เราเคยไปเที่ยวทั้งกับเพื่อน กับรุ่นพี่ กับครอบครัว
เคยทั้งไปเป็นคู่ ไปเป็นกลุ่ม แต่แบบที่เราชอบที่สุดก็คือ “ไปคนเดียว”
และ การเที่ยวคนเดียวครั้งแรกของเราเกิดขึ้นหลังจากที่เรา “อกหัก” ...
คงไม่ต้องอธิบายความหมายของคำนี้ให้มากมาย เพราะเราเชื่อว่าหลายคนคงเคยสัมผัสมันมาแล้ว
ทริปนี้เกิดขึ้น ช่วงต้นปีที่แล้ว เป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง…
จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเราถึงเลือกไปเสม็ด รู้แค่ว่าตอนนั้น “คำถาม” ในหัวมันเยอะไปหมด
อยากหลบไปคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว ที่ไหนสักที่
เราเดาว่า คงมีคนไม่น้อยที่อกหัก แล้วอยากไปเที่ยวคนเดียว…
ความจริงก็คือ ไม่จำเป็นว่าคนที่อกหัก ต้องไปเที่ยวคนเดียว ถึงจะดีขึ้น
แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่อกหัก ไปเที่ยวคนเดียว แล้วจะดีขึ้น
สำหรับเรา เราว่าเราดีขึ้นในระดับหนึ่ง หลังจากที่เราพบแนวคิดบางอย่างระหว่างทริปนี้
เราเขียนบทความนี้เพื่อแชร์แนวคิดที่ว่า และเราหวังว่ามันจะทำให้ใครหลายๆคน “ดีขึ้น”
ในทริปนี้เราเอาสมุดไปด้วยหนึ่งเล่ม เรากะว่าถ้าเราคิดอะไรออกระหว่างทริป เราจะจดลงสมุด
ขณะที่เรากำลังจะขึ้นเรือข้ามเกาะ ความคิดแรกก็เข้ามาในหัว เรารีบจดลงสมุดก่อนที่มันจะหายไป…
“การเจอบทเรียนเดิมซ้ำๆ ไม่ได้แปลว่ามันไม่ดีกับเรา”
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราอกหัก และมันก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
เราเลือกได้ว่าเราจะมองบทเรียนเดิมบทเรียนนี้อย่างไร
เราจะมองว่า “เรียนอีกทำไม? เสียเวลา” หรือ “เรียนซ้ำก็ดีเหมือนกัน จะได้มีพื้นฐานแน่นๆ และพร้อมสำหรับบทเรียนต่อไป”…
จิตใจที่เลื่อนลอย ทำให้ร่างกายเราไร้น้ำหนัก
เราเดินเซไปเซมา ตั้งแต่ขวาสุดของหาด ไปยังซ้ายสุดของหาด
เราเดินเท้าเปล่า ในมือหิ้วรองเท้าแตะ
พร้อมกับคำถามที่แบกไว้ในหัว ว่า “ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป ? ทำไมถึงเปลี่ยนใจ ? ทำไม เรา ถึงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ?”
ดูเป็นคำถามที่ยากจะหาคำตอบ จนเราหยุดเดิน และ ยืนมองเท้าของตัวเองที่แช่อยู่กับที่…
“ความรู้สึกของเขา ก็คงเหมือนเม็ดทราย… มากมายและละเอียดอ่อน”
“เวลา เหมือน น้ำทะเล… ไหลไป ไม่เคยหยุด”
“น้ำทะเลทำให้ทรายเปลี่ยนไป เวลาทำให้ใจของเขา ไม่เหมือนเดิม”
เย็นนี้เรานั่งกินข้าวริมหาด… คนเดียว
ไม่บ่อยนักที่เราจะกินข้าวคนเดียว ยิ่งไม่ใช่ในกรุงเทพฯ นี่อาจเป็นครั้งแรก ด้วยซ้ำ
แต่ก็นะ… “บนเกาะนี้ คงไม่ได้มีเราคนเดียว ที่นั่งกินข้าวคนเดียว”… “บนโลกนี้คงไม่ได้มีแค่เราคนเดียว ที่อกหัก”
นั่งตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก จนมืด
ดูโชว์ควงไฟจบ ร้านอาหารเริ่มปิด ผู้คนก็แยกย้ายกันกลับที่พัก
“ขณะที่ท้องฟ้า และ พื้นน้ำเป็นสีดำ เรายังมองไปเห็นแสงไฟจากเรือประมง…
แล้วขณะที่ความรู้สึกมืดมิดครอบงำจิตใจของเรา เราจะมองไม่เห็นแสงอะไรเลยหรอ ? ”
2 วัน 1 คืน กับการคิดทบทวนว่า อกหักครั้งนี้ เราเสียอะไรไปบ้าง
แต่เรากลับพบว่า ในขณะที่เรา “เสีย” บางอย่าง เราก็ “ได้” อะไรบางอย่าง เหมือนกัน
เรา เสีย น้ำตา … เรา ได้ รู้ว่าเรายังมีความรู้สึก
เราร้องไห้จน เสีย การทรงตัว … เรา ได้ รู้ว่าเราเข้มแข็งขนาดไหนตอนที่เราลุกขึ้นยืน
เรา เสีย ความรู้สึก ที่เจอคนใจร้าย ... เรา ได้ เจอ ครูที่น่าจดจำคนหนึ่ง
เรา เสียใจ กับรักที่ไม่สมหวัง ... แต่อย่างน้อย ครั้งหนึ่ง ความหวังก็ทำให้ เรา ได้ มีความสุข
เรา เสีย แรง ทำสิ่งต่างๆให้เขา … เรา ได้ เรียนรู้ที่จะ ให้
เราเคยคิดว่าเรา เสีย เวลา ไปกับคนนี้ …
แต่จริงๆแล้ว เรา ได้ บทเรียนครั้งใหญ่และถ้าเราได้อะไรบางอย่าง นั่นไม่เรียกว่าเสียเวลา
เราอาจจะ เสีย ความสัมพันธ์นี้ไป แต่เรา ได้ เราคนเดิม กลับมา
ถึงจะไม่ใช่คนเดิม 100 % แต่ก็เป็นคนเดิมที่ไม่มีอะไรผูกมัด
คนเดิมที่อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทำอะไรก็ได้ทำ
คนที่กลับมามีเวลาให้เพื่อน ให้ครอบครัว และให้ตัวเอง
การไปเที่ยวคนเดียวครั้งนี้ ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัวชัดขึ้น
คนบนเกาะ… นักท่องเที่ยว… ธรรมชาติ… ทุกอย่างเคลื่อนไหว
เวลาเดินไป และเราทุกคนต้องเดิมตาม
เรือจะบรรทุกคน บรรทุกของ หรือไม่บรรทุกอะไรเลย มันก็ยังแล่นไปข้างหน้า
ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ อาจทำให้เราเดินช้าลงได้ แต่มันทำให้เราหยุดเดิน ไม่ได้
และระวัง อย่าก้มหน้าก้มตาเดิน เพราะมันอาจทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งดีดีที่อยู่ข้างหน้า
เราไปเที่ยวด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและไม่เข้าใจอะไรเลย
แต่เรากลับมาพร้อม ความเข้าใจบางอย่าง และ ปล่อยวางในสิ่งที่ยากจะเข้าใจ
บางคนบอกว่า ตอนอกหัก เราจะรู้สึกเหมือนเราสูญเสียส่วนหนึ่งของเราไป
บางคนก็บอกว่า มันรู้สึกเหมือนข้างในเรา เปราะ และ แตกเป็นชิ้นๆ
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราว่า… หลังจากทริปนี้ ชิ้นส่วนที่แตกไปของเรามันกลับมาประกอบกัน
ถึงมันจะประกอบกันไม่สนิทเท่าเดิม แต่เราเชื่อว่าวันหนึ่ง เราจะเจอคนที่เข้ามากอดเราแน่น
แน่นจนชิ้นส่วนเหล่านั้นประกอบติดกันสมบูรณ์ และไม่แตกสลายอีก
เราอยากให้ทุกคนเชื่อว่า “คนนั้น” ของทุกคนมีอยู่จริง
และเขาจะเข้ามา โดยที่เราไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย
แต่ขณะที่เขายังไม่เข้ามา อย่าลืมที่จะมีความสุข อย่าลืมที่จะเดินต่อ และอย่าลืมที่จะรักตัวเอง.
<3
ป.ล. เนื้อหาทั้งหมดเป็นแค่ประสบการณ์และมุมความรักของเรา ไม่มีเจตนาจะนิยามคำนี้อย่างตายตัวค่ะ : )
และต้องขอโทษจริงๆค่ะที่ตั้งกระทู้ผิดที่ ปกติจะอยู่ในกระทู้สนทนา คราวนี้ดันมาอยู่ในกระทู้คำถามเฉยเลย อย่าโกรธกันน้าาาาาาา
ชอบกันก็ติดตามกันได้ในเว็บไซต์
http://blissoutthere.com/ และ แฟนเพจ ลิงก์นี้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/BlissOutThere
ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนกันค่ะ ฝากติดตามกระทู้ต่อๆไปด้วยน้าาาาาาาาาาา : )
อกหัก – ไปเที่ยวคนเดียว – และ การค้นพบ " แนวคิด เปลี่ยน ‘เสีย’ ให้กลายเป็น ‘ได้’ " [ Bliss Out There ]
เคยทั้งไปเป็นคู่ ไปเป็นกลุ่ม แต่แบบที่เราชอบที่สุดก็คือ “ไปคนเดียว”
และ การเที่ยวคนเดียวครั้งแรกของเราเกิดขึ้นหลังจากที่เรา “อกหัก” ...
คงไม่ต้องอธิบายความหมายของคำนี้ให้มากมาย เพราะเราเชื่อว่าหลายคนคงเคยสัมผัสมันมาแล้ว
ทริปนี้เกิดขึ้น ช่วงต้นปีที่แล้ว เป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง…
จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเราถึงเลือกไปเสม็ด รู้แค่ว่าตอนนั้น “คำถาม” ในหัวมันเยอะไปหมด
อยากหลบไปคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว ที่ไหนสักที่
เราเดาว่า คงมีคนไม่น้อยที่อกหัก แล้วอยากไปเที่ยวคนเดียว…
ความจริงก็คือ ไม่จำเป็นว่าคนที่อกหัก ต้องไปเที่ยวคนเดียว ถึงจะดีขึ้น
แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่อกหัก ไปเที่ยวคนเดียว แล้วจะดีขึ้น
สำหรับเรา เราว่าเราดีขึ้นในระดับหนึ่ง หลังจากที่เราพบแนวคิดบางอย่างระหว่างทริปนี้
เราเขียนบทความนี้เพื่อแชร์แนวคิดที่ว่า และเราหวังว่ามันจะทำให้ใครหลายๆคน “ดีขึ้น”
ขณะที่เรากำลังจะขึ้นเรือข้ามเกาะ ความคิดแรกก็เข้ามาในหัว เรารีบจดลงสมุดก่อนที่มันจะหายไป…
“การเจอบทเรียนเดิมซ้ำๆ ไม่ได้แปลว่ามันไม่ดีกับเรา”
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราอกหัก และมันก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
เราเลือกได้ว่าเราจะมองบทเรียนเดิมบทเรียนนี้อย่างไร
เราจะมองว่า “เรียนอีกทำไม? เสียเวลา” หรือ “เรียนซ้ำก็ดีเหมือนกัน จะได้มีพื้นฐานแน่นๆ และพร้อมสำหรับบทเรียนต่อไป”…
จิตใจที่เลื่อนลอย ทำให้ร่างกายเราไร้น้ำหนัก
เราเดินเซไปเซมา ตั้งแต่ขวาสุดของหาด ไปยังซ้ายสุดของหาด
เราเดินเท้าเปล่า ในมือหิ้วรองเท้าแตะ
พร้อมกับคำถามที่แบกไว้ในหัว ว่า “ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป ? ทำไมถึงเปลี่ยนใจ ? ทำไม เรา ถึงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ?”
ดูเป็นคำถามที่ยากจะหาคำตอบ จนเราหยุดเดิน และ ยืนมองเท้าของตัวเองที่แช่อยู่กับที่…
“ความรู้สึกของเขา ก็คงเหมือนเม็ดทราย… มากมายและละเอียดอ่อน”
“เวลา เหมือน น้ำทะเล… ไหลไป ไม่เคยหยุด”
“น้ำทะเลทำให้ทรายเปลี่ยนไป เวลาทำให้ใจของเขา ไม่เหมือนเดิม”
ไม่บ่อยนักที่เราจะกินข้าวคนเดียว ยิ่งไม่ใช่ในกรุงเทพฯ นี่อาจเป็นครั้งแรก ด้วยซ้ำ
แต่ก็นะ… “บนเกาะนี้ คงไม่ได้มีเราคนเดียว ที่นั่งกินข้าวคนเดียว”… “บนโลกนี้คงไม่ได้มีแค่เราคนเดียว ที่อกหัก”
นั่งตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก จนมืด
ดูโชว์ควงไฟจบ ร้านอาหารเริ่มปิด ผู้คนก็แยกย้ายกันกลับที่พัก
“ขณะที่ท้องฟ้า และ พื้นน้ำเป็นสีดำ เรายังมองไปเห็นแสงไฟจากเรือประมง…
แล้วขณะที่ความรู้สึกมืดมิดครอบงำจิตใจของเรา เราจะมองไม่เห็นแสงอะไรเลยหรอ ? ”
2 วัน 1 คืน กับการคิดทบทวนว่า อกหักครั้งนี้ เราเสียอะไรไปบ้าง
แต่เรากลับพบว่า ในขณะที่เรา “เสีย” บางอย่าง เราก็ “ได้” อะไรบางอย่าง เหมือนกัน
เรา เสีย น้ำตา … เรา ได้ รู้ว่าเรายังมีความรู้สึก
เราร้องไห้จน เสีย การทรงตัว … เรา ได้ รู้ว่าเราเข้มแข็งขนาดไหนตอนที่เราลุกขึ้นยืน
เรา เสีย ความรู้สึก ที่เจอคนใจร้าย ... เรา ได้ เจอ ครูที่น่าจดจำคนหนึ่ง
เรา เสียใจ กับรักที่ไม่สมหวัง ... แต่อย่างน้อย ครั้งหนึ่ง ความหวังก็ทำให้ เรา ได้ มีความสุข
เรา เสีย แรง ทำสิ่งต่างๆให้เขา … เรา ได้ เรียนรู้ที่จะ ให้
เราเคยคิดว่าเรา เสีย เวลา ไปกับคนนี้ …
แต่จริงๆแล้ว เรา ได้ บทเรียนครั้งใหญ่และถ้าเราได้อะไรบางอย่าง นั่นไม่เรียกว่าเสียเวลา
เราอาจจะ เสีย ความสัมพันธ์นี้ไป แต่เรา ได้ เราคนเดิม กลับมา
ถึงจะไม่ใช่คนเดิม 100 % แต่ก็เป็นคนเดิมที่ไม่มีอะไรผูกมัด
คนเดิมที่อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทำอะไรก็ได้ทำ
คนที่กลับมามีเวลาให้เพื่อน ให้ครอบครัว และให้ตัวเอง
การไปเที่ยวคนเดียวครั้งนี้ ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัวชัดขึ้น
คนบนเกาะ… นักท่องเที่ยว… ธรรมชาติ… ทุกอย่างเคลื่อนไหว
เวลาเดินไป และเราทุกคนต้องเดิมตาม
เรือจะบรรทุกคน บรรทุกของ หรือไม่บรรทุกอะไรเลย มันก็ยังแล่นไปข้างหน้า
ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ อาจทำให้เราเดินช้าลงได้ แต่มันทำให้เราหยุดเดิน ไม่ได้
และระวัง อย่าก้มหน้าก้มตาเดิน เพราะมันอาจทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งดีดีที่อยู่ข้างหน้า
แต่เรากลับมาพร้อม ความเข้าใจบางอย่าง และ ปล่อยวางในสิ่งที่ยากจะเข้าใจ
บางคนบอกว่า ตอนอกหัก เราจะรู้สึกเหมือนเราสูญเสียส่วนหนึ่งของเราไป
บางคนก็บอกว่า มันรู้สึกเหมือนข้างในเรา เปราะ และ แตกเป็นชิ้นๆ
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราว่า… หลังจากทริปนี้ ชิ้นส่วนที่แตกไปของเรามันกลับมาประกอบกัน
ถึงมันจะประกอบกันไม่สนิทเท่าเดิม แต่เราเชื่อว่าวันหนึ่ง เราจะเจอคนที่เข้ามากอดเราแน่น
แน่นจนชิ้นส่วนเหล่านั้นประกอบติดกันสมบูรณ์ และไม่แตกสลายอีก
เราอยากให้ทุกคนเชื่อว่า “คนนั้น” ของทุกคนมีอยู่จริง
และเขาจะเข้ามา โดยที่เราไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย
แต่ขณะที่เขายังไม่เข้ามา อย่าลืมที่จะมีความสุข อย่าลืมที่จะเดินต่อ และอย่าลืมที่จะรักตัวเอง.
<3
ป.ล. เนื้อหาทั้งหมดเป็นแค่ประสบการณ์และมุมความรักของเรา ไม่มีเจตนาจะนิยามคำนี้อย่างตายตัวค่ะ : )
และต้องขอโทษจริงๆค่ะที่ตั้งกระทู้ผิดที่ ปกติจะอยู่ในกระทู้สนทนา คราวนี้ดันมาอยู่ในกระทู้คำถามเฉยเลย อย่าโกรธกันน้าาาาาาา
ชอบกันก็ติดตามกันได้ในเว็บไซต์ http://blissoutthere.com/ และ แฟนเพจ ลิงก์นี้เลยค่ะ https://www.facebook.com/BlissOutThere
ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนกันค่ะ ฝากติดตามกระทู้ต่อๆไปด้วยน้าาาาาาาาาาา : )