นับตั้งแต่การเสียสุดยอดกุนซืออย่าง "เซอร์ เอล็กซ์" ไป บุคคลที่ผมอยากเห็นในการนำพาทีม ต่อยอด ความสำเร็จอันดับ 1 คือ เจอร์เก้น คล๊อป โดยมีเหตุผลประกอบดังนี้
1.สไตล์ฟุตบอลที่เน้น เกมส์รุก ต่อบอล ทำชิ่ง แทงทะลุช่อง การได้ดูทีมที่เราเชียร์เล่นบอลแบบนี้ มันคงน่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน
2.ความกระหายในชัยชนะ ความเกรี้ยวกราดยามทีมเสียผลประโยชน์ การออกแอ็คชั่นต่างๆ มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่เหี้ยมเกรียม ซึ่งส่งผลลงไปถึงผู้เล่นในทีม เคยมีคำกล่าวที่ว่า "วิธีการเล่นของทีมจะสะท้อนให้เห็นถึง ความคิด และ นิสัย ของผู้จัดการทีม" โดยเฉพาะ การแสดงออกในเกมส์ UCL ที่ดอร์ทมุนเจอกับ นาโปลี
3.การดึงนักเตะที่ไม่ใช่ ซุปเปอร์สตาร์เข้าทีม แล้วปั้นแต่งจนนักเตะกลายเป็น ซุปเปอร์สตาร์ (เลวานดอฟกี้,คากาวะ,มาโค รอยส์) รวมถึงการดันนักเตะเยาวชนของสโมสร จนกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์(เกิทเซ่)
4.การพาทีมที่มีผู้เล่นโนเนมเหล่านั้น ล้มแชมป์ที่มีซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง บาเยิน คว้าแชมป์ลีคสูงสุดหรือการถีบทีม ราชันชุดขาว ตกรอบ UCL ยิ่งการันตีถึงความเขี่ยว ของ กุนซือคนนี้
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เหล่าสาวก หงแดง ต่างออกมาโห่ร้องยินดีปรีดา ประหนึ่ง ทีมได้แชมป์ เพราะด้วยคุณสมบัติที่ คล๊อป มี สร้างความหวัง ให้เหล่าสาวก หงแดง ว่าจะสามารถพาทีมรัก"สู่ความฝัน"ที่จะคว้าแชมป์ลีคสูงสุดของประเทศให้จงได้ เพราะด้วยคุณสมบัติของทีมหงแดงตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับทีมดอร์ทมุนก่อนที่คล๊อปจะเข้ามาคุมทีม คือ 1.ทีมตกต่ำไปอยู่กลางตารางทั้งที่เป็นทีมใหญ่ของประเทศ 2.ในทีมไร้ซึ่งซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก ซึ่งเมื่อมองที่จุดนี้ ยิ่งทำให้มโนไปไกลได้ว่าคล๊อปจะพา หงแดง เดินตามรอยเท้าดอร์ทมุน ขึ้นไปผงาดเป็นแชมป์ลีคสูงสุคของประเทศครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1990 แต่ ดั่งสุภาษิตจีนว่าไว้ "ในดีมีชั่วในชั่วมีดี" เหล่าสาวกหงแดง ต้องเข้าใจว่า ที่นี่คือพรีเมียลีค อังกฤษ ไม่ใช่บุนเดสลีกา เยอรมัน เพราะมีอีกหลายๆอย่าง ที่อาจไม่เป็นไปตามที่หวัง
1.ปีแรกที่คล๊อป ทำทีม ดอร์ทมุน พาทีมจบที่ 6 ปีที่สอง จบที่ 5 ปีที่ 3 เป็นแชมป์ ถ้าเป็น ลิเวอร์พูล 2 ปีแรก จบที่ 6 และที่ 5 ไม่แน่ใจว่าคล๊อปจะได้อยู่ทำงานต่อปีที่ 3 หรือไม่ (ปีสุดท้ายครึ่งฤดูกาลแรกจมอยู่ท้ายตาราง แต่ไม่ถูกไล่ออก)
2.อย่างที่กล่าวไวว่า "ที่นี่คือพรีเมียลีค อังกฤษ ไม่ใช่บุนเดสลีกา เยอรมัน" ที่เยอรมัน คุณแค่ทำแต้มให้เยอะกว่า บาเยิร์น คุณก็สามารถคว้าแชมป์ได้ แต่เมื่อมาอยู่บนเวทีที่มีการแข่งขันที่สูงกว่า ปีที่คุณทำได้ดีกว่าแมนยู คุณกลับเจอ อาเซนอลขวาง (2001-2002) ปีที่คุณทำได้ดีกว่า อาเซนอล แมนยูก็กลับมาขวาง (2008-2009) และล่าสุด คุณทำได้ดีกว่าทั้ง อาเซนอล แมนยู และ เชลซี กลับถูก แมนซิตี้ วิ่งตัดหน้ามาฉกความฝันไปซ่ะอน่างนั้น
3.ราฟาเอล เบนิเตส เคยนำความหวัง ที่คล้ายๆกันนี้ มาสู่ถิ่น แอนฟิล หลังจากพาทีม บาเลนเซียผงาดคว้าแชมป์ ลาลีกา เหนือ ราชันชุดขาว และ เจ้าบุญทุ่ม แถมเปิดตัวในปีแรกอย่างสุดอลังการ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ UCL สมัยที่ 5 แต่เมื่อเวลาผ่านไปสุดท้ายไม่สามารถพาทีม หงแดง ขึ้นไปครองแชมป์ลีคสูงสุดได้ ก็ถูกตะเพิดออกไป
4.ความหวังที่เหล่าสาวกหงแดง จะเห็นนักเตะ ซุปเปอร์สตาร์ของดอร์ทมุน อย่าง มาโค รอยส์,อีคาย กุนโดกัน,มัตฮุมเมลล์ เข้ามาสู่ทีม ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีทีมยักใหญ่ที่พร้อมจะทุ่มเงินค่าตัวและค่าเหนื่อย แย่งตัวไปก่อน ดั่งกรณี ที่เคยโดนมา ทั้ง วิลเลี่ยน และ ซาร่า
5.เกมส์ฟุตบอลอังกฤษที่แตกต่างจากเยอรมัน ประสบการณ์ของคล๊อปที่ยังไม่เคยเจอ บ๊อคซิ่งเดย์ ที่เตะกันในช่วงเวลาที่เยอรมันเบรคหนีหนาว ทีมแข่งขันในลีคที่มีถึง 20 ทีม แตกต่างจาก 18 ทีมในเยอรมัน
6.การที่ต้องแบกความหวังของเหล่าสาวก หงแดง จะมีแรงกดดันสูงมาก ยังไม่แน่ใจว่ามันจะมีผลกับตัว คล๊อปเอง และส่งผลไปยังเหล่านักเตะมากน้อยแค่ไหน
7.ความไม่แน่นอนของ เป๊บ ว่าจะคุมทีม บาเยิร์นต่อหรือไม่ หากเกิด เป้บ ไม่ต่อสัญญา แล้วบาเยิร์น โดย มาเฟียลูกหนังแห่งเยอรมัน อย่าง ฟร้านเบ็คเค้น บาว กรี้ง มาหาคล๊อป ก้มีโอกาศที่คล๊อป จะเลือกกลับไปเยอรมันคุมทีมที่ใหญ่กว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้น การมาของ เจอร์เก้น คล๊อป นอกจากจะนำเอาความหวัง และ สานความฝันของเหล่าสาวก หงแดง แล้ว น่าจะสร้างสีสัน ให้กับเวทีพรีเมียลีคในปีนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เจอร์เก้น "คล๊อป" กับ ความหวัง ความฝัน อันยิ่งใหญ่ของเหล่า เดอะค๊อป
1.สไตล์ฟุตบอลที่เน้น เกมส์รุก ต่อบอล ทำชิ่ง แทงทะลุช่อง การได้ดูทีมที่เราเชียร์เล่นบอลแบบนี้ มันคงน่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน
2.ความกระหายในชัยชนะ ความเกรี้ยวกราดยามทีมเสียผลประโยชน์ การออกแอ็คชั่นต่างๆ มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่เหี้ยมเกรียม ซึ่งส่งผลลงไปถึงผู้เล่นในทีม เคยมีคำกล่าวที่ว่า "วิธีการเล่นของทีมจะสะท้อนให้เห็นถึง ความคิด และ นิสัย ของผู้จัดการทีม" โดยเฉพาะ การแสดงออกในเกมส์ UCL ที่ดอร์ทมุนเจอกับ นาโปลี
3.การดึงนักเตะที่ไม่ใช่ ซุปเปอร์สตาร์เข้าทีม แล้วปั้นแต่งจนนักเตะกลายเป็น ซุปเปอร์สตาร์ (เลวานดอฟกี้,คากาวะ,มาโค รอยส์) รวมถึงการดันนักเตะเยาวชนของสโมสร จนกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์(เกิทเซ่)
4.การพาทีมที่มีผู้เล่นโนเนมเหล่านั้น ล้มแชมป์ที่มีซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง บาเยิน คว้าแชมป์ลีคสูงสุดหรือการถีบทีม ราชันชุดขาว ตกรอบ UCL ยิ่งการันตีถึงความเขี่ยว ของ กุนซือคนนี้
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เหล่าสาวก หงแดง ต่างออกมาโห่ร้องยินดีปรีดา ประหนึ่ง ทีมได้แชมป์ เพราะด้วยคุณสมบัติที่ คล๊อป มี สร้างความหวัง ให้เหล่าสาวก หงแดง ว่าจะสามารถพาทีมรัก"สู่ความฝัน"ที่จะคว้าแชมป์ลีคสูงสุดของประเทศให้จงได้ เพราะด้วยคุณสมบัติของทีมหงแดงตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับทีมดอร์ทมุนก่อนที่คล๊อปจะเข้ามาคุมทีม คือ 1.ทีมตกต่ำไปอยู่กลางตารางทั้งที่เป็นทีมใหญ่ของประเทศ 2.ในทีมไร้ซึ่งซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก ซึ่งเมื่อมองที่จุดนี้ ยิ่งทำให้มโนไปไกลได้ว่าคล๊อปจะพา หงแดง เดินตามรอยเท้าดอร์ทมุน ขึ้นไปผงาดเป็นแชมป์ลีคสูงสุคของประเทศครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1990 แต่ ดั่งสุภาษิตจีนว่าไว้ "ในดีมีชั่วในชั่วมีดี" เหล่าสาวกหงแดง ต้องเข้าใจว่า ที่นี่คือพรีเมียลีค อังกฤษ ไม่ใช่บุนเดสลีกา เยอรมัน เพราะมีอีกหลายๆอย่าง ที่อาจไม่เป็นไปตามที่หวัง
1.ปีแรกที่คล๊อป ทำทีม ดอร์ทมุน พาทีมจบที่ 6 ปีที่สอง จบที่ 5 ปีที่ 3 เป็นแชมป์ ถ้าเป็น ลิเวอร์พูล 2 ปีแรก จบที่ 6 และที่ 5 ไม่แน่ใจว่าคล๊อปจะได้อยู่ทำงานต่อปีที่ 3 หรือไม่ (ปีสุดท้ายครึ่งฤดูกาลแรกจมอยู่ท้ายตาราง แต่ไม่ถูกไล่ออก)
2.อย่างที่กล่าวไวว่า "ที่นี่คือพรีเมียลีค อังกฤษ ไม่ใช่บุนเดสลีกา เยอรมัน" ที่เยอรมัน คุณแค่ทำแต้มให้เยอะกว่า บาเยิร์น คุณก็สามารถคว้าแชมป์ได้ แต่เมื่อมาอยู่บนเวทีที่มีการแข่งขันที่สูงกว่า ปีที่คุณทำได้ดีกว่าแมนยู คุณกลับเจอ อาเซนอลขวาง (2001-2002) ปีที่คุณทำได้ดีกว่า อาเซนอล แมนยูก็กลับมาขวาง (2008-2009) และล่าสุด คุณทำได้ดีกว่าทั้ง อาเซนอล แมนยู และ เชลซี กลับถูก แมนซิตี้ วิ่งตัดหน้ามาฉกความฝันไปซ่ะอน่างนั้น
3.ราฟาเอล เบนิเตส เคยนำความหวัง ที่คล้ายๆกันนี้ มาสู่ถิ่น แอนฟิล หลังจากพาทีม บาเลนเซียผงาดคว้าแชมป์ ลาลีกา เหนือ ราชันชุดขาว และ เจ้าบุญทุ่ม แถมเปิดตัวในปีแรกอย่างสุดอลังการ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ UCL สมัยที่ 5 แต่เมื่อเวลาผ่านไปสุดท้ายไม่สามารถพาทีม หงแดง ขึ้นไปครองแชมป์ลีคสูงสุดได้ ก็ถูกตะเพิดออกไป
4.ความหวังที่เหล่าสาวกหงแดง จะเห็นนักเตะ ซุปเปอร์สตาร์ของดอร์ทมุน อย่าง มาโค รอยส์,อีคาย กุนโดกัน,มัตฮุมเมลล์ เข้ามาสู่ทีม ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีทีมยักใหญ่ที่พร้อมจะทุ่มเงินค่าตัวและค่าเหนื่อย แย่งตัวไปก่อน ดั่งกรณี ที่เคยโดนมา ทั้ง วิลเลี่ยน และ ซาร่า
5.เกมส์ฟุตบอลอังกฤษที่แตกต่างจากเยอรมัน ประสบการณ์ของคล๊อปที่ยังไม่เคยเจอ บ๊อคซิ่งเดย์ ที่เตะกันในช่วงเวลาที่เยอรมันเบรคหนีหนาว ทีมแข่งขันในลีคที่มีถึง 20 ทีม แตกต่างจาก 18 ทีมในเยอรมัน
6.การที่ต้องแบกความหวังของเหล่าสาวก หงแดง จะมีแรงกดดันสูงมาก ยังไม่แน่ใจว่ามันจะมีผลกับตัว คล๊อปเอง และส่งผลไปยังเหล่านักเตะมากน้อยแค่ไหน
7.ความไม่แน่นอนของ เป๊บ ว่าจะคุมทีม บาเยิร์นต่อหรือไม่ หากเกิด เป้บ ไม่ต่อสัญญา แล้วบาเยิร์น โดย มาเฟียลูกหนังแห่งเยอรมัน อย่าง ฟร้านเบ็คเค้น บาว กรี้ง มาหาคล๊อป ก้มีโอกาศที่คล๊อป จะเลือกกลับไปเยอรมันคุมทีมที่ใหญ่กว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้น การมาของ เจอร์เก้น คล๊อป นอกจากจะนำเอาความหวัง และ สานความฝันของเหล่าสาวก หงแดง แล้ว น่าจะสร้างสีสัน ให้กับเวทีพรีเมียลีคในปีนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว