วันนี้พวกเรามีการนัดรวมเพื่อนในชมรมฯ ไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน เรื่องของเรื่องก็คือพวกเราเบื่ออาหารญี่ปุ่นสัญชาติไทยที่ขายตามห้างกันมาก เลยเสนอว่าช่วยหาร้านญี่ปุ่นที่มันเวิร์กๆ ราคาไม่แพงนัก (เพราะเคยเจอรสชาดแท้ แต่ราคาคนญี่ปุ่นแถวธนิยะกับสุริวงค์ กันมาแล้ว 555) ท้ายสุดคนในชมรมฯ พวกเราก็นัดรวมพลขึ้นรถลากผมและผองเพื่อนไปกันที่ประชาอุทิศ 47 วันนี้วันอาทิตย์ รถไม่ติด ทางสะดวก
ตอนไปถึงต้องไปวนจอดรถในประชาอุทิศ 49 แล้วย้ำต๊อกกลับมาสัก 100 เมตร มาทางซอย 47 ร้านเขาเป็นร้านเล็กๆ อยู่เป็นทาวเฮ้าท์ ในร้านมีประมาณ 3-4 โต๊ะเท่านั้น บรรยากาศเป็นกันเอง ร้านอาหารเขาเน้นเรื่องข้าวราดแกงกระหรี่สไตล์ญ่ปุ่นเป็นหลัก
ข้างแกงกระหรี่สไตล์ญี่ปุ่น ท้อปปิ้งด้วยหมูชุบแป้งทอด
ข้างแกงหรี่หน้าเกี้ยวซ่า
ข้างแกงกระหรี่ หน้าเกี้ยวซ๋า และโปะด้วยกุ้งชุปแป้งทอด
วอฟเฟิลไอครีมรูปปลา สไตล์ฮอกไกโด
ตอนเข้าไปทีแรกนึกว่าจะได้สั่งซูชิ ตามความนิยมเวลาเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ปรากฏว่าไม่มี ทางร้านเน้นแต่ข้าวแกงกระหรี่โรยด้วยหน้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมูชุปแป้งทอด กุ้งชุปแป้งทอด ปลาชุบแป้งทอด เท่านั้น ที่เห็นแปลกในทุกข้าวแกงคือ เขาจะอัดข้าวไปด้านหนึง แล้วเทแกงอีกด้าน ใส่ชามธรรมดา ไม่มีฉากกั้น และน้ำแกงก็ไม่ซึมเข้ามาทางฝั่งข้าว เพราะข้าวเขาหนึบและแน่น ทำให้น้ำแกงไม่ซึมข้ามมา
พอทานเสร็จตบท้ายด้วยไอศครีม สไตล์แบบฮอกไกโด (แก้ไข ไม่ได้มาจากฮอกไกโดแบบที่เขียนทีแรก ขออภัย)
ร้านเขาให้ปริมาณข้าวและเนื้อค่อนข้างมาก เรียกได้ว่า สั่งจานเดียวอิ่ม เสริฟ์พร้อมชาบาเล่ย์ ที่เจ้าของออกมาพรีเซ้นว่า เป็นชาที่ไม่มีคาแฟอีน เด็กกินได้ คนแก่กินดี เพราะสกัดจากข้าวบาเลย์แท้ๆ ราคาเมนูต่างๆ ที่มีอยู่ในร้านอยู่ระหว่าง 30-150 บาท เท่านั้น
ที่แปลกและประทับใจสำหรับผมคือ ร้านนี้เขาไม่ขายเหล้าญี่ปุ่นหรือสาเกเลย ตัวเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่นมาจากเมืองฮอกไกโดแท้ๆ เลยเป็นที่มาที่ตั้งชื่อร้านว่า ฮอกไกโดเคอรรี่ (ข้าวแกงฮอกไกโด ว่างั้น) เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดไทยได้ แต่อย่าคุยกับเขาเร็วนัก พูดไทยช้าๆ ชัดๆ กับเขา เขามาอยู่เมืองไทยได้หลายปีแล้ว มีภรรยาเป็นคนไทย และเจ้าของถ้าจำไม่ผิดชื่อคุญยูกิ (รูปผู้ชายเสื้อฟ้าทางขวา) เขาเป็นคนศรัทธาพุทธของไทยมาก ทำให้มีโอกาสคุยกันพอควร พอตอนขากลับ เจ้าของร้านออกมายืนส่ง ผมก็เลยถือโอกาส ถ่ายรูปเจ้าของกับหน้าร้านมาลงไว้
ก็เป็นอีกบรรยากาศเล็กๆ ของความเป็นเอง ที่ได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน ซึ่งหาไม่ได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป อ้อลืมไป ร้านเขาเปิด 2 รอบ
รอบเช้า 10:30-14:30 ส่วนรอบเย็นเปิด 16:30-20:00น. ยังไงลองค้นหาใน google ดูได้ เขามี facebook แฟนเพจของเขาเอง
[CR] ร้านฮอกไกโดเคอรี่ ประชาอุทิศ 47 กลางซอย
วันนี้พวกเรามีการนัดรวมเพื่อนในชมรมฯ ไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน เรื่องของเรื่องก็คือพวกเราเบื่ออาหารญี่ปุ่นสัญชาติไทยที่ขายตามห้างกันมาก เลยเสนอว่าช่วยหาร้านญี่ปุ่นที่มันเวิร์กๆ ราคาไม่แพงนัก (เพราะเคยเจอรสชาดแท้ แต่ราคาคนญี่ปุ่นแถวธนิยะกับสุริวงค์ กันมาแล้ว 555) ท้ายสุดคนในชมรมฯ พวกเราก็นัดรวมพลขึ้นรถลากผมและผองเพื่อนไปกันที่ประชาอุทิศ 47 วันนี้วันอาทิตย์ รถไม่ติด ทางสะดวก
ตอนไปถึงต้องไปวนจอดรถในประชาอุทิศ 49 แล้วย้ำต๊อกกลับมาสัก 100 เมตร มาทางซอย 47 ร้านเขาเป็นร้านเล็กๆ อยู่เป็นทาวเฮ้าท์ ในร้านมีประมาณ 3-4 โต๊ะเท่านั้น บรรยากาศเป็นกันเอง ร้านอาหารเขาเน้นเรื่องข้าวราดแกงกระหรี่สไตล์ญ่ปุ่นเป็นหลัก
ข้างแกงกระหรี่สไตล์ญี่ปุ่น ท้อปปิ้งด้วยหมูชุบแป้งทอด
ข้างแกงหรี่หน้าเกี้ยวซ่า
ข้างแกงกระหรี่ หน้าเกี้ยวซ๋า และโปะด้วยกุ้งชุปแป้งทอด
วอฟเฟิลไอครีมรูปปลา สไตล์ฮอกไกโด
ตอนเข้าไปทีแรกนึกว่าจะได้สั่งซูชิ ตามความนิยมเวลาเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ปรากฏว่าไม่มี ทางร้านเน้นแต่ข้าวแกงกระหรี่โรยด้วยหน้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมูชุปแป้งทอด กุ้งชุปแป้งทอด ปลาชุบแป้งทอด เท่านั้น ที่เห็นแปลกในทุกข้าวแกงคือ เขาจะอัดข้าวไปด้านหนึง แล้วเทแกงอีกด้าน ใส่ชามธรรมดา ไม่มีฉากกั้น และน้ำแกงก็ไม่ซึมเข้ามาทางฝั่งข้าว เพราะข้าวเขาหนึบและแน่น ทำให้น้ำแกงไม่ซึมข้ามมา
พอทานเสร็จตบท้ายด้วยไอศครีม สไตล์แบบฮอกไกโด (แก้ไข ไม่ได้มาจากฮอกไกโดแบบที่เขียนทีแรก ขออภัย)
ร้านเขาให้ปริมาณข้าวและเนื้อค่อนข้างมาก เรียกได้ว่า สั่งจานเดียวอิ่ม เสริฟ์พร้อมชาบาเล่ย์ ที่เจ้าของออกมาพรีเซ้นว่า เป็นชาที่ไม่มีคาแฟอีน เด็กกินได้ คนแก่กินดี เพราะสกัดจากข้าวบาเลย์แท้ๆ ราคาเมนูต่างๆ ที่มีอยู่ในร้านอยู่ระหว่าง 30-150 บาท เท่านั้น
ที่แปลกและประทับใจสำหรับผมคือ ร้านนี้เขาไม่ขายเหล้าญี่ปุ่นหรือสาเกเลย ตัวเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่นมาจากเมืองฮอกไกโดแท้ๆ เลยเป็นที่มาที่ตั้งชื่อร้านว่า ฮอกไกโดเคอรรี่ (ข้าวแกงฮอกไกโด ว่างั้น) เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดไทยได้ แต่อย่าคุยกับเขาเร็วนัก พูดไทยช้าๆ ชัดๆ กับเขา เขามาอยู่เมืองไทยได้หลายปีแล้ว มีภรรยาเป็นคนไทย และเจ้าของถ้าจำไม่ผิดชื่อคุญยูกิ (รูปผู้ชายเสื้อฟ้าทางขวา) เขาเป็นคนศรัทธาพุทธของไทยมาก ทำให้มีโอกาสคุยกันพอควร พอตอนขากลับ เจ้าของร้านออกมายืนส่ง ผมก็เลยถือโอกาส ถ่ายรูปเจ้าของกับหน้าร้านมาลงไว้
ก็เป็นอีกบรรยากาศเล็กๆ ของความเป็นเอง ที่ได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน ซึ่งหาไม่ได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป อ้อลืมไป ร้านเขาเปิด 2 รอบ
รอบเช้า 10:30-14:30 ส่วนรอบเย็นเปิด 16:30-20:00น. ยังไงลองค้นหาใน google ดูได้ เขามี facebook แฟนเพจของเขาเอง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น