ประสบการณ์ >>>>
แบกเป้..เที่ยวเวียดนามใต้ <<<<
" เมืองโฮจิมินห์ และดาลัด "
ดาลัด > เมืองในหุบเขา....สายหมอก และดอกไม้
ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดปี ทิวทัศน์แบบกึ่งตะวันตก และสถาปัตยกรรมแบบยุโรป
จึงได้รับฉายานามว่า " ปารีส....ตะวันออก "
เมืองที่ใฝ่ฝัน....เมืองที่ฝันจะไป > เมืองดาลัด (Dalat) ประเทศเวียดนาม (Vietnam)
ทริปนี้ เริ่มต้นออกเดินทางจากเชียงใหม่.. ด้วยสายการบิน Thai Lion air
ราคารวมภาษีแล้ว ก็ 900 กว่าบาทค่ะ แต่พอเพื่อนเอาบัตรจ่ายค่าตั๋วไป คิดเงินแค่ 600 กว่าบาท
พากันแปลกใจว่า อ้าว..!! ทำไมถึงได้ราคาถูกล่ะ ไหนว่า 900 กว่าบาท
เพื่อนเลยบอกว่า.. ไม่รู้เหมือนกัน ช่างๆ มันเหอะ !! อย่าไปสงสัยเลย เราซื้อได้ถูกก็ดีแล้ว 555 เออ..!! ดีจริง
แล้วก็เกือบตกเครื่องตั้งแต่เริ่มต้นทริปเลยค่ะ.. เพราะเครื่องออก 20.45 น. แต่ไปเช็คอิน ที่เวลา 2 ทุ่มพอดิบพอดี
ระหว่างไปสนามบิน..ในใจก็ภาวนาว่า อย่าตกเครื่องน้า..อย่าตกเครื่องน้า ไม่งั้นคงต้องขึ้นรถทัวร์ไปกรุงเทพฯ กันทั้งคืน
เราออกเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ เวลา 20.45 น. ถึงกรุงเทพฯ 22.15 น. ค่ะ
นอนค้างที่คอนโดญาติเพื่อน 1 คืน แล้วออกเดินทางไปนครโฮจิมินห์ ในเช้าวันต่อมา ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองค่ะ..
อ้อ..!! ลืมบอกไปค่ะ ทริปนี้.. มีผู้โดยสาร 2 คนถ้วน เป็นหญิงล้วนค่ะ เพื่อนของ จขกท. เอง
Day 1 : Bangkok > Ho Chi Minh > Dalat
ออกเดินทางโดยสารการบิน Aia Asia จากสนามบินดอนเมือง เวลา 07.45 น. ถึงสนามบินโฮจิมินห์ เวลา 09.15 น.
ที่สนามบินดอนเมือง เราเอาเงินบาทไปแลกเป็นเงินดอลลาร์ แล้วไปแลกเป็นเงินดองที่สนามบินโฮจิมินห์ส่วนหนึ่ง อีกทีค่ะ
แต่ความจริง..ในวันที่พวกเราไป เอาเงินบาทไปแลกเป็นเงินดองเลย ได้ราคาดีกว่าค่ะ
แต่จากที่อ่านดูรีวิวก่อนๆ ส่วนใหญ่ เขาแนะนำให้เอาเงินบาทไปแลกดอลลาร์ก่อน แล้วไปแลกเป็นดองได้ราคาดีกว่า
พวกเราเลยลืมคิด.. เนื่องจากมั่นใจ ทำตามรีวิวก่อนๆ ที่ศึกษามา.. โดยไม่ได้ บวก ลบ คูณ หารแต่อย่างใด
ปรากฏว่า.. ขาดทุนค่ะ 555
(1 บาท = 693 ดอง , 1 ดอลลาร์ = 36.32 บาท , 1 ดอลลาร์ = 22,540 ดอง)
อัตราแลกจะเปลี่ยนประมาณนี้.. ถ้าเราจำไม่ผิดนะคะ พอดีลบรูปไปแล้ว เกิดอยากจะมาทำรีวิว
อันนี้เป็นเงินดองบางส่วนที่เราแลกมาค่ะ.. เพื่อนบอกแลกไว้ส่วนนึง แล้วเก็บไว้แลกต่อที่ดาลัด
(เพื่อนเราเคยไปโฮจิมินห์มาครั้งนึง มีที่แลกเงินเยอะเลยเข้าใจว่าที่ดาลัด ก็จะมีที่แลกเงินอยู่ทั่วไปด้วยเช่นกัน แต่คิดผิดค่ะ
หารู้ไม่ว่า.. ที่ดาลัด ตอนเย็นๆ หาที่แลกเงินยากมากก ค่ะ เกือบจะไม่ได้กินข้าวแบบอิ่มหนำสำราญกันแล้วด้วยซ้ำ
ทางที่ดีแลกที่สนามบินทั้งหมดเลยค่ะ เพราะให้เรตสูงกว่าที่เมืองดาลัด และในย่านตลาดเบนถันของโฮจิมินห์ซะอีก)
พอไปถึงสนามบินโฮจิมินห์ เราต้องต่อเครื่องจาก โฮจิมินห์ ไปยังเมืองดาลัด โดยสายการบิน Vietjet ของประเทศเวียดนามค่ะ
(ทริปนี้..ขอไปแบบสบายๆ ไม่ได้มาตีมประหยัดนะคะ.. ถ้าเซฟอีก backpack ไปเวียดนามจะประหยัดได้เยอะมากค่ะ)
ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องในเวลา 11.25 น. เราก็มีเวลาเหลือที่จะหาอะไรกินในสนามบินค่ะ
เราจึงไปลองกิน "เฝอ" เวียดนามของแท้ เป็นมื้อแรก ที่นี่ค่ะ.. โดยตรงเข้าไปที่ร้านที่ดึงดูดเรามากที่สุดในสนามบินค่ะ "ร้าน Star Cafe"
ที่นี่มีทั้งกาแฟ และเฝอ ค่ะหลังจากดูเมนู บวกลบคูณหาร เงินเวียดนามเรียบร้อยแล้ว (ยังไม่คุ้นชิน..55 )
เรา 2 คนจึงเลือกที่จะกินเฝอชามเล็กสุด ราคาอยู่ที่ 55,000 ดองค่ะ
นี่เป็นหน้าตาของเฝอ ที่สนามบินโฮจิมินห์ค่ะ อย่าถามถึงรสชาตินะคะ สำหรับเรา ขอบอกว่า " จืดมากก..กก "
แต่เพื่อนบอกว่า " ก็อร่อยดีนะ..พอกินได้ " แต่เนื้อน้อยมากนะคะ เสริฟพร้อมผักสด พริกซอยค่ะ
แล้วก็ซอสที่เป็นเหมือนกะปิอะค่ะ ถ้าใครมาเวียดนามต้องเจอ.. คงนึกภาพออก
ใครที่กินง่าย ลิ้นจระเข้.. ต้องทนเราบ่นอาหารเวียดนามหน่อยนะคะ เพราะส่วนตัวแล้ว เป็นคนกินรสจัดค่ะ
กินอาหารเวียดนาม มา 2 ภูมิภาคแล้ว ทั้งเวียดนามกลาง และเวียดนามใต้ในครั้งนี้ จืดด....สุดๆ
ไปเวียดนาม คราวหน้า.. ว่าจะพก พริกป่น น้ำตาล น้ำส้ม ไปค่ะ (อันนี้พูดจริงนะเอ้อ..)
นอกจากนั้น.. ยังได้ลองลิ้มรสกาแฟลาเต้ ที่ดูรูปเหมือนจะอร่อย..รสชาติมาตรฐาน ของร้าน "Star Cafe" ด้วยค่ะ
แต่ขอบอกว่าไม่อร่อยอีกตามเคย.. เหมือนน้ำเปล่า ส่วนเพื่อนสั่ง อเมริกาโนเย็น เมนูนี้..เพื่อนไม่กินเลยค่ะ ไม่ค่อยต่างจากน้ำเปล่าที่ขมๆ
อย่าหาว่าเราใส่ร้ายร้านเขาเลยนะ.. ต้องไปลองเองค่ะ
พอหลังจากหาอะไรกินเสร็จ ก็ไปรออยู่ที่หน้าเกตค่ะ.. ในตั๋วบอกว่า Gate 11 ค่ะ
เรา 2 คน จึงไปรออยู่ที่หน้าเกต เพื่อรอเรียก เวลา 11.05 น. ค่ะ
แต่พอใกล้เวลาเข้ามา.. จนถึงเวลา เราก็สงสัยค่ะว่าทำไมไม่เรียกซักที จึงชวนกันว่าจะเดินไปถาม..
พอไปถึงหน้าเกต มีป้ายเขียนไว้ค่ะ ว่าเปลี่ยนเป็น Gate 18 ซึ่งอยู่ชั้นล่าง พอเห็นอย่างนั้น..รีบวิ่งเลยค่ะ เกือบตกเครื่อง !!
(จะเปลี่ยน..ก็เปลี่ยนซะงั้นนะ สนามบินเวียดนาม)
โฮ้โห !!!! นครโฮจิมินห์.. มุมสูงนี่ กว้างใหญ่ดีเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่นาน..ไม่นานจริงๆ ไม่ถึง 45 นาทีได้ เครื่องก็มาถึง สนามบินดาลัด
และนี่ก็คือ เครื่องที่เรานั่งกันมา เบาะแอบเก่าถึงเก่ามากนะคะ.. สายการบินโลว์คอสของที่นี่ค่ะ แต่แอร์โฮสเตสเขาก็สวยดีนะ
พอมาถึงสนามบินแล้ว ก็ต้องหาเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วรถ Shuttle Bus เพื่อเข้าเมืองดาลัดค่ะ รถจะจอดอยู่หน้าสนามบินเลย
รถมีอยู่คันเดียว.. จากที่ได้ฟังว่ารถมีคันเดียว เลยรีบวิ่งจ้ำอ้าวออกไปค่ะ
ลุงคนขับ ใจดีมาก รีบมาขนกระเป๋าขึ้นรถให้ เราก็รีบวิ่งขึ้นรถเลย เพราะเขาบอกรถมีคันเดียว คนก็เยอะแล้ว
ได้นั่งที่ว่างข้างในเกือบหลังสุด ไม่คิดตอนออกเล้ย..ที่ทางก็ไม่รู้ ราคาตั๋ว 40,000 ดองต่อคนนะคะ หรือประมาณ 60 บาทไทย
(55 ความจริงแล้ว..รถคันใหม่จะเข้ามาจอดแทนคันเก่าตลอด แต่ตอนนี้อะ..มีจอดอยู่คันเดียว แหม..เอาซะรีบเชียว)
พอคนเต็ม..รถก็ออก ลุงคนขับ..ชิลอีกแล้ว แม้ทางเข้าเมืองดาลัด จะขึ้นเขาสูงยังไงก็ตาม แต่ดูแกชิลมาก
วิวสองข้างทาง จะเป็นทิวสนเรียงราย..สวยมากค่ะ พวกเรา 2 คนเข้าเมืองดาลัด พร้อมกับสายฝนพรำที่เพิ่งตกลงมาไม่นาน
พอเข้าเมือง..รถจะไปส่งผู้โดยสารส่งถึงหน้าโรงแรมเลย
เรา 2 คนจองโรงแรม Tulip Hotel มาจาก Agoda ไว้ 2 คืน จึงรีบบอกลุงไป.. ว่าพัก Tulip เพราะไม่รู้จักเลยว่า รร. อยู่ที่ไหน
พอตะโกนบอกลุงไป.. ลุงกลับตะโกนสวนพวกเรามาว่า " Tulip วัน , Tulip ทู ?! !!!! " ,,
อ้าว..เอาแล้วไง !! เงิบ..บ นี่มันมี 2 สาขาหรอกหรือ? 55 แล้วไอ้ที่เราพักนี่มัน วัน หรือ ทู ล่ะวะ?
โชคดีที่เพื่อนทันกดรูปโรงแรมในมือถือให้ลุงดูก่อนจะถึงโรงแรม..เลยรู้ว่าเป็น Tulip 1 ค่ะ ไม่งั้นล่ะ เลยโรงแรมแน่ๆ 55
เราเช็คอินที่โรงแรม ประมาณ เกือบบ่าย 2 โมงได้ หลังจากเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บก็ลงมาที่ฟร้อนท์ เตรียมตัวเที่ยวดาลัดค่ะ
ตอนแรกเพื่อนก็ว่าจะเดินไป..แต่เราว่า ถ้าเดินไปมันคงเที่ยวได้ไม่ไกล เลยเลือกที่จะเช่ามอเตอร์ไซค์ที่โรงแรมค่ะ
ตอนแรกเพื่อนจะไม่เอาด้วย เพราะเวียดนามมอเตอร์ไซค์เยอะมากก..ติดอันดับต้นๆ ของโลก และขับอย่างโหดค่ะ
เราเลยให้ความมั่นใจ (ปนกลัวๆ) ไปว่า.. เดี๋ยวขับให้ !! มันต้องได้สิ จะได้เที่ยวทั่วๆ เอาวะ..เอาสิหน่า !! อยู่เมืองไทยก็แว้นซ์เก่งอยู่..
ครึ่งวัน เขาคิดราคา 60,000 ดอง หรือประมาณ 90 บาท/2 = ตกคนละ 45 บาท คืนรถภายใน 4 ทุ่มของวันนั้นค่ะ
ตอนที่ขับออกไป.. ฝนยังตกอยู่นะคะ จึงต้องไปซื้อเสื้อกันฝนเองค่ะ แต่หมวกนี่..ทางโรงแรมมีให้ เสื้อกันฝนราคา 20,000 ดอง ค่ะ
(ประมาณ 30 บาท อันนี้คนขายแอบโก่งราคานะคะ.. เพราะซื้ออีกวัน แค่ 10,000-15,000 เอง หรือไม่เกิน 20 บาท
ไปเวียดนามไม่โดนโกง ก็ไม่ใช่เวียดนาม เขาว่างั้นนะ อิๆ)
พอขับออกไป..ก็ต้องไปหาปั๊มเติมน้ำมันเอง (ตามแบบฉบับของรถเช่า)
มีแผนที่ 1 แผ่น ที่ขอมาจากโรงแรมทิวลิป แต่ดูก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องค่ะ เพราะพอหลงแล้ว..ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
จึงขับเดาๆ กันไป หาปั๊มน้ำมัน การขับมอเตอร์ไซค์ในเวียดนามนี่ เป็นที่รู้กันว่า
" ยังกะสมรภูมิรบจริงๆ " 555
เนื่องจากรถเยอะมากก..ขับไม่เป็นระเบียบ..และเสียงแตร ทำเอาสะดุ้งตกอกตกใจกันไปตลอดทาง ฮ่าๆ ถนนที่นี่ขับเลนขวานะคะ
ขับหลงกันอยู่นาน..จนไปเจอปั๊มน้ำมันค่ะ พอดูราคาน้ำมัน..เป็นเลข 2,xxx เราจึงเดากันโดยไม่ทันคิดว่า.. น่าจะอยู่ที่ 2,000 กว่าดองต่อลิตร !!
จึงพากันลงขัน..เติมกัน 20,000 ดอง/2 = คนละ 10,000 ดอง สมควรที่จะได้ 8 ลิตร ฮ่าๆๆ
ที่ไหนได้.. เติมได้จิ๊ดเดียว ลุงปั๊ม (ไม่ใช่เด็กปั๊มนะคะ..แก่แล้ว) แกก็หยุดเติม.. ไอ้เราดูเห็นว่าได้แค่ 1 ลิตรกว่าๆ เท่านั้น
อ้าวๆๆ..!! เพิ่งมาถึง ก็จะมาโกงกันหน้าตาเฉย ตามกิตติศัพท์คนเวียดนามซะแล้ววว (คิดในใจ)
เรา 2 คนจึงแอบโวย ถามว่า.. อ้าวไหนลิตรละ 2,000 กว่าดอง เติม 20,000 ดอง ก็น่าจะได้ 8 ลิตรนะเพ่.. ไหงเติมได้แค่นี้ล่ะ ?!!
หลังจากที่คุยกันรู้เรื่องบ้าง..ไม่รู้เรื่องบ้าง (มือไม้มาหมด) และยืน งง..เงิบ กันอยู่นั้น..ก็เห็นมอเตอร์ไซค์อีกคันมาจอดเติม ลุงปั๊มก็ไปเติมให้
จึงได้เก็ททันที ว่า.. น้ำมัน 1 ลิตรน่ะ มันราคา 20,000 กว่าดอง หรือประมาณ 30 บาท แต่จอราคาตรงตู้ปั๊ม มันไม่เติม 0 เพิ่มอีกตัว
เราเลยเข้าใจว่า ลิตรละ 2,000 กว่าดอง (3 บาทนะนั่น) 55
แล้วแก ทำมายยยย..ไม่เติม 0 ฮ่าๆๆ พวกฉันก็เพิ่งมา..ยัง งงๆ กับค่าเงินอยู่ ถ้าคิดจริงๆ แล้ว 2,000 กว่าดอง มันก็แค่ 3 บาทเองนะ
เราเติม 20,000 ดอง (30 บาท) มันจะไปได้ 8 ลิตร ได้ยังไง ปั๊ดโธ่....!! 555
สรุปว่า.. การที่เช่ามอเตอร์ไซค์ ออกไปนั้น นอกจากจะฝ่าสายฝนแล้ว ยังขับหลงกันเป็นว่าเล่น
คนบอกทางเขาบอก.. มันตก Map แล้ว ขับออกนอกแผนที่โรงแรม ไปเลยจ้าา..าา 55
สุดท้าย..หลังจากขับหลง ถามไถ่คนแถวนั้นอยู่นานจึงกลับโรงแรมได้ แล้วมาซื้อขนมปังเวียดนามกินกันที่หน้าโรงแรม
เอ้าๆๆ..!! แล้วจะขี่ออกไปทำไมกันนะ.. เดินข้ามถนนไป ก็ซื้อกินได้แล้วว วว 555
พอพักกินขนมปังอิ่ม.. ตกเย็นมา เราจึงลองขับมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกันอีกรอบ
และหลงไปเจอ สถานีรถไฟดาลัดโดยบังเอิญ เป็นอาคารรูปทรงเก่าๆ แต่ปัจจุบันยังใช้งานอยู่นะคะ
[CR] เวียดนาม....ตามแต่จะหลง >>>> โฮจิมินห์ :: ดาลัด ^^
ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดปี ทิวทัศน์แบบกึ่งตะวันตก และสถาปัตยกรรมแบบยุโรป
จึงได้รับฉายานามว่า " ปารีส....ตะวันออก "
เมืองที่ใฝ่ฝัน....เมืองที่ฝันจะไป > เมืองดาลัด (Dalat) ประเทศเวียดนาม (Vietnam)
ทริปนี้ เริ่มต้นออกเดินทางจากเชียงใหม่.. ด้วยสายการบิน Thai Lion air
ราคารวมภาษีแล้ว ก็ 900 กว่าบาทค่ะ แต่พอเพื่อนเอาบัตรจ่ายค่าตั๋วไป คิดเงินแค่ 600 กว่าบาท
พากันแปลกใจว่า อ้าว..!! ทำไมถึงได้ราคาถูกล่ะ ไหนว่า 900 กว่าบาท
เพื่อนเลยบอกว่า.. ไม่รู้เหมือนกัน ช่างๆ มันเหอะ !! อย่าไปสงสัยเลย เราซื้อได้ถูกก็ดีแล้ว 555 เออ..!! ดีจริง
แล้วก็เกือบตกเครื่องตั้งแต่เริ่มต้นทริปเลยค่ะ.. เพราะเครื่องออก 20.45 น. แต่ไปเช็คอิน ที่เวลา 2 ทุ่มพอดิบพอดี
ระหว่างไปสนามบิน..ในใจก็ภาวนาว่า อย่าตกเครื่องน้า..อย่าตกเครื่องน้า ไม่งั้นคงต้องขึ้นรถทัวร์ไปกรุงเทพฯ กันทั้งคืน
เราออกเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ เวลา 20.45 น. ถึงกรุงเทพฯ 22.15 น. ค่ะ
นอนค้างที่คอนโดญาติเพื่อน 1 คืน แล้วออกเดินทางไปนครโฮจิมินห์ ในเช้าวันต่อมา ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองค่ะ..
อ้อ..!! ลืมบอกไปค่ะ ทริปนี้.. มีผู้โดยสาร 2 คนถ้วน เป็นหญิงล้วนค่ะ เพื่อนของ จขกท. เอง
ออกเดินทางโดยสารการบิน Aia Asia จากสนามบินดอนเมือง เวลา 07.45 น. ถึงสนามบินโฮจิมินห์ เวลา 09.15 น.
ที่สนามบินดอนเมือง เราเอาเงินบาทไปแลกเป็นเงินดอลลาร์ แล้วไปแลกเป็นเงินดองที่สนามบินโฮจิมินห์ส่วนหนึ่ง อีกทีค่ะ
แต่ความจริง..ในวันที่พวกเราไป เอาเงินบาทไปแลกเป็นเงินดองเลย ได้ราคาดีกว่าค่ะ
แต่จากที่อ่านดูรีวิวก่อนๆ ส่วนใหญ่ เขาแนะนำให้เอาเงินบาทไปแลกดอลลาร์ก่อน แล้วไปแลกเป็นดองได้ราคาดีกว่า
พวกเราเลยลืมคิด.. เนื่องจากมั่นใจ ทำตามรีวิวก่อนๆ ที่ศึกษามา.. โดยไม่ได้ บวก ลบ คูณ หารแต่อย่างใด
ปรากฏว่า.. ขาดทุนค่ะ 555
(1 บาท = 693 ดอง , 1 ดอลลาร์ = 36.32 บาท , 1 ดอลลาร์ = 22,540 ดอง)
อัตราแลกจะเปลี่ยนประมาณนี้.. ถ้าเราจำไม่ผิดนะคะ พอดีลบรูปไปแล้ว เกิดอยากจะมาทำรีวิว
อันนี้เป็นเงินดองบางส่วนที่เราแลกมาค่ะ.. เพื่อนบอกแลกไว้ส่วนนึง แล้วเก็บไว้แลกต่อที่ดาลัด
(เพื่อนเราเคยไปโฮจิมินห์มาครั้งนึง มีที่แลกเงินเยอะเลยเข้าใจว่าที่ดาลัด ก็จะมีที่แลกเงินอยู่ทั่วไปด้วยเช่นกัน แต่คิดผิดค่ะ
หารู้ไม่ว่า.. ที่ดาลัด ตอนเย็นๆ หาที่แลกเงินยากมากก ค่ะ เกือบจะไม่ได้กินข้าวแบบอิ่มหนำสำราญกันแล้วด้วยซ้ำ
ทางที่ดีแลกที่สนามบินทั้งหมดเลยค่ะ เพราะให้เรตสูงกว่าที่เมืองดาลัด และในย่านตลาดเบนถันของโฮจิมินห์ซะอีก)
พอไปถึงสนามบินโฮจิมินห์ เราต้องต่อเครื่องจาก โฮจิมินห์ ไปยังเมืองดาลัด โดยสายการบิน Vietjet ของประเทศเวียดนามค่ะ
(ทริปนี้..ขอไปแบบสบายๆ ไม่ได้มาตีมประหยัดนะคะ.. ถ้าเซฟอีก backpack ไปเวียดนามจะประหยัดได้เยอะมากค่ะ)
ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องในเวลา 11.25 น. เราก็มีเวลาเหลือที่จะหาอะไรกินในสนามบินค่ะ
เราจึงไปลองกิน "เฝอ" เวียดนามของแท้ เป็นมื้อแรก ที่นี่ค่ะ.. โดยตรงเข้าไปที่ร้านที่ดึงดูดเรามากที่สุดในสนามบินค่ะ "ร้าน Star Cafe"
ที่นี่มีทั้งกาแฟ และเฝอ ค่ะหลังจากดูเมนู บวกลบคูณหาร เงินเวียดนามเรียบร้อยแล้ว (ยังไม่คุ้นชิน..55 )
เรา 2 คนจึงเลือกที่จะกินเฝอชามเล็กสุด ราคาอยู่ที่ 55,000 ดองค่ะ
นี่เป็นหน้าตาของเฝอ ที่สนามบินโฮจิมินห์ค่ะ อย่าถามถึงรสชาตินะคะ สำหรับเรา ขอบอกว่า " จืดมากก..กก "
แต่เพื่อนบอกว่า " ก็อร่อยดีนะ..พอกินได้ " แต่เนื้อน้อยมากนะคะ เสริฟพร้อมผักสด พริกซอยค่ะ
แล้วก็ซอสที่เป็นเหมือนกะปิอะค่ะ ถ้าใครมาเวียดนามต้องเจอ.. คงนึกภาพออก
ใครที่กินง่าย ลิ้นจระเข้.. ต้องทนเราบ่นอาหารเวียดนามหน่อยนะคะ เพราะส่วนตัวแล้ว เป็นคนกินรสจัดค่ะ
กินอาหารเวียดนาม มา 2 ภูมิภาคแล้ว ทั้งเวียดนามกลาง และเวียดนามใต้ในครั้งนี้ จืดด....สุดๆ
ไปเวียดนาม คราวหน้า.. ว่าจะพก พริกป่น น้ำตาล น้ำส้ม ไปค่ะ (อันนี้พูดจริงนะเอ้อ..)
นอกจากนั้น.. ยังได้ลองลิ้มรสกาแฟลาเต้ ที่ดูรูปเหมือนจะอร่อย..รสชาติมาตรฐาน ของร้าน "Star Cafe" ด้วยค่ะ
แต่ขอบอกว่าไม่อร่อยอีกตามเคย.. เหมือนน้ำเปล่า ส่วนเพื่อนสั่ง อเมริกาโนเย็น เมนูนี้..เพื่อนไม่กินเลยค่ะ ไม่ค่อยต่างจากน้ำเปล่าที่ขมๆ
อย่าหาว่าเราใส่ร้ายร้านเขาเลยนะ.. ต้องไปลองเองค่ะ
พอหลังจากหาอะไรกินเสร็จ ก็ไปรออยู่ที่หน้าเกตค่ะ.. ในตั๋วบอกว่า Gate 11 ค่ะ
เรา 2 คน จึงไปรออยู่ที่หน้าเกต เพื่อรอเรียก เวลา 11.05 น. ค่ะ
แต่พอใกล้เวลาเข้ามา.. จนถึงเวลา เราก็สงสัยค่ะว่าทำไมไม่เรียกซักที จึงชวนกันว่าจะเดินไปถาม..
พอไปถึงหน้าเกต มีป้ายเขียนไว้ค่ะ ว่าเปลี่ยนเป็น Gate 18 ซึ่งอยู่ชั้นล่าง พอเห็นอย่างนั้น..รีบวิ่งเลยค่ะ เกือบตกเครื่อง !!
(จะเปลี่ยน..ก็เปลี่ยนซะงั้นนะ สนามบินเวียดนาม)
โฮ้โห !!!! นครโฮจิมินห์.. มุมสูงนี่ กว้างใหญ่ดีเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่นาน..ไม่นานจริงๆ ไม่ถึง 45 นาทีได้ เครื่องก็มาถึง สนามบินดาลัด
และนี่ก็คือ เครื่องที่เรานั่งกันมา เบาะแอบเก่าถึงเก่ามากนะคะ.. สายการบินโลว์คอสของที่นี่ค่ะ แต่แอร์โฮสเตสเขาก็สวยดีนะ
พอมาถึงสนามบินแล้ว ก็ต้องหาเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วรถ Shuttle Bus เพื่อเข้าเมืองดาลัดค่ะ รถจะจอดอยู่หน้าสนามบินเลย
รถมีอยู่คันเดียว.. จากที่ได้ฟังว่ารถมีคันเดียว เลยรีบวิ่งจ้ำอ้าวออกไปค่ะ
ลุงคนขับ ใจดีมาก รีบมาขนกระเป๋าขึ้นรถให้ เราก็รีบวิ่งขึ้นรถเลย เพราะเขาบอกรถมีคันเดียว คนก็เยอะแล้ว
ได้นั่งที่ว่างข้างในเกือบหลังสุด ไม่คิดตอนออกเล้ย..ที่ทางก็ไม่รู้ ราคาตั๋ว 40,000 ดองต่อคนนะคะ หรือประมาณ 60 บาทไทย
(55 ความจริงแล้ว..รถคันใหม่จะเข้ามาจอดแทนคันเก่าตลอด แต่ตอนนี้อะ..มีจอดอยู่คันเดียว แหม..เอาซะรีบเชียว)
พอคนเต็ม..รถก็ออก ลุงคนขับ..ชิลอีกแล้ว แม้ทางเข้าเมืองดาลัด จะขึ้นเขาสูงยังไงก็ตาม แต่ดูแกชิลมาก
วิวสองข้างทาง จะเป็นทิวสนเรียงราย..สวยมากค่ะ พวกเรา 2 คนเข้าเมืองดาลัด พร้อมกับสายฝนพรำที่เพิ่งตกลงมาไม่นาน
พอเข้าเมือง..รถจะไปส่งผู้โดยสารส่งถึงหน้าโรงแรมเลย
เรา 2 คนจองโรงแรม Tulip Hotel มาจาก Agoda ไว้ 2 คืน จึงรีบบอกลุงไป.. ว่าพัก Tulip เพราะไม่รู้จักเลยว่า รร. อยู่ที่ไหน
พอตะโกนบอกลุงไป.. ลุงกลับตะโกนสวนพวกเรามาว่า " Tulip วัน , Tulip ทู ?! !!!! " ,,
อ้าว..เอาแล้วไง !! เงิบ..บ นี่มันมี 2 สาขาหรอกหรือ? 55 แล้วไอ้ที่เราพักนี่มัน วัน หรือ ทู ล่ะวะ?
โชคดีที่เพื่อนทันกดรูปโรงแรมในมือถือให้ลุงดูก่อนจะถึงโรงแรม..เลยรู้ว่าเป็น Tulip 1 ค่ะ ไม่งั้นล่ะ เลยโรงแรมแน่ๆ 55
เราเช็คอินที่โรงแรม ประมาณ เกือบบ่าย 2 โมงได้ หลังจากเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บก็ลงมาที่ฟร้อนท์ เตรียมตัวเที่ยวดาลัดค่ะ
ตอนแรกเพื่อนก็ว่าจะเดินไป..แต่เราว่า ถ้าเดินไปมันคงเที่ยวได้ไม่ไกล เลยเลือกที่จะเช่ามอเตอร์ไซค์ที่โรงแรมค่ะ
ตอนแรกเพื่อนจะไม่เอาด้วย เพราะเวียดนามมอเตอร์ไซค์เยอะมากก..ติดอันดับต้นๆ ของโลก และขับอย่างโหดค่ะ
เราเลยให้ความมั่นใจ (ปนกลัวๆ) ไปว่า.. เดี๋ยวขับให้ !! มันต้องได้สิ จะได้เที่ยวทั่วๆ เอาวะ..เอาสิหน่า !! อยู่เมืองไทยก็แว้นซ์เก่งอยู่..
ครึ่งวัน เขาคิดราคา 60,000 ดอง หรือประมาณ 90 บาท/2 = ตกคนละ 45 บาท คืนรถภายใน 4 ทุ่มของวันนั้นค่ะ
ตอนที่ขับออกไป.. ฝนยังตกอยู่นะคะ จึงต้องไปซื้อเสื้อกันฝนเองค่ะ แต่หมวกนี่..ทางโรงแรมมีให้ เสื้อกันฝนราคา 20,000 ดอง ค่ะ
(ประมาณ 30 บาท อันนี้คนขายแอบโก่งราคานะคะ.. เพราะซื้ออีกวัน แค่ 10,000-15,000 เอง หรือไม่เกิน 20 บาท
ไปเวียดนามไม่โดนโกง ก็ไม่ใช่เวียดนาม เขาว่างั้นนะ อิๆ)
พอขับออกไป..ก็ต้องไปหาปั๊มเติมน้ำมันเอง (ตามแบบฉบับของรถเช่า)
มีแผนที่ 1 แผ่น ที่ขอมาจากโรงแรมทิวลิป แต่ดูก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องค่ะ เพราะพอหลงแล้ว..ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
จึงขับเดาๆ กันไป หาปั๊มน้ำมัน การขับมอเตอร์ไซค์ในเวียดนามนี่ เป็นที่รู้กันว่า " ยังกะสมรภูมิรบจริงๆ " 555
เนื่องจากรถเยอะมากก..ขับไม่เป็นระเบียบ..และเสียงแตร ทำเอาสะดุ้งตกอกตกใจกันไปตลอดทาง ฮ่าๆ ถนนที่นี่ขับเลนขวานะคะ
ขับหลงกันอยู่นาน..จนไปเจอปั๊มน้ำมันค่ะ พอดูราคาน้ำมัน..เป็นเลข 2,xxx เราจึงเดากันโดยไม่ทันคิดว่า.. น่าจะอยู่ที่ 2,000 กว่าดองต่อลิตร !!
จึงพากันลงขัน..เติมกัน 20,000 ดอง/2 = คนละ 10,000 ดอง สมควรที่จะได้ 8 ลิตร ฮ่าๆๆ
ที่ไหนได้.. เติมได้จิ๊ดเดียว ลุงปั๊ม (ไม่ใช่เด็กปั๊มนะคะ..แก่แล้ว) แกก็หยุดเติม.. ไอ้เราดูเห็นว่าได้แค่ 1 ลิตรกว่าๆ เท่านั้น
อ้าวๆๆ..!! เพิ่งมาถึง ก็จะมาโกงกันหน้าตาเฉย ตามกิตติศัพท์คนเวียดนามซะแล้ววว (คิดในใจ)
เรา 2 คนจึงแอบโวย ถามว่า.. อ้าวไหนลิตรละ 2,000 กว่าดอง เติม 20,000 ดอง ก็น่าจะได้ 8 ลิตรนะเพ่.. ไหงเติมได้แค่นี้ล่ะ ?!!
หลังจากที่คุยกันรู้เรื่องบ้าง..ไม่รู้เรื่องบ้าง (มือไม้มาหมด) และยืน งง..เงิบ กันอยู่นั้น..ก็เห็นมอเตอร์ไซค์อีกคันมาจอดเติม ลุงปั๊มก็ไปเติมให้
จึงได้เก็ททันที ว่า.. น้ำมัน 1 ลิตรน่ะ มันราคา 20,000 กว่าดอง หรือประมาณ 30 บาท แต่จอราคาตรงตู้ปั๊ม มันไม่เติม 0 เพิ่มอีกตัว
เราเลยเข้าใจว่า ลิตรละ 2,000 กว่าดอง (3 บาทนะนั่น) 55
แล้วแก ทำมายยยย..ไม่เติม 0 ฮ่าๆๆ พวกฉันก็เพิ่งมา..ยัง งงๆ กับค่าเงินอยู่ ถ้าคิดจริงๆ แล้ว 2,000 กว่าดอง มันก็แค่ 3 บาทเองนะ
เราเติม 20,000 ดอง (30 บาท) มันจะไปได้ 8 ลิตร ได้ยังไง ปั๊ดโธ่....!! 555
สรุปว่า.. การที่เช่ามอเตอร์ไซค์ ออกไปนั้น นอกจากจะฝ่าสายฝนแล้ว ยังขับหลงกันเป็นว่าเล่น
คนบอกทางเขาบอก.. มันตก Map แล้ว ขับออกนอกแผนที่โรงแรม ไปเลยจ้าา..าา 55
สุดท้าย..หลังจากขับหลง ถามไถ่คนแถวนั้นอยู่นานจึงกลับโรงแรมได้ แล้วมาซื้อขนมปังเวียดนามกินกันที่หน้าโรงแรม
เอ้าๆๆ..!! แล้วจะขี่ออกไปทำไมกันนะ.. เดินข้ามถนนไป ก็ซื้อกินได้แล้วว วว 555
พอพักกินขนมปังอิ่ม.. ตกเย็นมา เราจึงลองขับมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกันอีกรอบ
และหลงไปเจอ สถานีรถไฟดาลัดโดยบังเอิญ เป็นอาคารรูปทรงเก่าๆ แต่ปัจจุบันยังใช้งานอยู่นะคะ