ฝากเพจด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/AETOURBYYOURSELF (ไม่ใช่บริษัททัวร์นะครับ พอดีใช้ชื่อนี้เพราะตอนนำครอบครัวไปเที่ยวยุโรปครั้งแรก แล้วญาติตั้งให้)
Part พิเศษ ประสบการณ์การเช่ารถขับในอเมริกา
http://ppantip.com/topic/35242067
Part 12 ทริปพาเที่ยว Canadian Rockies กับเหล่า Avengers สาวทั้ง 6
http://ppantip.com/topic/35196719
Part 11 ไปดูแสงเหนือที่ Alaska แต่ Alaska Winter ไม่ได้มีดีแค่แสงเหนือ
http://ppantip.com/topic/34888818
Part 10 ภูเขาสูง หิมะขาวโพลน Winter @ Yosemite
http://ppantip.com/topic/34835960
Part 9 มหัศจรรย์การสร้างสรรค์ของธรรมชาติ Antelope Canyon และ Zion Nation Park
http://ppantip.com/topic/34788566
Part 8 ฝ่าพายุหิมะไปยัง Bryce Canyon National Park, Utah
http://ppantip.com/topic/34754027
Part 7 จุดหมายในฝัน หนึ่งเดียวในอเมริกา Harry Potter@ Orlando
http://ppantip.com/topic/34641279
Part 6 ใต้สุดของอเมริกา Key West กับเมืองชายหาดอันโด่งดัง Miami Beach
http://ppantip.com/topic/34621815
Part 5 Chicago เมืองชิคๆ ที่ไม่ได้อยากมา แต่...
http://ppantip.com/topic/34612352
Part 4 Autumn in Yosemite National Park & Lake Tahoe
http://ppantip.com/topic/34443866
Part 3 Maui, Hawaii เกาะสวรรค์ (เหมือนขึ้นไปบนสวรรค์จริงๆ)
http://ppantip.com/topic/34358475
Part 2 Highway no.1 ถนนที่สวยที่สุดชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา
http://ppantip.com/topic/34277681
Part 1 San Francisco
http://ppantip.com/topic/34228981
Part เสริม Disneyland LA และการเล่นเครื่องเล่นสำคัญๆใน Park ให้ครบภายใน 1 วัน
http://ppantip.com/topic/34277393
นี่คือทริปที่ได้รับการแนะนำจากอาจารย์สอนภาษาของเราว่า ถ้าคุณมาอยู่อเมริกาฝั่งตะวันตก คุณจะต้องไปเยือนถนนเส้นนี้ให้ได้ (ขอขอบคุณ อ.Thomas มน.พิษณุโลกด้วยนะครับที่แนะนำ) จากที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับถนนเส้นนี้เลย (ก่อนมา Highway no.1 คืออะไรวะ
) จึงเริ่มหาข้อมูล และวิธีการเที่ยว จึงรู้ว่าถนนเส้นนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในฝั่งตะวันตก หรือบาง Website ที่ชอบจัดอันดับให้ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นที่สวยที่สุดในอเมริกากันเลยทีเดียว
เราวางแผนการเดินทางครั้งนี้ โดยเริ่มจากเมืองที่เราอยู่ คือ San Francisco แล้ววิ่งยาวไปทาง Highway no.5 ตรงไป LA ก่อน แล้วจาก LA จึงเดินทางกลับSan Francisco ผ่าน Highway No.1
แผนการเดินทางเป็นดังนี้
วันที่ 1 San Francisco ไป LA ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม. (ระยะทางประมาณกรุงเทพ - เชียงใหม่) ไปพักที่ Orange Country ติดกับ Disneyland
วันที่ 2 เที่ยว Disneyland แล้วไปพัก LA
วันที่ 3 เที่ยว LA พักใน LA
วันที่ 4 เดินทางออกจาก LA ไป Santa Babara, Solvang และไปพักที่ Morro Bay
วันที่ 5 เดินทางต่อไปยัง San Simeon เพื่อไปเที่ยวปราสาท Hearst Castle จากนั้นผ่าน Big Sur ไปยัง Monterey พักที่ Monterey
วันที่ 6 เที่ยว Monterey พักที่ Monterey
วันที่ 7 เที่ยว Monterey Aquarium , The Mystery Spot กลับ SF
วันที่ 1 SF - LA
เราเช่ารถจาก San Francisco การเช่ารถนั้น ยิ่งเราเช่าก่อนวันที่เราจะรับรถนานเท่าไหร่ ค่าเช่าก็จะถูกลงมากเท่านั้น ทริปนี้วางแผนกันนาน แต่เราเพิ่งมาอยู่ มาถึงก็วางแผนเช่าก่อนรับรถประมาณ 1 เดือน ค่าเช่าที่เราได้ไม่แพงและไม่ถูกมากนัก แต่เราเลือกที่จะไปเอารถไกลออกไป โดยนั่งรถไฟ Caltrain ไป เพราะคำนวณระยะเวลาที่เราเช่าหลายๆวันแล้ว มันถูกกว่ากันเยอะ (เพราะงกมาก จึงยอมลำบาก)
จาก San Francisco ไป LA ใช้เวลาขับประมาณ 6-7 ชั่วโมง ระหว่างทางของถนน Freeway no.5 นี้ ขอบอกเลยว่าแห้งแล้งมาก มีแต่ดินแดงๆ เหมือนวิ่งผ่านทะเลทราย ไม่เจริญหูเจริญตาเลยซักนิด
ไปถึง LA ช่วงเย็นๆ รถติดอยู่บน Freeway ที่ LA อีกประมาณ 2 ชั่วโมง กว่าจะทะลุไป Orange Country ได้ (ซึ่งทางตอนใต้สุดของ LA) สรุปคือ ผมใช้เวลาขับทั้งสิ้นประมาณ 9 ชั่วโมง ออกจาก SF 9.00 น. ถึง Orange Country 19.00 น. แม่เจ้า ขับรถใน LA นี่ทำให้นึกถึงขับรถใน กทม.เลย รถติดหนักมาก และเมือง LA ใหญ่มาก ต่างจาก San Francisco ลิบลับ
วันแรกเราพักที่โรงแรมติดกับ Disneyland ครับ ที่ Quality Inn & Suite Anaheim at the Park
วันที่ 2 Disneyland LA และทริกการเล่นเครื่องเล่นให้ครบภายใน 1 วัน
ตามลิงค์นี้เลยครับ
http://ppantip.com/topic/34277393
วันที่ 3 เราเที่ยว LA ครับ ซึ่งขอข้ามนะครับ เพราะส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบ LA เท่าไหร่
หลังจากเที่ยว Disneyland และ LA แล้ว เราก็เริ่ม Start การเที่ยวบนถนนที่สวยที่สุดของอเมริกาฝั่งตะวันตกกันเลย
Pacific Coast Highway no.1
เป็นถนนของรัฐ California ที่ทอดยาวจากเหนือลงใต้ ถนนนี้จะเรียบไปตามชายฝั่ง Pacific เป็นส่วนใหญ่ มีเส้นทางคดเคี้ยว และหลายช่วงติดหน้าผาของชายฝั่ง Pacific มีความยาวทั้งสิ้น 1,055 กม. ผ่านเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หลายเมือง เช่น LA , Santa Babara , Monterey , San Francisco เป็นต้น
วันที่ 4 Santa Babara , Solvang & Morro Bay
เราเริ่มต้นขับรถจาก LA ไป Santa Babara ครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่มโมงครึ่ง
Santa Babara
เป็นเมืองทางตอนกลางของชายฝั่ง California มีภูเขา Santa Ynez ตั้งอยู่เบื้องหลังเมือง ลักษณะเมืองเป็นลักษณะเมดิเตอร์เรเนี่ยนสไตล์ มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ
Santa Babara Country Courthouse
เป็นอดีตที่ตัดสินคดีความของเมือง หรือศาลนั่นเอง ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมือง สถานที่ตั้งตั้งอยู่ใจกลางเมือง Santa Babara นักท่องเที่ยวสามารถเข้าฟรี และมีลิฟท์ขึ้นไปยังดาดฟ้า เพื่อชมบรรยากาศของเมือง Santa Babara ได้ด้วย
Old Mission Santa Babara
เป็นโบสถ์ที่สำคัญของเมือง มีพิพิธภัณฑ์ด้านใน ถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ เรามีเวลาไม่มาก ต้องไป Solvang ต่อ เลยเยี่ยมชมด้านนอกพอ
นอกจากนี้ในตัวเมืองยังมีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ถ้าจะพักกินอาหารกลางวัน แนะนำที่นี่นะครับ มีหลายร้านเลยทีเดียว
นอกจากนี้ใกล้ๆ Courthouse มีร่นกาแฟชื่อดังอยู่ร้านนึง ตอนเราไปคนเยอะมากกกก ชื่อร้าน Handlebar Coffee&Roaster
[CR] In America - เที่ยวไปเรื่อยๆ ใน 1 ปี...Part 2 Highway no.1 ถนนที่สวยที่สุดชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา
ฝากเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/AETOURBYYOURSELF (ไม่ใช่บริษัททัวร์นะครับ พอดีใช้ชื่อนี้เพราะตอนนำครอบครัวไปเที่ยวยุโรปครั้งแรก แล้วญาติตั้งให้)
Part พิเศษ ประสบการณ์การเช่ารถขับในอเมริกา http://ppantip.com/topic/35242067
Part 12 ทริปพาเที่ยว Canadian Rockies กับเหล่า Avengers สาวทั้ง 6 http://ppantip.com/topic/35196719
Part 11 ไปดูแสงเหนือที่ Alaska แต่ Alaska Winter ไม่ได้มีดีแค่แสงเหนือ http://ppantip.com/topic/34888818
Part 10 ภูเขาสูง หิมะขาวโพลน Winter @ Yosemite http://ppantip.com/topic/34835960
Part 9 มหัศจรรย์การสร้างสรรค์ของธรรมชาติ Antelope Canyon และ Zion Nation Park http://ppantip.com/topic/34788566
Part 8 ฝ่าพายุหิมะไปยัง Bryce Canyon National Park, Utah http://ppantip.com/topic/34754027
Part 7 จุดหมายในฝัน หนึ่งเดียวในอเมริกา Harry Potter@ Orlando http://ppantip.com/topic/34641279
Part 6 ใต้สุดของอเมริกา Key West กับเมืองชายหาดอันโด่งดัง Miami Beach http://ppantip.com/topic/34621815
Part 5 Chicago เมืองชิคๆ ที่ไม่ได้อยากมา แต่... http://ppantip.com/topic/34612352
Part 4 Autumn in Yosemite National Park & Lake Tahoe http://ppantip.com/topic/34443866
Part 3 Maui, Hawaii เกาะสวรรค์ (เหมือนขึ้นไปบนสวรรค์จริงๆ) http://ppantip.com/topic/34358475
Part 2 Highway no.1 ถนนที่สวยที่สุดชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา http://ppantip.com/topic/34277681
Part 1 San Francisco http://ppantip.com/topic/34228981
Part เสริม Disneyland LA และการเล่นเครื่องเล่นสำคัญๆใน Park ให้ครบภายใน 1 วัน http://ppantip.com/topic/34277393
นี่คือทริปที่ได้รับการแนะนำจากอาจารย์สอนภาษาของเราว่า ถ้าคุณมาอยู่อเมริกาฝั่งตะวันตก คุณจะต้องไปเยือนถนนเส้นนี้ให้ได้ (ขอขอบคุณ อ.Thomas มน.พิษณุโลกด้วยนะครับที่แนะนำ) จากที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับถนนเส้นนี้เลย (ก่อนมา Highway no.1 คืออะไรวะ ) จึงเริ่มหาข้อมูล และวิธีการเที่ยว จึงรู้ว่าถนนเส้นนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในฝั่งตะวันตก หรือบาง Website ที่ชอบจัดอันดับให้ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นที่สวยที่สุดในอเมริกากันเลยทีเดียว
เราวางแผนการเดินทางครั้งนี้ โดยเริ่มจากเมืองที่เราอยู่ คือ San Francisco แล้ววิ่งยาวไปทาง Highway no.5 ตรงไป LA ก่อน แล้วจาก LA จึงเดินทางกลับSan Francisco ผ่าน Highway No.1
แผนการเดินทางเป็นดังนี้
วันที่ 1 San Francisco ไป LA ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม. (ระยะทางประมาณกรุงเทพ - เชียงใหม่) ไปพักที่ Orange Country ติดกับ Disneyland
วันที่ 2 เที่ยว Disneyland แล้วไปพัก LA
วันที่ 3 เที่ยว LA พักใน LA
วันที่ 4 เดินทางออกจาก LA ไป Santa Babara, Solvang และไปพักที่ Morro Bay
วันที่ 5 เดินทางต่อไปยัง San Simeon เพื่อไปเที่ยวปราสาท Hearst Castle จากนั้นผ่าน Big Sur ไปยัง Monterey พักที่ Monterey
วันที่ 6 เที่ยว Monterey พักที่ Monterey
วันที่ 7 เที่ยว Monterey Aquarium , The Mystery Spot กลับ SF
วันที่ 1 SF - LA
เราเช่ารถจาก San Francisco การเช่ารถนั้น ยิ่งเราเช่าก่อนวันที่เราจะรับรถนานเท่าไหร่ ค่าเช่าก็จะถูกลงมากเท่านั้น ทริปนี้วางแผนกันนาน แต่เราเพิ่งมาอยู่ มาถึงก็วางแผนเช่าก่อนรับรถประมาณ 1 เดือน ค่าเช่าที่เราได้ไม่แพงและไม่ถูกมากนัก แต่เราเลือกที่จะไปเอารถไกลออกไป โดยนั่งรถไฟ Caltrain ไป เพราะคำนวณระยะเวลาที่เราเช่าหลายๆวันแล้ว มันถูกกว่ากันเยอะ (เพราะงกมาก จึงยอมลำบาก)
จาก San Francisco ไป LA ใช้เวลาขับประมาณ 6-7 ชั่วโมง ระหว่างทางของถนน Freeway no.5 นี้ ขอบอกเลยว่าแห้งแล้งมาก มีแต่ดินแดงๆ เหมือนวิ่งผ่านทะเลทราย ไม่เจริญหูเจริญตาเลยซักนิด
ไปถึง LA ช่วงเย็นๆ รถติดอยู่บน Freeway ที่ LA อีกประมาณ 2 ชั่วโมง กว่าจะทะลุไป Orange Country ได้ (ซึ่งทางตอนใต้สุดของ LA) สรุปคือ ผมใช้เวลาขับทั้งสิ้นประมาณ 9 ชั่วโมง ออกจาก SF 9.00 น. ถึง Orange Country 19.00 น. แม่เจ้า ขับรถใน LA นี่ทำให้นึกถึงขับรถใน กทม.เลย รถติดหนักมาก และเมือง LA ใหญ่มาก ต่างจาก San Francisco ลิบลับ
วันแรกเราพักที่โรงแรมติดกับ Disneyland ครับ ที่ Quality Inn & Suite Anaheim at the Park
วันที่ 2 Disneyland LA และทริกการเล่นเครื่องเล่นให้ครบภายใน 1 วัน
ตามลิงค์นี้เลยครับ
http://ppantip.com/topic/34277393
วันที่ 3 เราเที่ยว LA ครับ ซึ่งขอข้ามนะครับ เพราะส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบ LA เท่าไหร่
หลังจากเที่ยว Disneyland และ LA แล้ว เราก็เริ่ม Start การเที่ยวบนถนนที่สวยที่สุดของอเมริกาฝั่งตะวันตกกันเลย
Pacific Coast Highway no.1
เป็นถนนของรัฐ California ที่ทอดยาวจากเหนือลงใต้ ถนนนี้จะเรียบไปตามชายฝั่ง Pacific เป็นส่วนใหญ่ มีเส้นทางคดเคี้ยว และหลายช่วงติดหน้าผาของชายฝั่ง Pacific มีความยาวทั้งสิ้น 1,055 กม. ผ่านเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หลายเมือง เช่น LA , Santa Babara , Monterey , San Francisco เป็นต้น
วันที่ 4 Santa Babara , Solvang & Morro Bay
เราเริ่มต้นขับรถจาก LA ไป Santa Babara ครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่มโมงครึ่ง
Santa Babara
เป็นเมืองทางตอนกลางของชายฝั่ง California มีภูเขา Santa Ynez ตั้งอยู่เบื้องหลังเมือง ลักษณะเมืองเป็นลักษณะเมดิเตอร์เรเนี่ยนสไตล์ มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ
Santa Babara Country Courthouse
เป็นอดีตที่ตัดสินคดีความของเมือง หรือศาลนั่นเอง ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมือง สถานที่ตั้งตั้งอยู่ใจกลางเมือง Santa Babara นักท่องเที่ยวสามารถเข้าฟรี และมีลิฟท์ขึ้นไปยังดาดฟ้า เพื่อชมบรรยากาศของเมือง Santa Babara ได้ด้วย
Old Mission Santa Babara
เป็นโบสถ์ที่สำคัญของเมือง มีพิพิธภัณฑ์ด้านใน ถ้าจะเข้าไปด้านในต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ เรามีเวลาไม่มาก ต้องไป Solvang ต่อ เลยเยี่ยมชมด้านนอกพอ
นอกจากนี้ในตัวเมืองยังมีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ถ้าจะพักกินอาหารกลางวัน แนะนำที่นี่นะครับ มีหลายร้านเลยทีเดียว
นอกจากนี้ใกล้ๆ Courthouse มีร่นกาแฟชื่อดังอยู่ร้านนึง ตอนเราไปคนเยอะมากกกก ชื่อร้าน Handlebar Coffee&Roaster