กำแพงของมูริญโญ่และโค้ชอีกทั่วโลก ยิ่งทำให้เห็นว่าเฟอร์กูสันยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีกในการผลัดทีมแต่ละรุ่น

การตกต่ำของมูริญโญ่ปีนี้ ยิ่งทำให้เห็นว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยิ่งใหญ่จริงๆ นั่นคือเรื่องที่เฟอรกี้สามารถผลัดเปลี่ยนทีมและสร้างทีมขึ้นมาได้รุ่นแล้วรุ่นเล่าถึง6ยุค ซึ่งหากไม่นับยุคแรกที่ต้องใช้เวลารื้อสร้างกันใหม่6ปี ทีมทุกยุคหลังจากปี92-93เป็นต้นมา ล้วนมีถ้วยแชมป์ติดมือ และจะมีเล่นแย่งไปบ้าง แต่สุดท้ายไม่เคยจบที่อันดับต่ำกว่า3เลย แถมมีลุ้นแชมป์ตลอด

จริงอยู่ว่าอาจจะเร็วไปที่จะตัดสินมูริญโญ่ เพราะเพิ่งจะเริ่มต้นฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่ฟอรมอันย่ำแย่ของทีม ทั้งที่นักเตะสตาร์ยังอยู่เต็มทีม แต่ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากสภาพโรยราของแนวรับ และทีมสปิริตที่ย่ำแย่ในตอนนี้ซึ่งอาจจะมาจากหลายๆปัจจัย เมื่อย้อนไปดูบางกรณีในฟุตบอลสมัยใหม่ยุคนี้เช่นคลอปป์ กับดอรทมุนด์ หรืออัลเลกรี กับยูเว่ ซึ่งทั้งสองทีมนี้ ต่างก็โชว์ฟอร์มระดับสุดยอดมาก่อนแล้วก็ร่วงตกต่ำในปีถัดมากันทั้งสองทีม (กรณียูเว่ยังพออนุโลมว่าเพราะทีมเสียตัวหลักไปอย่างวิดัล ปีร์โล่ พวกที่ยังอยีอย่างป็อกบาหรือโมราต้าเป็นดาวรุ่ง แบกรับความกดดันไม่ไหว แล้วสร้างทีมไม่ทัน)

ที่จริงเฟอรกี้เคยมีช่วงผิดพลาดตอนผลัดเปลี่ยนทีมอยู่ครั้งที่เกือบจะพาทีมกลับไปยืนจุดสูงสุดไม่ได้เหมือนกัน นั่นคือหลังจากที่ทีมชุดปี98-2001สามารถกวาดทุกแชมป์ในยุโรปและในระดับโลกได้หมดแล้ว เฟอรกี้เริ่มเห็นว่าระบบไดเร้คฟุตบอล เน้นเล่นบอลออกปีก ใช้กองหน้าคู่เข้าทำ เริ่มจะเจอทางตันในเวทียุโรป แม้ว่าจะเข้าถึงรอบ8ทีมตลอดในเวลานั้น แต่ในการเจอกับทีมยักษ์ของยุโรป แมนยูจะมีปัญหาในการครองบอลแดนกลางและการปิดเกมรับ กม้ว่าเกมรุกจะยังดุดันพอจะยิงได้ตลอด แต่เพราะไม่เน้นครองบอลถ่ายบอลไปมามากนัก ทำให้ปิดเกมยาก เสี่ยงต่อการโดนทีมยักษ์ๆเหล่านี้ยิงคืน เฟอรกี้เลยเริ่มสอยนักเตะระดับแถวหน้าในยุโรปเข้ามามากขึ้นแล้วเริ่มเปลี่ยนระบบการเล่นมาแบบยุโรป แต่กลายเป็นทำทีมเสียศูนย์ไปเองพักใหญ่ เพราะนักเตะหลักของทีมอย่างสโคลส์มีปัญหาสุขภาพและปรับตัวกับระบบใหม่ไม่ทัน ส่วนเวรอนที่เอาเข้ามาก็เล่นในลีกได้ไม่สมความคาดหวัง แม้จะเล่นในเวทียุโรปดีอยู่ก็ตาม

สุดท้ายแล้วเฟอรกี่ก็เลือกกลับสู่ความเรียบง่ายและพาทีมกลับมาตั้งหลักได้ในปี2006-2007 นับแต่นั้นมาแมนยูมีการผลัดทีมอีกครั้งหลังจากขายโรนัลโด้ แต่ก็ยังคว้าแชมป์มาได้อีกสองครั้งและพอจะเล่นในยุโรปได้รอบลึกๆ

ซึ่งเมื่อเห็นความตกต่ำและการที่ไม่สามารถผลัดทีมเชลซีของมูริญโญ่ได้ในปีนี้แบบชัดเจน แล้วยังไม่รวมกำแพงปีที่สี่ในการคุมทีมซึ่งมูริญโญ่ยังก้าวข้ามไม่พ้น ไม่ว่าจะคุมทีมไหน ต้องมีปัญหากับทีมเองำม่ทางใดสักทางไม่ว่าจะเจ้าของทีม นักเตะ หรือแฟนบอลเอง ทำให้ไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ตัวในเรื่องการวาวรากฐานและคุมทีมระยะยาว นี่จึงเป็นกำแพงที่มูยังไม่ผ่าน และทำให้เขายังไม่อาจทาบกับพวกบรมครูอย่าง เฟอรกี้ มิเชลล์ ฮิตเฟลด์ ลิปปี้ เรห์ฮาเก้ล ที่ผ่านกำแพงและอุปสรรค ข้อจำกัดในการคุมทีมกันมาหมดแล้ว

แต่ลึกๆแลิว เชื่อว่ามูไม่ออกเองแน่ เขาคงตั้งใจจะพิสูจน์ตัวเองกับตัวของเขาเองว่าคราวนี้เขาจะทำเชลซีให้ยิ่งใหญ่ได้ในระยะยาว เพราะถ้าหลุดจากสถานีเชลซีแล้ว ป้ายหน้าของเขาคงไม่พ้นทีมชาติโปรตุเกสเป็นแน่ หากเป็นทีมชาติ สถานการณ์ในการคุมทีมก็จะเป็นอีกแบบไปเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่