ไหนๆ ซีรีย์ก็จบแล้ว ถ้าเราคิดแบบนี้ตั้งแต่แรก ตลอดเวลาที่ดูเลิฟซิคซีซั่น 2 เป็นต้นมา เราจะได้สบายใจ (แต่ก็บ่นไปละ กระทู้นี่เรายืมคำพูดของเพื่อนที่ไม่เคยบ่นมา แต่พึ่งมาบ่นตอนซีรีย์จบ)
ตราบใดที่เราเชื่อว่า LS SS2 มีตัวตน เราก็จะรู้สึกนอยด์รับประทาน ให้คิดเสียว่า LS SS2 คือภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้นมาเอง
มองมันที่หน้าจอให้ดี ๆ ระหว่างดู ว่ามันคือภาพลวงตาหรือไม่ ถ้าเราเห็น LS SS2 ที่มันห่วย ให้นึกถึง SS1 ที่มีแต่ภาพดี ๆ ตอนที่ไวท์จูบกัปตัน ในฉากผมอยากมีโน่ ฉากแบ๊คฮัก ฉากจูบในรถที่ฉายเฉพาะในโรง ตอนที่กัปตัน+ไวท์ ยิ้มให้กัน สบตากันและร้องไห้ในอ้อมแขนของกันและกันใน SS1 เพราะเรื่องเหล่านั้นมันคือเรื่องจริงของการเป็นซีรีย์เลิฟซิค
หากเรายังไม่เชื่อว่า SS2 คือของปลอม ก็ให้มองตั้งแต่การตีความบทที่ไม่สมูท การไม่เข้าใจความรักของผู้กำกับ ค่อย ๆ หายใจอย่างช้าๆ เพราะภาพลวงตาจะมีความแตกต่าง ถ้าเรามองให้ดีจะเห็นความต่าง คนส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีนี้ และหลายๆ คน พยายามมองข้ามมันไป อาจจะนั่นเป็นเพราะเรายังรักนักแสดง จึงต้องดูภาพลวงตาที่มันเป็นเรื่องเป็นราวมาตลอด 36 EP เมื่อเราเห็นว่ามันคือภาพลวงตาแล้ว เราก็จะไม่ออกมาบ่นเลย แม้ว่า ผกก จะกำกับห่วยได้โล่แค่ไหนก็ตาม
สรุปเลยนะ Love sick 2 มันแค่ยืมนิยายมาอ้างอิงเท่านั้นเอง แต่มันคือภาพลวงตาที่มันไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาพ ให้คนดูเชื่อว่า ปุณณ์โน่หลุดออกมาจากในนิยาย แต่มันคือ ไวท์+กัปตันที่ มาเล่นกันผ่านหน้าจอช่อง 9 แค่นั้น
ที่เราติดใจก็คือฉากเลิฟซิน ที่ทีมงานซีซั่น 1 เนื้อหาก็ไม่ค่อยเกย์จ๋าเท่าซีซั่นนี้ ชอบที่เรื่องราวของผู้คนรอบตัวปุณณ์โน่ ไม่ว่าจะเพื่อนๆ ของเขา หรือคู่อื่นๆ ก็นำเสนอได้ดี และทีมงานก็ไปต่อสู้กับกองเซนเซอร์ จนสามารถออกอากาศฉาก จูบใน EP 8 ได้ แถมยังไปต่อสู่กับฉากบางแสน Back hug จนสามารถออกอากาศได้ นี่แหล่ะเหตุผลที่เค้าทำด้วยใจ อยากที่จะนำเสนอให้คนดูได้ดูผลงานที่ตั้งใจทำมา แม้บางฉากจะไม่ได้ออกอากาศอย่างฉากจูบ EP10 ในรถ ที่นำไปฉายเฉพาะในโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่เชื่อว่าทุกคนก็ได้ดูแล้ว นี่คือความตั้งใจของทีมงานซีซั่น 1 จริง ๆ
แต่ในซีซั่น 2 เนื่องจากทีม ซซ1 อาจติดปัยหาบางประการ ทีม ซซ2 จึงเล็งเห็นผล ที่จะใช้บทประพันธ์เล่มนี้มาทำประโยชน์ในเชิงธุรกิจ(มั้ง) แต่ก็ทำออกมาได้ไม่สมราคา แถมยังเกียจคร้าน ไม่ได้ทำด้วยใจ จึงปล่อยผ่านแต่ละฉากมาอย่างลวก ๆ และในส่วนฉากสำคัญเรียกเรตติ้งอย่างฉากจูบ ใน EP7 ก็ได้ทำพลาด ทำอย่างไร้ศิลปะ จึงอาจถูกกองเซนเซอร์หั่นออก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางทีมสร้างไม่ไปเจรจาต่อสู้กับกองเซนเซอร์ด้วยความเกียจคร้านหรือเปล่า จึงเซฟตัวเองให้ได้งานสบาย เพื่อที่จะไม่ต้องไปต่อรองอะไรมากมายกับกองเซนเซอร์ จึงเลือกที่จะหั่นทิ้งออกทั้งหมด
ต้องเข้าใจเลยว่าจุดขายของเลิฟซิค หลังจากที่คนอ่านนิยาย ก็คือฉากจูบจริง ๆ เราว่านะแค่ปากชนปากเบา ๆเหมือนซีซั่น 1 เค้ายังออกอากาศได้ แต่ ทีมซซ2 เลือกจะไม่ทำ
หากใครคิดว่า Love sick ss2 ห่วยคุณสบายใจได้เลยเพราะ
ตราบใดที่เราเชื่อว่า LS SS2 มีตัวตน เราก็จะรู้สึกนอยด์รับประทาน ให้คิดเสียว่า LS SS2 คือภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้นมาเอง
มองมันที่หน้าจอให้ดี ๆ ระหว่างดู ว่ามันคือภาพลวงตาหรือไม่ ถ้าเราเห็น LS SS2 ที่มันห่วย ให้นึกถึง SS1 ที่มีแต่ภาพดี ๆ ตอนที่ไวท์จูบกัปตัน ในฉากผมอยากมีโน่ ฉากแบ๊คฮัก ฉากจูบในรถที่ฉายเฉพาะในโรง ตอนที่กัปตัน+ไวท์ ยิ้มให้กัน สบตากันและร้องไห้ในอ้อมแขนของกันและกันใน SS1 เพราะเรื่องเหล่านั้นมันคือเรื่องจริงของการเป็นซีรีย์เลิฟซิค
หากเรายังไม่เชื่อว่า SS2 คือของปลอม ก็ให้มองตั้งแต่การตีความบทที่ไม่สมูท การไม่เข้าใจความรักของผู้กำกับ ค่อย ๆ หายใจอย่างช้าๆ เพราะภาพลวงตาจะมีความแตกต่าง ถ้าเรามองให้ดีจะเห็นความต่าง คนส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีนี้ และหลายๆ คน พยายามมองข้ามมันไป อาจจะนั่นเป็นเพราะเรายังรักนักแสดง จึงต้องดูภาพลวงตาที่มันเป็นเรื่องเป็นราวมาตลอด 36 EP เมื่อเราเห็นว่ามันคือภาพลวงตาแล้ว เราก็จะไม่ออกมาบ่นเลย แม้ว่า ผกก จะกำกับห่วยได้โล่แค่ไหนก็ตาม
สรุปเลยนะ Love sick 2 มันแค่ยืมนิยายมาอ้างอิงเท่านั้นเอง แต่มันคือภาพลวงตาที่มันไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาพ ให้คนดูเชื่อว่า ปุณณ์โน่หลุดออกมาจากในนิยาย แต่มันคือ ไวท์+กัปตันที่ มาเล่นกันผ่านหน้าจอช่อง 9 แค่นั้น
ที่เราติดใจก็คือฉากเลิฟซิน ที่ทีมงานซีซั่น 1 เนื้อหาก็ไม่ค่อยเกย์จ๋าเท่าซีซั่นนี้ ชอบที่เรื่องราวของผู้คนรอบตัวปุณณ์โน่ ไม่ว่าจะเพื่อนๆ ของเขา หรือคู่อื่นๆ ก็นำเสนอได้ดี และทีมงานก็ไปต่อสู้กับกองเซนเซอร์ จนสามารถออกอากาศฉาก จูบใน EP 8 ได้ แถมยังไปต่อสู่กับฉากบางแสน Back hug จนสามารถออกอากาศได้ นี่แหล่ะเหตุผลที่เค้าทำด้วยใจ อยากที่จะนำเสนอให้คนดูได้ดูผลงานที่ตั้งใจทำมา แม้บางฉากจะไม่ได้ออกอากาศอย่างฉากจูบ EP10 ในรถ ที่นำไปฉายเฉพาะในโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่เชื่อว่าทุกคนก็ได้ดูแล้ว นี่คือความตั้งใจของทีมงานซีซั่น 1 จริง ๆ
แต่ในซีซั่น 2 เนื่องจากทีม ซซ1 อาจติดปัยหาบางประการ ทีม ซซ2 จึงเล็งเห็นผล ที่จะใช้บทประพันธ์เล่มนี้มาทำประโยชน์ในเชิงธุรกิจ(มั้ง) แต่ก็ทำออกมาได้ไม่สมราคา แถมยังเกียจคร้าน ไม่ได้ทำด้วยใจ จึงปล่อยผ่านแต่ละฉากมาอย่างลวก ๆ และในส่วนฉากสำคัญเรียกเรตติ้งอย่างฉากจูบ ใน EP7 ก็ได้ทำพลาด ทำอย่างไร้ศิลปะ จึงอาจถูกกองเซนเซอร์หั่นออก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางทีมสร้างไม่ไปเจรจาต่อสู้กับกองเซนเซอร์ด้วยความเกียจคร้านหรือเปล่า จึงเซฟตัวเองให้ได้งานสบาย เพื่อที่จะไม่ต้องไปต่อรองอะไรมากมายกับกองเซนเซอร์ จึงเลือกที่จะหั่นทิ้งออกทั้งหมด
ต้องเข้าใจเลยว่าจุดขายของเลิฟซิค หลังจากที่คนอ่านนิยาย ก็คือฉากจูบจริง ๆ เราว่านะแค่ปากชนปากเบา ๆเหมือนซีซั่น 1 เค้ายังออกอากาศได้ แต่ ทีมซซ2 เลือกจะไม่ทำ