แปลงปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ สำหรับบ้านทาวเฮาส์ 16 ตรว.(ขอมอบ วิทยาทานความรู้)
1. ออกแบบสำหรับผู้มีพื้นที่ปลูกน้อย ขนาดความกว้าง 50 ซม. x ยาว 150 ซม. x สูง 200 ซม.
- จงใจออกแบบให้ หลังคากันฝน เป็นแบบนี้ครับเนื่องจากพื้นที่มีจำกัด( ถ้าให้กางออกจะไปติดด้านหลัง ครับ )
- เวลาฝนตก น้ำไหลเข้าท่อ ไม่เยอะครับ นิดๆหน่อยๆ จากที่เฝ้าดู ไม่เคยเข้ามาเยอะ จนท่วมราก มิดซักที
- ผมไม่อยากเจาะท่อ PVC แล้วนำท่อ มาเชื่อมต่อด้วย กาวซิลิโคน
ดังนั้นผมจึงเลือกใช้ ท่อสามทางแบบลดขนาด
2. ออกแบบเป็น ระบบน้ำนิ่ง และ น้ำวน
( แต่พอทดลองเลี้ยงแล้ว ผักสวย ผมจึง
ไม่ต่อปั๊มน้ำและ
ระบบถ่ายเทน้ำลงตามชั้นปลูก)
3. ออกแบบให้สามารถ จอดรถหน้าบ้านได้ ไม่เกะกะบ้านคนอื่น
(
ไม่ได้วางบนฟุตบาท ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย อยู่หน้าบ้านไม่ได้เกะกะใคร และไม่มีทางเดินต่อกัน
มันเป็นทางลาดหน้าบ้าน)***
>>> ไม่ได้วางบนฟุตบาท มันเป็นทางลาดหน้าบ้าน <<<
4. ลงทุนค่าวัสดุไปประมาณ 3,000 กว่าบาท
( ถ้าอยากปลุกต้องลงทุนครับ ระยะยาวยังไงก็คุ้มทุนครับ เพราะ ปลุกเองไม่ต้องซื้อผักสลัดอีกแล้ว )
5. รูปที่ถ่ายมาลงพันทิพย์ ยังไม่ได้คลุมมุ้งกันแมลง นะครับ
6. สามารถปลูกได้ครั้งละ 81 ต้น
- ต้นไหนโตแล้ว ก็เก็บทานได้เลยครับ แล้วนำต้นกล้ารุ่นใหม่ ใส่แทน ก็จะได้ผักหมุนเวียนไว้ทานตลอดปี ครับ
- ต้นที่จะนำไปทาน นำมาแยกใส่ถัง แช่น้ำเปล่า( เฉพาะราก) ทิ้งไว้สองวันก็นำมาทานได้แล้ว ครับ ( ผักไม่เหี่ยวครับ ผมทดลองแล้ว)
7. หลังจากนำ ผักออกมาจากรางปลูก ควรนำมาแช่น้ำเปล่าทิ้งไว้ 2 วัน( น้ำห้ามท่วมรากจนมิด) แล้วแช่ตู้เย็นไว้ซัก 1 วัน
* ( ลดปริมาณสารเคมี ตกค้างจากน้ำปุ๋ย )
ผมเชื่อว่า ผักที่ปลูกแบบ ไฮโดรโปรนิกส์ ไม่ได้ปลอดภัย 100% แต่ดีกว่าที่จะเจอ สารจากยาฆ่าแมลง
สรุป ผมไม่อธิบายเรื่องการปลุกและการเพาะเลี้ยง นะครับ ( ในกระทู้อื่นๆบอกหมดแล้ว ก็ทำตามนั้นไปครับ )
ต้องการมาบอกว่า บ้านทาวเฮาส์ ก็สามารถ ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ได้ครับ เพียงแต่ต้องออกแบบให้เหมาะกับตัวบ้าน
ภาพด้านล่างนี้ เป็นการทดลองปลูก รุ่นที่ 1 ครับ ( ตอนเพาะต้นกล้า ผมเอาไปไว้ในที่ร่ม นานไปต้นผักเลยยืด)
*
ส่วนรุ่นที่ 2 ลำต้นไม่ยืดแล้วครับ
แปลงปลูกแบบสามชั้น ไม่มีปัญหาเรื่อง แสงแดด ครับ เพราะ ถ้าด้านบนโตแล้ว ก็ย้ายลงมาชั้นล่าง
แค่นั้นก็หมดปัญหาแล้วครับ แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้โตเอง
ได้เวลาแปรรูป ผลผลิตแล้วครับ
แปลงปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ สำหรับบ้านทาวเฮาส์ 16 ตรว.(ขอมอบ วิทยาทานความรู้)
1. ออกแบบสำหรับผู้มีพื้นที่ปลูกน้อย ขนาดความกว้าง 50 ซม. x ยาว 150 ซม. x สูง 200 ซม.
- จงใจออกแบบให้ หลังคากันฝน เป็นแบบนี้ครับเนื่องจากพื้นที่มีจำกัด( ถ้าให้กางออกจะไปติดด้านหลัง ครับ )
- เวลาฝนตก น้ำไหลเข้าท่อ ไม่เยอะครับ นิดๆหน่อยๆ จากที่เฝ้าดู ไม่เคยเข้ามาเยอะ จนท่วมราก มิดซักที
- ผมไม่อยากเจาะท่อ PVC แล้วนำท่อ มาเชื่อมต่อด้วย กาวซิลิโคน
ดังนั้นผมจึงเลือกใช้ ท่อสามทางแบบลดขนาด
2. ออกแบบเป็น ระบบน้ำนิ่ง และ น้ำวน
( แต่พอทดลองเลี้ยงแล้ว ผักสวย ผมจึงไม่ต่อปั๊มน้ำและระบบถ่ายเทน้ำลงตามชั้นปลูก)
3. ออกแบบให้สามารถ จอดรถหน้าบ้านได้ ไม่เกะกะบ้านคนอื่น
( ไม่ได้วางบนฟุตบาท ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย อยู่หน้าบ้านไม่ได้เกะกะใคร และไม่มีทางเดินต่อกัน มันเป็นทางลาดหน้าบ้าน)***
>>> ไม่ได้วางบนฟุตบาท มันเป็นทางลาดหน้าบ้าน <<<
4. ลงทุนค่าวัสดุไปประมาณ 3,000 กว่าบาท
( ถ้าอยากปลุกต้องลงทุนครับ ระยะยาวยังไงก็คุ้มทุนครับ เพราะ ปลุกเองไม่ต้องซื้อผักสลัดอีกแล้ว )
5. รูปที่ถ่ายมาลงพันทิพย์ ยังไม่ได้คลุมมุ้งกันแมลง นะครับ
6. สามารถปลูกได้ครั้งละ 81 ต้น
- ต้นไหนโตแล้ว ก็เก็บทานได้เลยครับ แล้วนำต้นกล้ารุ่นใหม่ ใส่แทน ก็จะได้ผักหมุนเวียนไว้ทานตลอดปี ครับ
- ต้นที่จะนำไปทาน นำมาแยกใส่ถัง แช่น้ำเปล่า( เฉพาะราก) ทิ้งไว้สองวันก็นำมาทานได้แล้ว ครับ ( ผักไม่เหี่ยวครับ ผมทดลองแล้ว)
7. หลังจากนำ ผักออกมาจากรางปลูก ควรนำมาแช่น้ำเปล่าทิ้งไว้ 2 วัน( น้ำห้ามท่วมรากจนมิด) แล้วแช่ตู้เย็นไว้ซัก 1 วัน
* ( ลดปริมาณสารเคมี ตกค้างจากน้ำปุ๋ย )
ผมเชื่อว่า ผักที่ปลูกแบบ ไฮโดรโปรนิกส์ ไม่ได้ปลอดภัย 100% แต่ดีกว่าที่จะเจอ สารจากยาฆ่าแมลง
สรุป ผมไม่อธิบายเรื่องการปลุกและการเพาะเลี้ยง นะครับ ( ในกระทู้อื่นๆบอกหมดแล้ว ก็ทำตามนั้นไปครับ )
ต้องการมาบอกว่า บ้านทาวเฮาส์ ก็สามารถ ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ได้ครับ เพียงแต่ต้องออกแบบให้เหมาะกับตัวบ้าน
ภาพด้านล่างนี้ เป็นการทดลองปลูก รุ่นที่ 1 ครับ ( ตอนเพาะต้นกล้า ผมเอาไปไว้ในที่ร่ม นานไปต้นผักเลยยืด)
* ส่วนรุ่นที่ 2 ลำต้นไม่ยืดแล้วครับ
แปลงปลูกแบบสามชั้น ไม่มีปัญหาเรื่อง แสงแดด ครับ เพราะ ถ้าด้านบนโตแล้ว ก็ย้ายลงมาชั้นล่าง
แค่นั้นก็หมดปัญหาแล้วครับ แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้โตเอง
ได้เวลาแปรรูป ผลผลิตแล้วครับ