เรื่องเล่าร้านอาหาร #ก้าวต่อไปของ MK (ธนูสามดอก)

เรื่องเล่าร้านอาหาร ‪#‎ก้าวต่อไปของMK‬ (ธนูสามดอก)

ถ้าให้พวกคุณทายว่าร้านอาหารที่สไตล์สุกี้ ชาบู ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยคือร้านอะไร

คำตอบคงไม่ยากใช่ไหมครับ ผมเชื่อว่าร้อยละ 90 เดาคำตอบถูกแน่นอน ใช่ครับ ร้านนั้นคือ MK

ตำนานของ MK ที่เริ่มต้นโดยคุณป้าทองคำ มีสาขาแรกที่สยามสแควร์ เมื่อปี 1962 จนมาวันนี้ MK เติบโตขึ้นอย่างมากมาย จนมีกว่า 400 สาขาทั่วทั้งประเทศ มีรายได้รวมกว่า 15,000 ต่อปี ล้านบาท มีกำไรสุทธิราว 2,000 ล้านบาทต่อปี และได้เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2014

เรื่องราวของ MK ย่อมเป็นที่น่าจดจำและยกย่องสำหรับทุกคนที่ทำธุรกิจร้านอาหาร เพราะเราสามารถพูดได้เลยว่า MK เป็นร้านอาหารของไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด Brand นึงและยืนหยัดสู้กับ Brand ต่างชาติในตลาดร้านอาหารเมืองไทย ที่มีผู้เล่นใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆได้อย่างสูสี

แล้วผมเขียนถึง MK เพราะอะไร?

เพราะผมมองว่า MK ถึงจุดอิ่มตัวในตลาดประเทศไทยแล้วน่ะสิครับ

กลยุทธของ MK ที่ผ่านๆมาคือ การโตไปพร้อมการขยายตัวของ Modern Trade ในทุกภาค ทุกหัวเมือง ที่ไหนมี Modern Trade ที่นั่นคุณเจอ MK แน่นอน อยากที่ทราบๆกัน ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา Modern Trade กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆมากขึ้น ซึ่งเป็นผลให้ MK โตก้าวกระโดดอย่างมีนับสำคัญ ลองคิดดูสิครับจาก 100 สาขาในปี 2000 โตมาเป็น 300 สาขา ในปี 2009 พูดง่ายๆ เลยคือโต 300% ในช่วงเวลาแค่ 10 ปี

แล้วปัญหาจริงๆ คืออะไร ?

ปัจจุบัน การเติบโตของห้างค้าปลีกเริ่มชะลอตัวลงเพราะยึดหัวหาดได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้วในทุกจังหวัดพร้อมการล่มสลายของระบบโชวห่วยแบบเดิม ถึงแม้จะมีการเติบโตของ Community mall แต่นั่นก็เป็นการเติบโตเฉพาะในกรุงเทพและจังหวัดรอบข้างเท่านั้น

ดังนั้นหากเศรษฐกิจประเทศไทยโดยรวมและจำนวนประชากรไม่เติบโตขึ้น จำนวนสาขาของ MK ย่อมเติบโตได้ช้าลงเช่นกันเพราะ MK ได้แทรกเข้าไปอยู่แทบจะทุกจังหวัดและชุมชนต่างๆทั่วประเทศทั้งหมดแล้ว คิดเอาง่ายๆว่าปัจจุบัน MK มีสาขาทั้งหมด 422 สาขา เฉลี่ยแล้วแต่ละจังหวัดจะมี MK ราว 6 สาขาโดยประมาณ

สัญญาณการการเติบโตในส่วนของรายได้ต่อสาขามีแนวโน้มคงที่ไม่เติบโตขึ้น นั้นปรากฏได้ชัดขึ้นโดยสาขา ณ สิ้นสุดปี 2014 มีทั้งหมด 401 สาขา และเพิ่มขึ้นเป็น 422 สาขาในปี 2015 คิดเป็นอัตราเพิ่มราว 5% ในขณะที่รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2015 ก็โตขึ้นราว 5% จากปี 2014 เช่นเดียวกัน แต่อย่าลืมว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2014 นั้น กรุงเทพประสบปัญหาทางการเมืองเป็นผลให้ยอดขายมีการลดลงอย่างแน่นอน ดังนั้นการเติบโตเพียง 5% ในปี 2015 ย่อมชี้ให้เห็นสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน (สาขา MK ในกรุงเทพมีทั้งหมด 199 สาขา ตกราวเกือบ 50% ของสาขาทั้งหมด)

ก้าวต่อไปของ MK คืออะไร?

ในความเห็นผม ก้าวต่อไปของ MK สามารถแบ่งได้ออกเป็นธนูสามดอกเพื่อการเติบโต (ตั้งชื่อมาแนว นายกอาเบะเลยทีเดียว) ดังนี้

ธนูดอกที่ 1: การเติบโตของ Brand ในมือ

Brand ในมือของ MK ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 Brands ซึ่งแนวโน้ม Brand ที่ดูแล้วเข้าท่าและพร้อมจะเติบโตได้มากที่สุดก็คือ Yayoi ซึ่งกลยุทธการเติบโตของ Brand นี้ ก็ใช้วิธีเดียวกับ MK สมัยแรกเริ่มกล่าวคือไปตาม Modern Trade ซึ่งร้าน Yayoi ปัจจุบันมีทั้งหมด 129 สาขา ซึ่งหมายความว่ายังมีโอกาสเกาะไปตาม Modern Trade อื่นๆที่มี MK แต่ไม่มี Yayoi ได้อีกในต่างจังหวัด อีกทั้ง Trend อาหารญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นกระแสหลักของคนไทย อีกทั้งราคา Yayoi จัดว่าถูกเมื่อเทียบกัลคู่แข่งรายอื่นๆ ดังนั้นจึงมีโอกาสมากที่จะเห็น Yayoi เติบโตไปตามต่างจังหวัดมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง Yayoi มีการบ้านที่ต้องทำอีกเยอะทั้งในเรื่องคุณภาพ Brand Image และการสื่อสารไปยังลูกค้า เพื่อที่จะทำให้เติบโตได้ต่อเนื่อง

ธนูดอกที่ 2: การเติบโตของ AEC

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า สุกี้และชาบู เป็นอาหารยอดนิยมประเภทหนึ่งของคนเอเชีย และแน่นอน เพื่อนบ้านรอบข้างประเทศอยู่ในช่วงที่กำลังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก ทั้งใน เวียดนาม พม่า กัมพูชา และลาว ประชาชนของประเทศเหล่านี้ล้วนรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมถึงได้รับอิทธิพลของสื่อจากเมืองไทยไปมากพอสมควร ซี่งปัจจุบัน MK ได้มีการเปิด Franchise ที่เวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโอกาสของ MK ที่จะเติบโตในประเทศเหล่านี้มีสูงมาก

อย่างไรก็ดี MK ยังคงต้องรอจังหวะของการเติบโตของชุมชนเมืองและชั้นกลางในประเทศดังกล่าว เนื่องจากค่าแรงขั้นต่ำของประเทศเหล่านี้ยังคงต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย
แต่สามารถเชื่อได้ว่าเมื่อหัวเมืองหลักมีการขยายตัวเมื่อไหร่ MK จะสามารถขยายตัวไปได้อย่างแน่นอน

ธนูดอกที่ 3: การเติบโตจากการ M&A (Merger & Acquisition) หรือ C&D (Copy & Development)

ปัจจุบัน MK มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นราว 8,500 ล้านบาท รวมถึงมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำมากๆ ลองจินตนาการสิครับ ถ้าเรามีเงินสดในมือขนาดนี้ จะทำอย่างไรกับมันดี จะเอาไปฝากแบงค์หรือเอาไปลงทุนต่อยอดดี แน่นอนระดับอย่าง MK ย่อมมองการเติบโตจากทุนรอนมหาศาลนี้จาการ M&A อย่างแน่นอน บริษัทสามารถเอาเงินสดดังกล่าวไปซื้อ Franchise จากเมืองนอกเข้ามาเพิ่มใน Portfolio ในมือ หรือจะไปซื้อกลุ่มธุรกิจระดับกลางๆ ที่ต้องการผู้ร่วมทุนหรือต้องการทุนเพื่อการเติบโต โดยอาจจะไม่ต้องเป็นธุรกิจร้านอาหารซะด้วยซ้ำ ณ จุดนี้ MK มีความพร้อมมากในส่วนของผู้ร่วมลงทุนและนำความสามารถที่บริษัทมีไปพัฒนาและต่อยอดให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ กลยุทธ C&D การสามารถนำมาใช้เพื่อการเติบโตได้ เนื่องจาก MK มีความพร้อมทั้งในหน่วยงานระบบหลังบ้าน และ R&D ซึ่งหากบริษัทเห็นจุดไหนที่สามารถพัฒนาและต่อยอดได้ แน่นอนบริษัทสามารถ Copy concept ดังกล่าวและนำมาต่อยอดสร้าง Brand ของตัวเองได้อย่างแน่นอน

ผมเชื่อว่า MK จะธนูสามดอกดังกล่าวเพื่อการพัฒนาและเติบโตในระยะที่สาม เมื่อธุรกิจเริ่มมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว โดยเราต้องลองมาคิดเล่นๆกันว่า MK จะใช้ธนูดอกไหนก่อน หรืออาจจะมีธนูดอกที่ 4 ก็เป็นได้ ยังไงมาลองช่วยกันคิดนะครับ ถือว่าพัฒนาสมอง

Cr.https://www.facebook.com/restaurantcreator?ref=aymt_homepage_panel


Credit ข้อมูล
www.set.or.th
www.mkrestaurant.com

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่