จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผู้ชายคนนึงที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนในชีวิต ล่วงเลยมาจนอายุ40ปี แต่ดันตัดสินใจจะบินไปเกาหลี พร้อมกับจักรยานพับ โดยมีภารกิจปั่นจักรยานเที่ยวในกรุงโซลตลอด3วัน…. แถมไม่ไปคนเดียว ดันพาเมียที่ไม่ได้ชอบปั่นจักรยานเท่าไหร่ไปปั่นด้วย กับจักรยานอีก1คัน รวมเป็น2คน2คัน….แต่เหนืออื่นใดคือ การได้ไปเยี่ยมเยียน และไปอยู่บ้านของเพื่อนชาวเกาหลีที่เราเคยเป็นHost สร้างมิตรภาพร่วมกันเอาไว้เมื่อต้นปี ที่เขามาพักที่บ้านของเราแบบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...คราวนี้ถึงตาของผมบ้างหละ…^^
ผมกับเมียที่รัก และจักรยานทั้ง2คัน ริมแม่น้ำฮัน กรุงโซล
จุดประสงค์ของPost กระทู้นี้ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การเอาจักรยานขึ้นเครื่องบินไปปั่นเที่ยวยังต่างประเทศ พร้อมทั้งให้แรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนแนวมาเที่ยวแบบนี้นะครับ ซึ่งตลอดการรีวิวนี้ ผมจะมีรูป และคลิปต่างๆที่ถ่ายเอาไว้ประกอบตลอดครับ (ต้องขอโทษที่คลิปหลายคลิปจะมีเสียงกึ๊กกักรบกวน เนื่องจากผมใส่House Case กล้องไม่ดีเท่าไหร่ครับเพิ่งมารู้ทีหลัง ดังนั้นอาจจะเปิดเสียงค่อยหน่อยก็ได้ครับ จะได้ไม่รำคาญหรือตกใจ) และจุดประสงค์ที่2 ที่สำคัญกว่าคือ..ผมอยากแบ่งปันเรื่องราวมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นกับผม จากการเคยเปิดบ้านเป็นHost ให้คนต่างชาติมาพักฟรีๆ ซึ่งสิ่งที่ผมได้รับมันมีค่ามากมายมากกว่าที่จะตีราคาเป็นเงินทองได้...ซึ่งคราวนี้ผมจะได้กลับไปเยี่ยมบรรดาเพื่อนๆน้องๆที่เคยมาพักกับผมที่ประเทศของเขาบ้างครับ...
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้สมัครเว็บ
http://www.couchsurfing.com โดยตัดสินใจเปิดบ้านเป็น Host ให้คนต่างชาติมาพักบ้านฟรีๆ…. ผมก็ได้ประสบการณ์เป็นHost ครั้งแรก โดยมีแขกคนแรกที่เป็นชาวเกาหลีชื่อ คิมฮยอนซู หรือเรียกว่า เคน ผู้มีทริปปั่นจักรยานรอบโลกคนเดียวและกำลังผ่านมาประเทศไทย (ผมได้ตั้งPost เรื่องราวของผมและเคนในพันทิปตามLink นี้ ใครอยากตามไปอ่านก็ได้ครับ เมื่อผมต้องเปิดบ้านเป็นHosted...ครั้งแรกในชีวิต...เจ้ามิตรภาพที่ตามหา...ก็มาถึง...เป็นวัยรุ่นเกาหลีขี่จักรยานท่องโลก
http://ppantip.com/topic/33349589)
รูปผมและเคนเมื่อผมเป็นHostครั้งแรก ที่ต่อมาเรากลายเป็นเพื่อนต่างชาติ และต่างวัยของกันและกัน
หลังจากนั้น ผมก็ได้เริ่มมีมิตรภาพระหว่างเพื่อนต่างแดนมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบคน และมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์2-3คน ก็เลยเปิดเพจที่เล่าเรื่องราวประสบการณ์เกี่ยวกับการเป็นHost ของพวกเราที่เพจ "เมื่อผมต้องเปิดบ้านเป็นHost"
http://www.facebook.com/banchahosted
ผมและบรรดาเพื่อนต่างชาติที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน..มาพัก กิน เที่ยวที่บ้านผม
จนมาช่วงกลางปีนี้ ทางAirAsia ได้มีโปรโมชั่นจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก… ผมซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนในชีวิต ก็ตัดสินใจเลือกจองตั๋ว….ไปประเทศเกาหลีใต้กับภรรยา ล่วงหน้าถึง4เดือน โดยเลือกวันที่มีตั๋วถูกที่สุด นั่นคือช่วงปลายเดือนกันยายน เดินทางวันที่27 และกลับวันที่30 ดูแล้วก็ประมาณ4วัน 3คืน ซึ่งกำลังเหมาะ…. และแน่นอน...ผมตั้งใจจะไปเยี่ยม และพักที่บ้านของ”เคน” ที่เคยมาพักกับผมนั่นเอง… ซึ่งเมื่อผมจองตั๋วได้แล้ว ก็ได้ทำการติดต่อไปยังเคน ซึ่งขณะนั้น เคนยังขี่จักรยานอยู่ที่ลอนดอน ไม่จบทริปกลับบ้าน...แต่เมื่อเคนรู้ ก็ตอบรับผมด้วยความตื่นเต้น…
แถมเคนบอกว่า “เฮ้ย พี่ชาย วันที่27-30กันยายน มันตรงกับวันหยุดขอบคุณพระเจ้าของเกาหลี หรือที่เรียกว่าวันชูซอก พอดีเลย...อากาศกำลังดีด้วยไม่หนาวไม่ร้อน น่าเที่ยวมาก”.... แหม่...ผมก็ดีใจสิครับ… ซึ่งเคนตั้งใจจะจบทริปที่ประเทศแอฟริกาใต้ช่วงเดือนสิงหาคม...จึงเดินทางกลับบ้านที่เกาหลี...ก็พอดีผมจะมาเยี่ยมปลายเดือนกันยายน… งั้นเรื่องที่พัก...ผ่าน….ครับ
หลังจากได้ตั๋ว พร้อมที่พักเรียบร้อย...ก็มานั่งคิดว่า..เราจะเที่ยวที่ไหนดีในเกาหลี… และเที่ยวแบบไหน..ให้สมกับการไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของผม...มีเวลา3วัน 27-29กันยายน ส่วนวันที่30วันกลับไม่ได้เที่ยวแน่เพราะเครื่องบินออก11:00น…..
พอดีผมก็มีไอเดียขึ้นมาว่า...เอาจักรยานไปปั่นเที่ยวรอบๆเมืองโซลเลยดีไหม...เพราะเนื่องจากครั้งนึงที่ผมได้รู้จักกับเพื่อนชาวอังกฤษผ่านทางCouchsurfing ที่ชื่อพอล...เป็นสจ๊วตสายการบินBritish Airway ทักผมมาช่วงปลายเดือนมีนาคม...พอลไม่ได้ขอมาพักบ้านผม...แต่มันชวนผมไปปั่นจักรยานเป็นเพื่อนรอบๆกรุงเทพ...เฮ้ย..บ้าป้าว ปั่นในกรุงเทพเนี้ยะนะ...รถติดแถมอันตราย… ผมก็เอาวะ กล้าชวน ก็กล้าไป…ผมไปพบพอลที่โรงแรมแถวนานา...พอลลงมาพร้อมกับจักรยานรูปร่างแปลกเล็กๆ2คันที่หิ้วมาจากบ้านที่ลอนดอน...นั่นคือครั้งแรกที่ผมรู้จักจักรยานพับที่ชื่อ “Brompton” …...สรุป...หลังจากทริปปั่นกับพอลทะลุกรุงเทพ สุขุมวิท-หัวลำโพง แล้วปั่นกลับบ้านผมที่บางนาในค่ำวันนั้นรวมระยะทาง30กม...ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปครับ…(พอลมันชมผมว่า...ชวนคนปั่นมาทั่วโลก มีผมที่บ้าปั่นตามมันได้แบบหายใจรดต้นคอ...ก็แหงสิวะ กลัวตายคนเดียว ถ้าจะตายขอตายแบบมีเพื่อน...พี่แกเล่นปั่นกลางถนนรถติดสุขุมวิท ประหนึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์)
โฉมหน้าของพอล สจ๊วตสายการบินอังกฤษที่บ้าการขี่จักรยานในทุกเมืองที่เครื่องลง (แถมบ้าชวนคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่มาขี่ด้วย)
ครั้งแรกที่ได้เจอจักรยานพับได้รูปร่างแปลกที่ชื่อว่า Brompton ที่พอลหิ้วมาจากบ้านที่อังกฤษถึง2คัน
พอลมันพาผมขี่จักรยานริมคลองแสนแสบแถวประตูน้ำไปถ่ายรูปเรือหางยาวแบบนี้ครับ ฮ่าๆ
และเมื่อได้คุยกับพอล ระหว่างที่พักขี่ก่อนถึงบ้านผม...พอลเล่าให้ฟังว่า..เขาเป็นสจ๊วตมาเป็นสิบปี...แต่ก่อนก็ลงไปเที่ยว กิน ช๊อปปิ้งทั่วไปตามประสา..แต่พอได้มาเจอแฟนคนปัจจุบันที่ได้บอกว่า..”ไหนๆเธอก็ไปเกือบทุกประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว...ทำไมไม่ออกไปเจอเมือง เจอผู้คนตามท้องถนน ตามตรอกซอกซอย...ให้ไกลกว่าแค่เดินแถวโรงแรมหรือศูนย์การค้าหละ”...นั่นแหละคือที่มาของ พอล และจักรยานBromptonคู่ใจของพอล….
พอลได้จักรยานBromptonมาแบบฟรีๆ 3คันครับ… อย่าตกใจว่า...ฟรีได้อย่างไร มันฟรีเพราะพอลเขียนจดหมายไปหาบริษัทBrompton แล้วบอกว่า...ผมจะขอจักรยานคุณฟรี1คัน แล้วผมจะทำรีวิวการท่องเที่ยวด้วยจักรยานของคุณทั่วโลก20รีวิว… ทางBromptonมันก็งงครับ...แต่กล้าขอมา...ก็กล้าให้… สรุป พอลก็ได้รีวิวการเที่ยวของเขาในทุกเมืองที่ไปจนครบ20รีวิว...ทางBrompton ก็พึงพอใจมาก...หลังจากนั้นทางพอลก็ขอจักรยานคันที่2… พร้อมกับบอกว่า...คราวนี้ขอแลกกับรีวิวอีก20รีวิว พร้อมกับเรื่องราวการขี่จักรยานร่วมกับคนท้องถิ่น..ซึ่งแน่นอน...ทางBrompton ก็ให้มาครับ...จนตอนนี้เจ้า Brompton ก็ได้กลายเป็นจักรยานที่ผมหลงรักตั้งแต่ได้ขี่ฝากชีวิตเอาไว้กลางกรุงเทพกับพอลครั้งนั้น….ชีวิตผมเปลี่ยนไปเพราะนาย...พอล….
พอพอลกลับไป...ผมก็รีบหาข้อมูลของจักรยานBrompton ทันทีว่ามีขายที่ไทยที่ไหน..ราคาเท่าไหร่...จนเจอข้อมูล...พระเจ้าครับ!!!!! จักรยานพับบ้าอะไรราคา70,000-80,000บาท…… เกือบจะแสน...ใครมันจะไปซื้อลงฟละ… ตอนนั้นผมมีจักรยานพับDahon อยู่แล้วคันนึงเพิ่งซื้อมาไม่ถึงเดือน ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่แพงของDahon คือรุ่น Mu P9 ราคาประมาณ20,000บาท...ซึ่งผมว่าแพงแล้ว..แต่มาเจอBrompton …. ซึ่งต้องมีMu P9 ถึง4คัน จึงจะได้ Brompton 1 คัน…. โอย จะเป็นลม… แต่…. หัวใจมันตกหลุมรักไปแล้ว ฟ้าลิขิต พระเจ้ามีน้ำพระทัยให้เราได้เป็นคู่กัน….
ท้ายสุด...เมื่อผมวางแผนไปเกาหลี...โดยการขี่จักรยาน...แบบเดียวกับพอล… ผมก็ตัดสินใจ...ไปร้าน One Fine Day ซึ่งเป็นตัวแทนจักรยาน Brompton ที่อยู่แถวบ้านผม (บ้านผมอุดมสุข ร้านOne Fine Dayอยู่ข้างไบเทคบางนา)... โดย...ตั้งใจแค่จะไปดู ลูบ คลำเฉยๆ…. แต่ด้วยความเอาใจใส่ และความกันเองของร้าน...รวมถึงมนต์ขลังของเจ้าBrompton … เครดิตการ์ดของผมก็ได้ถูกรูด...ปรื้ด…. สูญเงินไปพร้อมของแต่งประมาณ 80,000บาท...แลกกับเจ้าBrompton สีฟ้า-ขาว ซึ่งผมเรียกว่าสีเหมือนชุดกะลาสีมา 1คัน….
โดยผมวางแผนว่าจะเอาจักรยานขึ้นเครื่องโดยใส่ในกระเป๋ายี่ห้อVincita ที่ขึ้นชื่อว่าดีและถูก ที่ผลิตโดยบริษัทคนไทยครับ ราคาใบละพันกว่าบาทเอง...มีล้อเลื่อนให้ด้วย...และยังมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของใช้ แล้วใส่เข้าไปด้านในกระเป๋าจักรยานเพื่อเป็นกันกระแทกในตัวด้วย..โอ้..เวิร์คๆ ว่าแล้วก็จัดมา 2ใบสำหรับจักรยาน2คันครับ…. โดยผมซื้อโหลดน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มเป็นคนละ 25กก. ในตอนเช็คอินผ่านทางอินเทอร์เน็ตล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง14วัน…..ซึ่งคาดการณ์ว่าพอแน่ครับ...
โอเค...ตั๋วเครื่องบินพร้อม...ที่พักพร้อม...ทริปปั่นจักรยานพร้อม...วันเดินทางก็มาถึง….ไวเหมือนโกหก… 4เดือนทำไมมันไวจัง...จองตั๋วเดือนพฤษภาคม..แป๊บเดียว...27กันยายน...บินแล้ว….
ผมมีเวลาเตรียมตัวพอสมควรสำหรับทริปนี้..เพราะมันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ...มีอะไรหลายอย่างที่กังวล ไม่ว่าจะเป็นจักรยานในกระเป๋าผ้าของVincita ว่ามันจะรอดจากความเสียหายเมื่อไปถึงที่นั่นไหม… หรือจะเป็นตม.เกาหลี เขาจะให้ไอ้หนุ่มวัยกลางคนหน้าตี๋คนนี้เข้าประเทศหรือเปล่า...แต่ผมดันลืมไปอย่างนึงคือ…. การโหลดจักรยานกับสายการบินAirAsia ครับ…!!!!!!!
ไฟลท์ของผมคือเวลาตี1:55 เช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่27กันยายน ที่สนามบินดอนเมือง… ผมได้ทำการเช็คอินล่วงหน้า14วันผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นที่เรียบร้อย โดยเลือกเพิ่มน้ำหนักโหลดของเป็น25กิโลกรัม เพราะคำนวนแล้วว่า จักรยานพร้อมกับสัมภาระเสื้อผ้าในกระเป๋าผ้าของVincita น่าจะอยู่แถวๆ 22-23กก.ทั้ง2ใบ ซึ่งก่อนออกจากบ้านก็ชั่งน้ำหนักมาว่าผ่านแน่นอน…
หน้าตายิ้มแย้ม ก่อนจะงานเข้าที่หน้าเค้าท์เตอร์โหลดกระเป๋า
คลิปหน้าเคาเตอร์เช็คอิน
แต่พอมาถึงเค้าเตอร์โหลดที่ดอนเมือง...ทางเจ้าหน้าที่เห็นเลยว่า มันเป็นกระเป๋าใส่จักรยานข้างใน ต้องซื้อโหลดแยกเป็น Sport Equipment ..ซึ่งผมก็บอกว่ามันก็มีเสื้อผ้าอยู่ข้างในด้วย รวมเป็นโหลดปกติไม่ได้เหรอ...ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่ได้… ผมหละฟีลแบบ….โลกสลายครับ...เครียดมาก...ฮือ...ทริปแรกของผม..จะพังพินาศตั้งแต่ยังไม่ได้เดินทางหละมั้ง...ทางเลือกมี คือต้องซื้อโหลดเพิ่ม...หรือจะยอมเอาจักรยานกลับบ้านแล้วหิ้วเฉพาะเสื้อผ้าไป...โอย...ทำไงดี…
----------------เดี๋ยวมาต่อครับ ขอทานข้าวก่อนครับ-----------------
[CR] **มหากาพย์รีวิว** หิ้วจักรยานพับไปปั่นเที่ยวที่เกาหลี..ชีวิตเปลี่ยนเมื่อผมเป็นHostให้คนเกาหลี
ผมกับเมียที่รัก และจักรยานทั้ง2คัน ริมแม่น้ำฮัน กรุงโซล
จุดประสงค์ของPost กระทู้นี้ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การเอาจักรยานขึ้นเครื่องบินไปปั่นเที่ยวยังต่างประเทศ พร้อมทั้งให้แรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนแนวมาเที่ยวแบบนี้นะครับ ซึ่งตลอดการรีวิวนี้ ผมจะมีรูป และคลิปต่างๆที่ถ่ายเอาไว้ประกอบตลอดครับ (ต้องขอโทษที่คลิปหลายคลิปจะมีเสียงกึ๊กกักรบกวน เนื่องจากผมใส่House Case กล้องไม่ดีเท่าไหร่ครับเพิ่งมารู้ทีหลัง ดังนั้นอาจจะเปิดเสียงค่อยหน่อยก็ได้ครับ จะได้ไม่รำคาญหรือตกใจ) และจุดประสงค์ที่2 ที่สำคัญกว่าคือ..ผมอยากแบ่งปันเรื่องราวมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นกับผม จากการเคยเปิดบ้านเป็นHost ให้คนต่างชาติมาพักฟรีๆ ซึ่งสิ่งที่ผมได้รับมันมีค่ามากมายมากกว่าที่จะตีราคาเป็นเงินทองได้...ซึ่งคราวนี้ผมจะได้กลับไปเยี่ยมบรรดาเพื่อนๆน้องๆที่เคยมาพักกับผมที่ประเทศของเขาบ้างครับ...
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้สมัครเว็บ http://www.couchsurfing.com โดยตัดสินใจเปิดบ้านเป็น Host ให้คนต่างชาติมาพักบ้านฟรีๆ…. ผมก็ได้ประสบการณ์เป็นHost ครั้งแรก โดยมีแขกคนแรกที่เป็นชาวเกาหลีชื่อ คิมฮยอนซู หรือเรียกว่า เคน ผู้มีทริปปั่นจักรยานรอบโลกคนเดียวและกำลังผ่านมาประเทศไทย (ผมได้ตั้งPost เรื่องราวของผมและเคนในพันทิปตามLink นี้ ใครอยากตามไปอ่านก็ได้ครับ เมื่อผมต้องเปิดบ้านเป็นHosted...ครั้งแรกในชีวิต...เจ้ามิตรภาพที่ตามหา...ก็มาถึง...เป็นวัยรุ่นเกาหลีขี่จักรยานท่องโลก http://ppantip.com/topic/33349589)
รูปผมและเคนเมื่อผมเป็นHostครั้งแรก ที่ต่อมาเรากลายเป็นเพื่อนต่างชาติ และต่างวัยของกันและกัน
หลังจากนั้น ผมก็ได้เริ่มมีมิตรภาพระหว่างเพื่อนต่างแดนมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบคน และมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์2-3คน ก็เลยเปิดเพจที่เล่าเรื่องราวประสบการณ์เกี่ยวกับการเป็นHost ของพวกเราที่เพจ "เมื่อผมต้องเปิดบ้านเป็นHost" http://www.facebook.com/banchahosted
ผมและบรรดาเพื่อนต่างชาติที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน..มาพัก กิน เที่ยวที่บ้านผม
จนมาช่วงกลางปีนี้ ทางAirAsia ได้มีโปรโมชั่นจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก… ผมซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนในชีวิต ก็ตัดสินใจเลือกจองตั๋ว….ไปประเทศเกาหลีใต้กับภรรยา ล่วงหน้าถึง4เดือน โดยเลือกวันที่มีตั๋วถูกที่สุด นั่นคือช่วงปลายเดือนกันยายน เดินทางวันที่27 และกลับวันที่30 ดูแล้วก็ประมาณ4วัน 3คืน ซึ่งกำลังเหมาะ…. และแน่นอน...ผมตั้งใจจะไปเยี่ยม และพักที่บ้านของ”เคน” ที่เคยมาพักกับผมนั่นเอง… ซึ่งเมื่อผมจองตั๋วได้แล้ว ก็ได้ทำการติดต่อไปยังเคน ซึ่งขณะนั้น เคนยังขี่จักรยานอยู่ที่ลอนดอน ไม่จบทริปกลับบ้าน...แต่เมื่อเคนรู้ ก็ตอบรับผมด้วยความตื่นเต้น…
แถมเคนบอกว่า “เฮ้ย พี่ชาย วันที่27-30กันยายน มันตรงกับวันหยุดขอบคุณพระเจ้าของเกาหลี หรือที่เรียกว่าวันชูซอก พอดีเลย...อากาศกำลังดีด้วยไม่หนาวไม่ร้อน น่าเที่ยวมาก”.... แหม่...ผมก็ดีใจสิครับ… ซึ่งเคนตั้งใจจะจบทริปที่ประเทศแอฟริกาใต้ช่วงเดือนสิงหาคม...จึงเดินทางกลับบ้านที่เกาหลี...ก็พอดีผมจะมาเยี่ยมปลายเดือนกันยายน… งั้นเรื่องที่พัก...ผ่าน….ครับ
หลังจากได้ตั๋ว พร้อมที่พักเรียบร้อย...ก็มานั่งคิดว่า..เราจะเที่ยวที่ไหนดีในเกาหลี… และเที่ยวแบบไหน..ให้สมกับการไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของผม...มีเวลา3วัน 27-29กันยายน ส่วนวันที่30วันกลับไม่ได้เที่ยวแน่เพราะเครื่องบินออก11:00น…..
พอดีผมก็มีไอเดียขึ้นมาว่า...เอาจักรยานไปปั่นเที่ยวรอบๆเมืองโซลเลยดีไหม...เพราะเนื่องจากครั้งนึงที่ผมได้รู้จักกับเพื่อนชาวอังกฤษผ่านทางCouchsurfing ที่ชื่อพอล...เป็นสจ๊วตสายการบินBritish Airway ทักผมมาช่วงปลายเดือนมีนาคม...พอลไม่ได้ขอมาพักบ้านผม...แต่มันชวนผมไปปั่นจักรยานเป็นเพื่อนรอบๆกรุงเทพ...เฮ้ย..บ้าป้าว ปั่นในกรุงเทพเนี้ยะนะ...รถติดแถมอันตราย… ผมก็เอาวะ กล้าชวน ก็กล้าไป…ผมไปพบพอลที่โรงแรมแถวนานา...พอลลงมาพร้อมกับจักรยานรูปร่างแปลกเล็กๆ2คันที่หิ้วมาจากบ้านที่ลอนดอน...นั่นคือครั้งแรกที่ผมรู้จักจักรยานพับที่ชื่อ “Brompton” …...สรุป...หลังจากทริปปั่นกับพอลทะลุกรุงเทพ สุขุมวิท-หัวลำโพง แล้วปั่นกลับบ้านผมที่บางนาในค่ำวันนั้นรวมระยะทาง30กม...ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปครับ…(พอลมันชมผมว่า...ชวนคนปั่นมาทั่วโลก มีผมที่บ้าปั่นตามมันได้แบบหายใจรดต้นคอ...ก็แหงสิวะ กลัวตายคนเดียว ถ้าจะตายขอตายแบบมีเพื่อน...พี่แกเล่นปั่นกลางถนนรถติดสุขุมวิท ประหนึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์)
โฉมหน้าของพอล สจ๊วตสายการบินอังกฤษที่บ้าการขี่จักรยานในทุกเมืองที่เครื่องลง (แถมบ้าชวนคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่มาขี่ด้วย)
ครั้งแรกที่ได้เจอจักรยานพับได้รูปร่างแปลกที่ชื่อว่า Brompton ที่พอลหิ้วมาจากบ้านที่อังกฤษถึง2คัน
พอลมันพาผมขี่จักรยานริมคลองแสนแสบแถวประตูน้ำไปถ่ายรูปเรือหางยาวแบบนี้ครับ ฮ่าๆ
และเมื่อได้คุยกับพอล ระหว่างที่พักขี่ก่อนถึงบ้านผม...พอลเล่าให้ฟังว่า..เขาเป็นสจ๊วตมาเป็นสิบปี...แต่ก่อนก็ลงไปเที่ยว กิน ช๊อปปิ้งทั่วไปตามประสา..แต่พอได้มาเจอแฟนคนปัจจุบันที่ได้บอกว่า..”ไหนๆเธอก็ไปเกือบทุกประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว...ทำไมไม่ออกไปเจอเมือง เจอผู้คนตามท้องถนน ตามตรอกซอกซอย...ให้ไกลกว่าแค่เดินแถวโรงแรมหรือศูนย์การค้าหละ”...นั่นแหละคือที่มาของ พอล และจักรยานBromptonคู่ใจของพอล….
พอลได้จักรยานBromptonมาแบบฟรีๆ 3คันครับ… อย่าตกใจว่า...ฟรีได้อย่างไร มันฟรีเพราะพอลเขียนจดหมายไปหาบริษัทBrompton แล้วบอกว่า...ผมจะขอจักรยานคุณฟรี1คัน แล้วผมจะทำรีวิวการท่องเที่ยวด้วยจักรยานของคุณทั่วโลก20รีวิว… ทางBromptonมันก็งงครับ...แต่กล้าขอมา...ก็กล้าให้… สรุป พอลก็ได้รีวิวการเที่ยวของเขาในทุกเมืองที่ไปจนครบ20รีวิว...ทางBrompton ก็พึงพอใจมาก...หลังจากนั้นทางพอลก็ขอจักรยานคันที่2… พร้อมกับบอกว่า...คราวนี้ขอแลกกับรีวิวอีก20รีวิว พร้อมกับเรื่องราวการขี่จักรยานร่วมกับคนท้องถิ่น..ซึ่งแน่นอน...ทางBrompton ก็ให้มาครับ...จนตอนนี้เจ้า Brompton ก็ได้กลายเป็นจักรยานที่ผมหลงรักตั้งแต่ได้ขี่ฝากชีวิตเอาไว้กลางกรุงเทพกับพอลครั้งนั้น….ชีวิตผมเปลี่ยนไปเพราะนาย...พอล….
พอพอลกลับไป...ผมก็รีบหาข้อมูลของจักรยานBrompton ทันทีว่ามีขายที่ไทยที่ไหน..ราคาเท่าไหร่...จนเจอข้อมูล...พระเจ้าครับ!!!!! จักรยานพับบ้าอะไรราคา70,000-80,000บาท…… เกือบจะแสน...ใครมันจะไปซื้อลงฟละ… ตอนนั้นผมมีจักรยานพับDahon อยู่แล้วคันนึงเพิ่งซื้อมาไม่ถึงเดือน ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่แพงของDahon คือรุ่น Mu P9 ราคาประมาณ20,000บาท...ซึ่งผมว่าแพงแล้ว..แต่มาเจอBrompton …. ซึ่งต้องมีMu P9 ถึง4คัน จึงจะได้ Brompton 1 คัน…. โอย จะเป็นลม… แต่…. หัวใจมันตกหลุมรักไปแล้ว ฟ้าลิขิต พระเจ้ามีน้ำพระทัยให้เราได้เป็นคู่กัน….
ท้ายสุด...เมื่อผมวางแผนไปเกาหลี...โดยการขี่จักรยาน...แบบเดียวกับพอล… ผมก็ตัดสินใจ...ไปร้าน One Fine Day ซึ่งเป็นตัวแทนจักรยาน Brompton ที่อยู่แถวบ้านผม (บ้านผมอุดมสุข ร้านOne Fine Dayอยู่ข้างไบเทคบางนา)... โดย...ตั้งใจแค่จะไปดู ลูบ คลำเฉยๆ…. แต่ด้วยความเอาใจใส่ และความกันเองของร้าน...รวมถึงมนต์ขลังของเจ้าBrompton … เครดิตการ์ดของผมก็ได้ถูกรูด...ปรื้ด…. สูญเงินไปพร้อมของแต่งประมาณ 80,000บาท...แลกกับเจ้าBrompton สีฟ้า-ขาว ซึ่งผมเรียกว่าสีเหมือนชุดกะลาสีมา 1คัน….
โดยผมวางแผนว่าจะเอาจักรยานขึ้นเครื่องโดยใส่ในกระเป๋ายี่ห้อVincita ที่ขึ้นชื่อว่าดีและถูก ที่ผลิตโดยบริษัทคนไทยครับ ราคาใบละพันกว่าบาทเอง...มีล้อเลื่อนให้ด้วย...และยังมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของใช้ แล้วใส่เข้าไปด้านในกระเป๋าจักรยานเพื่อเป็นกันกระแทกในตัวด้วย..โอ้..เวิร์คๆ ว่าแล้วก็จัดมา 2ใบสำหรับจักรยาน2คันครับ…. โดยผมซื้อโหลดน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มเป็นคนละ 25กก. ในตอนเช็คอินผ่านทางอินเทอร์เน็ตล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง14วัน…..ซึ่งคาดการณ์ว่าพอแน่ครับ...
โอเค...ตั๋วเครื่องบินพร้อม...ที่พักพร้อม...ทริปปั่นจักรยานพร้อม...วันเดินทางก็มาถึง….ไวเหมือนโกหก… 4เดือนทำไมมันไวจัง...จองตั๋วเดือนพฤษภาคม..แป๊บเดียว...27กันยายน...บินแล้ว….
ผมมีเวลาเตรียมตัวพอสมควรสำหรับทริปนี้..เพราะมันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ...มีอะไรหลายอย่างที่กังวล ไม่ว่าจะเป็นจักรยานในกระเป๋าผ้าของVincita ว่ามันจะรอดจากความเสียหายเมื่อไปถึงที่นั่นไหม… หรือจะเป็นตม.เกาหลี เขาจะให้ไอ้หนุ่มวัยกลางคนหน้าตี๋คนนี้เข้าประเทศหรือเปล่า...แต่ผมดันลืมไปอย่างนึงคือ…. การโหลดจักรยานกับสายการบินAirAsia ครับ…!!!!!!!
ไฟลท์ของผมคือเวลาตี1:55 เช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่27กันยายน ที่สนามบินดอนเมือง… ผมได้ทำการเช็คอินล่วงหน้า14วันผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นที่เรียบร้อย โดยเลือกเพิ่มน้ำหนักโหลดของเป็น25กิโลกรัม เพราะคำนวนแล้วว่า จักรยานพร้อมกับสัมภาระเสื้อผ้าในกระเป๋าผ้าของVincita น่าจะอยู่แถวๆ 22-23กก.ทั้ง2ใบ ซึ่งก่อนออกจากบ้านก็ชั่งน้ำหนักมาว่าผ่านแน่นอน…
หน้าตายิ้มแย้ม ก่อนจะงานเข้าที่หน้าเค้าท์เตอร์โหลดกระเป๋า
คลิปหน้าเคาเตอร์เช็คอิน
แต่พอมาถึงเค้าเตอร์โหลดที่ดอนเมือง...ทางเจ้าหน้าที่เห็นเลยว่า มันเป็นกระเป๋าใส่จักรยานข้างใน ต้องซื้อโหลดแยกเป็น Sport Equipment ..ซึ่งผมก็บอกว่ามันก็มีเสื้อผ้าอยู่ข้างในด้วย รวมเป็นโหลดปกติไม่ได้เหรอ...ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่ได้… ผมหละฟีลแบบ….โลกสลายครับ...เครียดมาก...ฮือ...ทริปแรกของผม..จะพังพินาศตั้งแต่ยังไม่ได้เดินทางหละมั้ง...ทางเลือกมี คือต้องซื้อโหลดเพิ่ม...หรือจะยอมเอาจักรยานกลับบ้านแล้วหิ้วเฉพาะเสื้อผ้าไป...โอย...ทำไงดี…
----------------เดี๋ยวมาต่อครับ ขอทานข้าวก่อนครับ-----------------
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น