สวัสดีค่ะ
รีวิวนี้จะพาทุกคนขึ้นเหนือไปสูดอากาศหนาวที่ไม่หนาวเลย ที่น่านนคร จริงๆได้ไปแอ่วมาแล้วถึงสองครั้งใน เดือนที่ผ่านมา แต่ขอนำความประทับใจทั้งหมดมารวมในที่เดียวนะคะ
เริ่มออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองกันเลยค่ะ คราวนี้ได้ใช้บริการของสายการบินนกแอร์ สะดวกสบายกับการเช็คอินผ่านแอปพลิเคชั่นของทางสายการบินเองค่ะ
ใช้เวลาเพียง 1ชม.นิดๆเราก็มาถึงสนามบินน่านนคร ด้วยเจ้าตัวนี้ค่า
เป็นสนามบินเปิดใหม่ค่ะ ดูสะอาดตาและพนักงานทุกคนนั้นก็ดูเป็นกันเองดี (คนเหนือใจดี)
การเดินทางจากสนามบินมายังที่พัก ด้วยรถสองแถวสีแดงซึ่งอยู่ด้านหน้าของสนามบินค่ะ ราคาก็แค่เพียงคนละ20 บาทเท่านั้น แล้วก็บอกคนขับไปเลยค่ะว่าจะไปลงที่ไหน รีบมากกลัวตกรถเลยไม่ได้เก็บภาพรถมาให้ดู เอาเป็นว่ามาดูที่พักของเราในคืนแรกกันเลยดีกว่าค่ะ เราพักกันที่เฮือนศรีนวลค่ะ จองมาแล้วตั้งแต่กรุงเทพค่ะ แต่ถ้าจะมาหน้าหนาวแนะนำเลยว่าน่าจะต้องวางแผนล่วงหน้าก่อนค่ะ เพราะในช่วงนั้นคนจะเข้ามาพักเยอะ
มาดูรูปกันเลยค่า ประตูด้านหน้าทางเข้าของที่พักเราค่ะ
และนี่เป็นส่วนของห้องนั่งเล่นในส่วนกลาง สวยใช่มั้ยคะ ดูดีมากถูกใจตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึงเลยค่ะ
ด้านนอกก็ยังมีที่นั่งดูดาว ไว้สำหรับยามค่ำคืน ถ้าคู่รักที่มาเป็นคู่คงโรแมนติกน่าดูค่ะ
ร้านกาแฟตอนยังไม่เปิดค่ะ
มาเข้าห้องพักของเรากันดีกว่า คืนนี้ได้พักห้องนอนแบบเตียงคู่ค่า
ในห้องตกแต่งเป็นแบบเหนือๆ ดูขาวๆสะอาดตา
วางของกันเสร็จแล้วก็ออกไปชมเมืองกันดีกว่า จริงๆก็ไปตามสถานที่ที่กระทู้ก่อนหน้านี้เคยไปมาค่ะ บวกกับได้คำแนะนำจากพี่เจ้าของที่พัก
เดินทางกันด้วยสองล้อถีบคันนี้
ที่แรกที่ไป ก็ไปหาอาหารพื้นเมืองทานกันก่อนดีกว่าค่ะ... ซึ่งก็คงไม่พ้น... ข้าวซอยค่ะ ปั่นออกมาจากที่พักไม่นานมากก็มาถึงร้านเลยค่ะ
ไปกันต่อเลยค่ะ กับการไหว้พระตามวัดในเมืองค่ะ ที่รุ้จักกันดีก็วัดภูมินทร์ค่ะ เจ้าของจิตรกรรมฝาผนังกระซิบรักอันลือเลื่องนั้นเอง
ถัดจากวัดไปก็จะเป็นอุโมงค์ต้นไม้อันมีชื่อเสียงในพิพิธภัณฑ์
อิ่มท้องแล้วบวกกับการเหน็ดเหนื่อยกับการปั่นรถถีบ ก็ไปต่อร้านกาแฟกันค่ะ ออกนอกเมืองไปไกลนิดหน่อยปั่นกันเหงื่อตก เลยทีเดียว นั่งอยู่จนเกือบเย็นเลยค่ะ เพราะว่าเหนื่อยมาก
กลับมาอาบน้ำและไปหาข้าวเย็นทานกันก็ได้ค่ะ ไปนั่งกินขันโตกที่ร้านเฮือนฮอม
อาหารพื้นเมืองสุดๆ ลาบคั่ว ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แคปหมู อร่อยสุดๆเลยค่ะ
จบวันแรกของการเดินทางไว้ที่ร้านอาหารเฮือนฮอมนี้นะคะ หลังจากนั้นก็กลับที่พักโดยการปั่นกลับ ทำเอาหมดแรงเลยค่ะ
ตื่นเช้าวันที่สอง เราได้เช่ารถและออกเดินทางไป อ.นาน้อย เพื่อไปดู เสาดินกันค่ะ เนื่องจากเพลียจากการปั่นรถถีบ เลยขอเช่ารถขับดีกว่าค่า
ระหว่างทางไปเสาดินก็เจอตึกร้างเรียงรายเป็นแถวยาวเลย ประกอบกับทุ่งข้าวโพดเป็นแถวอยู่ด้านหน้าพอดีค่ะ ก็ให้ความรู้สึกไปอีกแบบค่ะ เหมือนเมืองนอกเลยค่ะ
หลังจากขับรถต่ออีกซักพักนึง เราก็จะถึง เสาดิน ซึ่งเราก็ได้ดื่มด่ำความงามของสิ่งที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นมาค่ะ
แล้วขับกลับมาเพื่อต่อไป อ.ปัวค่ะ ระหว่างทางก็เป็นหุบเขาเขียวขจี ธรรมชาติมากๆ Green สุดๆ
เราได้แวะพักระหว่างทางกันที่ฟาร์มเห็ดค่ะ ร้านนี้จะเน้นไปที่ความออแกนิค และเห็ดค่ะ มาดูรูปกันดีกว่า
กาแฟอีกแล้ว
เห็ดชุบแป้งทอด
พิซซ่าเห็ด
เห็นไหมคะว่าร้านนี้ ค่อนข้างออแกนิค และเมนูอาหารที่เขาทำนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเห็ดทั้งหมดเลยค่า
จนมาถึงที่พักในคืนที่สอง เราย้ายกันมาที่ โฮมสเตย์ตานงค์ เงียบมากที่สุดเลยค่ะ จึงได้รับการพักผ่อนเต็มที่ สูดอากาศให้เต็มปอดกันเลย
ตื่นเช้ามาก็กลับเข้าเมืองกันดีกว่าค่ะ
วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเชียงกลางเมือง เล็กๆเงียบๆ อย่างที่บอกว่าน่านเป็นเมืองจักรยาน เราได้มีโอกาสแวะชม เฮือนรถถีบ เจ้าของใจดีมากค่ะ เปิดให้ชมฟรีๆ แถมยังมาให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับจักรยาน แก่เราอีกด้วย
พอตกเย็นได้มีโอกาสนั่งเรื่อล่องแม่น้ำน่านกันค่ะ ดูพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า และวิถีชิวิตผู้คนริมฝั่งแม่น้ำน่านค่ะ ชิวมากๆเลยค่ะ
ภาพนี้เป็นการประมงริมน้ำค่ะ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่หาปลาตามริมฝั่งน้ำค่ะ
สิ้นสุดไปอีกวันนึง ขอทิ้งท้ายไปด้วยภาพของลำน้ำน่าน กับแสงของพระอาทิตย์อัสดงค่ะ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่สงบเงียบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากเลยค่ะ
ตื่นเช้ามาก่อนจะต้องเดินทางกลับเราก็ได้ชิมกาแฟกันแล้วค่า หลังจากที่ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่นานนี้เอง แต่รสชาติกาแฟก็ถึงใจ เพราะมีบาริสตร้ามือฉกาจ พนักงานเป็นก็กันเอง แถมเจ้าของใจดีสุดๆไปเลย #Perceptioncafe
เราจึงขอจบการแอ่วน่านเพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านรีวิวนี้นะคะ จริงๆยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ แล้วจะกลับมารีวิวใหม่นะคะ
รูปอาจจะไม่ค่อยสวย
เป็นการรีวิวครั้งแรกค่ะ ผิดพลาดอย่างไรขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ
[CR] แบกกระเป๋า...แอ่วน่าน :)
เริ่มออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองกันเลยค่ะ คราวนี้ได้ใช้บริการของสายการบินนกแอร์ สะดวกสบายกับการเช็คอินผ่านแอปพลิเคชั่นของทางสายการบินเองค่ะ
ใช้เวลาเพียง 1ชม.นิดๆเราก็มาถึงสนามบินน่านนคร ด้วยเจ้าตัวนี้ค่า
เป็นสนามบินเปิดใหม่ค่ะ ดูสะอาดตาและพนักงานทุกคนนั้นก็ดูเป็นกันเองดี (คนเหนือใจดี)
การเดินทางจากสนามบินมายังที่พัก ด้วยรถสองแถวสีแดงซึ่งอยู่ด้านหน้าของสนามบินค่ะ ราคาก็แค่เพียงคนละ20 บาทเท่านั้น แล้วก็บอกคนขับไปเลยค่ะว่าจะไปลงที่ไหน รีบมากกลัวตกรถเลยไม่ได้เก็บภาพรถมาให้ดู เอาเป็นว่ามาดูที่พักของเราในคืนแรกกันเลยดีกว่าค่ะ เราพักกันที่เฮือนศรีนวลค่ะ จองมาแล้วตั้งแต่กรุงเทพค่ะ แต่ถ้าจะมาหน้าหนาวแนะนำเลยว่าน่าจะต้องวางแผนล่วงหน้าก่อนค่ะ เพราะในช่วงนั้นคนจะเข้ามาพักเยอะ
มาดูรูปกันเลยค่า ประตูด้านหน้าทางเข้าของที่พักเราค่ะ
และนี่เป็นส่วนของห้องนั่งเล่นในส่วนกลาง สวยใช่มั้ยคะ ดูดีมากถูกใจตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึงเลยค่ะ
ด้านนอกก็ยังมีที่นั่งดูดาว ไว้สำหรับยามค่ำคืน ถ้าคู่รักที่มาเป็นคู่คงโรแมนติกน่าดูค่ะ
ร้านกาแฟตอนยังไม่เปิดค่ะ
มาเข้าห้องพักของเรากันดีกว่า คืนนี้ได้พักห้องนอนแบบเตียงคู่ค่า
ในห้องตกแต่งเป็นแบบเหนือๆ ดูขาวๆสะอาดตา
วางของกันเสร็จแล้วก็ออกไปชมเมืองกันดีกว่า จริงๆก็ไปตามสถานที่ที่กระทู้ก่อนหน้านี้เคยไปมาค่ะ บวกกับได้คำแนะนำจากพี่เจ้าของที่พัก
เดินทางกันด้วยสองล้อถีบคันนี้
ที่แรกที่ไป ก็ไปหาอาหารพื้นเมืองทานกันก่อนดีกว่าค่ะ... ซึ่งก็คงไม่พ้น... ข้าวซอยค่ะ ปั่นออกมาจากที่พักไม่นานมากก็มาถึงร้านเลยค่ะ
ไปกันต่อเลยค่ะ กับการไหว้พระตามวัดในเมืองค่ะ ที่รุ้จักกันดีก็วัดภูมินทร์ค่ะ เจ้าของจิตรกรรมฝาผนังกระซิบรักอันลือเลื่องนั้นเอง
ถัดจากวัดไปก็จะเป็นอุโมงค์ต้นไม้อันมีชื่อเสียงในพิพิธภัณฑ์
อิ่มท้องแล้วบวกกับการเหน็ดเหนื่อยกับการปั่นรถถีบ ก็ไปต่อร้านกาแฟกันค่ะ ออกนอกเมืองไปไกลนิดหน่อยปั่นกันเหงื่อตก เลยทีเดียว นั่งอยู่จนเกือบเย็นเลยค่ะ เพราะว่าเหนื่อยมาก
กลับมาอาบน้ำและไปหาข้าวเย็นทานกันก็ได้ค่ะ ไปนั่งกินขันโตกที่ร้านเฮือนฮอม
อาหารพื้นเมืองสุดๆ ลาบคั่ว ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แคปหมู อร่อยสุดๆเลยค่ะ
จบวันแรกของการเดินทางไว้ที่ร้านอาหารเฮือนฮอมนี้นะคะ หลังจากนั้นก็กลับที่พักโดยการปั่นกลับ ทำเอาหมดแรงเลยค่ะ
ตื่นเช้าวันที่สอง เราได้เช่ารถและออกเดินทางไป อ.นาน้อย เพื่อไปดู เสาดินกันค่ะ เนื่องจากเพลียจากการปั่นรถถีบ เลยขอเช่ารถขับดีกว่าค่า
ระหว่างทางไปเสาดินก็เจอตึกร้างเรียงรายเป็นแถวยาวเลย ประกอบกับทุ่งข้าวโพดเป็นแถวอยู่ด้านหน้าพอดีค่ะ ก็ให้ความรู้สึกไปอีกแบบค่ะ เหมือนเมืองนอกเลยค่ะ
หลังจากขับรถต่ออีกซักพักนึง เราก็จะถึง เสาดิน ซึ่งเราก็ได้ดื่มด่ำความงามของสิ่งที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นมาค่ะ
แล้วขับกลับมาเพื่อต่อไป อ.ปัวค่ะ ระหว่างทางก็เป็นหุบเขาเขียวขจี ธรรมชาติมากๆ Green สุดๆ
เราได้แวะพักระหว่างทางกันที่ฟาร์มเห็ดค่ะ ร้านนี้จะเน้นไปที่ความออแกนิค และเห็ดค่ะ มาดูรูปกันดีกว่า
กาแฟอีกแล้ว
เห็ดชุบแป้งทอด
พิซซ่าเห็ด
เห็นไหมคะว่าร้านนี้ ค่อนข้างออแกนิค และเมนูอาหารที่เขาทำนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเห็ดทั้งหมดเลยค่า
จนมาถึงที่พักในคืนที่สอง เราย้ายกันมาที่ โฮมสเตย์ตานงค์ เงียบมากที่สุดเลยค่ะ จึงได้รับการพักผ่อนเต็มที่ สูดอากาศให้เต็มปอดกันเลย
ตื่นเช้ามาก็กลับเข้าเมืองกันดีกว่าค่ะ
วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเชียงกลางเมือง เล็กๆเงียบๆ อย่างที่บอกว่าน่านเป็นเมืองจักรยาน เราได้มีโอกาสแวะชม เฮือนรถถีบ เจ้าของใจดีมากค่ะ เปิดให้ชมฟรีๆ แถมยังมาให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับจักรยาน แก่เราอีกด้วย
พอตกเย็นได้มีโอกาสนั่งเรื่อล่องแม่น้ำน่านกันค่ะ ดูพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า และวิถีชิวิตผู้คนริมฝั่งแม่น้ำน่านค่ะ ชิวมากๆเลยค่ะ
ภาพนี้เป็นการประมงริมน้ำค่ะ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่หาปลาตามริมฝั่งน้ำค่ะ
สิ้นสุดไปอีกวันนึง ขอทิ้งท้ายไปด้วยภาพของลำน้ำน่าน กับแสงของพระอาทิตย์อัสดงค่ะ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่สงบเงียบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากเลยค่ะ
ตื่นเช้ามาก่อนจะต้องเดินทางกลับเราก็ได้ชิมกาแฟกันแล้วค่า หลังจากที่ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่นานนี้เอง แต่รสชาติกาแฟก็ถึงใจ เพราะมีบาริสตร้ามือฉกาจ พนักงานเป็นก็กันเอง แถมเจ้าของใจดีสุดๆไปเลย #Perceptioncafe
เราจึงขอจบการแอ่วน่านเพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านรีวิวนี้นะคะ จริงๆยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ แล้วจะกลับมารีวิวใหม่นะคะ
รูปอาจจะไม่ค่อยสวย เป็นการรีวิวครั้งแรกค่ะ ผิดพลาดอย่างไรขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น