100 ปีแห่งการรอคอย กว่าที่รัฐบาลทางการจีน จะทวงคืนความชอบธรรมให้กับจักรพรรดิกวางสู

เป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักประวัติศาสตร์การเมืองของจีน
เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิกวางสูแห่งราชวงศ์ชิง

ในประวัตศาสตร์ระบุไว้ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ เพราะเจ็บป่วยสาเหตุของโรคไม่แน่ชัด
แต่นักประวัติศาสตร์ปัจจุบันหลายคน เริ่มเชื่อในข่าวลือว่าพระองค์ท่านโดนวางยาพิษ    

ในปี คศ 2008  หรือ พศ 2551 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
ทางการรัฐบาลจีนตัดสินใจขุดพระบรมศพของพระองค์ท่านขึ้นมาพิสูจน์

ใช้หลักการแพทย์ หลักวิทยาศาสตร์พิสูจน์อย่างละเอียดทุกขั้นตอน

ผลปรากฏว่า  

พบสารหนู 201 มิลิกรัม มากกว่ามาตราฐานที่คนรับได้ถึง 2,000 เท่า
โดยระดับที่ทำอันตรายให้ตายได้เพียง 60-200 มิลลิกรัมก็ตายได้


เสียดายดิฉันโพสรูปแคปไม่ได้ เลยต้องใช้วิธีนี้

Forensic tests have revealed that China's second-to-last emperor, Guangxu,
died of arsenic poisoning 100 years ago this month, in the waning days of imperial China,
according to a report published Monday in the state-run China Daily newspaper.

An examination of hair taken from Guangxu's body found arsenic levels that were 2,000 times higher than that of ordinary people,
leading experts to "conclude that Guangxu died of acute arsenic poisoning," the newspaper reported, citing an investigative report.

"The arsenic so far collected from hair, clothing and the remaining stomach substance was about 201.5 mg,
" the paper reported. "An ordinary person will die of eating 60 to 200 mg of arsenic."

http://www.cnn.com/2008/WORLD/asiapcf/11/04/china.emperor/index.html?_s=PM:WORLD


และดิฉันก็นั่งค้นหาข้อมูลทั้งไทยและอังกฤษ จนเจอกระทู้นี้เข้า http://topicstock.ppantip.com/library/topicstock/2009/05/K7868683/K7868683.html

โชคดีมากๆค่ะ คุณหนุ่มรัตนะเจ้าของกระทู้นั้น ได้ลงรูปภาพ
หลักฐานและคำอธิบายอย่างละเอียดถึงขั้นตอนการพิสูจน์

เป็นอันว่าข่าวลือที่พระองค์ท่านโดนคำสั่งซูสีไทเฮาให้ไปวางยาพิษ ก็เป็นเรื่องจริงตามข่าวลือ

ค่ะถูกต้องแล้วค่ะ  

บางเรื่องบางอย่างก็ต้องใช้เวลานานถึง 100 ปี
กว่าที่จะทวงคืนความชอบธรรมมาได้
เป็นความจริงที่น่าเศร้ามากค่ะ

หมายเหตุ อย่าลืมอ่านกระทู้นี้ก่อนแสดงความคิดเห็นนะคะ  http://topicstock.ppantip.com/library/topicstock/2009/05/K7868683/K7868683.html
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
นี่อาจจะเป็นหลักฐานได้ oral history

Was It The Eunuch, With The Yogurt, In The Palace?
So, who was the murderer? The empress dowager had the motive. She feared if Guangxu outlived her,
he would restart his reforms and undo her work.
As to who administered the poison, there are five main suspects,
including her favorite eunuch servant, Li Lianying.

But Zhu says only one person could have made the decision to kill.
"One thing is certain: The empress dowager was the mastermind.
All these people were her cronies,
and it would be impossible for outsiders to come into the palace to poison the emperor."

Anecdotal evidence suggests that the poison could have been placed in a simple bowl of yogurt.
The minister of rituals in the Qing court, Pu Liang, passed this account down orally to his great-grandson,
Qi Gong, who has since died.

Zhu tells the story:
The empress dowager asked me to give it to the emperor.'
Two hours later, he heard weeping from the emperor's living quarters and shouts of 'the Emperor is dead.'
http://www.npr.org/templates/story/story.php?storyId=96993694

ขอแปลท่อนสุดท้ายที่สำคัญนะคะ

ชู ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการ คณะกรรมการ แห่งชาติเพื่อ รวบรวม ประวัติความเป็นมา ราชวงศ์ชิง
ได้บอกว่า ทวดของเขาเห็นขันทีออกมาจากห้องซูสีไทเฮา ถือถ้วยมาด้วย ทวดของชูถามว่า นั่นอะไร

คำตอบที่ได้คือ โยเกิต ซูสีไทเฮาสั่งให้ฉันเอาไปให้องค์ฮ่องเต้ ขันทีกล่าว

อีกสองชั่วโมงต่อมา เขาได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนออกมาว่า
องค์ฮ่องเต้ เสด็จสวรรคตแล้ว  



...........................................................................................................................................
Symbolism And Relevance In Modern China
สัญลักษณ์ และความสัมพันธ์กับจีนในยุคสมัยใหม่ปัจจุบัน

For Esherick, the American Qing historian, the research has modern relevance.
He says there has been intense interest in the findings in China,
including newspaper articles questioning whether China might have become a constitutional monarchy had Guangxu not been murdered.

"To me, the interesting thing is that
this represents a kind of yearning for a history of modern China that's not just a story of revolution,
that's the story of reform within the system," Esherick says.

For the Chinese Qing historian, Zhu, the symbolism is quite different.
He says taking part in the research was a moving experience for him.

"I was wearing gloves, and I touched the emperor's bones.
A hundred years ago, he was the supreme ruler, and ordinary people weren't even allowed to look at him.
But 100 years later, an ordinary person like me can touch his bones. History is like that," Zhu says.

เอชเชอริค นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน ที่ทำการค้นคว้าศึกษาประวัติของราชวงศ์ชิง
ได้กล่าวไว้ว่า มีการค้นพบบทความในประเทศจีน รวมทั้ง บทความในหนังสือพิมพ์

ที่มีคำถามว่า  จีนจะมีการปกครองแบบระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญหรือไม่
ถ้าองค์ฮ่องเต้กวางสูไม่ถูกปลงพระชนม์ก่อน

ในขณะที่ชูบอกไว้ว่า เขาต้องสวมถุงมือเพื่อสัมผัสกระดูกขององค์จักรพรรดิ์

หนึ่งร้อยปีก่อนหน้านั้น พระองค์ท่านคือผู้ปกครองมีอำนาจสูงสุด
สามัญชนธรรมดาไม่สามารถมองหน้าพระองค์ท่านได้

แต่พอกาลเวลาผ่านพ้นไป
สามัญชนอย่างเขาสามารถแตะต้องกระดูกของพระองค์ได้ ประวัติศาสตร์มันเป็นเช่นนั้น


.......................................................................................................................

What Might Have Been
สิ่งที่อาจเป็นไปได้ ถ้า

These findings are more personal for one man.
Jin Yuzhang would have been the emperor of China if the Qing dynasty had not been overthrown.
As Guangxu's nephew's nephew, and nephew to Pu Yi, China's last emperor,
he would have been the oldest male in his generation.

Nowadays, this heavyset 65-year-old wearing thick spectacles is a government official.
He accepts the new findings as finally ending the "mystery" of his ancestor's death.
He believes Guangxu was murdered by the empress dowager to stop his reform program.

"He wanted to change the country for the better.
And in the end, he sacrificed his life for the sake of national unity and social progress," Jin says.

Jin doesn't believe that his ancestor's death changed the course of Chinese history.
"The Qing dynasty was already at its end," he says.

"If the reforms had been successful, it might have lasted a few years longer.
But the feudal society didn't fit the needs of the times.
" And, echoing the words of Communist leader Mao Zedong, he concludes,
"If you don't destroy the old world, you can't build a new world."[/url" rel="nofollow" >

Guangxu Emperor's last resting place is a wooden coffin inside a huge underground stone vault.
Local people have placed very simple offerings in front of his tomb, including fruit, bottles of water, pieces of candy.
They and his descendants will be hoping that 100 years on,
finally knowing the truth, the soul of this murdered emperor will be able to rest in peace.


จิน คือทายาทของราชวงศ์ชิง ถ้าราชวงศ์ไม่โดนโค่นล้มไปก่อน
เขาก็จะได้เป็นองค์จักรพรรดิตามสายเลือดในการสืบราชสันตติวงศ์

เขายอมรับว่าองค์ฮ่องเต้กวางสู บรรพบุรุษของเขาโดนวางยาพิษ โดยพระนางซูสีไทเฮา
เพื่อป้องกันมิให้พระองค์ท่านทำการปฎิรูปเปลี่ยนแปลงการปกครองได้

พระองค์ท่านต้องการที่จะเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น
และในที่สุดพระองค์ท่านต้องเสียสละพระชนม์ชีพ เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม

เพื่อความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวของคนในชาติ และความเจริญก้าวหน้าทางสังคม " จินกล่าว


จินไม่เชื่อว่าการโดนปลงพระชนม์จนสวรรคตขององค์ฮ่องเต้กวางสู จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จีน
"ราชวงศ์ชิงมาถึงทางตันอยู่แล้วในวัฏจักรของตัวมันเอง  

"ถ้าการปฏิรูปการปกครองเป็นผลสำเร็จ ก็อาจจะยืดอายุของราชวงศ์ชิงต่อไปได้อีกไม่กี่ปี
แต่สังคมศักดินาในยุคนั้นไม่เข้ากับสภาวะสังคม  ไม่ฟิตพอดีกับความต้องการของเวลา

" และสะท้อนคำพูดของผู้นำคอมมิวนิสต์เหมาเจ๋อตงเที่สรุปว่า  
"ถ้าคุณไม่ทำลายโลกเก่า คุณก็ไม่สามารถสร้างโลกใหม่ได้."

สถานที่พำนัก สุดท้ายขององค์ฮ่องเต้กวางสู เป็น โลงศพไม้ ภายในหลุมฝังศพ
หินใต้ดินขนาดใหญ่ ผู้คนในท้องถิ่น ได้วางสิ่งของอย่างละเล็กละน้อย
ด้านหน้าของหลุมฝังพระบรมศพ เช่น ผลไม้ ขวดน้ำ  ลูกอม ขนมต่างๆ

ในที่สุด  100 ปี แห่งการรอคอย ลูกหลานในราชวงศ์ชิงก็ได้ทราบความจริง ,
ดวงพระวิญญาณของจักรพรรดิกวางสูต่อจากนี้ คงจะสามารถสู่สุขคติสุขได้

หมายเหตุ ดิฉันแปลคร่าวๆและแปลเฉพาะใจความสำคัญ

จากบทความทั้งหมด
ดิฉันเห็นด้วยที่ว่าราชวงศ์ชิงเดินทางมาสู่ทางตันจริงๆ เป็นไปตามกลไกทางธรรมชาติ

มีขึ้นได้ ก็ดับสูญได้ ตามวัฏจักรในตัวมันเอง

องค์ฮ่องเต้กวางสูก็คงได้แต่บรรเทาอาการ ยืดระยะเวลาการล่มสลายไปได้นานขึ้นอีกหน่อย สุดท้ายก็ต้องล่มสลายอยู่ดี
ดังเช่นคำที่เขาบอกกัน อำนาจมันมาได้ มันก็ไปได้ ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน

อ้างอิง แหล่งข่าวที่มา
http://www.npr.org/templates/story/story.php?storyId=96993694
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ประวัติศาสตร์ ประเทศจีน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่