและคณะรัฐบาล ได้ไปเยี่ยมเยือนโรงงาน Izhmash โดยทางตัวโรงงานเองได้เปิดตัวปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ต่อหน้าคณะรัฐบาลของรัสเซียมันมีการอัพเกรดอย่างมากมายจากเจ้า ak 74 ซึ่งเป็นปืนที่สานต่อความสำเร็จจากเจ้า ak 47 เช่นกัน ในชื่อว่า ak 200 แต่กระนั้นถึงมันจะอัพเกรดจากรุ่นเดิมแค่ไหนในตอนนั้นทางรัฐบาลก็ยังไม่ให้ความสนใจมากนักเนื่องจากกลไกภายในมันก็แทบไม่ต่างจากของเดิม
รูปของเจ้า ak200

   
    ในเดือนมกราคม ปี 2012 รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้ประกาศว่าจะไม่มีการจัดซื้อเจ้า ak 200 เนื่องจากมันมีราคาที่แพงกว่า Ak 74m ปืนไรเฟิลหลักของรัสเซียประมาณ 25% แต่กลไกและประสิทธิภาพโดยรวมแทบจะไม่ต่างจากของเดิม อนาคตของเจ้า ak 200 เหมือนจะเริ่มไม่สดใสแต่การทดสอบตัวปืนยังคงมีต่อไป ในเดือนพฤศจิกายน 2012 ได้มีเริ่มการทดสอบเจ้า ak 200 อีกครั้ง โดยการทดสอบแบบทรหดไม่ว่าจะเป็นการทดสอบในสภาพแวดล้อมที่หนาวเกือบๆ -40 องศา ทดสอบประสิทธิภาพในการรบในทะเลทรายที่มีความร้อนสูง ทดสอบความเปียกชื้นในกรณีที่รบกันในป่าเขตร้อนชื้น ฝุ่นและทุกๆสภาพอากาศที่มีโอกาสเจอในสนามรบ หลังการทดสอบเสร็จสิ้นในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2012 ผลการทดสอบของปืนต้นแบบ 30 กระบอกประสบความสำเร็จกว่า 80% สร้างความน่าพอใจและประทับใจอย่างมากแก่ตัวโรงงาน Izhmash กับปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ของตน ถึงแม้มันจะไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลแต่ไม่ใช่กับภาคพลเรือน เนื่องจากมันเป็นรุ่นหลานของเจ้า ak 47 ทำให้มันได้รับความสนใจอย่างมากจากเหล่าๆแฟน ak โดยทางโรงงานได้คาดการว่าเจ้าปืน ak 200 หรือชื่อใหม่อย่างเป้นทางการอย่าง ak 12 ที่ทางตัวโรงงานมักจะตั้งชื่อปืนตามท้ายปีที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ(เช่น ak 47 เปิดตัวในปี 1947 ak 74 เปิดตัวในปี 1974 และเจ้า ak 12 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2012)จะสามารถขายได้กว่า 1 ล้านกระบอกในปลายปี 2013
    ในเดือนกันยายน 2013 Military-Industrial Commission of Russia ได้เริ่มมีความสนใจในตัว ak 12 อีกครั้งหลังจากครั้งแรกที่โดยปฏิเสธไป โดยขอให้ทางโรงงานได้พัฒนาแบบปืน ak 12 อีกครั้งโดยมันต้องสามารถใช้กระสุน 5.45x39mm และ 7.62x39mm และแม็กกาซีนของเจ้า ak 74m ของเดิมได้ โดยทางโรงงาน Izhmash ได้ทำตามคำของของ Military-Industrial Commission of Russia โดยได้ออกแบบตัวปืนให้สามารถรองรับกับเจ้ากระสุน 5.45x39mm และ 7.62x39mm และสามารถใช้แม็กกาซีนร่วมกับซองกระสุนเดิมได้ และยังได้พัฒนาตัวปืนใหม่อีกครั้งด้วยโดยพัฒนาตัวปืนเดิมกว่า 20 จุดของปืนให้ตัวปืนมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นหลังจากปรับปรุงตัวปืนเสร็จอนาคตตัวปืนในกองทัพก็ยังเหมือนจะมืดมนโดยตัวปืนไม่ได้รับการประจำการในกองทัพ หรือทดสอบเพื่อเข้าประจำการอีกครั้งเลย โดยทางกระทรวงกลาโหมของรัสเซียก็ได้กล่าวว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่ทางกองทัพจะต้องเอาเจ้า ak 12 เข้าประจำการเนื่องจากประสิทธิภาพและกลไกภายในมันก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก และทางกองทัพเองก็มี ak 74 ในคลังกว่าหลายล้านกระบอกทำให้ยังไม่จำเป็นต้องจัดหาปืนไรเฟิลประจำการแบบใหม่
รูปของเจ้า ak 12(หรือเจ้า ak200) หลังจากปรับปรุงเสร็จแล้วและเปิดตัวในปี 2012

เปรียบเทียบ ak200 แบบเก่า(ล่าง)กับ ak 200 หรือ ak 12 แบบใหม่หลังจากปรับปรุงเสร็จ(บน)


     หลังจากเจ้า ak 12 ไม่ได้รับอนุมัติให้เข้าประจำการในกองทัพ ทางโรงงาน Izhmash ได้รับคำสั่งจากทางรัฐบาลให้ทำการอัพเกรดเจ้า ak 74m ที่มีอยู่เดิมแทนการซื้อเจ้า ak 12 ใหม่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า โดยการอัพเกรดเจ้า ak 74m ครั้งนี้ทางโรงงาน Izsmash ก็ได้หวังว่าเจ้า ak 74m อัพเกรดนี้จะขายได้ดีในตลาดสหรัฐซึ่งเป็นตลาดปืนไรเฟิลที่ใหญ่ที่สุดของ ปืนตะกูล ak ทั้งหลาย
     ในปี 2014 ประธานาธิบดีของสหรัฐ บารัค โอบาม่า ได้ประกาศแบนอาวุธปืนทุกชนิดของรัสเซียในตลาดสหรัฐ หลังจากมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่าง 2 ชาติรัสเซียกับสหรัฐ ทำให้รัสเซียตัดสินใจทบทวนอีกครั้งในการจัดหาอาวุธปืนไรเฟิลชนิดใหม่ โดยในที่สุดในเดือนธันวาคม 2014 รัสเซียก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในการจัดหาเจ้า ak 12 และเจ้า a545(aek 971 เวอร์ชั่นอัพเกรด)เข้าประจำการเป็นปืนไรเฟิลยุคใหม่สำหรับกองทัพรัสเซีย โดยจะเข้าประจำการในหน่วยรบพิเศษอย่าง spatenaz และหน่วยทหารราบขั้นสุดยอดของรัสเซียอย่าง raknik และทหารราบทั่วไปจะยังใช้ ak 74m ต่อไปแต่เป็น ak 74m เวอร์ชั่นอัพเกรด
ชิ้นส่วนของ ak 74m เมื่อเทียบกับ ak 12


รายละเอียดของตัวปืน
     ak 12 ก็แทบไม่ต่างจากเจ้า ak 47 และ ak 74 มันใช้ระบบปฏิบัติ gas operate ใช้ช่วงลูกสูบชักยาว(long stroke) แต่มันจะแตกต่างตรงรายละเอียดปลีกย่อยโดยตัวปืนสามารถเปลี่ยนไปใช้กระสุนอย่าง 7.62x39mm หรือ 5.56x45mm m855 ได้อย่างรวดเร็วโดยการเปลี่ยนเพียงแค่ลำกล้องตัวปืนเท่านั้น และยังสามารถเปลี่ยนไปใช้กระสุน 7.62x51mm ของนาโต้ได้อีกด้วย(แต่จะเป็นอีกรุ่นนึง)โดยตัวปืนสามารถใช้แม็กกาซีนเดิมร่วมกับเจ้า ak 74m อย่างที่บอกไปข้างบน โดยตัวพานท้ายปืนจะเป็นแนวตรงกับลำกล้องปืนเพื่อลดแรงรีคอยร์ให้มากระแทกที่ไหล่โดยตรง ทำให้ตัวปืนสะบัดน้อยลงเมื่อเทียบกับเจ้า ak 74m และทำให้สามารถควบคุมอัตราการสะบัดของตัวปืนได้มากขึ้น และตัวพานท้ายปืนยังสามารถติดตั้งแผ่นรองแก้มแบบถอดออกได้ และสามารถปรับระดับและพับตัวพานท้ายได้ และตัวคันรั้งแบบถอดออกได้ถูกไปติดด้านหน้าข้างบนตรงช่องคัดปลอกกระสุนแทนที่จะติดแถวๆตรงกลางๆค่อนๆไปทางข้างหน้าแทนแบบของเก่า และตัวช่องคัดกระสุนสามารถดัดแปลงไปใช้อีกด้านได้ในกรณีคนถนัดซ้าย ศูนย์ปืนตรงกลางถูกถอดออกโดยมันถูกแทนที่ด้วยรางติดอุปกรณ์ทั้งแถบด้านบนตัวปืนและตัวกระโจมมือและยังติดตั้งข้างใต้กระโจมมืออีกด้วยแทนแบบเรียบๆโล่งๆแบบของเก่า ระบบลดแรงรีคอยร์ตัวปืนที่ถูกใช้ใน ak 107 และ ak 108 ถูกนำมาพัฒนาและใส่ในตัว ak 12 เช่นกัน  โดยตัวปืนยังสามารถติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิด gp 34 ที่มีอยู่เดิมที่ใช้กับ ak 74 ได้ โดยตัวเครื่องยิงลูกระเบิดมีระยะหวังผล 300-400 เมตร ปุ่มปรับโหมดการยิงถูกออกแบบใหม่ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้มากกว่าเดิม โดยผู้ใช้สามารถปรับโหมดการยิงในขณะที่กำลังเล็งยิงได้เลย ไม่ต้องละตัวปืนมาปรับเหมือนกับเจ้า ak series เกือบทุกรุ่นที่ผ่านมา
     โดยตัวปืนสามารถปรับได้ 4 โหมดคือ Safe-ยิงแบบที่ละนัด-ยิงชุด 3 นัด-และยิงแบบ full auto โดยทาง Izhmash ได้เคลมว่าถ้าตัวปืนใช้โหมดการยิงแบบชุดละ 3 นัดจะมีอัตราการการยิง 1000 นัด/นาที และที่ตัวปืนยังสามารถดัดแปลงให้สามารถติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดใต้ปากลำกล้องแบบมาตรฐานอยย่าง m203 ได้อีกด้วย(โหดไหมละ)

รายละเอียดโดยรวม
ปีที่เข้าประจำการ: 2014
น้ำหนัก: 3.3 kg
ความยาวลำกล้อง: 16.5 นิ้ว
ขนาดกระสุน: 5.45x39mm
โหมดการยิง: ยิงที่ละนัด,ยิงชุด 3 นัด,ยิงแบบ full auto
อัตราการยิง: 600-1000 นัด/นาที
ระยะหวังผล: 600 เมตร

อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/AK-12
http://world.guns.ru/assault/rus/kalashnikov-ak-12-e.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่