เยอร์เก้น คล็อปป์กำลังจะกลายเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูลในอีกวันสองวันข้างหน้านี้แล้วดังนั้นเราขอพาเดอะ ค็อปมารับชมล่วงหน้าก่อนใครๆว่า 10 เหตุผลที่อดีตบอสโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์จะเหมาะกับถิ่นแอนฟิลด์มีอะไรกันบ้าง
1. บุคคลิก
คล็อปป์เป็นที่รู้จักเพราะฝีมือเจ๋งจริงแต่บุคลิกส่วนตัวของเขาช่วยผลักดันทำให้เขามีชื่อเสียงและแตกต่างจากบรรดากุนซือคนอื่นๆ
การให้สัมภาษณ์หลังจบเกมก็เป็นอีกจุดที่ทำให้นักข่าวยิ้ม มีคำพูดเจ๋งๆแสดงถึงความฉลาดและแก้ปัญหาเฉพาะได้ดีเอามากๆทำให้มีแววรับมือกับสื่อสุดเขี้ยวของอังกฤษได้สบาย
คุณจะไม่มีทางได้ยินร็อดเจอร์สพูดว่า"ถ้าเราควรต้องจบอันดับสองในซัมเมอร์นี้ ผมจะหารถบรรทุกมาขับลุยสวนหลังบ้านทันที ถ้าไม่มีใครเป็นปลื้ม ผมจะทำมันคนเดียวเอง"
งงว่ะ - เบน ฟรีคิก)
ให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดี
2. เล่นเกมรุก
ดอร์ทมุนด์ของคล็อปป์ช่วงยุคต้น 2010 ดูแล้วเพลิดเพลินเฟี้ยวเงาะมะม่วงเหาะเอากๆด้วยการเล่นแบบเพรสซิ่งอย่างหนักและการผ่านบอลก็ไหลลื่นพลิ้วสุดๆ
รูปแบบการเล่นฟุตบอลรุกแบบเต็มสูบจะทำให้แฟนบอลชื่นชอบเหมือนที่"หงส์แดง"ยุค 100 ประตูที่เรายังไม่ลืมกันเมื่อซีซั่น 2013/14
3 ปีก่อน"เสือเหลือง"ยิงในบุนเดสลีกาไป 80 ลูก+ ซึ่งรวมถึงการไล่ต้อนทีมอย่างบาเยิร์นและเรอัล มาดริดในช่วงนั้นด้วย
3.เข้าถึงแฟนบอล
งานคุมลิเวอร์พูลเป็นอะไรที่กดดันมากและผู้จัดการทีมในอดีตหลายคนนี่ดูแล้วไม่เข้าแก๊บไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น"ทาถู"รอย ฮอดจ์สัน
คล็อปป์เป็นอะไรที่เพอร์เฟคสุดๆ เขาจะผูกพันกับแฟนบอลและจะเดินตามรอยราฟาเอล เบนิเตซที่ทำให้ผู้คนทั้งเมืองรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
คล็อปป์คนนี้เองที่นำนักเตะดอร์ทมุนด์มาเป็นเด็กเชียร์เบียร์ให้แฟนบอลในงานปาร์ตี้ คริสมาสต์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ลองนึกสภาพมามาดู ซาโก้ทำตาโตเซิร์ฟเบียร์ให้คุณสิ ฮา
4.อารมณ์ร่วมกับประตูและชัยชนะ
พูดก็พูดนะเราแทบไม่ได้เห็นผู้จัดการทีมมากนักที่จะมากระโดดโลดเต้นดีใจเมื่อลูกทีมยิงประตูได้ ร็อดเจอร์สก็ยกมือข้างนึงแสดงความดีใจส่วนราฟาก็แทบไม่แสดงออกเลย
แต่ในรายของคล็อปป์นี่งัดออกมาทุกอาการเมื่อลูกทีมยิงประตูหรือคว้าชัยซึ่งการแสดงออกเช่นนี้แหละที่ทำให้เดอะ ค็อปถึงรักและอยากได้คล็อปป์มาคุมทีมจนตัวสั่น
5. เป็นผู้พิชิต
เพราะความที่ไม่เหมือนใคร,เป็นคนน่ารักนิสัยดีทำให้บางทีคนก็หลงลืมถึงสถิติสวยๆของคล็อปป์สมัยคุมดอร์ทมุนด์ไปซะงั้น
การเบียดบาเยิร์น มิวนิคติดต่อกันก่อนเถลิงคว้าแชมป์บุนเดสลีกามันต้องใช้มันสมองและความพยายามและการสร้างใจที่แพ้ไม่เป็นให้กับทีมเป็นสิ่งที่เห็นกันชัดเจน
"หงส์แดง"ณ ตอนนี้ต้องการจบสกอร์อย่างเหี้ยมโหด คล็อปป์นำตรงนี้มาให้พวกเขาได้
6.ปั้นนักเตะ
แม้ว่าจะไม่ค่อยมีงบเสริมทัพมากนักแต่ที่ดอร์ทมุนด์คล็อปป์ซื้อขายฉลาดมาก ดึงนักเตะฝีเท้าดีในราคาที่ไมแพงนัก
โรเบิร์ต เลวานลอฟสกี้,มาร์โค รอยส์และแมตต์ ฮุมเมลส์ต่างย้ายมาร่วมทัพด้วยค่าตัวไม่ถึง 5 ล้านปอนด์ทุกคนและมีส่วนช่วยทำให้ทั้ง 3 คนก้าวขึ้นเป็นนักเตะระดับโลกจนถึงทุกวันนี้
7.ทักษะการคุมคนที่สุดตรีน
ความผูกพันที่คล็อปป์มีกับลูกทีมเกือบๆจะเป็นเต้ยไร้ใครเทียบเท่า เขาปฏิบัติเหมือนเป็นพ่อคนนึงต่อเหล่าสตาร์ในทีมดอร์ทมุนด์
ชินจิ คากาวะเคยร้องไห้ในอ้อมแขนของคล็อปป์นานถึง 20 นาทีตอนที่เขาต้องอำลาดอร์ทมุนด์ไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2013 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักระหว่างเขากับลูกทีม
8.รวมใจแฟนเป็นหนึ่งเดียว
ว่ากันว่าในหมู่แฟนบอลลิเวอร์พูลด้วยกันความเห็นไม่ลงรอยแตกคอกันมาพักใหญ่แล้วแต่การแต่งตั้งคล็อปป์ขึ้นเป็นกุนซือคนใหม่จะยุติความขัดแย้งทุกอย่างลงแน่นอน
บรรยากาศในซิกแนว อิดูน่า พาร์คสนามเหย้าของ"เสือเหลือง"เป็นอะไรที่สุดยอดเสมอแต่ภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์ทำให้ก้าวขึ้นเป็นเต้ยในยุโรปกันเลยทีเดียว
ลิเวอร์พูลและดอร์ทมุนด์มีความคล้ายคลึงกันในจุดนี้และแพสชั่นของแฟนบอลเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาไปแล้ว คล็อปป์จะทำให้แอนฟิลด์พลุ่งพล่านอย่างไม่ต้องสงสัย
9. ชื่อของคล็อปป์กล่อมสตาร์ง่าย
หนึ่งในจุดอ่อนของร็อดเจอร์คือเขาล่อใจเหล่าบรรดาแข้งชื่อดังให้ย้ายมาแอนฟิลด์แทบไม่ได้เลย กับความจริงที่เปิดเผยว่าเขาขอให้สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดโทรไปกล่อมโทนี่ โครสส์ให้ย้ายมาก็บอกทุกอย่างหมดแล้ว
ชื่อเสียงของคล็อปป์โด่งไปทั่วยุโรปและบรรดานักเตะระดับท็อปก็มีใจและเชื่อมั่นในฝีมือและมีแนวโน้มกล่อมมาเล่นในแอนฟิลด์ง่ายกว่าที่ผ่านๆมา
ยกตัวอย่างรอยส์ ถ้าถามก่อนหน้านี้ว่าโอกาสมาเล่นกับลิเวอร์พูลมันเหมือนฝันและคงเป็นไปได้แค่ในเกมเท่านั้นแต่ตอนนี้ถ้าคล็อปป์มาหน้าหนาวนี้มีใครจะกล้าแทงสวน?
10. เครื่องจักรสีแดงจะกลับมาอีกครั้ง
ความยิ่งใหญ่และความห่าของลิเวอร์พูลกับคู่แข่งเก่าๆเริ่มห่างไกลและกลายเป็นคนระดับนับตั้งแต่ราฟาโบกมือลาในปี 2010 โดยได้มาแค่แชมป์เดียวเท่านั้นเอง
คล็อปป์จะต้องทำให้ทีมอย่างเชลซี,อาร์เซนอล,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและซิตี้ได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของ"หงส์แดง"ก่อนนำโทรฟีย์แชมป์กลับมาสู่แอนฟิลด์อีกครั้ง
บทความโดย เบน ฟรีคิก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1282230
เครื่องจักรสีแดงจะกลับมาอีกครั้ง !! 10 ข้อที่แฟนหงส์จะได้เห็นหลังคล็อปป์เป็นกุนซือใหม่
1. บุคคลิก
คล็อปป์เป็นที่รู้จักเพราะฝีมือเจ๋งจริงแต่บุคลิกส่วนตัวของเขาช่วยผลักดันทำให้เขามีชื่อเสียงและแตกต่างจากบรรดากุนซือคนอื่นๆ
การให้สัมภาษณ์หลังจบเกมก็เป็นอีกจุดที่ทำให้นักข่าวยิ้ม มีคำพูดเจ๋งๆแสดงถึงความฉลาดและแก้ปัญหาเฉพาะได้ดีเอามากๆทำให้มีแววรับมือกับสื่อสุดเขี้ยวของอังกฤษได้สบาย
คุณจะไม่มีทางได้ยินร็อดเจอร์สพูดว่า"ถ้าเราควรต้องจบอันดับสองในซัมเมอร์นี้ ผมจะหารถบรรทุกมาขับลุยสวนหลังบ้านทันที ถ้าไม่มีใครเป็นปลื้ม ผมจะทำมันคนเดียวเอง"งงว่ะ - เบน ฟรีคิก)
ให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดี
2. เล่นเกมรุก
ดอร์ทมุนด์ของคล็อปป์ช่วงยุคต้น 2010 ดูแล้วเพลิดเพลินเฟี้ยวเงาะมะม่วงเหาะเอากๆด้วยการเล่นแบบเพรสซิ่งอย่างหนักและการผ่านบอลก็ไหลลื่นพลิ้วสุดๆ
รูปแบบการเล่นฟุตบอลรุกแบบเต็มสูบจะทำให้แฟนบอลชื่นชอบเหมือนที่"หงส์แดง"ยุค 100 ประตูที่เรายังไม่ลืมกันเมื่อซีซั่น 2013/14
3 ปีก่อน"เสือเหลือง"ยิงในบุนเดสลีกาไป 80 ลูก+ ซึ่งรวมถึงการไล่ต้อนทีมอย่างบาเยิร์นและเรอัล มาดริดในช่วงนั้นด้วย
3.เข้าถึงแฟนบอล
งานคุมลิเวอร์พูลเป็นอะไรที่กดดันมากและผู้จัดการทีมในอดีตหลายคนนี่ดูแล้วไม่เข้าแก๊บไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น"ทาถู"รอย ฮอดจ์สัน
คล็อปป์เป็นอะไรที่เพอร์เฟคสุดๆ เขาจะผูกพันกับแฟนบอลและจะเดินตามรอยราฟาเอล เบนิเตซที่ทำให้ผู้คนทั้งเมืองรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
คล็อปป์คนนี้เองที่นำนักเตะดอร์ทมุนด์มาเป็นเด็กเชียร์เบียร์ให้แฟนบอลในงานปาร์ตี้ คริสมาสต์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ลองนึกสภาพมามาดู ซาโก้ทำตาโตเซิร์ฟเบียร์ให้คุณสิ ฮา
4.อารมณ์ร่วมกับประตูและชัยชนะ
พูดก็พูดนะเราแทบไม่ได้เห็นผู้จัดการทีมมากนักที่จะมากระโดดโลดเต้นดีใจเมื่อลูกทีมยิงประตูได้ ร็อดเจอร์สก็ยกมือข้างนึงแสดงความดีใจส่วนราฟาก็แทบไม่แสดงออกเลย
แต่ในรายของคล็อปป์นี่งัดออกมาทุกอาการเมื่อลูกทีมยิงประตูหรือคว้าชัยซึ่งการแสดงออกเช่นนี้แหละที่ทำให้เดอะ ค็อปถึงรักและอยากได้คล็อปป์มาคุมทีมจนตัวสั่น
5. เป็นผู้พิชิต
เพราะความที่ไม่เหมือนใคร,เป็นคนน่ารักนิสัยดีทำให้บางทีคนก็หลงลืมถึงสถิติสวยๆของคล็อปป์สมัยคุมดอร์ทมุนด์ไปซะงั้น
การเบียดบาเยิร์น มิวนิคติดต่อกันก่อนเถลิงคว้าแชมป์บุนเดสลีกามันต้องใช้มันสมองและความพยายามและการสร้างใจที่แพ้ไม่เป็นให้กับทีมเป็นสิ่งที่เห็นกันชัดเจน
"หงส์แดง"ณ ตอนนี้ต้องการจบสกอร์อย่างเหี้ยมโหด คล็อปป์นำตรงนี้มาให้พวกเขาได้
6.ปั้นนักเตะ
แม้ว่าจะไม่ค่อยมีงบเสริมทัพมากนักแต่ที่ดอร์ทมุนด์คล็อปป์ซื้อขายฉลาดมาก ดึงนักเตะฝีเท้าดีในราคาที่ไมแพงนัก
โรเบิร์ต เลวานลอฟสกี้,มาร์โค รอยส์และแมตต์ ฮุมเมลส์ต่างย้ายมาร่วมทัพด้วยค่าตัวไม่ถึง 5 ล้านปอนด์ทุกคนและมีส่วนช่วยทำให้ทั้ง 3 คนก้าวขึ้นเป็นนักเตะระดับโลกจนถึงทุกวันนี้
7.ทักษะการคุมคนที่สุดตรีน
ความผูกพันที่คล็อปป์มีกับลูกทีมเกือบๆจะเป็นเต้ยไร้ใครเทียบเท่า เขาปฏิบัติเหมือนเป็นพ่อคนนึงต่อเหล่าสตาร์ในทีมดอร์ทมุนด์
ชินจิ คากาวะเคยร้องไห้ในอ้อมแขนของคล็อปป์นานถึง 20 นาทีตอนที่เขาต้องอำลาดอร์ทมุนด์ไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2013 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักระหว่างเขากับลูกทีม
8.รวมใจแฟนเป็นหนึ่งเดียว
ว่ากันว่าในหมู่แฟนบอลลิเวอร์พูลด้วยกันความเห็นไม่ลงรอยแตกคอกันมาพักใหญ่แล้วแต่การแต่งตั้งคล็อปป์ขึ้นเป็นกุนซือคนใหม่จะยุติความขัดแย้งทุกอย่างลงแน่นอน
บรรยากาศในซิกแนว อิดูน่า พาร์คสนามเหย้าของ"เสือเหลือง"เป็นอะไรที่สุดยอดเสมอแต่ภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์ทำให้ก้าวขึ้นเป็นเต้ยในยุโรปกันเลยทีเดียว
ลิเวอร์พูลและดอร์ทมุนด์มีความคล้ายคลึงกันในจุดนี้และแพสชั่นของแฟนบอลเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาไปแล้ว คล็อปป์จะทำให้แอนฟิลด์พลุ่งพล่านอย่างไม่ต้องสงสัย
9. ชื่อของคล็อปป์กล่อมสตาร์ง่าย
หนึ่งในจุดอ่อนของร็อดเจอร์คือเขาล่อใจเหล่าบรรดาแข้งชื่อดังให้ย้ายมาแอนฟิลด์แทบไม่ได้เลย กับความจริงที่เปิดเผยว่าเขาขอให้สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดโทรไปกล่อมโทนี่ โครสส์ให้ย้ายมาก็บอกทุกอย่างหมดแล้ว
ชื่อเสียงของคล็อปป์โด่งไปทั่วยุโรปและบรรดานักเตะระดับท็อปก็มีใจและเชื่อมั่นในฝีมือและมีแนวโน้มกล่อมมาเล่นในแอนฟิลด์ง่ายกว่าที่ผ่านๆมา
ยกตัวอย่างรอยส์ ถ้าถามก่อนหน้านี้ว่าโอกาสมาเล่นกับลิเวอร์พูลมันเหมือนฝันและคงเป็นไปได้แค่ในเกมเท่านั้นแต่ตอนนี้ถ้าคล็อปป์มาหน้าหนาวนี้มีใครจะกล้าแทงสวน?
10. เครื่องจักรสีแดงจะกลับมาอีกครั้ง
ความยิ่งใหญ่และความห่าของลิเวอร์พูลกับคู่แข่งเก่าๆเริ่มห่างไกลและกลายเป็นคนระดับนับตั้งแต่ราฟาโบกมือลาในปี 2010 โดยได้มาแค่แชมป์เดียวเท่านั้นเอง
คล็อปป์จะต้องทำให้ทีมอย่างเชลซี,อาร์เซนอล,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและซิตี้ได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของ"หงส์แดง"ก่อนนำโทรฟีย์แชมป์กลับมาสู่แอนฟิลด์อีกครั้ง
บทความโดย เบน ฟรีคิก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1282230