ตอนที่ผ่านมา ได้เข้าไปในดินแดนของออสเตรียหลายครั้ง จึงมีออสเตรียแทรกอยู่ด้วย จะว่าไปแล้ว การเดินทางโดยรถไฟในยุโรป จะวนไปวนมา เข้าประเทศโน้น ออกประเทศนี้ อยู่เกือบทุกวัน คนในยุโรปที่ข้ามแดนไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านก็มีไม่น้อย ตอนที่เราเที่ยวแถบสแกนดิเนเวีย ก็มีอยู่วันหนึ่ง ที่เราเริ่มต้นจากนอร์เวย์ ผ่านสวีเดน เฉียดเข้าไปในเดนมาร์ก แล้วไปโผล่ที่ฟินแลนด์ บางครั้งตอนที่เรานั่งอยู่บนรถ เราจะถามคนที่นั่งข้างๆว่า ตอนนี้เราอยู่ประเทศอะไร….
ทางรถไฟตั้งแต่ Salzburg HBF ถึง Hallstatt เป็นเส้นทางสายสวยงามอีกเส้นหนึ่งของออสเตรีย ผ่านภูเขาหินในอ้อมกอดของเมฆหมอก มีป่าดิบชื้นที่มีลำธารน้ำใสเลาะข้างภูเขา และที่ราบ ตอนผ่านหมู่บ้านใกล้ถึง Hallstatt มีการใช้ไม้เป็นแผ่นๆ ทำท่อส่งน้ำใช้ตามบ้านเรือน ด้านข้างของลำธารที่เลียบหมู่บ้าน มีคูน้ำที่ทำถาวรด้วยซีเมนต์อยู่สูงกว่าลำธาร บางที่ที่มีน้ำล้นคู ก็กลายเป็นน้ำตกลงสู่ลำธารสวยงามมาก เป็นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำจริงๆ
บ้านปริ่มน้ำอยู่ริมทะเลสาบและภูเขาหินกับน้ำตกสวยงามราวกับจินตนาการ....ความจริงเรือข้ามฟากไม่ได้มีเวลาตายตัว ไป-กลับตลอดเวลา เพราะมีรถไฟเข้าสถานีที่ไม่มีจนท.ทุกชั่วโมง ค่าเรือไปกลับคนละ 5 ยูโร มีนักท่องเที่ยวทุกขบวนรถไฟทั้งไปและกลับ ใกล้ๆสถานีมีจุดจอดรับส่ง ทั้งก่อนและเลยสถานี มีถนนสำหรับรถยนต์ด้วย....ขณะที่เรากำลังรอรถอยู่ มีจนท.มาสำรวจสภาพทางธรณีวิทยาของสถานีด้วย
วันนี้ ตอนกลับจาก Hallstatt เราพลาดรถบัส เพราะจนท.ไม่บอกว่า ที่สถานี Bad Aussee เราต้องต่อรถบัส กว่าจะบอกเราว่า สิ้นสุดการเดินทางโดยรถไฟ ถ้าจะไปต่อต้องนั่งรถบัส รถบัสที่จอดรอรับอยู่ข้างหลังสถานีก็ออกไปแล้ว เราจึงต้องเสียเวลารอรถอีก 2 ชม. ทำให้ได้ตากผ้า แต่มองไปมองมา ไม่เห็นมีอาหารขาย ป้าจึงต้องเดินผ่านหมู่บ้านไปหาซื้ออาหารกลางวัน ระยะทางไป กลับประมาณ 4 กม. เดินขึ้นเขา ลงเขาไปตามเส้นทางที่รถยนต์ไม่สามารถสวนกันได้
ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบาวาเรีย ที่ส่วนใหญ่ผู้หญิงทำงานบ้าน ตัดและเก็บกวาดลานบ้าน ที่มีสนามหญ้าทุกบ้าน เห็นคุณตาคุณยายแต่งชุดบาวาเรีย ช่วยกันตกแต่งบริเวณบ้าน พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่มีอัธยาศัยดีทักทาย ฮัลโล่และโบกมือให้ตอนเดินผ่านหน้าบ้าน เห็นคุณยายคนหนึ่งกำลังกวาดแอ๊ปเปิ้ลที่ร่วงตามพื้น เพื่อเอาไปทิ้ง ป้าจึงแวะไปทักทายและขอแอ๊ปเปิ้ลที่คุณยายกำลังจะเอาไปทิ้ง เพราะทั้งหมู่บ้านไม่มีร้านค้าเลย แต่คุณยายบอกว่าไม่ให้ เพราะมันทำให้ท้องเสีย โดยทำท่าประกอบการพูดเพราะใช้ภาษาพูดสื่อสารไม่เข้าใจ....ป้าจึงถึงบางอ้อที่ป้าท้องเสียคราวก่อน....มิน่าล่ะพวกเขาจึงปล่อยให้ร่วงหล่นโดยไม่ใส่ใจจะเอาประโยชน์จากมัน....มีบ้านหนึ่งกำลังตัดกิ่งที่ลูกกำลังแก่ ใส่รถยนต์เพื่อเอาไปทิ้งด้วย
วันนั้น เป็นวันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิ ของแคว้นบาวาเรียสมัยที่เคยรุ่งเรือง น่าจะเป็นพระเจ้าลุดวิคที่ 2 ผู้คนแต่งกายชุดดั้งเดิม สวยหล่อ ออกจากบ้านไปเฉลิมฉลอง เราได้ร่วมถ่ายภาพกับผู้อาวุโสมาด้วย สุภาพบุรุษบาวาเรีย มีเลดี้เป็นชาวเยอรมัน....บนรถขบวนที่เราต่อไปเวียนนา มีหนุ่มบาวาเรียฉลองจนเมาพูดจาเสียงดัง เรียกรอยยิ้มได้เป็นระยะ แต่จนท.ตำรวจก็คอยดูแลรักษาความสงบ ในขณะที่พวกรุ่นใหญ่ดื่มกันอย่างสงบ คนบาวาเรียส่วนมากสวยหล่อและรื่นเริง แต่มีบางอย่างที่ดูแตกต่างจากชาวยุโรปทั่วไป
จาก Bad Aussee เรานั่งรถบัสไปที่สถานี Gloggnitz แล้วนั่งรถไฟไปที่ Stainach Irdning ต่อจากนั้นก็ไปเปลี่ยนรถที่ Leoben Hbf เพื่อไปขึ้นรถสาย Sammering ที่สถานี Wien Neustadt รถสาย Semmering คงจะนำรถเมโทรที่เขาเลิกใช้งานแล้วไปใช้ เพราะด้านนอกดูเก่า ด้านในมีราวให้จับ เบาะก็ดูดีนั่งสบาย ด้านข้างติดตะขอให้แขวนเสื้อคลุมหรือร่มด้วย วันนี้มีผู้โดยสารน้อยมาก มี 4 ตู้ไม่ถึง 10 คน ตู้ที่เรานั่งมีเราแค่ 2 คนเท่านั้น 15.10 น. รถเรลเจ็ทนำเราสู่สถานี Semmering ไม่อยากออกเสียง เพราะฟังคนประกาศ 3 คน พูดไม่เหมือนกันสักคน ซัมเม่อริง แซมเม่อริง ซอมเม่อริง แล้วแต่ใครจะออกเสียงละมั้ง สะกดก็แล้วแต่อีก Summering, Sommering, Semmering, Sammering
เส้นทางรถไฟสายนี้ มีป่าทึบ บ้านโบราณ ปราสาทบนเขา อุโมงค์หิน 18 อุโมงค์ สะพานข้ามเหว 22 สะพาน กองฟืนข้างทาง คนยุโรปเขาตัดฟืน ความยาวเท่ากัน เรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งในโรงเก็บ ตกแต่งหน้าร้าน กองนอกบ้าน ข้างรั้ว ข้างทาง แต่เขามีอะไรปิดด้านบนไม่ให้เปียก ประเทศอื่นๆที่เห็นมาเป็นระเบียบมาก แต่ที่ออสเตรีย ดูไม่สวยเหมือนเพื่อนบ้าน ตรงที่วัสดุที่ใช้คลุมไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ใช้อะไรก็ได้ที่มีอยู่แล้วกันน้ำได้ วางพาดบนกองฟืน คงไม่มีจนท.ไปตรวจความเรียบร้อย หรือไม่มีใครจับผิด ต่างคนต่างทำเท่าที่ทำได้ และคงไม่มีวัฒนธรรมจัดแต่งสวนแข่งกัน เหมือนบ้านในเยอรมนี
ขากลับกลับเส้นทางเดิม ขาไปมีป่าบังมองเห็นข้างทางไม่ชัดเจน ขากลับโค้งตามเขามองเห็นสิ่งต่างๆเหมือนเมืองลับแล ถ้าไม่นั่งรถกลับก็คงมองไม่เห็น พอถึงสถานี Payerback Reichenau ก็เปลี่ยนรถ เป็นรถใหม่วิ่งเรียบเงียบกริบ ไม่เหมือนตอนนั่งเรลเจ็ทที่ได้ยินเสียงรถเสียดสีกับราง เสียงเหมือนหมูป่าร้องตลอดทาง เรากลับไปที่ Wiener Neustadt Hbf เพื่อวางแผนเดินทางต่อคืนนี้และการการท่องเที่ยววันพรุ่งนี้
กลับจาก Sammering เราไปเที่ยวเวียนนา นางเอกแห่งยุโรป นั่งเมโทรสาย U1 ไปที่ St.Stephanplatz ขาไปจ่ายคนละ 2.2 ยูโรโดยขอให้สาวสวยคนหนึ่ง ช่วยซื้อจากเครื่องให้ เธอบอกว่า 4.4 ยูโร ป้าคิดว่า เรามีเงินไม่พอ เธอจึงจะออกเงินให้ พอรู้ว่า คนละ 2.2 ยูโร ป้ามีเงินใบละ 5 ยูโร จึงยื่นให้เธอซื้อให้ สาวสวยนักศึกษาเธอมีตั๋วนักศึกษา ซึ่งเป็นกรณียกเว้น ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋ว (ขากลับซื้อเองคนละ 1.10 ยูโร)
พอโผล่จากเมโทรที่ St.Stephanplatz ก็พบว่ามหาวิหาร St.Stephan ตั้งตระหง่านเป็นสง่าอยู่ตรงปลายจมูก มีผู้คนคึกคัก อาคารสารพัดตั้งเบียดกัน จนแทบจะไม่เหลือจัตุรัสให้ทำกิจกรรม ที่สามารถจุคนจำนวนมากได้ มีสถานที่สำคัญหลายอย่างรวมกันอยู่ที่นั่น ทั้งดูโอโม่ พิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์และรัฐสภา ในเวลาพลบค่ำ อากาศกำลังสบายผู้คนออกไปเดินบ้าง นั่งบ้าง ทั้งที่ร้านอาหาร และม้านั่งที่จัดไว้บริการ
ราตรียังอีกยาวนาน หนุ่มสาวควงคู่กัน ดูเบิกบาน พวกเขาต่างคนต่างสูบบุหรี่ ผลัดกันจุมพิตไม่มีใครเหม็นใคร เพราะกลิ่นเดียวกันตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยร่วง กลายเป็นเรื่องธรรมดา คืนที่เกิดเหตุแย่งที่นั่งกัน ได้เห็นนักเรียนที่ครูพาไปทัศนศึกษา สูบบุหรี่ทั้งชายและหญิง ครูก็สูบด้วย คู่ใครคู่มันกอดจูบกันไม่รู้คู่ไหนครู คู่ไหนนักเรียนพวกเราต้องหนี ไปนั่งไกลๆ เพราะควันบุหรี่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณที่พวกเขาอยู่
พอใกล้เวลารถไฟเข้า พวกเขาตามเราไปที่ชานชาลา จึงรู้ว่าไปขบวนเดียวกับเรา พอเปลี่ยนรถได้ 2 สถานีก็มีกลุ่มหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ขึ้นมา ค่อยยังชั่ว กลุ่มที่เสียงดังเลยไปนั่งตู้อื่น คนที่นั่งตู้เดียวกับเรา ต่างคน ต่างง่วนอยู่กับจอเล็กๆ บนฝ่ามือของตัวเอง เหมือนป้าเลย
คืนนั้นเราอาศัยรถไฟเป็นโรงแรมอีกแล้ว นั่งรถจาก Wien HBF Meurzzuschlag แล้วจะต่อไปที่ Graz เพื่อเที่ยวที่นั่นตอนเช้าก่อนต่อไปยังกรุง Bratislava เมืองหลวงของสโลวเกีย ตอนใกล้เที่ยงคืน ผู้คนในตู้หลับเงียบกริบรวมทั้งลุงด้วย แต่ไม่ได้ยินเสียงเรือกลไฟ พอเห็นคนลุกไปเตรียมตัวลงรถ ป้าลุกขึ้นยืนมองจึงเห็นว่าทั้งตู้ ซึ่งมีที่นั่งอย่างน้อย 120 ที่นั่งยังมีเราอยู่อีก 2 คน ส่วนตู้อื่นๆ ไม่ได้เดินไปดู พนง.ตรวจตั๋วกับพขร. น่าจะขอบคุณเราที่ทำให้พวกเขามีเพื่อนร่วมทางจนถึงปลายทาง....เพราะถ้าเราไปนอนโรงแรมคืนนั้นตู้ที่เรานั่งคงร้างแน่ๆ....อีกครึ่งชั่วโมงถึงปลายทางมีผู้โดยสารขึ้นมาอีก 3 คน ค่อยยังชั่วหน่อย คนที่ขึ้นมาใหม่คุยกัน ทำให้รู้ว่ายังมีสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์ นอกจากเราอยู่ร่วมตู้เดียวกัน
[CR] ลุงกับป้าตะลุยยุโรป 64 วัน 33 ประเทศ [ตอนที่ 7 ] นางเอกแห่งยุโรป ออสเตรีย-สโลวาเกีย-ฮังการี-โรมาเนีย
ตอนที่ผ่านมา ได้เข้าไปในดินแดนของออสเตรียหลายครั้ง จึงมีออสเตรียแทรกอยู่ด้วย จะว่าไปแล้ว การเดินทางโดยรถไฟในยุโรป จะวนไปวนมา เข้าประเทศโน้น ออกประเทศนี้ อยู่เกือบทุกวัน คนในยุโรปที่ข้ามแดนไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านก็มีไม่น้อย ตอนที่เราเที่ยวแถบสแกนดิเนเวีย ก็มีอยู่วันหนึ่ง ที่เราเริ่มต้นจากนอร์เวย์ ผ่านสวีเดน เฉียดเข้าไปในเดนมาร์ก แล้วไปโผล่ที่ฟินแลนด์ บางครั้งตอนที่เรานั่งอยู่บนรถ เราจะถามคนที่นั่งข้างๆว่า ตอนนี้เราอยู่ประเทศอะไร….
ทางรถไฟตั้งแต่ Salzburg HBF ถึง Hallstatt เป็นเส้นทางสายสวยงามอีกเส้นหนึ่งของออสเตรีย ผ่านภูเขาหินในอ้อมกอดของเมฆหมอก มีป่าดิบชื้นที่มีลำธารน้ำใสเลาะข้างภูเขา และที่ราบ ตอนผ่านหมู่บ้านใกล้ถึง Hallstatt มีการใช้ไม้เป็นแผ่นๆ ทำท่อส่งน้ำใช้ตามบ้านเรือน ด้านข้างของลำธารที่เลียบหมู่บ้าน มีคูน้ำที่ทำถาวรด้วยซีเมนต์อยู่สูงกว่าลำธาร บางที่ที่มีน้ำล้นคู ก็กลายเป็นน้ำตกลงสู่ลำธารสวยงามมาก เป็นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำจริงๆ
บ้านปริ่มน้ำอยู่ริมทะเลสาบและภูเขาหินกับน้ำตกสวยงามราวกับจินตนาการ....ความจริงเรือข้ามฟากไม่ได้มีเวลาตายตัว ไป-กลับตลอดเวลา เพราะมีรถไฟเข้าสถานีที่ไม่มีจนท.ทุกชั่วโมง ค่าเรือไปกลับคนละ 5 ยูโร มีนักท่องเที่ยวทุกขบวนรถไฟทั้งไปและกลับ ใกล้ๆสถานีมีจุดจอดรับส่ง ทั้งก่อนและเลยสถานี มีถนนสำหรับรถยนต์ด้วย....ขณะที่เรากำลังรอรถอยู่ มีจนท.มาสำรวจสภาพทางธรณีวิทยาของสถานีด้วย
วันนี้ ตอนกลับจาก Hallstatt เราพลาดรถบัส เพราะจนท.ไม่บอกว่า ที่สถานี Bad Aussee เราต้องต่อรถบัส กว่าจะบอกเราว่า สิ้นสุดการเดินทางโดยรถไฟ ถ้าจะไปต่อต้องนั่งรถบัส รถบัสที่จอดรอรับอยู่ข้างหลังสถานีก็ออกไปแล้ว เราจึงต้องเสียเวลารอรถอีก 2 ชม. ทำให้ได้ตากผ้า แต่มองไปมองมา ไม่เห็นมีอาหารขาย ป้าจึงต้องเดินผ่านหมู่บ้านไปหาซื้ออาหารกลางวัน ระยะทางไป กลับประมาณ 4 กม. เดินขึ้นเขา ลงเขาไปตามเส้นทางที่รถยนต์ไม่สามารถสวนกันได้
ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบาวาเรีย ที่ส่วนใหญ่ผู้หญิงทำงานบ้าน ตัดและเก็บกวาดลานบ้าน ที่มีสนามหญ้าทุกบ้าน เห็นคุณตาคุณยายแต่งชุดบาวาเรีย ช่วยกันตกแต่งบริเวณบ้าน พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่มีอัธยาศัยดีทักทาย ฮัลโล่และโบกมือให้ตอนเดินผ่านหน้าบ้าน เห็นคุณยายคนหนึ่งกำลังกวาดแอ๊ปเปิ้ลที่ร่วงตามพื้น เพื่อเอาไปทิ้ง ป้าจึงแวะไปทักทายและขอแอ๊ปเปิ้ลที่คุณยายกำลังจะเอาไปทิ้ง เพราะทั้งหมู่บ้านไม่มีร้านค้าเลย แต่คุณยายบอกว่าไม่ให้ เพราะมันทำให้ท้องเสีย โดยทำท่าประกอบการพูดเพราะใช้ภาษาพูดสื่อสารไม่เข้าใจ....ป้าจึงถึงบางอ้อที่ป้าท้องเสียคราวก่อน....มิน่าล่ะพวกเขาจึงปล่อยให้ร่วงหล่นโดยไม่ใส่ใจจะเอาประโยชน์จากมัน....มีบ้านหนึ่งกำลังตัดกิ่งที่ลูกกำลังแก่ ใส่รถยนต์เพื่อเอาไปทิ้งด้วย
วันนั้น เป็นวันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิ ของแคว้นบาวาเรียสมัยที่เคยรุ่งเรือง น่าจะเป็นพระเจ้าลุดวิคที่ 2 ผู้คนแต่งกายชุดดั้งเดิม สวยหล่อ ออกจากบ้านไปเฉลิมฉลอง เราได้ร่วมถ่ายภาพกับผู้อาวุโสมาด้วย สุภาพบุรุษบาวาเรีย มีเลดี้เป็นชาวเยอรมัน....บนรถขบวนที่เราต่อไปเวียนนา มีหนุ่มบาวาเรียฉลองจนเมาพูดจาเสียงดัง เรียกรอยยิ้มได้เป็นระยะ แต่จนท.ตำรวจก็คอยดูแลรักษาความสงบ ในขณะที่พวกรุ่นใหญ่ดื่มกันอย่างสงบ คนบาวาเรียส่วนมากสวยหล่อและรื่นเริง แต่มีบางอย่างที่ดูแตกต่างจากชาวยุโรปทั่วไป
จาก Bad Aussee เรานั่งรถบัสไปที่สถานี Gloggnitz แล้วนั่งรถไฟไปที่ Stainach Irdning ต่อจากนั้นก็ไปเปลี่ยนรถที่ Leoben Hbf เพื่อไปขึ้นรถสาย Sammering ที่สถานี Wien Neustadt รถสาย Semmering คงจะนำรถเมโทรที่เขาเลิกใช้งานแล้วไปใช้ เพราะด้านนอกดูเก่า ด้านในมีราวให้จับ เบาะก็ดูดีนั่งสบาย ด้านข้างติดตะขอให้แขวนเสื้อคลุมหรือร่มด้วย วันนี้มีผู้โดยสารน้อยมาก มี 4 ตู้ไม่ถึง 10 คน ตู้ที่เรานั่งมีเราแค่ 2 คนเท่านั้น 15.10 น. รถเรลเจ็ทนำเราสู่สถานี Semmering ไม่อยากออกเสียง เพราะฟังคนประกาศ 3 คน พูดไม่เหมือนกันสักคน ซัมเม่อริง แซมเม่อริง ซอมเม่อริง แล้วแต่ใครจะออกเสียงละมั้ง สะกดก็แล้วแต่อีก Summering, Sommering, Semmering, Sammering
เส้นทางรถไฟสายนี้ มีป่าทึบ บ้านโบราณ ปราสาทบนเขา อุโมงค์หิน 18 อุโมงค์ สะพานข้ามเหว 22 สะพาน กองฟืนข้างทาง คนยุโรปเขาตัดฟืน ความยาวเท่ากัน เรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งในโรงเก็บ ตกแต่งหน้าร้าน กองนอกบ้าน ข้างรั้ว ข้างทาง แต่เขามีอะไรปิดด้านบนไม่ให้เปียก ประเทศอื่นๆที่เห็นมาเป็นระเบียบมาก แต่ที่ออสเตรีย ดูไม่สวยเหมือนเพื่อนบ้าน ตรงที่วัสดุที่ใช้คลุมไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ใช้อะไรก็ได้ที่มีอยู่แล้วกันน้ำได้ วางพาดบนกองฟืน คงไม่มีจนท.ไปตรวจความเรียบร้อย หรือไม่มีใครจับผิด ต่างคนต่างทำเท่าที่ทำได้ และคงไม่มีวัฒนธรรมจัดแต่งสวนแข่งกัน เหมือนบ้านในเยอรมนี
ขากลับกลับเส้นทางเดิม ขาไปมีป่าบังมองเห็นข้างทางไม่ชัดเจน ขากลับโค้งตามเขามองเห็นสิ่งต่างๆเหมือนเมืองลับแล ถ้าไม่นั่งรถกลับก็คงมองไม่เห็น พอถึงสถานี Payerback Reichenau ก็เปลี่ยนรถ เป็นรถใหม่วิ่งเรียบเงียบกริบ ไม่เหมือนตอนนั่งเรลเจ็ทที่ได้ยินเสียงรถเสียดสีกับราง เสียงเหมือนหมูป่าร้องตลอดทาง เรากลับไปที่ Wiener Neustadt Hbf เพื่อวางแผนเดินทางต่อคืนนี้และการการท่องเที่ยววันพรุ่งนี้
กลับจาก Sammering เราไปเที่ยวเวียนนา นางเอกแห่งยุโรป นั่งเมโทรสาย U1 ไปที่ St.Stephanplatz ขาไปจ่ายคนละ 2.2 ยูโรโดยขอให้สาวสวยคนหนึ่ง ช่วยซื้อจากเครื่องให้ เธอบอกว่า 4.4 ยูโร ป้าคิดว่า เรามีเงินไม่พอ เธอจึงจะออกเงินให้ พอรู้ว่า คนละ 2.2 ยูโร ป้ามีเงินใบละ 5 ยูโร จึงยื่นให้เธอซื้อให้ สาวสวยนักศึกษาเธอมีตั๋วนักศึกษา ซึ่งเป็นกรณียกเว้น ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋ว (ขากลับซื้อเองคนละ 1.10 ยูโร)
พอโผล่จากเมโทรที่ St.Stephanplatz ก็พบว่ามหาวิหาร St.Stephan ตั้งตระหง่านเป็นสง่าอยู่ตรงปลายจมูก มีผู้คนคึกคัก อาคารสารพัดตั้งเบียดกัน จนแทบจะไม่เหลือจัตุรัสให้ทำกิจกรรม ที่สามารถจุคนจำนวนมากได้ มีสถานที่สำคัญหลายอย่างรวมกันอยู่ที่นั่น ทั้งดูโอโม่ พิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์และรัฐสภา ในเวลาพลบค่ำ อากาศกำลังสบายผู้คนออกไปเดินบ้าง นั่งบ้าง ทั้งที่ร้านอาหาร และม้านั่งที่จัดไว้บริการ
ราตรียังอีกยาวนาน หนุ่มสาวควงคู่กัน ดูเบิกบาน พวกเขาต่างคนต่างสูบบุหรี่ ผลัดกันจุมพิตไม่มีใครเหม็นใคร เพราะกลิ่นเดียวกันตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยร่วง กลายเป็นเรื่องธรรมดา คืนที่เกิดเหตุแย่งที่นั่งกัน ได้เห็นนักเรียนที่ครูพาไปทัศนศึกษา สูบบุหรี่ทั้งชายและหญิง ครูก็สูบด้วย คู่ใครคู่มันกอดจูบกันไม่รู้คู่ไหนครู คู่ไหนนักเรียนพวกเราต้องหนี ไปนั่งไกลๆ เพราะควันบุหรี่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณที่พวกเขาอยู่
พอใกล้เวลารถไฟเข้า พวกเขาตามเราไปที่ชานชาลา จึงรู้ว่าไปขบวนเดียวกับเรา พอเปลี่ยนรถได้ 2 สถานีก็มีกลุ่มหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ขึ้นมา ค่อยยังชั่ว กลุ่มที่เสียงดังเลยไปนั่งตู้อื่น คนที่นั่งตู้เดียวกับเรา ต่างคน ต่างง่วนอยู่กับจอเล็กๆ บนฝ่ามือของตัวเอง เหมือนป้าเลย
คืนนั้นเราอาศัยรถไฟเป็นโรงแรมอีกแล้ว นั่งรถจาก Wien HBF Meurzzuschlag แล้วจะต่อไปที่ Graz เพื่อเที่ยวที่นั่นตอนเช้าก่อนต่อไปยังกรุง Bratislava เมืองหลวงของสโลวเกีย ตอนใกล้เที่ยงคืน ผู้คนในตู้หลับเงียบกริบรวมทั้งลุงด้วย แต่ไม่ได้ยินเสียงเรือกลไฟ พอเห็นคนลุกไปเตรียมตัวลงรถ ป้าลุกขึ้นยืนมองจึงเห็นว่าทั้งตู้ ซึ่งมีที่นั่งอย่างน้อย 120 ที่นั่งยังมีเราอยู่อีก 2 คน ส่วนตู้อื่นๆ ไม่ได้เดินไปดู พนง.ตรวจตั๋วกับพขร. น่าจะขอบคุณเราที่ทำให้พวกเขามีเพื่อนร่วมทางจนถึงปลายทาง....เพราะถ้าเราไปนอนโรงแรมคืนนั้นตู้ที่เรานั่งคงร้างแน่ๆ....อีกครึ่งชั่วโมงถึงปลายทางมีผู้โดยสารขึ้นมาอีก 3 คน ค่อยยังชั่วหน่อย คนที่ขึ้นมาใหม่คุยกัน ทำให้รู้ว่ายังมีสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์ นอกจากเราอยู่ร่วมตู้เดียวกัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น