Balltoro เว็บไซต์ฟุตบอลมือโปรสำหรับคุณ - หลังจากจบลงด้วยผลเสมอ 1:1 ในเกมศึกเมอร์ซีไซด์ ดาร์บีแมทช์ ของปีนี้ ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน พบกับ ลิเวอร์พูล เก็บได้เพียง 1 คะแนนเท่านั้น อีก 24 ชั่วโมงต่อมา ทางสโมสร "หงส์แดง" ได้ประกาศปลด แบรนด็อน ร็อดเจอร์ส ออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยทันที หลังจากทำผลงานได้ย่ำแย่ ซึ่งทางเว็บไซต์ Goal ประเทศสิงคโปร์ ได้วิเคราะห์สาเหตุที่ทีมเด้ง "บีร็อด" ออก มีอยู่ 9 ข้อดังต่อไปนี้
1. ไร้ถ้วยแชมป์ใดๆ โดย แบรนด็อน ร็อดเจอร์ส กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรก ที่ไม่สามารถมีถ้วยแชมป์ประดับสโมสรเลย ตลอด 3 ฤดูกาลที่คุมทีมในถิ่นแอนฟิลด์ ซึ่งมีโอกาสคว้าแชมป์อยู่รอมร่อทั้ง 2 รายการ ทั้ง พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ แต่กลับพลาดแบบแพ้ภัยตนเองทั้ง 2 รายการ กับสโมสรที่ต้องมีแชมป์ใดๆ ติดมือ อย่าง ลิเวอร์พูล แล้วไซร้ ร็อดเจอร์ส ก็ไม่สามารถทำตามที่ทีมต้องการได้
2. การขาย หลุยส์ ซัวเรซ ออกไป โดยดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย รายนี้ ทำผลงานให้กับทีมอย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2013-2014 จนสามารถขยับเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยกันมา 24 ปี แค่คืบเดียวแท้ๆ แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเจ็บใจ แทนที่จะเก็บไว้เพื่อลุ้นต่อ กลับขายนักเตะรายนี้ไปให้ บาร์เซโลนา และซื้อนักเตะใหม่เข้ามา อาทิ ลาซาร์ มาร์โควิช, เดยัน ล็อฟเรน, อดัม ลัลลานา, มาริโอ บาโลเตลลี และ เอ็มเร ชาน แต่กลับทำผลงานได้น่าผิดหวัง ห่างไกลกับโอกาสลุ้นแชมป์อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
3. การคว้าตัว มาริโอ บาโลเตลลี ถือว่าเป็นดีลสุดที่สุด ของ "บีร็อด" เนื่องจาก ร็อดเจอร์ส ตั้งความหวังกับนักเตะรายนี้ว่า จะมาเป็นตัวตายตัวแทนของซัวเรซ ที่ย้ายออกไป แต่กลับทำผลงานได้บู่รับประทาน โดยยิงประตูได้แค่ 4 ประตู จากทุกรายการ แถมยังมีปัญหาเรื่องวินัยและอุปนิสัยนอกสนามของนักเตะรายนี้อีก จนมองว่า ร็อดเจอร์ส เอานักเตะทีมชาติอิตาลีรายนี้ ไม่อยู่ และท้ายที่สุดทำให้ต้องให้ทาง มิลาน ยืมตัว ในซีซันนี้
4. การไม่สามารถรั้งตัว ราฮิม สเตอร์ลิง ซึ่งเป็นหนังชีวิตที่คาราคาซังในความไม่ชัดเจนในการต่อสัญญาแข้งรายนี้ จนต้องเสียให้กับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเงินถุงเงินถังของวงการลีกเมืองผู้ดี ไปในท้ายที่สุด
5. การปล่อยนักเตะที่เป็นหัวใจของทีม สตีเฟน เจอร์ราร์ด ออกไปอย่างไม่ใยดี ทั้งที่เป็นนักเตะที่เป็นศูนย์รวมของทีม และเป็นกำลังหลักในการขยับเข้าใกล้แชมป์ลีกแท้ๆ แต่สุดท้าย บีร็อด กลับตอบแทนนักเตะรายนี้ ด้วยการไม่ส่งลงสนามเลย จนทำให้ "สตีวีจี" ทำเรื่องบันลือโลกด้วยการถูกใบแดงที่เร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีก เพียง 48 วินาที นับว่าเป็นฟางเส้นสุดท้าย ระหว่าง เจอร์ราร์ด กับ บีร็อด อย่างเเท้จริง และทำให้ "SG8" ต้องย้ายไปขุดทองกับ แอลเอ แกแล็คซี ทีมในลีกเมืองลุงแซม ในเวลาต่อมา
6. ปัญหาในเกมรับ โดยผลงานในฤดูกาล 2013-2014 ลิเวอร์พูล เสียประตุให้คู่แข่งมากถึง 50 ประตู และเป็นประตูที่ทำให้ทีมชวดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะในเกมที่พบกับ เชลซี ที่พ่ายคารัง 0:2 กับ เกมที่ทำได้แค่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ 3:3 ทั้งที่นำห่างถึง 3:1 แต่กลับเสียประตูในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม แบบน่าเขกหัวที่สุด ซึ่งปัจจัยเกมรับที่รั่วไหลเช่นนี้ ตกไปอยู่ที่ เดยัน ล็อฟเรน แนวรับทีมชาติโครเอเชีย ที่โชว์ฟอร์มออกทะเล แม้กระทั่ง โจ โกเมซ กับ เอ็มเร ชาน ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาจุดนี้ได้เลย
7. ความล้มเหลวในเวทียุโรป ถือว่าเป็นจุดด่างพร้อยที่สุด สำหรับ ร็อดเจอร์ส หลังพาทีมเข้าไปเล่นในรายการ ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ได้ แต่กลับทำผลงานได้น่าผิดหวัง แม้กระทั่งเกมในศึก ยูโรป้าลีก ก็ยังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย
8. ความมั่นใจตัวเองของ ร็อดเจอร์ส โดยหลังจากจบฤดูกาล 2013-2014 ในฐานะรองแชมป์ ทั้งที่น่าจะเป็นแชมป์อยู่รอมร่อแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับแสดงอาการท้อแท้ออกมา ทั้งที่เจ้าตัวน่าจะมั่นใจว่าครั้งหน้า ก็มีโอกาสทำได้
9. ความพร้อมในด้านอื่นๆ โดยทางบอร์ดบริหาร ได้มีการกดดันตัว ร็อดเจอร์ส ตลอดเวลาด้วยกระแสข่าวว่าทีมได้ทาบทามโค้ชคนใหม่เข้ามาอยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะเป็น เยอร์เกน คล็อปป์, คาร์โล อันเชล็อตติ รวมไปถึง อังเดร บิญาส-โบอาส ทำให้ "บีร็อด" ไม่มีเวลาพิสูจน์ตัวเองได้นานเท่าที่ควร
รู้ลึก รู้ไว รู้ก่อนใคร Like เลยค้าาา !!!
www.balltoro.com
แฉ !! โกลแดนลอดช่อง ชี้ 9 เหตุผลเด้ง ร็อดเจอร์ส
Balltoro เว็บไซต์ฟุตบอลมือโปรสำหรับคุณ - หลังจากจบลงด้วยผลเสมอ 1:1 ในเกมศึกเมอร์ซีไซด์ ดาร์บีแมทช์ ของปีนี้ ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน พบกับ ลิเวอร์พูล เก็บได้เพียง 1 คะแนนเท่านั้น อีก 24 ชั่วโมงต่อมา ทางสโมสร "หงส์แดง" ได้ประกาศปลด แบรนด็อน ร็อดเจอร์ส ออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยทันที หลังจากทำผลงานได้ย่ำแย่ ซึ่งทางเว็บไซต์ Goal ประเทศสิงคโปร์ ได้วิเคราะห์สาเหตุที่ทีมเด้ง "บีร็อด" ออก มีอยู่ 9 ข้อดังต่อไปนี้
1. ไร้ถ้วยแชมป์ใดๆ โดย แบรนด็อน ร็อดเจอร์ส กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรก ที่ไม่สามารถมีถ้วยแชมป์ประดับสโมสรเลย ตลอด 3 ฤดูกาลที่คุมทีมในถิ่นแอนฟิลด์ ซึ่งมีโอกาสคว้าแชมป์อยู่รอมร่อทั้ง 2 รายการ ทั้ง พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ แต่กลับพลาดแบบแพ้ภัยตนเองทั้ง 2 รายการ กับสโมสรที่ต้องมีแชมป์ใดๆ ติดมือ อย่าง ลิเวอร์พูล แล้วไซร้ ร็อดเจอร์ส ก็ไม่สามารถทำตามที่ทีมต้องการได้
2. การขาย หลุยส์ ซัวเรซ ออกไป โดยดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย รายนี้ ทำผลงานให้กับทีมอย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2013-2014 จนสามารถขยับเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยกันมา 24 ปี แค่คืบเดียวแท้ๆ แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเจ็บใจ แทนที่จะเก็บไว้เพื่อลุ้นต่อ กลับขายนักเตะรายนี้ไปให้ บาร์เซโลนา และซื้อนักเตะใหม่เข้ามา อาทิ ลาซาร์ มาร์โควิช, เดยัน ล็อฟเรน, อดัม ลัลลานา, มาริโอ บาโลเตลลี และ เอ็มเร ชาน แต่กลับทำผลงานได้น่าผิดหวัง ห่างไกลกับโอกาสลุ้นแชมป์อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
3. การคว้าตัว มาริโอ บาโลเตลลี ถือว่าเป็นดีลสุดที่สุด ของ "บีร็อด" เนื่องจาก ร็อดเจอร์ส ตั้งความหวังกับนักเตะรายนี้ว่า จะมาเป็นตัวตายตัวแทนของซัวเรซ ที่ย้ายออกไป แต่กลับทำผลงานได้บู่รับประทาน โดยยิงประตูได้แค่ 4 ประตู จากทุกรายการ แถมยังมีปัญหาเรื่องวินัยและอุปนิสัยนอกสนามของนักเตะรายนี้อีก จนมองว่า ร็อดเจอร์ส เอานักเตะทีมชาติอิตาลีรายนี้ ไม่อยู่ และท้ายที่สุดทำให้ต้องให้ทาง มิลาน ยืมตัว ในซีซันนี้
4. การไม่สามารถรั้งตัว ราฮิม สเตอร์ลิง ซึ่งเป็นหนังชีวิตที่คาราคาซังในความไม่ชัดเจนในการต่อสัญญาแข้งรายนี้ จนต้องเสียให้กับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเงินถุงเงินถังของวงการลีกเมืองผู้ดี ไปในท้ายที่สุด
5. การปล่อยนักเตะที่เป็นหัวใจของทีม สตีเฟน เจอร์ราร์ด ออกไปอย่างไม่ใยดี ทั้งที่เป็นนักเตะที่เป็นศูนย์รวมของทีม และเป็นกำลังหลักในการขยับเข้าใกล้แชมป์ลีกแท้ๆ แต่สุดท้าย บีร็อด กลับตอบแทนนักเตะรายนี้ ด้วยการไม่ส่งลงสนามเลย จนทำให้ "สตีวีจี" ทำเรื่องบันลือโลกด้วยการถูกใบแดงที่เร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีก เพียง 48 วินาที นับว่าเป็นฟางเส้นสุดท้าย ระหว่าง เจอร์ราร์ด กับ บีร็อด อย่างเเท้จริง และทำให้ "SG8" ต้องย้ายไปขุดทองกับ แอลเอ แกแล็คซี ทีมในลีกเมืองลุงแซม ในเวลาต่อมา
6. ปัญหาในเกมรับ โดยผลงานในฤดูกาล 2013-2014 ลิเวอร์พูล เสียประตุให้คู่แข่งมากถึง 50 ประตู และเป็นประตูที่ทำให้ทีมชวดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะในเกมที่พบกับ เชลซี ที่พ่ายคารัง 0:2 กับ เกมที่ทำได้แค่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ 3:3 ทั้งที่นำห่างถึง 3:1 แต่กลับเสียประตูในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม แบบน่าเขกหัวที่สุด ซึ่งปัจจัยเกมรับที่รั่วไหลเช่นนี้ ตกไปอยู่ที่ เดยัน ล็อฟเรน แนวรับทีมชาติโครเอเชีย ที่โชว์ฟอร์มออกทะเล แม้กระทั่ง โจ โกเมซ กับ เอ็มเร ชาน ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาจุดนี้ได้เลย
7. ความล้มเหลวในเวทียุโรป ถือว่าเป็นจุดด่างพร้อยที่สุด สำหรับ ร็อดเจอร์ส หลังพาทีมเข้าไปเล่นในรายการ ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ได้ แต่กลับทำผลงานได้น่าผิดหวัง แม้กระทั่งเกมในศึก ยูโรป้าลีก ก็ยังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย
8. ความมั่นใจตัวเองของ ร็อดเจอร์ส โดยหลังจากจบฤดูกาล 2013-2014 ในฐานะรองแชมป์ ทั้งที่น่าจะเป็นแชมป์อยู่รอมร่อแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับแสดงอาการท้อแท้ออกมา ทั้งที่เจ้าตัวน่าจะมั่นใจว่าครั้งหน้า ก็มีโอกาสทำได้
9. ความพร้อมในด้านอื่นๆ โดยทางบอร์ดบริหาร ได้มีการกดดันตัว ร็อดเจอร์ส ตลอดเวลาด้วยกระแสข่าวว่าทีมได้ทาบทามโค้ชคนใหม่เข้ามาอยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะเป็น เยอร์เกน คล็อปป์, คาร์โล อันเชล็อตติ รวมไปถึง อังเดร บิญาส-โบอาส ทำให้ "บีร็อด" ไม่มีเวลาพิสูจน์ตัวเองได้นานเท่าที่ควร
รู้ลึก รู้ไว รู้ก่อนใคร Like เลยค้าาา !!!
www.balltoro.com