"จะไปจีนหรออ!" "คิดไงไปจีน?!"
จาก 6 วันที่อยู่จีนได้เจอผู้คน ได้รู้จักประเทศนี้มากขึ้น บอกได้เลยว่าจีนมาไกลมากๆแล้วจากประเทศยากจนเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน เรื่องดีๆตลอดเวลาที่อยู่จีนก็มีมาก ประสบการณ์แย่ๆก็มีแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เสน่ห์ของการเดินทางไปจีนลดลงนะ
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่าจขกท.ถึงจะมีเชื้อสายจีนแต่เป็นจีนแต้จิ๋วภาษาจีนกลางรู้แค่ 2 คำ สวัสดี-ขอบคุณ นับเลขเป็นภาษาจีนกลางไม่ได้เลย อ่านไม่ออกแต่พอเดาๆได้บ้าง (นิดเดียวจริงๆ) เนื่องจากเคยเรียนเขียนคันจิญี่ปุ่นมาบ้าง ดังนั้นชื่อสถานที่ในรีวิวอันไหนไม่แน่ใจขอเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะครับเพราะกลัวอ่านผิด ปล่อยไก่อายคนอ่านเปล่าๆ ^^ ส่วนเนื้อหาขอเป็นแบบไปเที่ยวด้วยกันดีกว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดมาก ประเภทมีแผนที่ มีราคาตั๋ว ประวัติสถานที่อะไรงี้เดี๋ยวจะยาวเกินไป
ช่วงนี้กระแสนักท่องเที่ยวจีนมาแรง จขกท.เลยขอสวนกระแสแบกเป้เที่ยวปักกิ่งบ้าง ไม่รู้สิ ความอยากรู้อยากเห็นบางครั้งก็ชนะความกลัวนู่นนี่ได้ จขกท.ชอบประวัติศาสตร์ อยากเห็นกำแพงเมืองจีน อยากเห็นพระราชวังต้องห้าม อยากรู้ว่าคนจีนจริงๆแล้วเป็นยังไง
6 วันในปักกิ่งบอกเลยว่าเที่ยวง่ายรถไฟใต้ดินไปถึงเกือบทุกที่ คนจีนมีดีมีร้าย (คนไทยก็เช่นกัน) ไม่ได้แย่อย่างที่คิด พูดเลยว่าปักกิ่งสะอาดและมีระเบียบกว่ากรุงเทพเยอะ...
จขกท. เดินทางวันที่ 26 Sep. - 2 Oct. โดยใช้สายการบิน Hong Kong Airline พักโรงแรม Pentahotel
ตารางการเดินทางคร่าวๆ (สังเกตว่าไม่แน่น แบ่งเป็นโซนๆ)
Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 1)
26 Sep. : BKK ไปปักกิ่ง - หอระฆัง Zhonglou - เดินเล่นทะเลสาบ Houhai
27 Sep. : วัดลามะ Yonghegong - พระราชวังฤดูร้อน - สนามกีฬารังนก
28 Sep. : กำแพงเมืองจีนด่าน Badaling (ปาต้าหลิง) - ถนนคนเดิน Qianmen (เฉียนเหมิน)
Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 2) Link :
http://ppantip.com/topic/34278397
29 Sep. : พระราชวังต้องห้าม - Beihai Park (สวนเป่ยไห่)
30 Sep. : หอบูชาฟ้าเทียนถาน - ถนนหวังฟู่จิ่ง
01 Oct. : วัดขงเมี่ยว - Prince Kung's Mansion (แผนเดิมคือรอบจตุรัสเทียนอันเหมินแต่เป็นวันชาติจีน คนจีนเป็นแสนเบียดไปไม่ไหว)
02 Oct. : กลับ BKK
สิ่งที่จขกท.เรียนรู้จาก 6 วันที่กรุงปักกิ่ง
-
"กำแพงเมืองจีน" อลังการงานสร้างจริง (แต่เดินต้องระวัง ...ลื่นมาได้เป็นผีเฝ้ากำแพงแน่)
-
"พระราชวังต้องห้าม" ยิ่งใหญ่มากแต่สวยครึ่งโทรมครึ่ง
-
"ส้วมจีน" ก็แล้วแต่บุญกรรมใครทำมา ทำมาเยอะก็ได้เข้าส้วมใหม่สบายไป แต่ถ้าทำมาไม่ถึงเจอส้วมเก่าอาจกลับไปนอนฝันร้าย บอกเลยว่าสยองง+
-
"คนจีน" มีตั้งแต่สุภาพชนจนถึงพวกถ่มน้ำลายใส่เท้าคนอื่นหรือจามโดยถือว่าเสื้อเราเป็นผ้าปิดปากเค้า (- -") พวกอายุน้อยๆโดยมากจะพัฒนาแล้ว ตัวสูง(มาก) ค่อนข้างสุภาพ ติดมือถือ (แต่บางคนก็ไม่ค่อยเกรงใจคนอื่น บางคนบางคู่ก็กอดจูบดูดดื่มแบบว่าเรารักกันมากกกก จูบกันตั้งแต่เครื่องบินขึ้นจนถึงเครื่องบินลงเลยทีเดียว) พวกรุ่นพ่อ-แม่ก็ดีบ้างแย่บ้างปนๆกัน พวกรุ่นอากงอาม่าถ้าเจอดีก็ดีไปเจอแย่ก็จะออกแนวโวยวาย
-
"ภาษาจีนกลาง" รู้ไว้บ้างก็ดีนะ ถ้าไม่รู้เลยก็หาข้อมูลเยอะๆแต่ตอนเที่ยวเวลาคุยก็อาจจะเมื่อยมือหน่อย ป้ายในปักกิ่งมีภาษาอังกฤษกำกับดังนั้นสบายมาก คนจีนในปักกิ่งภาษาอังกฤษแทบฟัง-พูดไม่ได้เลยแม้แต่คำง่ายๆ ดังนั้นป้ายช่วยได้เยอะ
-
"เรื่องอื่นๆ" ก็ประมาณว่าคนจีนบางพวกเข้าคิวไม่ค่อยเป็น ถ้าจะไม่ให้เซงต้องมีรั้วกั้น / สัญญาณไฟให้คนข้ามถนนติดไว้เล่นๆ เห็นไฟเขียวแล้วเดินข้ามเลย = ตาย! / ป้ายห้ามใช้ไม่ได้กับคนจีนบางกลุ่ม / สิ่งที่น่ากลัวกว่าคนจีนนิสัยแย่คือ"เด็กจีน!" นางงามรักเด็กก็อาจเป็นบ้าได้เมื่อเจอเด็กจีน / KFC หาง่ายพอๆกับ 7-Eleven ที่ไทย ถ้ากินไก่ทอดเป็นรับรองไม่อดตายในปักกิ่ง / ค่าครองชีพพอๆกับกรุงเทพ / ถ้าตั้งใจมาเดินชิลๆสวยๆ ถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้ง ...ก็ไม่รู้สินะ ญี่ปุ่น-เกาหลีน่าเดินกว่า สถานที่เที่ยวในปักกิ่งเดินเยอะมาก คือกว่าจะผ่านไปแต่ละประตูกว่าจะถึงวังอะไงงี้ (เชื่อเถอะ) จขกท.ไปญี่ปุ่นเกาหลีมาแล้วเดินยังไงก็ไม่เท่าที่ปักกิ่ง เตรียมรองเท้าสำหรับเดินมาดีๆ / เปิด Data roaming มาด้วยจากไทยช่วยได้เยอะ หรือถ้าอยากทดลองใช้งาน "Single Gateway" ก็มาลองได้นะ มาจีนซื้อซิมจีนรับรองรู้เรื่อง "กรองทุกอย่างแม้กระทั่ง Google map!"
ถ้าถามว่าอยากได้อะไรที่จะทำให้การเดินทางสมบูรณ์แบบก็คงเป็นแป้งแปลภาษาของโดเรม่อน เราคงเข้าใจคนจีนเยอะกว่านี้ เรื่องอื่นๆก็ไม่มีอะไร ถ้าภาษาจีนกลางง่อยๆแบบจขกท.ไปได้ใครๆก็ไปเที่ยวได้ ถามว่า"ให้ไปอีกมั้ย?" บอกเลยว่าถ้าตังค์เหลือใช้คงเลือกไปช่วงใบไม่ร่วงน่าจะสวย คือไม่ได้ need แบบต้องกลับไปให้ได้เพราะก็เที่ยวครบแล้ว
แต่สำหรับชาวห้องบลูฯ จขกท.ขอแนะนำให้ลองไปซักครั้งนะ ^^
CheeZ Factory
---------------------------------------
Contact:
https://www.facebook.com/cheezfact
https://instagram.com/cheez_factory
---------------------------------------
Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 1)
26 กันยายน
จุดเริ่มต้นของการไปจีนก็ตามที่ได้เกริ่นไว้คือสนใจในประวัติศาสตร์ อยากเห็นด้วยตาตัวเองมากกว่าให้คนอื่นดูแล้วมาบอกเครื่องออกเวลาตีสองเวลาถือว่าดีเลย แวะฮ่องกง 2 ชม. ถึงปักกิ่งสิบโมงกว่าๆ
อาหารดีดนตรีเพราะ Full Service ไม่ลงเล้งมาก ยกเว้นเด็กจีนข้างๆ ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเครื่องลง(มาน)ร้องโวยวายนรกแตก เครื่องจะลง Belt ไม่ยอมคาด ดิ้นๆๆๆจนแม่กับแอร์ต้องมาช่วยกันจับ (เป็นลูกเป็นหลานเราเองตีตายไปแระ!)
ถึงจีนตามเวลาเป๊ะ ตม.เร็วมาก (มีปุ่มกดให้คะแนนความพึงพอใจอีกต่างหาก) หลังจากผ่าน ตม.มารับกระเป๋าแล้วก็ไปซื้อบัตร "Airport Express" เข้าตัวเมืองปักกิ่ง หาไม่ยาก มีป้ายบอกตลอดทาง ราคาตั๋ว 25 หยวน ใช้เวลาเข้าเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง ให้ลงสุดสายซึ่งเชื่อมกับสถานีรถไฟใต้ดิน Line 2 : Dongzhimen (สายสีน้ำเงิน) ซึ่งเจ้า Line 2 นี่จะผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง ทั้งจตุรัสเทียนอันเหมินฝั่งประตูเมือง ถนนคนเดิน วัดลามะ หอกลอง-หอระฆัง แถมยังต่อไปสายอื่นๆง่ายด้วยเพราะวนรอบเมือง สรุปว่าถ้าหาที่พักแนะนำว่าอยู่แนวเส้นสีน้ำเงินน่าจะสะดวก ปล.ส่วนตัวจขกท.พัก Pentahotel อยู่ติดสถานี Chongwenmen พอดี โรงแรมแนว Modern นิสๆมีอาหารเช้า (ซึ่งเยี่ยมมาก)
**อ่อ อย่าลืมซื้อ IC Card (บัตรเติมเงินใช้กับรถไฟใต้ดิน) ที่สถานี Dongzhimen ด้วย บัตรนี้มีค่ามัดจำ 20 หยวน จขกท.ซื้อทั้งหมด 150 หยวน โดนหักมัดจำ 20 หยวน ใช้ได้ 130 หยวน ใช้ 7 วันรวมใช้ขึ้นรถโดยสารไปกำแพงเมืองจีนด้วยเหลือเงิน 4 หยวน คุ้มเว่อร์ ^^
หน้าตาบัตร Airport Express เก่าๆหน่อย แต่รถไฟเค้าใหม่นะคร้าบบ (ดูดีกว่า Airport Link เราอีก)
หลังจากเก็บข้าวของ อาบน้ำแล้วก็ออกเดินทางไปจุดหมายแรก "หอระฆัง Zhonglou"
หอระฆัง Zhonglou / สถานี Guloudajie (Line 2) ทางออก G หรือ H
วิธีการคือนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Guloudajie (Line 2) ทางออก G หรือ H แล้วเดินอีก 600เมตรผ่านย่าน Hutong (ย่านบ้านจีนโบราณ) ไปหอระฆังซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอกลอง เจ้าของกระทู้เลือกไปแค่หอระฆังกับเดินรอบๆย่าน Hutong แทน (ได้บรรยากาศไปอีกแบบ)
แดดร่มลมตก อาม่าอากงอาอี้ออกมาเล่นหมาก เล่นไพ่ เตะลูกขนไก่ เจออาม่าดีดลูกขนไก่ด้วยข้างเท้าด้านนอกอย่างกะเมสซี่! ฟิตสุดๆ
แมวจีนแท้แน่นอน ขนาดตายังเล็กเลย
ดูนู่นนี่แป๊บเดียวก็ถึงด้านหน้าหอระฆัง จะบอกว่าที่เที่ยวจีนจะมีค่าเข้าสถานที่เกือบทั้งหมด โดยมากจะประมาณ 30 - 40 หยวน ยิ่งถ้าฮิตๆอย่างพระราชวังต้องห้ามหรือกำแพงเมืองจีนจะ 60 หยวนขึ้นไป (ค่าหูฟังบรรยายจ่ายต่างหากอีก 40 หยวน ไม่บังคับ) บางสถานที่จะมีหลายราคา ประเภทค่าเข้า ++ คือบวกนู่นนี่ ถ้าคิดจะเข้าให้ครบก็จ่ายแบบ Package จะถูกกว่า
ระฆังใบยักษ์ มีตำนานว่าลูกสาวช่างหล่อได้กระโดดลงไปในเตาหลอมจึงสามารถหล่อระฆังได้สำเร็จ
ยามเย็น หอกลองมองจากหอระฆัง
เดินเล่นไปเรื่อยตามถนนไปด้านหลังหอกลอง ข้ามถนนไป กด Google Map ไปก็จะถึงทะเลสาบ Houhai
ระหว่างทางเห็นลุงแกมานั่งสีซอ (จีน) เราก็เห็นแสงดีอยากถ่ายรูปเลยใส่กระป๋องให้ไป 10 หยวน (เกือบ 60บาท ป๋าสุดๆ) แต่จนแล้วจนรอดลุงแกก็ไม่ยอมสี นั่งนิ่งๆ (เอาวะ) ไม่เป็นไรแกคงเหนื่อยเลยถ่ายไป 1รูป เหลือบดูในกระป๋องมีแต่ใบละหยวน คล้อยหลังลุงแกก็หายไป สงสัยได้ยอดพอดีจากอาตี๋เซ่อๆเลยเก็บของกลับบ้านซะงั้น (- -")
ทะเลสาบ Houhai / สถานี Shichahai (Line 8) หรือเดินจากหอระฆัง
ย่านนี้เหมือนคนมาเดินจะเป็นนักท่องเที่ยว วัยทำงาน วัยรุ่น มากกว่า ร้านค้าขายงานฝีมือเก๋ๆเยอะอยู่
ร้านอาหารริมทะเลสาบ Houhai มีเยอะมาก ผับเพียบ เล่นดนตรีสดด้วยนา อ่อ! แล้วที่สังเกตได้อีกอย่างคือที่ไหนมีทะเลสาบที่นั่นมีเรือเป็ด และที่ไหนมีคนเยอะๆที่นั่นจะมีขายผลไม้เชื่อมเสียบไม้พร้อมด้วยร้านเนื้อแกะย่างเสียบไม้ (ตอนแรกนึกว่าหมู เหม็นติดปากเลย) คงคล้ายๆรถเข็นขายข้าวเหนียวหมูปิ้งบ้านเรา
เดินเพลินๆระวังมอเตอร์ไซด์ด้วยนะ ที่นี่เป็นแบบใช้ไฟฟ้าดังนั้นจะเงียบมาก มาเนียนๆเฉี่ยวไม่รู้ตัว (รู้ตัวอีกทีก็โดนซะละ)
ยิ่งค่ำคนยิ่งเยอะ จริงๆมีแวะไปเดินถนนคนเดิน Nanluoguxiang (หนานหลัวกู่เชียง) ด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมืดมากและคนเดินเยอะ คือร้านจะออกแนววัยรุ่นๆแต่จุดเด่นคือบ้านโบราณที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านขายของได้อย่างลงตัวและอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ
จบวันแรกในเมืองจีน ^^
[CR] Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 1)
จาก 6 วันที่อยู่จีนได้เจอผู้คน ได้รู้จักประเทศนี้มากขึ้น บอกได้เลยว่าจีนมาไกลมากๆแล้วจากประเทศยากจนเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน เรื่องดีๆตลอดเวลาที่อยู่จีนก็มีมาก ประสบการณ์แย่ๆก็มีแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เสน่ห์ของการเดินทางไปจีนลดลงนะ
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่าจขกท.ถึงจะมีเชื้อสายจีนแต่เป็นจีนแต้จิ๋วภาษาจีนกลางรู้แค่ 2 คำ สวัสดี-ขอบคุณ นับเลขเป็นภาษาจีนกลางไม่ได้เลย อ่านไม่ออกแต่พอเดาๆได้บ้าง (นิดเดียวจริงๆ) เนื่องจากเคยเรียนเขียนคันจิญี่ปุ่นมาบ้าง ดังนั้นชื่อสถานที่ในรีวิวอันไหนไม่แน่ใจขอเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะครับเพราะกลัวอ่านผิด ปล่อยไก่อายคนอ่านเปล่าๆ ^^ ส่วนเนื้อหาขอเป็นแบบไปเที่ยวด้วยกันดีกว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดมาก ประเภทมีแผนที่ มีราคาตั๋ว ประวัติสถานที่อะไรงี้เดี๋ยวจะยาวเกินไป
ช่วงนี้กระแสนักท่องเที่ยวจีนมาแรง จขกท.เลยขอสวนกระแสแบกเป้เที่ยวปักกิ่งบ้าง ไม่รู้สิ ความอยากรู้อยากเห็นบางครั้งก็ชนะความกลัวนู่นนี่ได้ จขกท.ชอบประวัติศาสตร์ อยากเห็นกำแพงเมืองจีน อยากเห็นพระราชวังต้องห้าม อยากรู้ว่าคนจีนจริงๆแล้วเป็นยังไง
6 วันในปักกิ่งบอกเลยว่าเที่ยวง่ายรถไฟใต้ดินไปถึงเกือบทุกที่ คนจีนมีดีมีร้าย (คนไทยก็เช่นกัน) ไม่ได้แย่อย่างที่คิด พูดเลยว่าปักกิ่งสะอาดและมีระเบียบกว่ากรุงเทพเยอะ...
จขกท. เดินทางวันที่ 26 Sep. - 2 Oct. โดยใช้สายการบิน Hong Kong Airline พักโรงแรม Pentahotel
ตารางการเดินทางคร่าวๆ (สังเกตว่าไม่แน่น แบ่งเป็นโซนๆ)
Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 1)
26 Sep. : BKK ไปปักกิ่ง - หอระฆัง Zhonglou - เดินเล่นทะเลสาบ Houhai
27 Sep. : วัดลามะ Yonghegong - พระราชวังฤดูร้อน - สนามกีฬารังนก
28 Sep. : กำแพงเมืองจีนด่าน Badaling (ปาต้าหลิง) - ถนนคนเดิน Qianmen (เฉียนเหมิน)
Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 2) Link : http://ppantip.com/topic/34278397
29 Sep. : พระราชวังต้องห้าม - Beihai Park (สวนเป่ยไห่)
30 Sep. : หอบูชาฟ้าเทียนถาน - ถนนหวังฟู่จิ่ง
01 Oct. : วัดขงเมี่ยว - Prince Kung's Mansion (แผนเดิมคือรอบจตุรัสเทียนอันเหมินแต่เป็นวันชาติจีน คนจีนเป็นแสนเบียดไปไม่ไหว)
02 Oct. : กลับ BKK
สิ่งที่จขกท.เรียนรู้จาก 6 วันที่กรุงปักกิ่ง
- "กำแพงเมืองจีน" อลังการงานสร้างจริง (แต่เดินต้องระวัง ...ลื่นมาได้เป็นผีเฝ้ากำแพงแน่)
- "พระราชวังต้องห้าม" ยิ่งใหญ่มากแต่สวยครึ่งโทรมครึ่ง
- "ส้วมจีน" ก็แล้วแต่บุญกรรมใครทำมา ทำมาเยอะก็ได้เข้าส้วมใหม่สบายไป แต่ถ้าทำมาไม่ถึงเจอส้วมเก่าอาจกลับไปนอนฝันร้าย บอกเลยว่าสยองง+
- "คนจีน" มีตั้งแต่สุภาพชนจนถึงพวกถ่มน้ำลายใส่เท้าคนอื่นหรือจามโดยถือว่าเสื้อเราเป็นผ้าปิดปากเค้า (- -") พวกอายุน้อยๆโดยมากจะพัฒนาแล้ว ตัวสูง(มาก) ค่อนข้างสุภาพ ติดมือถือ (แต่บางคนก็ไม่ค่อยเกรงใจคนอื่น บางคนบางคู่ก็กอดจูบดูดดื่มแบบว่าเรารักกันมากกกก จูบกันตั้งแต่เครื่องบินขึ้นจนถึงเครื่องบินลงเลยทีเดียว) พวกรุ่นพ่อ-แม่ก็ดีบ้างแย่บ้างปนๆกัน พวกรุ่นอากงอาม่าถ้าเจอดีก็ดีไปเจอแย่ก็จะออกแนวโวยวาย
- "ภาษาจีนกลาง" รู้ไว้บ้างก็ดีนะ ถ้าไม่รู้เลยก็หาข้อมูลเยอะๆแต่ตอนเที่ยวเวลาคุยก็อาจจะเมื่อยมือหน่อย ป้ายในปักกิ่งมีภาษาอังกฤษกำกับดังนั้นสบายมาก คนจีนในปักกิ่งภาษาอังกฤษแทบฟัง-พูดไม่ได้เลยแม้แต่คำง่ายๆ ดังนั้นป้ายช่วยได้เยอะ
- "เรื่องอื่นๆ" ก็ประมาณว่าคนจีนบางพวกเข้าคิวไม่ค่อยเป็น ถ้าจะไม่ให้เซงต้องมีรั้วกั้น / สัญญาณไฟให้คนข้ามถนนติดไว้เล่นๆ เห็นไฟเขียวแล้วเดินข้ามเลย = ตาย! / ป้ายห้ามใช้ไม่ได้กับคนจีนบางกลุ่ม / สิ่งที่น่ากลัวกว่าคนจีนนิสัยแย่คือ"เด็กจีน!" นางงามรักเด็กก็อาจเป็นบ้าได้เมื่อเจอเด็กจีน / KFC หาง่ายพอๆกับ 7-Eleven ที่ไทย ถ้ากินไก่ทอดเป็นรับรองไม่อดตายในปักกิ่ง / ค่าครองชีพพอๆกับกรุงเทพ / ถ้าตั้งใจมาเดินชิลๆสวยๆ ถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้ง ...ก็ไม่รู้สินะ ญี่ปุ่น-เกาหลีน่าเดินกว่า สถานที่เที่ยวในปักกิ่งเดินเยอะมาก คือกว่าจะผ่านไปแต่ละประตูกว่าจะถึงวังอะไงงี้ (เชื่อเถอะ) จขกท.ไปญี่ปุ่นเกาหลีมาแล้วเดินยังไงก็ไม่เท่าที่ปักกิ่ง เตรียมรองเท้าสำหรับเดินมาดีๆ / เปิด Data roaming มาด้วยจากไทยช่วยได้เยอะ หรือถ้าอยากทดลองใช้งาน "Single Gateway" ก็มาลองได้นะ มาจีนซื้อซิมจีนรับรองรู้เรื่อง "กรองทุกอย่างแม้กระทั่ง Google map!"
ถ้าถามว่าอยากได้อะไรที่จะทำให้การเดินทางสมบูรณ์แบบก็คงเป็นแป้งแปลภาษาของโดเรม่อน เราคงเข้าใจคนจีนเยอะกว่านี้ เรื่องอื่นๆก็ไม่มีอะไร ถ้าภาษาจีนกลางง่อยๆแบบจขกท.ไปได้ใครๆก็ไปเที่ยวได้ ถามว่า"ให้ไปอีกมั้ย?" บอกเลยว่าถ้าตังค์เหลือใช้คงเลือกไปช่วงใบไม่ร่วงน่าจะสวย คือไม่ได้ need แบบต้องกลับไปให้ได้เพราะก็เที่ยวครบแล้ว
แต่สำหรับชาวห้องบลูฯ จขกท.ขอแนะนำให้ลองไปซักครั้งนะ ^^
CheeZ Factory
---------------------------------------
Contact:
https://www.facebook.com/cheezfact
https://instagram.com/cheez_factory
---------------------------------------
Keep calm and go to Beijing ไม่รู้ภาษาจีนก็เที่ยวปักกิ่งได้นะ (ตอนที่ 1)
26 กันยายน
จุดเริ่มต้นของการไปจีนก็ตามที่ได้เกริ่นไว้คือสนใจในประวัติศาสตร์ อยากเห็นด้วยตาตัวเองมากกว่าให้คนอื่นดูแล้วมาบอกเครื่องออกเวลาตีสองเวลาถือว่าดีเลย แวะฮ่องกง 2 ชม. ถึงปักกิ่งสิบโมงกว่าๆ
อาหารดีดนตรีเพราะ Full Service ไม่ลงเล้งมาก ยกเว้นเด็กจีนข้างๆ ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเครื่องลง(มาน)ร้องโวยวายนรกแตก เครื่องจะลง Belt ไม่ยอมคาด ดิ้นๆๆๆจนแม่กับแอร์ต้องมาช่วยกันจับ (เป็นลูกเป็นหลานเราเองตีตายไปแระ!)
ถึงจีนตามเวลาเป๊ะ ตม.เร็วมาก (มีปุ่มกดให้คะแนนความพึงพอใจอีกต่างหาก) หลังจากผ่าน ตม.มารับกระเป๋าแล้วก็ไปซื้อบัตร "Airport Express" เข้าตัวเมืองปักกิ่ง หาไม่ยาก มีป้ายบอกตลอดทาง ราคาตั๋ว 25 หยวน ใช้เวลาเข้าเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง ให้ลงสุดสายซึ่งเชื่อมกับสถานีรถไฟใต้ดิน Line 2 : Dongzhimen (สายสีน้ำเงิน) ซึ่งเจ้า Line 2 นี่จะผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง ทั้งจตุรัสเทียนอันเหมินฝั่งประตูเมือง ถนนคนเดิน วัดลามะ หอกลอง-หอระฆัง แถมยังต่อไปสายอื่นๆง่ายด้วยเพราะวนรอบเมือง สรุปว่าถ้าหาที่พักแนะนำว่าอยู่แนวเส้นสีน้ำเงินน่าจะสะดวก ปล.ส่วนตัวจขกท.พัก Pentahotel อยู่ติดสถานี Chongwenmen พอดี โรงแรมแนว Modern นิสๆมีอาหารเช้า (ซึ่งเยี่ยมมาก)
**อ่อ อย่าลืมซื้อ IC Card (บัตรเติมเงินใช้กับรถไฟใต้ดิน) ที่สถานี Dongzhimen ด้วย บัตรนี้มีค่ามัดจำ 20 หยวน จขกท.ซื้อทั้งหมด 150 หยวน โดนหักมัดจำ 20 หยวน ใช้ได้ 130 หยวน ใช้ 7 วันรวมใช้ขึ้นรถโดยสารไปกำแพงเมืองจีนด้วยเหลือเงิน 4 หยวน คุ้มเว่อร์ ^^
หน้าตาบัตร Airport Express เก่าๆหน่อย แต่รถไฟเค้าใหม่นะคร้าบบ (ดูดีกว่า Airport Link เราอีก)
หลังจากเก็บข้าวของ อาบน้ำแล้วก็ออกเดินทางไปจุดหมายแรก "หอระฆัง Zhonglou"
หอระฆัง Zhonglou / สถานี Guloudajie (Line 2) ทางออก G หรือ H
วิธีการคือนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Guloudajie (Line 2) ทางออก G หรือ H แล้วเดินอีก 600เมตรผ่านย่าน Hutong (ย่านบ้านจีนโบราณ) ไปหอระฆังซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอกลอง เจ้าของกระทู้เลือกไปแค่หอระฆังกับเดินรอบๆย่าน Hutong แทน (ได้บรรยากาศไปอีกแบบ)
แดดร่มลมตก อาม่าอากงอาอี้ออกมาเล่นหมาก เล่นไพ่ เตะลูกขนไก่ เจออาม่าดีดลูกขนไก่ด้วยข้างเท้าด้านนอกอย่างกะเมสซี่! ฟิตสุดๆ
แมวจีนแท้แน่นอน ขนาดตายังเล็กเลย
ดูนู่นนี่แป๊บเดียวก็ถึงด้านหน้าหอระฆัง จะบอกว่าที่เที่ยวจีนจะมีค่าเข้าสถานที่เกือบทั้งหมด โดยมากจะประมาณ 30 - 40 หยวน ยิ่งถ้าฮิตๆอย่างพระราชวังต้องห้ามหรือกำแพงเมืองจีนจะ 60 หยวนขึ้นไป (ค่าหูฟังบรรยายจ่ายต่างหากอีก 40 หยวน ไม่บังคับ) บางสถานที่จะมีหลายราคา ประเภทค่าเข้า ++ คือบวกนู่นนี่ ถ้าคิดจะเข้าให้ครบก็จ่ายแบบ Package จะถูกกว่า
ระฆังใบยักษ์ มีตำนานว่าลูกสาวช่างหล่อได้กระโดดลงไปในเตาหลอมจึงสามารถหล่อระฆังได้สำเร็จ
ยามเย็น หอกลองมองจากหอระฆัง
เดินเล่นไปเรื่อยตามถนนไปด้านหลังหอกลอง ข้ามถนนไป กด Google Map ไปก็จะถึงทะเลสาบ Houhai
ระหว่างทางเห็นลุงแกมานั่งสีซอ (จีน) เราก็เห็นแสงดีอยากถ่ายรูปเลยใส่กระป๋องให้ไป 10 หยวน (เกือบ 60บาท ป๋าสุดๆ) แต่จนแล้วจนรอดลุงแกก็ไม่ยอมสี นั่งนิ่งๆ (เอาวะ) ไม่เป็นไรแกคงเหนื่อยเลยถ่ายไป 1รูป เหลือบดูในกระป๋องมีแต่ใบละหยวน คล้อยหลังลุงแกก็หายไป สงสัยได้ยอดพอดีจากอาตี๋เซ่อๆเลยเก็บของกลับบ้านซะงั้น (- -")
ทะเลสาบ Houhai / สถานี Shichahai (Line 8) หรือเดินจากหอระฆัง
ย่านนี้เหมือนคนมาเดินจะเป็นนักท่องเที่ยว วัยทำงาน วัยรุ่น มากกว่า ร้านค้าขายงานฝีมือเก๋ๆเยอะอยู่
ร้านอาหารริมทะเลสาบ Houhai มีเยอะมาก ผับเพียบ เล่นดนตรีสดด้วยนา อ่อ! แล้วที่สังเกตได้อีกอย่างคือที่ไหนมีทะเลสาบที่นั่นมีเรือเป็ด และที่ไหนมีคนเยอะๆที่นั่นจะมีขายผลไม้เชื่อมเสียบไม้พร้อมด้วยร้านเนื้อแกะย่างเสียบไม้ (ตอนแรกนึกว่าหมู เหม็นติดปากเลย) คงคล้ายๆรถเข็นขายข้าวเหนียวหมูปิ้งบ้านเรา
เดินเพลินๆระวังมอเตอร์ไซด์ด้วยนะ ที่นี่เป็นแบบใช้ไฟฟ้าดังนั้นจะเงียบมาก มาเนียนๆเฉี่ยวไม่รู้ตัว (รู้ตัวอีกทีก็โดนซะละ)
ยิ่งค่ำคนยิ่งเยอะ จริงๆมีแวะไปเดินถนนคนเดิน Nanluoguxiang (หนานหลัวกู่เชียง) ด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมืดมากและคนเดินเยอะ คือร้านจะออกแนววัยรุ่นๆแต่จุดเด่นคือบ้านโบราณที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านขายของได้อย่างลงตัวและอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ
จบวันแรกในเมืองจีน ^^