เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2558 ได้มีโอกาสเข้าไปร่วม work shop กับ Samsung ที่อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ โดยการไป workshop ครั้งนี้ได้มีโอกาสสัมผัสกับนวัตกรรมใหม่ของ Samsung ซึ่งประกอบไปด้วย Samsung SUHD TV และลำโพง R6 และ R7 ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก
หากพูดถึง Samsung นั้น ผมเชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักกับสินค้าแบรนด์นี้ไม่ชนิดใดก็ชนิดหนึ่ง เพราะอย่างแรกเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมานานคือตั้งแต่ปี 1938
1 หรือปี 2481 (มีใครที่อ่าน Review เกิดทันปีนี้ไหมนะ อิ ๆ) ก่อตั้ง Samsung ในแตกู เกาหลี โดยประธานผู้ก่อตั้ง คือ Byung-Chull Lee (เบือง ชุล ลี) แต่ในช่วงแรกนั้นไม่ได้ขายสินค้าแบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้นะ โดยแรกเริ่มนั้นในช่วงแรกของการทำธุรกิจนั้นเน้นที่การส่งออกสินค้า เช่น ปลาแห้งเกาหลี ผัก และผลไม้ เพื่อส่งออกไปที่แมนจูเรียและปักกิ่ง ในปี 1960 หรือปี 2503
2 บริษัท Samsung ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เต็มตัว และหลังจากนั้นทางบริษัท Samsung จึงได้เริ่มต้นการผลิตโทรทัศน์ขาวดำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
Source 1 http://www.samsung.com/th/aboutsamsung/samsung/history_08.html
Source 2 http://news.siamphone.com/news-15121.html
จนกระทั้งปี 1976 หรือปี 2519 Samsung ได้ผลิตทีวีสีได้สำเร็จและจำหน่ายในปี 1977 หรือปี 2520 และได้พัฒนาสินค้าที่มาพร้อมกับนวัตกรรม ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นสินค้าภายในบ้าน เช่น ทีวี, เครื่องเสียง, เครื่องซักผ้า, แอร์, ตู้เย็น, เครื่องดูดฝุ่น, โทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ ณ ขณะนี้คือ Samsung S6 Edge นี่ยังไม่รวมถึงกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์, กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ที่อยู่ในอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์อีกหลายประเภท นับได้ว่าเป็นแบรนด์สินค้าที่เรามักเจอและสัมผัสได้ในชีวิตประจำวันของเราเลย และแน่นอนว่าเมื่อสินค้าที่ผลิตออกมาแต่ละชนิดนั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา เราก็มักจะได้เห็นรูปแบบ, นวัตกรรม ที่ล้ำสมัยอยู่เสมอ
จนในปี 2015 Samsung ได้เปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ในงาน CES2015 ที่สร้างประสบการณ์การรับชมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้นคือ เปิดตัว 3 รุ่น คือ รุ่น JS9500, JS9000, JS8500 จุดต่างคือขนาดหน้าจอ ซึ่งตัวท็อปสุด JS9500 ขนาด 88 นิ้ว สิ่งที่ทุกรุ่นมีเหมือนกันคือเป็นจอโค้ง ความละเอียด UHD 4K แบบ Quantum Dot โดยใช้วัสดุทำเม็ดพิกเซลเป็น nano-crystal ที่ให้สีสันสดใสและแม่นยำกว่าทีวีปกติ 64 เท่า, มีระดับความเข้มของสีดำเพิ่มขึ้น 10เท่า-ความสว่างของสีขาวมากกว่าทีวีปกติ 2.5 เท่า และมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ “TIZEN” ออกเสียงว่า “ไท-เซน” ซึ่งจะทำให้การเชื่อมต่อกับ Samart Phone ง่าย รวดเร็ว และรองรับสตรีมมิ่งคอนเทนท์ออนไลน์แบบ 4K ได้ด้วย โดยได้เริ่มวางจำหน่ายไปแล้วใน Q2 ของปีนี้ โดยในครั้งนี้ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับ 2 รุ่น แบบเจาะลึก ที่บริษัท Samsung อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ นั้นคือ รุ่น JS9000 ซึ่งเป็นจอโค้ง และรุ่น JS8000 ซึ่งเป็นจอแบน (ภาพซ้ายคือ JS8000 และภาพขวาคือ JS9000) โดยใช้ชื่อทางการตลาดว่า “Samsung SUHD TV” อ่านว่า “เอส-ยู-เฮด-ดี” อย่าอ่านว่า “ซู-เฮด-ดี” เดี๋ยวไม่อินเทรนด์
ลองชมวิดีโอรีวิวของผมก่อนที่จะไปดูรายละเอียดแบบลึก ๆ กันต่อไปครับ
คุณสมบัติ SUHD Curved Smart TV JS9000
Spec SUHD Curved Smart TV JS9000 ด้านเทคนิคดูเพิ่มเติมได้จาก
http://www.samsung.com/th/consumer/tv-av/tv/suhd/UA65JS9000KXXT
คุณสมบัติ SUHD Smart TV JS8000 Series 8
Spec SUHD Smart TV JS8000 Series 8 ด้านเทคนิคดูเพิ่มเติมได้จาก
http://www.samsung.com/th/consumer/tv-av/tv/suhd/UA55JS8000KXXT
หลายคนคิดว่า SUHD คงย่อมาจาก Super Ultra High Definition แต่จริง ๆ แล้วในความหมายของ Samsung เองนั้น ต้องการสื่อมากกว่านั้น ดังนี้
S : Spectacular Color - แสดงรายละเอียดเฉดสีได้กว้างกว่าทีวีทั่วไป 64เท่า
S : Stunning Contrast - SUHD TV แสงสีขาวมีความสว่างขึ้น 2.5เท่า และส่วนของสีดำเพิ่มขึ้น 10เท่า
S : Striking Brightness - ด้วยเทคโนโลยี Peak Illuminator Ultimate ปรับภาพสว่างสมจริง เหนือกว่า UHD ทั่วไป
S : Superb UHD Detail - ความละเอียด 4K
ลองมาดูรูปลักษณ์ดีไซค์ภายนอกกันก่อนดีกว่า
แรกเห็นต้องต้องยอมรับเลยว่า “หรูหรา” เนื่องจากวัสดุมันวาว โดยเฉพาะตัวกรอบทีวีที่มีกรอบขนาดเล็กมันวาว คล้าย ๆ กับกรอบรูปหรู ๆ เลย รุ่น JS9000 ที่ออกมามีให้เลือกถึง 2 ขนาดด้วยกัน คือขนาด 65 และ 55 นิ้ว โดยที่รุ่นดังกล่าวลักษณะจอจะโค้งรับสายตาและยังดีไซค์ฐานตั้งให้มีลักษณะโค้งเหมือนกับตัวจอด้วย
บริเวณด้านล่างของกลางจอ จะมี Logo Samsung และสิ่งที่ทำให้ดูหรูหราไปมากกว่านั้นคือ "แสงสีฟ้าขาว" บริเวณใต้ Logo Samsung โดยที่แสงสีฟ้าขาวนี้ทำให้เย็นตาเมื่อเห็น ซึ่งแสงจะติดเมื่อเราเริ่มเปิดทีวี
บริเวณ ด้านขวามือบน จะมี Logo SUHD เพื่อแสดงให้ทราบว่าตัวเครื่องนี้สามารถแสดงผลได้ในระดับ 8 ล้าน Pixel
บริเวณด้านหลังตัวเครื่อง Samsung JS9000 โดดเด่นด้วย Shirring Design ดีไซน์ด้านหลังเป็นลอนคลื่นสวยงามโดดเด่นทุกมุมมอง และที่สำคัญจะไม่มี Port หลาย Port เหมือนทีวีรุ่นอื่น ๆ เพราะปัญหาที่หลาย ๆ ท่านเจอ คือถ้าจะเสียบสายอะไรสักอย่าง เช่น สาย HDMI หรือ Thumb Drive นั้นจะต้องมุดเข้าไปที่หลังตัวเครื่องทีวี ถ้าบางบ้านวางทีวีไว้ไม่ได้แขวนก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ถ้าบ้านไหนได้ลองแขวนทีวีไว้กับกำแพงแล้วละก็ ไม่อยากคิดเลยว่าลำบากขนาดไหน ซึ่ง Samsung JS9000 จะมีเพียง Port “One Connect” และช่องสายไฟ อยู่บริเวณด้านกลางซ้ายเท่านั้น
หลาย ๆ คนคงสงสัยว่า Port “One Connect” คือ Port อะไร” Port นี้จะใช้ต่อกลับกล่อง One Connect ที่จะมี Port ต่าง ๆ อยู่ในกล่อง One Connect ทั้งช่อง HDMI, USB, สาย LAN เป็นต้น และกล่องนี้เองทำให้ปัญหาสายระโยงระยาง หรือสายพันกันหลังทีวีที่หลายบ้านเจอกัน หายไปในทันที
บริเวณด้านกลางขวา มีช่องสำหรับเสียบสายไฟขนาดเล็ก
บริเวณด้านล่างซ้ายมือ จะมีปุ่ม Power เพื่อเปิด – ปิด Samsung JS9000 , ปุ่ม เปลี่ยนช่องรายการ, ปุ่มเพิ่ม – ลดเสียงทีวี และเป็นปุ่ม Function ในการงาน menu ต่าง ๆ
บริเวณซ้ายมือด้านล่างจะมีสติ๊กเกอร์ TV Digital ที่รับรองโดย กสทช. สติ๊กเกอร์แสดงข้อมูลทีวี Samsung JS9000 ไม่ว่าจะเป็นขนาดของทีวี, ชื่อรุ่น, Serial Number และข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
มาดู กล่อง One Connect กันบ้าง บริเวณด้านหลังกล่องนี้จะมีหลายช่อง ได้แก่ ช่องเสียบสายอากาศ, ช่องเสียบ USB 3.0 ซึ่งรองรับต่อกับ External Hard Disk ที่สนับสนุนเทคโนโลยี 3.0 ซึ่งสามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง, ช่อง HDMI ถึง 4 ช่อง
ถัดมาจะเป็นช่อง Audio Out / AV in / Component in หลายคนคงอาจจะไม่คุ้นกับ Port ดังกล่าว แต่ถ้าพูดถึงสาย AV 3 สายที่มีสีเหลือง สำหรับ สัญญาญภาพ, สีแดงกับสีขาว สำหรับสัญญาณเสียง หลายคนคงนึกออก ซึ่งทาง Samsung JS9000 เองก็ได้รวมสายต่าง ๆ เหล่านี้เอาไว้ในช่อง ๆ เดียว แต่ผู้บริโภคไม่ต้องห่วงนะครับ เนื่องจากทาง Samsung มีสายแปลงให้มาเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องหาซื้อสายมาให้ยุ่งยาก ช่องถัดมามีไว้สำหรับทาง Samsung เอาไว้ Service หรือ ตรวจสอบความผิดปกติของตัวกล่อง One Connect และ ตัวเครื่อง JS9000 เอง ถัดมาคือช่อง One Connect Out ที่เป็นตัวรวมสัญญาณภาพและเสียงส่งออกไปยังทีวีนั้นเอง
ส่วน Port สุดท้ายที่อยู่หลังกล่องนั้นคือ ช่องสาย LAN เพื่อเอาไว้เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตผ่านสาย LAN ซึ่งจะทำให้คุณภาพของสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ส่งมานั้นมีความเสถียรมากขึ้นและรับ-ส่งข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของสัญญาณอินเตอร์เน็ต
บริเวณด้านข้างของกล่อง One Connect นั้นจะมีช่อง Digital Audio Out สำหรับต่อสัญญาณเสียง ผ่านสาย Fiber Optic เพื่อส่งไปยังอุปกรณ์หูฟังไร้สาย หรืออุปกรณ์อื่นๆที่มีช่อง Optic ถัดมาคือช่องเสียบ USB 2.0 จำนวน 2 ช่อง และ สุดท้ายคือช่อง IR Out
ลองมาดู SUHD Smart TV JS8000 Series 8 กันบ้าง สำหรับรุ่นนี้จะออกแบบดีไซค์เป็นจอแบน
ตัวขาตั้งก็ได้รับการออกแบบดีไซค์มาให้เป็นในลักษณะตรง เพื่อให้สอดรับกับหน้าจอทีวี
ด้านมุมขวามือบนของรุ่น JS8000 ก็ได้มีโลโก SUHD เหมือนกับตัว JS9000 เรียกว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเลยทีเดียว
ในด้านของกล่อง One Connect รุ่น JS8000 นั้น ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นสีดำ โดยที่กล่องนี้จะมี Port น้อยกว่ารุ่น JS9000 ซึ่ง Port ที่มีก็จะมี port HDMI 4 Port, USB 2.0 2 Port, ช่อง Optical Digital Audio Out และสุดท้ายจะเป็นช่อง One Connect Out หลายคนเลยมีคำถามว่าแล้วถ้าจะต่อช่อง Component / AV จะไปต่อตรงจุดไหน คำตอบคือ ก็จะต่อที่หลังทีวี
[SR] Review Samsung SUHD Smart TV JS9000 และ JS8000 (มี Video Review)
หากพูดถึง Samsung นั้น ผมเชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักกับสินค้าแบรนด์นี้ไม่ชนิดใดก็ชนิดหนึ่ง เพราะอย่างแรกเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมานานคือตั้งแต่ปี 19381 หรือปี 2481 (มีใครที่อ่าน Review เกิดทันปีนี้ไหมนะ อิ ๆ) ก่อตั้ง Samsung ในแตกู เกาหลี โดยประธานผู้ก่อตั้ง คือ Byung-Chull Lee (เบือง ชุล ลี) แต่ในช่วงแรกนั้นไม่ได้ขายสินค้าแบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้นะ โดยแรกเริ่มนั้นในช่วงแรกของการทำธุรกิจนั้นเน้นที่การส่งออกสินค้า เช่น ปลาแห้งเกาหลี ผัก และผลไม้ เพื่อส่งออกไปที่แมนจูเรียและปักกิ่ง ในปี 1960 หรือปี 25032 บริษัท Samsung ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เต็มตัว และหลังจากนั้นทางบริษัท Samsung จึงได้เริ่มต้นการผลิตโทรทัศน์ขาวดำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
Source 1 http://www.samsung.com/th/aboutsamsung/samsung/history_08.html
Source 2 http://news.siamphone.com/news-15121.html
จนกระทั้งปี 1976 หรือปี 2519 Samsung ได้ผลิตทีวีสีได้สำเร็จและจำหน่ายในปี 1977 หรือปี 2520 และได้พัฒนาสินค้าที่มาพร้อมกับนวัตกรรม ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นสินค้าภายในบ้าน เช่น ทีวี, เครื่องเสียง, เครื่องซักผ้า, แอร์, ตู้เย็น, เครื่องดูดฝุ่น, โทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ ณ ขณะนี้คือ Samsung S6 Edge นี่ยังไม่รวมถึงกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์, กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ที่อยู่ในอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์อีกหลายประเภท นับได้ว่าเป็นแบรนด์สินค้าที่เรามักเจอและสัมผัสได้ในชีวิตประจำวันของเราเลย และแน่นอนว่าเมื่อสินค้าที่ผลิตออกมาแต่ละชนิดนั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา เราก็มักจะได้เห็นรูปแบบ, นวัตกรรม ที่ล้ำสมัยอยู่เสมอ
จนในปี 2015 Samsung ได้เปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ในงาน CES2015 ที่สร้างประสบการณ์การรับชมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้นคือ เปิดตัว 3 รุ่น คือ รุ่น JS9500, JS9000, JS8500 จุดต่างคือขนาดหน้าจอ ซึ่งตัวท็อปสุด JS9500 ขนาด 88 นิ้ว สิ่งที่ทุกรุ่นมีเหมือนกันคือเป็นจอโค้ง ความละเอียด UHD 4K แบบ Quantum Dot โดยใช้วัสดุทำเม็ดพิกเซลเป็น nano-crystal ที่ให้สีสันสดใสและแม่นยำกว่าทีวีปกติ 64 เท่า, มีระดับความเข้มของสีดำเพิ่มขึ้น 10เท่า-ความสว่างของสีขาวมากกว่าทีวีปกติ 2.5 เท่า และมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ “TIZEN” ออกเสียงว่า “ไท-เซน” ซึ่งจะทำให้การเชื่อมต่อกับ Samart Phone ง่าย รวดเร็ว และรองรับสตรีมมิ่งคอนเทนท์ออนไลน์แบบ 4K ได้ด้วย โดยได้เริ่มวางจำหน่ายไปแล้วใน Q2 ของปีนี้ โดยในครั้งนี้ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับ 2 รุ่น แบบเจาะลึก ที่บริษัท Samsung อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ นั้นคือ รุ่น JS9000 ซึ่งเป็นจอโค้ง และรุ่น JS8000 ซึ่งเป็นจอแบน (ภาพซ้ายคือ JS8000 และภาพขวาคือ JS9000) โดยใช้ชื่อทางการตลาดว่า “Samsung SUHD TV” อ่านว่า “เอส-ยู-เฮด-ดี” อย่าอ่านว่า “ซู-เฮด-ดี” เดี๋ยวไม่อินเทรนด์
ลองชมวิดีโอรีวิวของผมก่อนที่จะไปดูรายละเอียดแบบลึก ๆ กันต่อไปครับ
คุณสมบัติ SUHD Curved Smart TV JS9000
Spec SUHD Curved Smart TV JS9000 ด้านเทคนิคดูเพิ่มเติมได้จาก
http://www.samsung.com/th/consumer/tv-av/tv/suhd/UA65JS9000KXXT
คุณสมบัติ SUHD Smart TV JS8000 Series 8
Spec SUHD Smart TV JS8000 Series 8 ด้านเทคนิคดูเพิ่มเติมได้จาก
http://www.samsung.com/th/consumer/tv-av/tv/suhd/UA55JS8000KXXT
หลายคนคิดว่า SUHD คงย่อมาจาก Super Ultra High Definition แต่จริง ๆ แล้วในความหมายของ Samsung เองนั้น ต้องการสื่อมากกว่านั้น ดังนี้
S : Spectacular Color - แสดงรายละเอียดเฉดสีได้กว้างกว่าทีวีทั่วไป 64เท่า
S : Stunning Contrast - SUHD TV แสงสีขาวมีความสว่างขึ้น 2.5เท่า และส่วนของสีดำเพิ่มขึ้น 10เท่า
S : Striking Brightness - ด้วยเทคโนโลยี Peak Illuminator Ultimate ปรับภาพสว่างสมจริง เหนือกว่า UHD ทั่วไป
S : Superb UHD Detail - ความละเอียด 4K
ลองมาดูรูปลักษณ์ดีไซค์ภายนอกกันก่อนดีกว่า
แรกเห็นต้องต้องยอมรับเลยว่า “หรูหรา” เนื่องจากวัสดุมันวาว โดยเฉพาะตัวกรอบทีวีที่มีกรอบขนาดเล็กมันวาว คล้าย ๆ กับกรอบรูปหรู ๆ เลย รุ่น JS9000 ที่ออกมามีให้เลือกถึง 2 ขนาดด้วยกัน คือขนาด 65 และ 55 นิ้ว โดยที่รุ่นดังกล่าวลักษณะจอจะโค้งรับสายตาและยังดีไซค์ฐานตั้งให้มีลักษณะโค้งเหมือนกับตัวจอด้วย
บริเวณด้านล่างของกลางจอ จะมี Logo Samsung และสิ่งที่ทำให้ดูหรูหราไปมากกว่านั้นคือ "แสงสีฟ้าขาว" บริเวณใต้ Logo Samsung โดยที่แสงสีฟ้าขาวนี้ทำให้เย็นตาเมื่อเห็น ซึ่งแสงจะติดเมื่อเราเริ่มเปิดทีวี
บริเวณ ด้านขวามือบน จะมี Logo SUHD เพื่อแสดงให้ทราบว่าตัวเครื่องนี้สามารถแสดงผลได้ในระดับ 8 ล้าน Pixel
บริเวณด้านหลังตัวเครื่อง Samsung JS9000 โดดเด่นด้วย Shirring Design ดีไซน์ด้านหลังเป็นลอนคลื่นสวยงามโดดเด่นทุกมุมมอง และที่สำคัญจะไม่มี Port หลาย Port เหมือนทีวีรุ่นอื่น ๆ เพราะปัญหาที่หลาย ๆ ท่านเจอ คือถ้าจะเสียบสายอะไรสักอย่าง เช่น สาย HDMI หรือ Thumb Drive นั้นจะต้องมุดเข้าไปที่หลังตัวเครื่องทีวี ถ้าบางบ้านวางทีวีไว้ไม่ได้แขวนก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ถ้าบ้านไหนได้ลองแขวนทีวีไว้กับกำแพงแล้วละก็ ไม่อยากคิดเลยว่าลำบากขนาดไหน ซึ่ง Samsung JS9000 จะมีเพียง Port “One Connect” และช่องสายไฟ อยู่บริเวณด้านกลางซ้ายเท่านั้น
หลาย ๆ คนคงสงสัยว่า Port “One Connect” คือ Port อะไร” Port นี้จะใช้ต่อกลับกล่อง One Connect ที่จะมี Port ต่าง ๆ อยู่ในกล่อง One Connect ทั้งช่อง HDMI, USB, สาย LAN เป็นต้น และกล่องนี้เองทำให้ปัญหาสายระโยงระยาง หรือสายพันกันหลังทีวีที่หลายบ้านเจอกัน หายไปในทันที
บริเวณด้านกลางขวา มีช่องสำหรับเสียบสายไฟขนาดเล็ก
บริเวณด้านล่างซ้ายมือ จะมีปุ่ม Power เพื่อเปิด – ปิด Samsung JS9000 , ปุ่ม เปลี่ยนช่องรายการ, ปุ่มเพิ่ม – ลดเสียงทีวี และเป็นปุ่ม Function ในการงาน menu ต่าง ๆ
บริเวณซ้ายมือด้านล่างจะมีสติ๊กเกอร์ TV Digital ที่รับรองโดย กสทช. สติ๊กเกอร์แสดงข้อมูลทีวี Samsung JS9000 ไม่ว่าจะเป็นขนาดของทีวี, ชื่อรุ่น, Serial Number และข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
มาดู กล่อง One Connect กันบ้าง บริเวณด้านหลังกล่องนี้จะมีหลายช่อง ได้แก่ ช่องเสียบสายอากาศ, ช่องเสียบ USB 3.0 ซึ่งรองรับต่อกับ External Hard Disk ที่สนับสนุนเทคโนโลยี 3.0 ซึ่งสามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง, ช่อง HDMI ถึง 4 ช่อง
ถัดมาจะเป็นช่อง Audio Out / AV in / Component in หลายคนคงอาจจะไม่คุ้นกับ Port ดังกล่าว แต่ถ้าพูดถึงสาย AV 3 สายที่มีสีเหลือง สำหรับ สัญญาญภาพ, สีแดงกับสีขาว สำหรับสัญญาณเสียง หลายคนคงนึกออก ซึ่งทาง Samsung JS9000 เองก็ได้รวมสายต่าง ๆ เหล่านี้เอาไว้ในช่อง ๆ เดียว แต่ผู้บริโภคไม่ต้องห่วงนะครับ เนื่องจากทาง Samsung มีสายแปลงให้มาเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องหาซื้อสายมาให้ยุ่งยาก ช่องถัดมามีไว้สำหรับทาง Samsung เอาไว้ Service หรือ ตรวจสอบความผิดปกติของตัวกล่อง One Connect และ ตัวเครื่อง JS9000 เอง ถัดมาคือช่อง One Connect Out ที่เป็นตัวรวมสัญญาณภาพและเสียงส่งออกไปยังทีวีนั้นเอง
ส่วน Port สุดท้ายที่อยู่หลังกล่องนั้นคือ ช่องสาย LAN เพื่อเอาไว้เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตผ่านสาย LAN ซึ่งจะทำให้คุณภาพของสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ส่งมานั้นมีความเสถียรมากขึ้นและรับ-ส่งข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของสัญญาณอินเตอร์เน็ต
บริเวณด้านข้างของกล่อง One Connect นั้นจะมีช่อง Digital Audio Out สำหรับต่อสัญญาณเสียง ผ่านสาย Fiber Optic เพื่อส่งไปยังอุปกรณ์หูฟังไร้สาย หรืออุปกรณ์อื่นๆที่มีช่อง Optic ถัดมาคือช่องเสียบ USB 2.0 จำนวน 2 ช่อง และ สุดท้ายคือช่อง IR Out
ลองมาดู SUHD Smart TV JS8000 Series 8 กันบ้าง สำหรับรุ่นนี้จะออกแบบดีไซค์เป็นจอแบน
ตัวขาตั้งก็ได้รับการออกแบบดีไซค์มาให้เป็นในลักษณะตรง เพื่อให้สอดรับกับหน้าจอทีวี
ด้านมุมขวามือบนของรุ่น JS8000 ก็ได้มีโลโก SUHD เหมือนกับตัว JS9000 เรียกว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเลยทีเดียว
ในด้านของกล่อง One Connect รุ่น JS8000 นั้น ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นสีดำ โดยที่กล่องนี้จะมี Port น้อยกว่ารุ่น JS9000 ซึ่ง Port ที่มีก็จะมี port HDMI 4 Port, USB 2.0 2 Port, ช่อง Optical Digital Audio Out และสุดท้ายจะเป็นช่อง One Connect Out หลายคนเลยมีคำถามว่าแล้วถ้าจะต่อช่อง Component / AV จะไปต่อตรงจุดไหน คำตอบคือ ก็จะต่อที่หลังทีวี