ซาปา - Sapa
ทริปในครั้งนี้ได้พูดคุยกับเพื่อนว่าอยากหาที่เที่ยวต่างประเทศที่เป็นธรรมชาติ ราคาไม่แพง ใช้วันลาไม่เยอะ เราจะไปที่ไหนกันดี จนสรุปได้ว่าประเทศเวียดนาม ซาปานี่แหละ โดย Backpack กันไป 2 คน ระยะเวลา 5 วัน 4 คืน (1-5 /05/2014) เที่ยวครั้งนี้ผ่านมาเป็นปีแล้วเพิ่งจะมาเขียนรีวิวข้อมูลอาจจำข้อมูลได้ไม่มาก
พวกเราได้เริ่มต้นจากการหาข้อมูลต่างๆ ว่าจะไปยังไง นอนโรงแรมไหนดี จนได้โรงแรม Sapa summit เนื่องจากเป็นโรงแรมที่มีบรรยากาศที่ดี วิวสวยและราคาไม่แพง และการเดินทางไปซาปานั้นเราต้องขึ้นรถไฟจาก Hanoi ไปยัง Laocai แต่เพื่อความมั่นใจในการจองตั๋วรถไฟว่าจะไม่ตกขบวน เราจึงได้ข้อมูลมาจากรุ่นพี่ว่าให้จองไปเลยดีกว่าโดยจองผ่าน agency ชาวเวียดนาม Ms.nha เข้าไป inbox ถามดูรายละเอียดได้ครับ FB : Vistsummit-kim travel โดยที่เราได้นัดเจอกันที่ร้านกาแฟในเมืองฮานอย
01/05/2014 ณ สนามบินฮานอย การเดินทางโดยไม่มี internet มีแต่ข้อมูลที่เราหาได้จากแหล่งต่างๆ พอเราได้สัมภาระกันได้ก็เดินออกมายังด้านนอกเพื่อที่จะหารถเมลล์สาย 17 โดยออกมาแล้วเลี้ยวขวาเดินตรงมาเรื่อยๆเราได้พบคิวรถตู้ที่ดักรอและเสนอราคามาให้แต่พวกเราไม่สนใจเนื่องจากอยากประหยัดค่าใช้จ่าย จนมาเกือบสุดแล้วเลี้ยวซ้ายมือจึงจะพบรถเมลล์สาย 17 เรารอกันได้สักพักถึงจะได้ขึ้น ซึ่งค่าเดินทางในครั้งนี้ราคา 9,000 VND
พอขึ้นรถมาพวกเราก็เป็นกังวลในเรื่องที่เราจะลงรถกันตอนไหน ใช้เวลานานขนาดไหนจะถึง เลยกันแล้วหริเปล่าวเราแค่รู้ว่ามันต้องขับข้ามสะพานที่มีแม่น้ำก่อนแล้วสักพักก็จะถึง ซึ่งเราก็มองสังเกตุกันตลอดการเดินทาง จนมาถึงที่ลงรถจะเป็นสถานีจอดจุดใหญ่ที่ผู้คนยืนรอรถอยู่เป็นจำนวนมาก มีสะพานเหล็กออกสีน้ำตาลสนิมและข้างทางจะพบกำแพงด้านขาวที่มีคนมา paint รูปต่างๆ
เดินตามหาร้านกาแฟ ซึ่งเป็นจุดนัดพบเพื่อไปรับตั๋วรถไฟ เราได้เดินวนหามาเรื่อยๆ เดินถ่ายรูปไป จนเริ่มหิวก็หาร้านอาหารซึ่งดูราคาไม่แพงกินอาหารที่เรียกว่าบุ๋นฉา จะมีเป็นโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ พร้อมด้วยเก้าอี้เตี้ยๆนั่งกินชิวๆกันที่ฟุตบาทข้างทาง อาหารก็จะมีเส้นขนมจีนที่เยอะมาก กับ หมูย่างปริมาณน้อยที่อยู่ในน้ำซุปที่มีพริกกับมะละกอดิบชิ้นเล็กๆ พร้อมกับผักสดหลายชนิดบนถาดใหญ่ฟรีมาให้ รสชาติน้ำซุปออกเปรี้ยวๆหวานๆในแบบไม่เคยลองแต่ก็หร่อยไปอีกแบบ มะนาวเวียดนามจะรสชาติแปลกๆสู้บ้านเราไม่ได้เลย มื้อนี้อิ่มที่เส้นเลย
จนเราได้เวลานัดพบกัน ก็ไปรับตั๋ว ซึ่งทางเราได้สั่งกาแฟเวียดนามกัน พอดูจากเมนู มันไม่มีเมนูเหมือนบ้านเราเลยขนาดเอสเพรสโซ่ ลาเต้ คาปูชิโน่ก็ไม่มีสักอย่าง เราจึงให้ ms.nha สั่งกาแฟเย็นให้ กาแฟที่นี่จะใส่แก้วใบเล็กๆแล้วใส่น้ำแข็งก้อนใหญ่ รสชาติกาแฟที่เข้มแต่ไม่มีกลิ่นที่หอม ใครมาฮานอยต้องมาทดลองชิมกันดู ที่นี่จะมีร้านกาแฟเยอะมาก เสมือนที่นัดพบกันในหมู่วัยรุ่น จนเราได้ตั๋วรถไฟรอบดึกที่ได้จองไว้มาเป็นรถไฟของบริษัท Tulico Tourist
จุดหมายต่อไปของเราคือไปฝากกระเป๋าเดินทางเพื่อที่เราจะไปเดินเล่นถ่ายรูปรอบๆเมืองฮานอย ซึ่งที่เราจะไปฝากนั้นก็คือเครือของโรงแรมที่เราได้จองไว้ในข้างต้น ซึ่งขากลับมาเอากระเป๋าเดินทางเราได้ทำการอาบน้ำกันที่โรงแรมแห่งนี้กันก่อนที่จะไปขึ้นรถไฟ เนื่องจากเป็นบริการที่ฟรี
รถไฟรอบ 21.30 รอบสุดท้าย ที่เราได้จองไว้เป็นรถไฟนอนที่ภายในตู้นอนจะมี2ชั้นและนอนได้ทั้งหมด 4 คน ซึ่งเราได้ซื้อสเบียงมาไว้ในตอนเช้าก็คือขนมปังจากร้านเบเกอรี่ในฮานอย ซึ่งเราก็กินกันอยู่บนรถไฟเลย เนื่องจากรถไฟใช้เวลาเดินทางถึงเช้า
02/05/2014 เราได้มาถึงสถานี Laocai กันประมาณเวลา 8.30 และได้ต่อรถตู้ที่ได้ทำการจองไว้จากโรงแรมที่ฮานอยเพื่อที่จะไปซาปา ทางพี่พบจะเป็นเทือกเขาที่คตเคี้ยวไปมาจนทำเราหลับๆตื่น และระหว่างการเดินทางเราก็พบกับม่านหมอกที่ปกคุมเส้นทาง
จนตื่นขึ้นมาแล้วเราได้พบกับเมือกตากอากาศในม่านหมอกที่สวยงาม จนแทบคิดว่าเป็นสรวงสรรค์ อากาศที่บริสุทธิ์และอุณหภูมิที่กำลังเย็นสบาย ใครจะรู้ว่าในตอนที่มานี้ในกรุงเทพซึ่งมีอากาศที่ร้อนมาก แต่พอมาถึงซาปาแล้วชั่งเป็นช่วงเวลาเหมาะที่จะมาพักร้อนจริงๆ ได้มาสัมผัสจนทำให้ผมหลงใหลเมืองเล็กๆนี้เลยทีเดียว ส่วนในวันนี้เราได้ออกเดินเล่นถ่ายรูปในเมือง และหาข้าวกินในตลาดซึ่งมีราคาไม่แพง
อาหารที่นี่จะเน้นแป้งเป็นหลักเนื่องจาก ซาปาเป็นเมืองที่ทำนาข้าวจึงมีผลผลิตจำนวนมาก พวกเราก็ลองเปลี่ยนเมนูกินอาหารแต่ละชนิด ที่ไม่ซ้ำกันเพื่อทดลองกินดูไปเรื่อย จนรู้สึกว่าที่อาหารที่อหร่อยจะเป็นอาหารประเภทผัด จะพอมีรสชาติหน่อย
ส่วนช่วงบ่ายได้มีฝนตกลงมา พวกเราไม่ย่อท้อในการเที่ยวก็ตะเวนเดินไปถ่ายรูปธรมมชาติและหมู่บ้านต่างๆ พวกเราต้องเดินเป็นระยะทางที่ค่อนข้างนานเนื่องจากเราเดินซึมซับธรรมชาติและถ่ายรูปไปพรางๆ เลยไม่ได้จ้างวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่ง แต่ได้เดินจนหมดแรงเหมือนกันแล้วค่อยกลับมาพักเพื่อเก็บแรงเอาไว้ในวันถัดไปที่ต้องเดินเยอะกว่าเดิม
03/05/2014 เราได้ทำการจองไกค์ทัวร์ไว้กับทางโรงแรม คนที่จะนำพาเราไปเป็นหมู่คณะกับพวกฝรั่ง ไกค์จะเป็นคนดอยซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมาก ทัวร์ที่เราซื้อจะพาเดินไปหมู่บ้านลาวไค ซึ่งมีระยะทางประมาณ 9 – 10 กิโล เดินสัมผัสธรรมชาติและวิธีชาวบ้านของชาวดอย ระหว่างเดินทางก็มีสายฝนที่ตกลงมาปอยๆบางช่วงการเดินทาง ส่วนขากลับจะมีรถตู้มารับ
ระหว่างทางเดินเราก็พบกับ กลุ่มคนที่ทำสวนทำไร่ ไถ่นาด้วยควาย ผู้คนที่วิ่งเล่นกันในหมู่บ้าน คนขายของที่ระลึก
ช่วงดึกเราได้ออกมาเดินเล่น พอเดินออกมาจากโรงแรมเราได้พบกับทะเลหมอกที่ปกติคุมมายังทางเดิน จนเราเดินมาถึงลานกว้างก็พบผู้คนมากมายที่ออกมากัน พร้อมร้านขายของจำนวนมากราวกับตลาดนัด เราจึงมารู้ที่หลังว่าวันนี้ตรงกับวันหยุดยาวของเวียดนาม(วันชาติ) ทำให้เราได้พบประเพณีเวียนเทียนพระแม่มารีของชาวดอย
04/05/2014 วันนี้ช่วงเช้าเราจะมาขึ้นชมจุด View point สามารถเดินมาได้ไม่ไกลจากที่พัก ที่นี่ต้องเสียค่าเข้า 70000 VND ซึ่งต้องเดินขึ้นเขาระยะทางไกลพอควรแต่ถึงแล้วหายเหนื่อยเลย ทะเลหมอกที่ไหลพร้อมกับวิวที่สวยงาม เราได้จองรถไฟขากลับรอบ 20.30 เพื่อที่จะให้ถึงฮานอยตอนเช้า
05/05/2014 เราได้ลงรถไฟแล้วก็เดินหาทางไปขึ้นรถเมล์สาย 17 ที่เดิมที่เราได้ลงรถมา และได้บินกลับไทยสายการบิน Vietjet air (แอร์สายการบินนี้น่ารัก)
ปล.ควรระวังในการโกง
- ร้านอาหารที่ซาปาจะมีเมนู 2 เล่ม ซึ่งตอนแรกทางร้านจะเอาเมนูที่แพงมาให้เราดู พอเราไม่สนใจจะกินเค้าจึงค่อยเราอีกเมนูนึงมาให้ซึ่งเป็นเมนูอาหารเหมือนกันแต่ราคาที่ถูกกว่า
- จองรถกับทางโรงแรม จาก Laocai ไป Sapa ตอนคุยกันเขาบอกว่าเป็นรถ mini bus พอเอาเข้าจริงดันได้เป็นรถตู้เก่าๆสะงั้น
*** การเดินทางในครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่ตั้มและพี่อั้ม สำหรับข้อมูลการเดินทางครับ
[CR] เมืองตากอากาศในม่านหมอก ซาปา
ซาปา - Sapa
ทริปในครั้งนี้ได้พูดคุยกับเพื่อนว่าอยากหาที่เที่ยวต่างประเทศที่เป็นธรรมชาติ ราคาไม่แพง ใช้วันลาไม่เยอะ เราจะไปที่ไหนกันดี จนสรุปได้ว่าประเทศเวียดนาม ซาปานี่แหละ โดย Backpack กันไป 2 คน ระยะเวลา 5 วัน 4 คืน (1-5 /05/2014) เที่ยวครั้งนี้ผ่านมาเป็นปีแล้วเพิ่งจะมาเขียนรีวิวข้อมูลอาจจำข้อมูลได้ไม่มาก
พวกเราได้เริ่มต้นจากการหาข้อมูลต่างๆ ว่าจะไปยังไง นอนโรงแรมไหนดี จนได้โรงแรม Sapa summit เนื่องจากเป็นโรงแรมที่มีบรรยากาศที่ดี วิวสวยและราคาไม่แพง และการเดินทางไปซาปานั้นเราต้องขึ้นรถไฟจาก Hanoi ไปยัง Laocai แต่เพื่อความมั่นใจในการจองตั๋วรถไฟว่าจะไม่ตกขบวน เราจึงได้ข้อมูลมาจากรุ่นพี่ว่าให้จองไปเลยดีกว่าโดยจองผ่าน agency ชาวเวียดนาม Ms.nha เข้าไป inbox ถามดูรายละเอียดได้ครับ FB : Vistsummit-kim travel โดยที่เราได้นัดเจอกันที่ร้านกาแฟในเมืองฮานอย
01/05/2014 ณ สนามบินฮานอย การเดินทางโดยไม่มี internet มีแต่ข้อมูลที่เราหาได้จากแหล่งต่างๆ พอเราได้สัมภาระกันได้ก็เดินออกมายังด้านนอกเพื่อที่จะหารถเมลล์สาย 17 โดยออกมาแล้วเลี้ยวขวาเดินตรงมาเรื่อยๆเราได้พบคิวรถตู้ที่ดักรอและเสนอราคามาให้แต่พวกเราไม่สนใจเนื่องจากอยากประหยัดค่าใช้จ่าย จนมาเกือบสุดแล้วเลี้ยวซ้ายมือจึงจะพบรถเมลล์สาย 17 เรารอกันได้สักพักถึงจะได้ขึ้น ซึ่งค่าเดินทางในครั้งนี้ราคา 9,000 VND
พอขึ้นรถมาพวกเราก็เป็นกังวลในเรื่องที่เราจะลงรถกันตอนไหน ใช้เวลานานขนาดไหนจะถึง เลยกันแล้วหริเปล่าวเราแค่รู้ว่ามันต้องขับข้ามสะพานที่มีแม่น้ำก่อนแล้วสักพักก็จะถึง ซึ่งเราก็มองสังเกตุกันตลอดการเดินทาง จนมาถึงที่ลงรถจะเป็นสถานีจอดจุดใหญ่ที่ผู้คนยืนรอรถอยู่เป็นจำนวนมาก มีสะพานเหล็กออกสีน้ำตาลสนิมและข้างทางจะพบกำแพงด้านขาวที่มีคนมา paint รูปต่างๆ
เดินตามหาร้านกาแฟ ซึ่งเป็นจุดนัดพบเพื่อไปรับตั๋วรถไฟ เราได้เดินวนหามาเรื่อยๆ เดินถ่ายรูปไป จนเริ่มหิวก็หาร้านอาหารซึ่งดูราคาไม่แพงกินอาหารที่เรียกว่าบุ๋นฉา จะมีเป็นโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ พร้อมด้วยเก้าอี้เตี้ยๆนั่งกินชิวๆกันที่ฟุตบาทข้างทาง อาหารก็จะมีเส้นขนมจีนที่เยอะมาก กับ หมูย่างปริมาณน้อยที่อยู่ในน้ำซุปที่มีพริกกับมะละกอดิบชิ้นเล็กๆ พร้อมกับผักสดหลายชนิดบนถาดใหญ่ฟรีมาให้ รสชาติน้ำซุปออกเปรี้ยวๆหวานๆในแบบไม่เคยลองแต่ก็หร่อยไปอีกแบบ มะนาวเวียดนามจะรสชาติแปลกๆสู้บ้านเราไม่ได้เลย มื้อนี้อิ่มที่เส้นเลย
จนเราได้เวลานัดพบกัน ก็ไปรับตั๋ว ซึ่งทางเราได้สั่งกาแฟเวียดนามกัน พอดูจากเมนู มันไม่มีเมนูเหมือนบ้านเราเลยขนาดเอสเพรสโซ่ ลาเต้ คาปูชิโน่ก็ไม่มีสักอย่าง เราจึงให้ ms.nha สั่งกาแฟเย็นให้ กาแฟที่นี่จะใส่แก้วใบเล็กๆแล้วใส่น้ำแข็งก้อนใหญ่ รสชาติกาแฟที่เข้มแต่ไม่มีกลิ่นที่หอม ใครมาฮานอยต้องมาทดลองชิมกันดู ที่นี่จะมีร้านกาแฟเยอะมาก เสมือนที่นัดพบกันในหมู่วัยรุ่น จนเราได้ตั๋วรถไฟรอบดึกที่ได้จองไว้มาเป็นรถไฟของบริษัท Tulico Tourist
จุดหมายต่อไปของเราคือไปฝากกระเป๋าเดินทางเพื่อที่เราจะไปเดินเล่นถ่ายรูปรอบๆเมืองฮานอย ซึ่งที่เราจะไปฝากนั้นก็คือเครือของโรงแรมที่เราได้จองไว้ในข้างต้น ซึ่งขากลับมาเอากระเป๋าเดินทางเราได้ทำการอาบน้ำกันที่โรงแรมแห่งนี้กันก่อนที่จะไปขึ้นรถไฟ เนื่องจากเป็นบริการที่ฟรี
รถไฟรอบ 21.30 รอบสุดท้าย ที่เราได้จองไว้เป็นรถไฟนอนที่ภายในตู้นอนจะมี2ชั้นและนอนได้ทั้งหมด 4 คน ซึ่งเราได้ซื้อสเบียงมาไว้ในตอนเช้าก็คือขนมปังจากร้านเบเกอรี่ในฮานอย ซึ่งเราก็กินกันอยู่บนรถไฟเลย เนื่องจากรถไฟใช้เวลาเดินทางถึงเช้า
02/05/2014 เราได้มาถึงสถานี Laocai กันประมาณเวลา 8.30 และได้ต่อรถตู้ที่ได้ทำการจองไว้จากโรงแรมที่ฮานอยเพื่อที่จะไปซาปา ทางพี่พบจะเป็นเทือกเขาที่คตเคี้ยวไปมาจนทำเราหลับๆตื่น และระหว่างการเดินทางเราก็พบกับม่านหมอกที่ปกคุมเส้นทาง
จนตื่นขึ้นมาแล้วเราได้พบกับเมือกตากอากาศในม่านหมอกที่สวยงาม จนแทบคิดว่าเป็นสรวงสรรค์ อากาศที่บริสุทธิ์และอุณหภูมิที่กำลังเย็นสบาย ใครจะรู้ว่าในตอนที่มานี้ในกรุงเทพซึ่งมีอากาศที่ร้อนมาก แต่พอมาถึงซาปาแล้วชั่งเป็นช่วงเวลาเหมาะที่จะมาพักร้อนจริงๆ ได้มาสัมผัสจนทำให้ผมหลงใหลเมืองเล็กๆนี้เลยทีเดียว ส่วนในวันนี้เราได้ออกเดินเล่นถ่ายรูปในเมือง และหาข้าวกินในตลาดซึ่งมีราคาไม่แพง
อาหารที่นี่จะเน้นแป้งเป็นหลักเนื่องจาก ซาปาเป็นเมืองที่ทำนาข้าวจึงมีผลผลิตจำนวนมาก พวกเราก็ลองเปลี่ยนเมนูกินอาหารแต่ละชนิด ที่ไม่ซ้ำกันเพื่อทดลองกินดูไปเรื่อย จนรู้สึกว่าที่อาหารที่อหร่อยจะเป็นอาหารประเภทผัด จะพอมีรสชาติหน่อย
ส่วนช่วงบ่ายได้มีฝนตกลงมา พวกเราไม่ย่อท้อในการเที่ยวก็ตะเวนเดินไปถ่ายรูปธรมมชาติและหมู่บ้านต่างๆ พวกเราต้องเดินเป็นระยะทางที่ค่อนข้างนานเนื่องจากเราเดินซึมซับธรรมชาติและถ่ายรูปไปพรางๆ เลยไม่ได้จ้างวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่ง แต่ได้เดินจนหมดแรงเหมือนกันแล้วค่อยกลับมาพักเพื่อเก็บแรงเอาไว้ในวันถัดไปที่ต้องเดินเยอะกว่าเดิม
03/05/2014 เราได้ทำการจองไกค์ทัวร์ไว้กับทางโรงแรม คนที่จะนำพาเราไปเป็นหมู่คณะกับพวกฝรั่ง ไกค์จะเป็นคนดอยซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมาก ทัวร์ที่เราซื้อจะพาเดินไปหมู่บ้านลาวไค ซึ่งมีระยะทางประมาณ 9 – 10 กิโล เดินสัมผัสธรรมชาติและวิธีชาวบ้านของชาวดอย ระหว่างเดินทางก็มีสายฝนที่ตกลงมาปอยๆบางช่วงการเดินทาง ส่วนขากลับจะมีรถตู้มารับ
ระหว่างทางเดินเราก็พบกับ กลุ่มคนที่ทำสวนทำไร่ ไถ่นาด้วยควาย ผู้คนที่วิ่งเล่นกันในหมู่บ้าน คนขายของที่ระลึก
ช่วงดึกเราได้ออกมาเดินเล่น พอเดินออกมาจากโรงแรมเราได้พบกับทะเลหมอกที่ปกติคุมมายังทางเดิน จนเราเดินมาถึงลานกว้างก็พบผู้คนมากมายที่ออกมากัน พร้อมร้านขายของจำนวนมากราวกับตลาดนัด เราจึงมารู้ที่หลังว่าวันนี้ตรงกับวันหยุดยาวของเวียดนาม(วันชาติ) ทำให้เราได้พบประเพณีเวียนเทียนพระแม่มารีของชาวดอย
04/05/2014 วันนี้ช่วงเช้าเราจะมาขึ้นชมจุด View point สามารถเดินมาได้ไม่ไกลจากที่พัก ที่นี่ต้องเสียค่าเข้า 70000 VND ซึ่งต้องเดินขึ้นเขาระยะทางไกลพอควรแต่ถึงแล้วหายเหนื่อยเลย ทะเลหมอกที่ไหลพร้อมกับวิวที่สวยงาม เราได้จองรถไฟขากลับรอบ 20.30 เพื่อที่จะให้ถึงฮานอยตอนเช้า
05/05/2014 เราได้ลงรถไฟแล้วก็เดินหาทางไปขึ้นรถเมล์สาย 17 ที่เดิมที่เราได้ลงรถมา และได้บินกลับไทยสายการบิน Vietjet air (แอร์สายการบินนี้น่ารัก)
ปล.ควรระวังในการโกง
- ร้านอาหารที่ซาปาจะมีเมนู 2 เล่ม ซึ่งตอนแรกทางร้านจะเอาเมนูที่แพงมาให้เราดู พอเราไม่สนใจจะกินเค้าจึงค่อยเราอีกเมนูนึงมาให้ซึ่งเป็นเมนูอาหารเหมือนกันแต่ราคาที่ถูกกว่า
- จองรถกับทางโรงแรม จาก Laocai ไป Sapa ตอนคุยกันเขาบอกว่าเป็นรถ mini bus พอเอาเข้าจริงดันได้เป็นรถตู้เก่าๆสะงั้น
*** การเดินทางในครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่ตั้มและพี่อั้ม สำหรับข้อมูลการเดินทางครับ