👮---ค่าโง่รงพักฉาว ใคร??? ต้องรับผิดชอบ---👮

กระทู้คำถาม
ค่าโง่โรงพักฉาว ใคร??ต้องรับผิดชอบ

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000111095
    
ป้อมพระสุเมรุ
       
       ในที่สุดโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บอกเลิกสัญญาจ้าง “บริษัท พีซีซี เดเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด” ก็กลับมาประจานความชั่วช้าของการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกครั้ง
       
       ล่าสุด ศาลปกครองเชียงใหม่ ได้มีคำพิพากษาให้ สตช.ชำระค่าก่อสร้างบางส่วนให้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง จากการบอกเลิกสัญญาโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง เป็นเงิน 96 ล้านบาท เนื่องจากมีการบอกเลิกสัญญาอย่างไม่เป็นธรรม
       
       แม้ว่า สตช.จะสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ แต่คำพิพากษาที่ออกมาก็ถือว่า การันตี ถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการนี้ได้เป็นอย่างดี และมีแนวโน้มว่า สตช.ต้องเสีย “ค่าโง่” ให้แก่เอกชนในไม่ช้าก็เร็ว
       
       งานนี้ นอกจากสะเทือนไปทั้ง สตช.แล้ว ก็มีคนๆหนึ่ง ที่ลอยเด่นขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงโครงการนี้ เพราะเป็นผู้ที่อนุมัติโครงการนี้ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
   
   
        “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ผู้มากบารมีในอดีต หรือ “ลุงกำนัน” ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนในวันนี้
       
       โดย “สุเทพ” ที่ได้รับฉายาว่าผู้จัดการรัฐบาลในขณะนั้น ถือว่าเรืองบารมีสุด สาารถดีลลับกับ “บิ๊กกองทัพ” ทั้ง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” อดีต ผบ.ทบ. จนตั้งรัฐบาลได้ และได้รับการขนานนามว่า รัฐบาลเทพประทาน
       
       ช่วงนั้น “กำนันเทือก” ยังไม่ผ่านกระบวนการฟอกขาว จนไรับการยกย่องว่าเป็น “คนดี” อย่างทุกวันนี้ ร่างซาตานยังเข้าทรงอยู่ ทำให้หลายโครงการที่อยู่ในความดูแลมีกลิ่นตุๆ ออกมาให้ประชาชน-ขั้วตรงข้าม ตั้งแง่สงสัยได้เกือบทุกโครงการ
       
       หนักหน่อยก็เข้าไปพัวพันกับการทุจริตโครงการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์ม ที่พุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางกระแสข่าว “นักการเมืองปักษ์ใต้” กักตุนจนแม่ค้าประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า จากราคาน้ำมันปาล์ม ที่พุ่งสูงขึ้น
       
        เรียกได้ว่า ปล้นกันไปถึงในครัว
      
       อย่างที่รู้กันดีว่า “กำนันเทือก” เป็นเถ้าแก่สวนปาล์มเบอร์ต้นๆ ของภาคใต้ มีเครือข่ายชาวสวนปาล์มอยู่ในมือมากมาย จนถูกตั้งแง่ว่าปั่นราคาเพื่อช่วยพ้องเพื่อนให้เก็งกำไร งาบกันสนุกปาก
       
       ขณะที่โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ก็เป็นมหากาพย์ที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน
       
       โครงการนี้ บิ๊กป๊อด - พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ในตอนนั้น เสนอให้ประมูลแยกสัญญาเป็นรายภาค เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และกระจายรายได้ให้กับผู้รับเหมา ซึ่งคณะกรรมหารหลายคนเห็นด้วยกับ “พัชรวาท”
       
       แต่มีคนเดียวที่ส่ายหัวไม่เอาคือ “กำนันเทือก”
       
       และหลังจากที่ “พัชรวาท” โดนย้ายออกจาตำแหน่ง โดยมี “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร.แทน “กำนันเทือก” ก็แสดงอิทธิฤทธิ์ เสกให้นำโครงการสร้างโรงพักทดแทน จาก 12 สัญญา รวบให้เหลือเพียง 1 สัญญาแทน
       
       โดยอนุมัติงบไทยเข้มแข็งให้ “บ.พีซีซี” เป็นผู้ก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง วงเงินทั้งหมด 5,848 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2553 เริ่มสัญญาวันที่ 26 มีนาคม 2554 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 17 มิถุนายน 2555
       
       แต่เนื่องจากต้องก่อสร้างโรงพักทดแทนทั้งประเทศ ทำให้การก่อสร้างล่าช้า “บ .พีซีซี” จึงขอขยายเวลาการก่อสร้างออกไปอีก 3 ครั้ง ครั้งแรกขยาย 30 วัน ครั้งที่ 2 ขยาย 180 วัน และครั้งที่ 3 ขยาย 60 วัน ครบกำหนดเวลาก่อสร้าง 14 มีนาคม 2556
       
       แต่ในช่วงปลายเดือนมกราคมปี 2556 ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มี “ธาริต เพ็งดิษฐ” เป็นอธิบดี ก็เด้งรับ “ใบสั่ง” ใครบางคนให้ตรวจสอบโครงการดังกล่าว และพบว่า “บ.พีซีซี” มีแนวโน้มก่อสร้างโรงพักทดแทนไม่เสร็จตามกำหนด
       
        สตช. ที่เวลานั้นอยู่ในความดูแลของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” อดีตรองนายกรัฐมนตรี แม้จะพยายามเล่นแง่ เพื่อกดดันให้ “กำนันเทือก” สยบยอมให้ยอมรับการนิรโทษกรรม แลกกับหลักฐานการอนุมัติโครงการที่ส่อทุจริตอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะการเล่นแร่แปรธาตุ รวบสัญญาแล้วอนุมัติให้ “บ.พีซีซี” เป็นบริษัทเดียวที่ได้เข้ามาก่อสร้างโรงพักทดแทน ทั้งที่จำนวนโรงพักทดแทนมีมากถึง 396 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ
       
       ต่อให้เอาเทวดามาก่อสร้างก็คงเสร็จทันตามกำหนดยาก แม้ “บ.พีซีซี” อาจจะแจกจ่ายงานให้บริษัทอื่นในหรือเครือข่ายมาช่วยทำงานก็ตาม
       
       อีกทั้งเจตนารมณ์ของโครงการไทยเข้มแข็ง ที่จะอนุมัติเงินให้โครงการต่างๆ อีกทอดหนึ่ง ต้องการที่จะกระจายรายได้ให้เกิดการใช้จ่ายในพื้นที่ แต่การรวบสัญญาโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ไม่ตอบโจทย์โครงการไทยเข้มแข็งตั้งแต่แรกแล้ว
       
       สังคมจึงต้องสอบถามเจตนารมณ์จาก “กำนันเทือก” ว่าเหตุผลที่แท้จริง คืออะไร ทำไมไม่ดำเนินการตามข้อเสนอของ “พัชรวาท” ที่ต้องการให้แยกสัญญาออกเป็น 12 สัญญา ตามภูมิภาค
       
       ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ “สตช.” ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ “บ.พีซีซี” ควรต้องทบทวนกันใหม่ เพราะแท้จริงแล้ว คนที่อนุมัติโครงการนี้คือ “สุเทพ” และคนที่เห็นควรให้รวบสัญญาจนเกิดปัญหาคือ “สุเทพ” อีกเช่นกัน
       
       เงินชดเชยเบื้องต้นตามที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ มีคำพิพากษาออกมาวงเงิน 96 ล้าน ควรโอนให้ “สุเทพ” มารับผิดชอบ เหมือนครั้งที่ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ฟ้องร้องค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวจาก “รัฐบาลปูแดง”
       
       เมื่อ “บิ๊กตู่-ขุนทหาร” คิดที่จะสร้างบรรยากาศปรองดอง ที่ควรให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย “รัฐบาลบิ๊กตู่” ควรลาก “กำนันเทือก” มาชดเชยความเสียหายจากโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งด้วย
       
       ใจจริงก็อยากจะเสนอให้ “บิ๊กตู่” ที่ถืออำนาจกายสิทธิ์ มาตรา 44 เรียกให้ “สุเทพ” มาควักกระเป๋ารับผิดชอบ แต่คงยากที่จะทำ เพราะคนรู้กันทั้งบางว่า “บิ๊กตู่” กับ “สุเทพ” ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันเลย
       
       “สุเทพ” แม้จะฟอกขาวตัวเองให้เป็น “คนดี” ในสายตาของประชาชนทั่วไป แต่ความผิดที่เคยทำก็ควรยอมรับเอาไว้ด้วย
       
       ไม่เช่นนั้นคนอย่าง “นายทักษิณ” จะดูถูกเอาได้เหมือนกัน


-- ปาหี่ ฟ้องแก้เขิล เลื่อนลากยาว เอกสารอาจจมชักโครก พอแกล้มๆ ยังไงก็พวกเดียวกันท้างงงน้านนน


ป.ล. น่าจะมีหลิ่ม มาแปะจำนำข้าว กับ พรบ สุดซอยนะ เวลคัมๆ แท๊งกิ่วๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่