คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
คนเราเกิดมาอายุเต็มที่ก็ 100 ปีกันทั้งนั้น บางคนโชคดีได้เกิดมามีพร้อมมากกว่าคนอื่น แต่กลับใช้ไม่ถูกทาง
สุดท้ายแทนที่ได้สร้างคุณงามความดีให้คนรุ่นหลังชื่นชม กลับต้องโดนด่าต่อไปอีกเป็นพันปี
เปรียบเทียบในยุคเดียวกันอย่างพระเจ้าซางตี้ซิน (โจ้วอ๋อง) กับโจวเหวินอ๋อง ก็เห็นชัดเจน
โจ้ว ตามสำเนียงกลาง เป็นชื่อเชิงเหยียดหยามสำหรับใช้เรียก ตี้ซิน พระเจ้าแผ่นดินจีนพระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซาง
"โจ้ว" นี้หมายถึง เตี่ยวรั้งก้นม้า (horse crupper) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอานม้าที่ม้ามักทำสกปรก
พระเจ้าซางตี้ซิน (โจ้วอ๋อง) เป็นคนโหดร้ายทารุณมาก นิยมการสงคราม กดขี่ข่มเหง รีดนาทาเร้นราษฏร มัวเมาอำนาจ
และหลงใหลในอิสตรี โดยเฉพาะสนมเอกผู้งดงามชื่อ ต๋าจี หรือขันกี ซึ่งเป็นคนวิปริตผิดมนุษย์ คอยยุยงให้พระเจ้าโจ้ว
ฆ่าคนเป็นผักปลา ว่ากันว่าปิศาจเก้าหางได้มาสิงนางต๋าจี ทำให้โจ้งอ๋องลุ่มหลงเป็นเหตุให้ราชวงศ์ซางล่ม

ผลงานโหดร้ายที่ต๋าจีสร้างสรรค์ขึ้นและโจ้วอ๋องก็เอาใจนางก็อย่างเช่น
บ่องู - เป็นอ่างหินขนาดใหญ่มาก ข้างล่างนั้นเลี้ยงงู เอาไว้โยนนักโทษลงไป ก็แน่ล่ะ ไม่พอใจใครก็โยนลงไปโลด
เสาทองแดง - เป็นเสากลวง จัดคนไปมัด แล้วตรงกลางเสาก็จุดไฟ ย่างสดกันเลย (โหดเหี้ยม)
ทะเลสาปสุรา ป่าเนื้อ - ขุดทะเลสาป แล้วเอาเหล้าเทลงไปจนเต็ม มีเนื้อปรุงอย่างดีแขวนไว้ตามต้นไม้
เวลาโจ้วอ๋องกับเหล่านางสนมแล่นเรือก็ตักสุรามาดื่ม คว้าเนื้อมากินกันได้สบายอุรา ตรงนี้แหละที่รีดนาทาเร้น
เก็บภาษีประชาชนมาสร้างความสำราญ
และวีรกรรมโหดร้ายอื่นๆ เช่น การบังคับให้ขุนนางตงฉินต้องกินเนื้อลูกตัวเอง รวมถึงการให้ฮ่องเต้ควักหัวใจปี่กานผู้จงรักภักดี
และรักใคร่ประชาชน (วันหลังว่าจะมาเขียนเรื่องนี้ เป็นบรรพบุรุษตระกูลลิ้ม) ฯลฯ
จึงไม่แปลกเลยที่เป็นเหตุให้ราชวงศ์ล่มสลาย ในขณะที่โจวเหวินอ๋องที่รักใคร่ประชาชน ปกครองด้วยความเป็นธรรม
มีเจียงจื่อหยาผู้มากความสามารถและคุณธรรมให้คำปรึกษาจะสถาปนาราชวงศ์โจวและปกครองด้วยความรุ่งเรือง
ไม่มีใครรู้ว่ามีส่วนจริงหรือแต่งกี่เปอร์เซ็นต์ ที่เรื่องจริงแท้แน่นอนคือ หากผู้ปกครองไร้ความสามารถ ไม่คำนึงถึงประชาชน
โหดร้าย คิดถึงแต่ตัวเองและพวกพ้อง ลุ่มหลงอำนาจ ขาดความเป็นธรรม อย่างไรก็เจ๊งแน่นอน แถมโดนประนามไปชั่วลูกชั่วหลาน
สุดท้ายแทนที่ได้สร้างคุณงามความดีให้คนรุ่นหลังชื่นชม กลับต้องโดนด่าต่อไปอีกเป็นพันปี
เปรียบเทียบในยุคเดียวกันอย่างพระเจ้าซางตี้ซิน (โจ้วอ๋อง) กับโจวเหวินอ๋อง ก็เห็นชัดเจน
โจ้ว ตามสำเนียงกลาง เป็นชื่อเชิงเหยียดหยามสำหรับใช้เรียก ตี้ซิน พระเจ้าแผ่นดินจีนพระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซาง
"โจ้ว" นี้หมายถึง เตี่ยวรั้งก้นม้า (horse crupper) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอานม้าที่ม้ามักทำสกปรก
พระเจ้าซางตี้ซิน (โจ้วอ๋อง) เป็นคนโหดร้ายทารุณมาก นิยมการสงคราม กดขี่ข่มเหง รีดนาทาเร้นราษฏร มัวเมาอำนาจ
และหลงใหลในอิสตรี โดยเฉพาะสนมเอกผู้งดงามชื่อ ต๋าจี หรือขันกี ซึ่งเป็นคนวิปริตผิดมนุษย์ คอยยุยงให้พระเจ้าโจ้ว
ฆ่าคนเป็นผักปลา ว่ากันว่าปิศาจเก้าหางได้มาสิงนางต๋าจี ทำให้โจ้งอ๋องลุ่มหลงเป็นเหตุให้ราชวงศ์ซางล่ม

ผลงานโหดร้ายที่ต๋าจีสร้างสรรค์ขึ้นและโจ้วอ๋องก็เอาใจนางก็อย่างเช่น
บ่องู - เป็นอ่างหินขนาดใหญ่มาก ข้างล่างนั้นเลี้ยงงู เอาไว้โยนนักโทษลงไป ก็แน่ล่ะ ไม่พอใจใครก็โยนลงไปโลด
เสาทองแดง - เป็นเสากลวง จัดคนไปมัด แล้วตรงกลางเสาก็จุดไฟ ย่างสดกันเลย (โหดเหี้ยม)
ทะเลสาปสุรา ป่าเนื้อ - ขุดทะเลสาป แล้วเอาเหล้าเทลงไปจนเต็ม มีเนื้อปรุงอย่างดีแขวนไว้ตามต้นไม้
เวลาโจ้วอ๋องกับเหล่านางสนมแล่นเรือก็ตักสุรามาดื่ม คว้าเนื้อมากินกันได้สบายอุรา ตรงนี้แหละที่รีดนาทาเร้น
เก็บภาษีประชาชนมาสร้างความสำราญ
และวีรกรรมโหดร้ายอื่นๆ เช่น การบังคับให้ขุนนางตงฉินต้องกินเนื้อลูกตัวเอง รวมถึงการให้ฮ่องเต้ควักหัวใจปี่กานผู้จงรักภักดี
และรักใคร่ประชาชน (วันหลังว่าจะมาเขียนเรื่องนี้ เป็นบรรพบุรุษตระกูลลิ้ม) ฯลฯ
จึงไม่แปลกเลยที่เป็นเหตุให้ราชวงศ์ล่มสลาย ในขณะที่โจวเหวินอ๋องที่รักใคร่ประชาชน ปกครองด้วยความเป็นธรรม
มีเจียงจื่อหยาผู้มากความสามารถและคุณธรรมให้คำปรึกษาจะสถาปนาราชวงศ์โจวและปกครองด้วยความรุ่งเรือง
ไม่มีใครรู้ว่ามีส่วนจริงหรือแต่งกี่เปอร์เซ็นต์ ที่เรื่องจริงแท้แน่นอนคือ หากผู้ปกครองไร้ความสามารถ ไม่คำนึงถึงประชาชน
โหดร้าย คิดถึงแต่ตัวเองและพวกพ้อง ลุ่มหลงอำนาจ ขาดความเป็นธรรม อย่างไรก็เจ๊งแน่นอน แถมโดนประนามไปชั่วลูกชั่วหลาน
แสดงความคิดเห็น
🇨🇳-เรื่องสั้น ราชวงศ์ซาง - ราชวงศ์ฉิน ( นิยายจีน )-🇨🇳
แอดมินดัดจริต แห่งหยุดดัดจริตประเทศไทย
แกย่อมาสั้นดีครัชช😄😄😄😄
"จิ๋นซีฮ่องเต้" ถล่ม 6 ชาติในจีนที่ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน ด้วยความโหดเหี้ยม แคว้นที่เกลียดราชวงศ์ฉินที่สุดคือแคว้นฉู่ โดนปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม กดหัวอย่างหนัก
แม่ทัพของฉู่สาปแช่งจิ๋นซีฮ่องเต้ ว่าคนที่จะมาล้มฉินได้ มีแต่ฉู่เท่านั้น ทำให้จิ๋นซีจอมเผด็จการ หวาดกลัวจึงได้ออกกฎหมายเผด็จการมาปกครองประเทศ ห้ามพูดคุยกันเกิน 5 คน ห้ามมีอาวุธในครอบครอง มีม้าเกิดใหม่ต้องไปแจ้งราชการ สั่งฆ่าบัณฑิตและนักปราชญ์ด้วยการฝังกลบทั้งเป็น เผาหนังสือทิ้ง เกณฑ์แรงงานไปสร้างกำแพงเมืองจีนและพระราชวัง ขูดรีดภาษี
ใช้แต่ "พระเดช" ในการปกครอง แทบไม่เคยใช้ "พระคุณ" พระเดชพอใช้มากๆ ก็เริ่มระแวงว่าสิ่งที่ทำไปจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง จิ๋นซีฮ่องเต้ จึงมักไม่ค่อยอยู่ในวังหลวง ต้องเดินทางไปที่นั่น ที่นี่ เพื่อตรวจสอบข่าวการกบฏ ไม่ไว้ใจใครแม้แต่ลูกชายตัวเอง
สุดท้ายราชวงศ์ฉินก็ล่มสลายด้วยฝีมือของฉู่ฮั่น นำโดย หลิวปังและเซี่ยงอวี่ ที่ภายหลังทั้งคู่ก็แย่งชิงอำนาจกันเอง หลิวปังชนะได้เป็นพระเจ้าฮั่นโกโจ ตั้งราชวงศ์ฮั่น
นี่คือผู้ปกครอง ที่ใช้แต่ "พระเดช" ประชาชนจึงค่อยต่อต้านและก่อกบฏตลอดเวลา เพราะมนุษย์ไม่ชอบการกดขี่จากใคร
------------
ส่วนผู้ปกครองที่ใช้ "พระคุณ" มีมากมายตั้งแต่จีนโบราณ คือในยุคของ ซีป๋อโหวจีชาง หรือพระเจ้าโจวเหวินอ๋อง เป็นเจ้าเมืองซีฉี ปกครองด้วยความเป็นธรรม รักประชาดุจลูก ไม่เคยขูดรีดภาษี ไม่เอาเงินมาสร้างจวนเจ้าเมือง ให้ตนเอง
โจวเหวินอ๋อง มีความสามารถพิเศษคือการเสี่ยงทายที่แม่นยำ ออกมานั่งทำนายชะตาให้ประชาชน ประชาชนรักใคร่ คนที่เดือดร้อนจากแคว้นซาง ก็มักจะหนีไปอยู่ซีฉี
ทำให้พระเจ้าซางตี้ซิน (โจ้วอ๋อง) เกิดความไม่พอใจ เนื่องด้วยนิสัยของตี้ซิน ตรงข้ามกับโจวเหวินอ๋อง แถมยังลุ่มหลง "ฮองเฮาซูต๋าจี่" จนบริหารบ้านเมืองเละเทะ
โจวเหวินอ๋อง จึงได้เดินทางไปเชิญ "เจียงจื่อหยา" มาเป็นอำมาตย์ นำทัพซีฉี ล้มราชวงศ์ซาง ตั้งเป็นราชวงศ์โจว ปกครองแผ่นดินได้ยาวนานที่สุดเกือบ 800 ปี เป็นที่มาของนิยายเรื่อง "ห้องสิน" (สถาปนาเทวดาจีน)
ราชวงศ์โจวล่มสลาย เพราะเกิดยุคชุนชิว แผ่นดินแตกแยกแบ่งเป็น 6 ชาติ กลับมารบกันอีกครั้ง จนในที่สุดฉินอ๋อง ได้นำทัพยกปราบ 6 ชาติ ตั้งตนเป็น "ฉินสือหวงตี้" หรือ "จิ๋นซีฮ่องเต้" แห่งราชวงศ์ฉิน นั่นเอง